PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันจันทร์ที่ 28 พฤษภาคม พ.ศ. 2561

ปฏิบัติการ ‘บุกรวบ’ ‘พุทธะอิสระ’ พ้นสงฆ์ กลับคืนสู่ฆราวาส

ปฏิบัติการ ‘บุกรวบ’ ‘พุทธะอิสระ’ พ้นสงฆ์ กลับคืนสู่ฆราวาส


มีคอมมานโดถึง 100 นาย บุกรวบตัวคามุ้ง นำมาซึ่งเสียงวิพากษ์วิจารณ์เซ็งแซ่ถึงความเหมาะสม
แม้ บิ๊กสีกากีŽ ออกมายืนยันว่า นี่คือ ยุทธวิธีŽ การบุกจับกุม ถูกต้องแต่อาจ
ไม่ถูกใจŽ แต่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ได้ออกมาขอโทษกับการ ปฏิบัติการŽ ของตำรวจกองปราบฯ
มูลเหตุที่พนักงานสอบสวน บก.ป.ตั้งข้อกล่าวหาพุทธะอิสระ อดีตแกนนำ กปปส. เวทีแจ้งวัฒนะนั้นคือ อั้งยี่ ซ่องโจร ร่วมทำร้ายร่างกายตำรวจสันติบาล 2 นาย
บาดเจ็บและบาดเจ็บสาหัส และคดีแอบอ้างเบื้องสูง
ตามคำร้องฝากขังของพนักงานสอบสวน บก.ป. ที่ระบุพฤติกรรมความผิด สรุปได้ว่า
เมื่อวันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2557 ร.ต.ต. สมคิด เชยกมล และ ด.ต.วชิรพงศ์ อุ่นนวลบุรพงศ์ และ ร.ต.ต.สงวน คมขาว เจ้าหน้าที่ตำรวจสันติบาลประจำ จ.นนทบุรี รับคำสั่งให้สืบสวนหาข่าวม็อบชาวนาที่หน้ากระทรวงพาณิชย์ จ.นนทบุรี ทั้งหมดแต่งกายนอกเครื่องแบบ เมื่อม็อบชาวนาเดินทางจากหน้ากระทรวงพาณิชย์เพื่อไปยื่นหนังสือถึงอัยการสูงสุดที่ศูนย์ราชการ ถนนแจ้งวัฒนะ เพื่อดำเนินคดีโครงการจำนำข้าว ตำรวจทั้งสามก็เดินทางมากับม็อบชาวนาด้วย
ขณะนั้น พระสุวิทย์Ž กับพวกได้ยึดพื้นที่ชุมนุมบริเวณดังกล่าวอยู่แล้ว
ภายหลังยื่นหนังสือเสร็จ ตำรวจสันติบาลทั้ง 3 นาย เดินทางกลับมาที่ลานจอดรถ ปรากฏว่ามีกลุ่มการ์ดของผู้ต้องหา 3-4 คน เดินเข้ามาขอดูโทรศัพท์ ด.ต.วชิรพงศ์ โดยทราบว่าเป็นเจ้าหน้าที่นอกเครื่องแบบ จากนั้นร่วมกันทำร้ายร่างกายจับมัดมือไพล่หลัง ใช้ผ้าปิดตา กลุ่มการ์ดยังวิ่งไปหา ร.ต.ต.สมคิด แล้วร่วมกันทำร้ายเช่นเดียวกัน
ขณะที่ ร.ต.ต.สงวนหลบหนีไปได้ กลุ่มการ์ดได้ค้นตัว ร.ต.ต.สมคิด และ ด.ต.วชิรพงศ์ เอาโทรศัพท์มือถือ, นาฬิกา, สร้อยคอพร้อมพระไป และพาทั้งสองไปข้างเวที กปปส. ถนนแจ้งวัฒนะ บังคับให้ตอบคำถามกับบอกรหัสปลดล็อกหน้าจอโทรศัพท์ และยังทำร้ายเตะต่อยที่ใบหน้า, ศีรษะ, ลำตัว ก่อนใช้ถุงคลุมศีรษะแล้วรัดปากถุงกับลำคอ เพื่อให้ขาดอากาศหายใจ
ต่อมา ผู้บังคับบัญชาของทั้ง 3 นาย ได้แจ้งให้ตำรวจ สน.ทุ่งสองห้อง ติดต่อกับ พระพุทธะอิสระŽ ให้ปล่อยตัว แต่ผู้ต้องหากลับแจ้งให้ตำรวจไปพบที่บ้านทรงไทย ตรงข้ามกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) โดยให้หัวหน้าการ์ดกลุ่มฉลามขาว การ์ดประจำตัวพระแกนนำ กปปส. มารอรับที่หน้าบริษัท กสท โทรคมนาคม
จากนั้นนำไปเต็นท์หลังเวทีปราศรัยอยู่ห่างจากบ้านทรงไทยประมาณ 100 เมตร พระพุทธะอิสระŽ ใช้วิทยุสื่อสารติดต่อกับบุคคล โดยสอบถามว่าตำรวจสันติบาล 2 คน ยังอยู่หรือไม่ แล้วบอกว่าสารวัตรสืบประสานขอรับตัวกลับ ซึ่งพระแกนนำผู้ชุมนุมหันมาบอกว่าจะปล่อยให้กลับอยู่แล้ว แต่ให้ผู้บังคับบัญชาของตำรวจทั้ง 2 นาย ไปรับเอง
เป็นเวลา 3-4 ชั่วโมง ที่กลุ่มการ์ดผลัดเปลี่ยนกันซักถามและทำร้ายร่างกายตำรวจสันติบาลทั้ง 2 นาย ก่อนปล่อยตัวกลุ่มการ์ดได้ใช้ผ้าเย็นเช็ดใบหน้าและลำตัวพร้อมทั้งทาแป้งเพื่อลบรอยบาดแผล พร้อมทั้งให้ ร.ต.ต.สมคิดกล่าวคำสาบานว่า จะไม่เอาผิดกลุ่มการ์ด กปปส. และนำ ร.ต.ต.สมคิดและ ด.ต.วชิรพงศ์ ไปพบพระพุทธะอิสระ โดยให้นั่งลงกับพื้น ซึ่งแก้มัดที่มือออกแล้วแต่ยังให้ปิดตาไว้ พร้อมกำชับว่าอย่าวิ่งหนี ถ้าหนีจะโดนลูกปืน
พระพุทธะอิสระŽ ได้ซักถามนายตำรวจทั้งสองต่อหน้าสื่อมวลชนประมาณ 30 นาที มีการเผยแพร่ทั้งภาพนิ่ง-วิดีโอลงยูทูบกับเว็บไซต์ข่าวหลายสำนัก จากนั้นผู้บังคับบัญชาของตำรวจทั้งสองนายเดินทางมารับลูกน้อง เพื่อถูกส่งไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลตำรวจ

ผลการตรวจร่างกาย พบว่า ร.ต.ต.สมคิดมีแผลฟกช้ำใบหน้าและกลางอก, บาดแผลฉีกขาดริมฝีปาก, เยื่อแก้วหูฉีกขาดทั้ง 2 ข้าง, กระดูกซี่โครงขวาด้านหลังหัก และตับฉีกขาด ใช้เวลารักษานาน 6 สัปดาห์ ส่วน ด.ต.วชิรพงศ์ได้รับบาดเจ็บแผลถลอกหน้าผากขวา 3X4 ซม., แผลฟกช้ำตามร่างกายหลายแห่ง และโหนกแก้มซ้าย คางซ้าย ฟันซ้ายล่างหักบิ่น และฟกช้ำกลางอก ต้นแขนขวา และถูกยึดทรัพย์สินอีกหลายรายการ รวมมูลค่า 60,900 บาท เป็นความผิด
เหตุเกิดที่ แขวงทุ่งสองห้อง เขตหลักสี่ กทม.
ส่วนอีกคดี ย้อนที่มา เมื่อวันที่ 10 เมษายน 2560 นายวิชัย ประเสริฐสุดสิริ ได้เข้าร้องทุกข์กล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวน กก.5 บก.ป. ให้ดำเนินคดีกับพระพุทธะอิสระที่นำอักษรพระปรมาภิไธย ภปร และอักษรพระนามาภิไธย สก มาประดิษฐานหลังองค์พระเครื่องโดยไม่ได้รับพระราชทานพระบรมราชานุญาต
นายวิชัยได้ตรวจพบทางเว็บไซต์ว่า พระเครื่องดังกล่าวมีการสร้างเมื่อช่วงเข้าพรรษาปี 2554 บรรจุปรอทเมื่อวันที่ 15 สิงหาคม 2554 ซึ่งถือว่าเป็นวันที่สร้าง
พระสำเร็จ ผู้กล่าวหาเห็นว่าการกระทำดังกล่าวไม่ชอบด้วยกฎหมาย จึงร้องทุกข์ให้ดำเนินคดีฐานหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ, ปลอมขึ้นซึ่งพระปรมาภิไธย และใช้พระปรมาภิไธยที่มีการปลอมขึ้น ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112, 250, 252
ต่อมา มีการสอบสวนพยานบุคคลพร้อมทั้งตรวจสอบไปยังสำนักพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ยืนยันตรงกันว่า ไม่ได้รายงานขอพระราชทานพระบรมราชานุญาตตามกฎระเบียบของมหาเถรสมาคม และจากการสอบสวนพยานบุคคลเจ้าหน้าที่ กรมราชเลขานุการในพระองค์ ยืนยันว่าพระพุทธะอิสระไม่ได้ขออนุญาตใช้พระปรมาภิไธยย่อ และอักษรย่อพระนามาภิไธย ตามพฤติการณ์และพยานหลักฐาน ยืนยันได้ว่าเป็นผู้สร้างพระนาคปรก อุดปรอท รุ่นหนึ่งในปฐพี โดยไม่ได้รับพระราชทานพระบรมราชานุญาตให้เชิญอักษรพระปรมาภิไธยและอักษรพระนามาภิไธยย่อไปประดิษฐานหลังองค์พระเครื่องดังกล่าว
เหตุเกิดที่วัดอ้อน้อย ต.ห้วยขวาง อ.กำแพงแสน จ.นครปฐม ระหว่างต้นปี 2554-15 สิงหาคม 2554
จึงแจ้งข้อหาฐาน ปลอมขึ้นซึ่งพระปรมาภิไธยและใช้พระปรมาภิไธยที่มีการปลอมขึ้นŽ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 250, 252
ในชั้นสอบสวน พระสุวิทย์Ž ขณะนั้น ให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา
ทั้ง 2 กรณี คือที่มาของข้อหาซึ่งนำไปสู่ปฏิบัติการจับกุม ฝากขัง กระทั่งศาลไม่อนุญาตให้ประกันตัวจึงต้องสึก
เปลี่ยนสถานะของพระพุทธะอิสระให้กลับคืนสู่ฆราวาส

ไม่มีความคิดเห็น: