PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันจันทร์ที่ 6 สิงหาคม พ.ศ. 2561

ผ่าโจทย์ชี้ขาดเลือกตั้งหลัง คสช.ยึดอำนาจ 5 ปี : เอาใจปากท้อง ชิงประชาชน

ผ่าโจทย์ชี้ขาดเลือกตั้งหลัง คสช.ยึดอำนาจ 5 ปี : เอาใจปากท้อง ชิงประชาชน




เป็นรอบสัปดาห์ที่เต็มไปด้วยคดีสะเทือนขวัญ พฤติกรรมการใช้ความรุนแรง
ทั้งคดีเสี่ยบาร์ภูเก็ตวางแผนฆ่าสาวสวยพร้อมเพื่อนชาย คดีฆ่าอำพรางสาวตกรถเทรเลอร์ คดีลูกน้องชายคนสนิทใช้ไม้เบสบอลฆ่าไฮโซสาววงการอสังหาริมทรัพย์
ข่าวอาชญากรรมยึดพื้นที่ข่าวรายวัน
ก่อบรรยากาศหดหู่ในหมู่ผู้คนในสังคมไทยสลดใจฆ่ากันเหมือนผักปลา
ขณะที่ปัญหาตกค้างทางการเมือง เรื่องของวิกฤติความขัดแย้งครั้งรุนแรงของประเทศที่ลากยาวมากว่า 10 ปี จวบจนวันนี้ก็ใกล้ครบเทอมรัฐบาลอำนาจพิเศษ ภายใต้การนำของ “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี หัวหน้า คสช.
โดยเงื่อนไขสถานการณ์จ่อเข้าโหมดเลือกตั้ง
ตามจังหวะล่าสุด ได้ตัวว่าที่ประธานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) คนใหม่ถอดด้าม คือนายอิทธิพร บุญประคอง อดีตอธิบดีกรมสนธิสัญญาและกฎหมาย 1 ใน 5 กกต.ที่ได้รับการโหวตจากที่ประชุม สนช.
ทำการเลือกกันเองในหมู่ 5 เสือ กกต.ที่ยังไม่ครบ 7 คน
กำลังเดินไปสู่ขั้นตอนในการนำขึ้นทูลเกล้าฯ เพื่อให้ กกต.ชุดใหม่ปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมาย
พร้อมเป็นหน่วยหลักในการจัดการเลือกตั้งตามโรดแม็ป
ตามอาณัติสัญญาณแบบที่ พล.อ.ประยุทธ์ ย้ำเสียงดังฟังชัดอีกครั้งบนเวทีฉลองครบรอบ 72 ปีหนังสือพิมพ์บางกอกโพสต์ อย่างไรเสีย ปีหน้า 2562 ก็ต้องมีการเลือกตั้ง
เว้นแต่มันจะตีกันจนเลือกตั้งไม่ได้
โดยหมายเหตุของ “บิ๊กตู่” ตั้งใจย้อนภาพให้กลับไปดูเมื่อการเลือกตั้งคราวก่อนก็ตีกันมาครั้งหนึ่งแล้ว ตอนที่อดีตนายกฯยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ประกาศยุบสภา พรรคประชาธิปัตย์ บอยคอตเลือกตั้ง แล้วก็เป็น “ลุงกำนัน” นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ที่นำม็อบ กปปส. ป่วนล้มเลือกตั้ง
ถึงวันนี้ผ่านมา 5 ปีกว่า มันก็ยังมีหัวเชื้อเก่าแฝงอยู่
คู่ขัดแย้งก็ยังเป็นคนหน้าเก่าหน้าเดิม
ตามเค้าลางจากปรากฏการณ์ขับเคลื่อนกระแสของ 2 พี่น้อง
2 ช็อตต่อเนื่อง จากอีเวนต์วันเกิดพร้อมฉลองวีซ่าการพักอาศัยในถิ่นเมืองผู้ดีของน้องสาว อดีตนายกฯยิ่งลักษณ์ ชินวัตร มาถึงคิวอีเวนต์วันเกิดครบรอบปีที่ 69 ของพี่ชาย อดีตนายกฯทักษิณ ชินวัตร ที่จัดใหญ่จัดเต็มกลางมหานครลอนดอน ประเทศอังกฤษ ท่ามกลางทีมงานสายตรงแห่บินไปร่วมแฮปปี้เบิร์ธเดย์
“นายใหญ่” ได้เหลี่ยมปราศรัยย่อยกลางวงเป่าเค้ก ด่ารัฐบาล คสช. กัดจิกทหาร “กระโปรงลายพราง”
“น้องปู” พาลูกน้องแก๊งไอติมไปกินไอศกรีมร้านหรู ถ่ายคลิปมาอวดกองเชียร์
“ทักษิณ–ยิ่งลักษณ์” ออกฤทธิ์ อวดชีวิตแฮปปี้
เย้ยฝ่ายคุมเกมอำนาจในเมืองไทย
ในสถานการณ์ไล่เลี่ยกันเลย กับการที่สำนักข่าวบีบีซี
ไทยรายงานว่าสถานเอกอัครราชทูตไทยในสหราชอาณาจักรได้ส่งจดหมายลงวันที่ 5 กรกฎาคม 2561 ไปที่กระทรวงการต่างประเทศของอังกฤษ
เพื่อร้องขอต่อทางการอังกฤษ โดยอ้างสนธิสัญญาระหว่างสหราชอาณาจักรและสยามปี 1911 ให้ส่งตัว น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กลับมารับโทษคดีทุจริตจำนำข้าวในประเทศไทย
ภายใต้เครื่องหมายคำถาม ฝ่ายใดเปิดจดหมายลับออกมา
เพราะนายดอน ปรมัตถ์วินัย รมว.ต่างประเทศ ก็ปฏิเสธไม่ทราบเรื่อง ยังไม่ได้รับรายงาน แจกแจงเป็นการดำเนินการตามขั้นตอนปกติของสถานทูต
ที่แน่ๆในสถานการณ์ต่อเนื่องพอดิบพอดีกับการโยงฉากการชิงพื้นที่ข่าวกระแสมันเข้าเหลี่ยม “ทักษิณ”
กระตุกคะแนนสงสาร “น้องปู” เต็มๆ
ตามรูปการณ์ที่มองได้ว่า อดีตผู้นำ 2 พี่น้องถูกอำนาจพิเศษในเมืองไทยกดดัน
และนั่นยังโยงไปถึงกระบวนการขุดเรื่องเก่ามาเล่าใหม่ กับช็อตนายนคร มาฉิม อดีต ส.ส.พิษณุโลก พรรคประชาธิปัตย์ เปิดปฏิบัติการเผาบ้านเก่า เข้าบ้านใหม่ แฉขบวนการสมคบคิดล้มรัฐบาลไทยรักไทย
ต่อเนื่องมาถึงรัฐบาลเพื่อไทย โดยกระบวนการยุติธรรมและอำนาจทางทหาร
ที่สำคัญมีพรรคประชาธิปัตย์ร่วมแจมอยู่ด้วย
ตอกย้ำสถานะของฝ่าย “ทักษิณ” ที่โดนรุมสกรัมจากอำนาจพิเศษ เหยื่อสหบาทาพวกอิงแอบเผด็จการ
ประกอบกับจังหวะการเปิดข่าวเซอร์ไพรส์ผ่านสื่อค่ายพันธมิตรฯ “ทักษิณ” เตรียมผลักดันนายยศชนัน วงศ์สวัสดิ์ บุตรคนโตของนายสมชาย และ “เจ๊แดง” นางเยาวภา วงศ์สวัสดิ์ เป็นหัวหน้าพรรคเพื่อไทยคนใหม่ พร้อมให้ “ลูกเขยนายใหญ่” คือนายณัฐพงศ์ คุณากรวงศ์ สามีของ “เอม” พินทองทา ชินวัตร เป็นตัวจักรในการสร้างเครือข่ายนักธุรกิจคนรุ่นใหม่ในค่ายเพื่อไทย
วางหมากดันคนรุ่นใหม่ตระกูลชินเป็นนอมินีรุ่นสาม
ตามอารมณ์ “นายใหญ่” มั่นใจเป้าหมายเพื่อไทยชนะแบบหิมะถล่ม ทลาย
ไล่ตามปรากฏการณ์ มันก็เห็นภาพชัด “ทักษิณ” ใช้อีเวนต์วันเกิดเปิดโหมดสู้ คสช. ตามฟอร์มที่พรรคเพื่อไทยวางพล็อตไว้ ยังไงก็หนีไม่พ้นมุก “วัดใจ” ประชาชนเลือกตั้งรอบต่อไปจะเลือกใคร
ระหว่างฝ่ายหนุน “ลุงตู่” อิงเผด็จการทหาร กับพรรคเพื่อไทยที่เป็นฝ่ายประชาธิปไตย
แต่นั่นก็เป็นอะไรที่ทหารก็รู้ทันเหลี่ยมกันดี
สถานการณ์แบบที่ “บิ๊กตู่” พยายามเลี่ยงพูดถึง ไม่หลงกลร่วมวงแห่อีเวนต์วันเกิดของ 2 พี่น้อง
กระตุ้นเรตติ้ง เรียกคะแนนสงสาร
อาการแบบที่ “ไก่อู” พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกรัฐบาล บอกว่า คสช.ได้ก้าวข้าม “ทักษิณ” ไปแล้ว
ตามแนวโน้มที่สังเกตได้ รัฐบาลมุ่งเน้นไปที่โหมดบริหารแฝงเหลี่ยมตุนแต้มการเมืองมากกว่า
ภายใต้การกำกับเกมของโคตรเซียนการตลาดอย่างนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกฯ กัปตันทีมเศรษฐกิจรัฐบาล สั่งเดินหน้าอัดฉีดมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจฐานราก
“ปล่อยของ” อัดโปรโมชันกันถี่ยิบแบบรายสัปดาห์
ไล่มาจากที่ประชุม ครม.สัญจรจังหวัดอุบลราชธานี อัดฉีดงบฯ 9.7 หมื่นล้านบาท อุดหนุนมาตรการดูแลข้าวปี 2561/62 กำหนดราคาจำนำยุ้งฉางและช่วยเหลือเก็บเกี่ยวปรับปรุงคุณภาพข้าว ดันตัวเลขข้าวหอมมะลิขึ้นไปอยู่ที่ตันละกว่า 17,000 บาท ลดหลั่นกันลงมากับข้าวเปลือกเหนียว ข้าวหอมปทุมธานี
ต่อเนื่องกับที่ประชุม ครม.สัปดาห์ล่าสุดได้อนุมัติงบฯ 1.6 หมื่นล้านบาท ชดเชยดอกเบี้ยโครงการพักชำระหนี้เกษตรกร 3 ปี ครอบคลุมกลุ่มเป้าหมายเกษตรกร 3.81 ล้านครัวเรือน
ไล่ๆกันมา “นายกฯลุงตู่” เป็นประธานกดปุ่มเปิดโครงการประชารัฐสวัสดิการกับการพัฒนาเศรษฐกิจฐานราก อำนวยความสะดวกให้ผู้ใช้บัตรคนจนได้ซื้อสินค้าราคาถูก ผ่านระบบที่ง่ายคล่องมือทั้งผู้ซื้อผู้ขาย
ยังไม่นับคิวต่อไปในรอบสัปดาห์หน้า กระทรวงการคลังจ่อเสนอ ครม.เพิ่มสิทธิผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ใช้สิทธิ 30 บาทรักษาทุกโรคฟรี ตั้งแต่เดือนกันยายนนี้
เป้าหมายยกระดับคุณภาพชีวิตผู้มีรายได้น้อย 11 ล้านคนที่ถือบัตรสวัสดิการประชารัฐ
ตามธงยุทธศาสตร์ลดความเหลื่อมล้ำ พาประเทศ ไทยหลุดกับดักความยากจน
ทีมหนุน “ลุงตู่” บริหารเศรษฐกิจไปพร้อมๆกับแก้โจทย์เลือกตั้ง
โดยเฉพาะการอัดฉีดสภาพคล่องเศรษฐกิจฐานราก เติมเต็มช่องโหว่ปัญหาปากท้อง
เสริมภาพรวมทางเศรษฐกิจที่ติดลมบน ยืนยันด้วยตัวเลขอย่างเป็นทางการของกระทรวงการคลังที่ปรับประมาณการตัวเลขเศรษฐกิจไทย (จีดีพี) ในปี 2561 เพิ่มขึ้นเป็น 4.5 เปอร์เซ็นต์ สอดคล้องกับธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ก็สำทับเศรษฐกิจไทยเติบโตต่อเนื่อง

เทียบกับลมปากนักการเมือง

เพื่อไทย ประชาธิปัตย์ ที่ท่องบทเศรษฐกิจไม่ดี โจมตีดิสเครดิตรัฐบาล
มาถึงตรงนี้ ทีมงาน “ลุงตู่” ได้เปรียบเต็มๆ
กับมาตรการอุ้มปากท้องที่เห็นตรงหน้าและสัมผัสได้ ภายใต้โปรโมชันที่ “สมคิด” จัดให้
นั่นไม่เท่ากับโครงสร้าง 3 เสาหลักที่เริ่มแน่นขึ้นทุกขณะ
เสาแรก “นายกฯลุงตู่” ยึดสถานการณ์ความมั่นคง ทำให้บ้านเมืองสงบ ปลอดจากม็อบป่วนเมือง
เสาที่สองความก้าวหน้าทางเศรษฐกิจ ภายใต้การวางยุทธศาสตร์ของสมคิด ดันเมกะโปรเจกต์จำนวนมากเกิดในยุครัฐบาลนี้ ทำให้ภาพรวมเศรษฐกิจติดลมบน ยืนยันด้วยตัวเลข ส่วนฐานรากก็กำลังเติมเต็มให้เข้มแข็งตามเป้าหมายลดความเหลื่อมล้ำ เพื่อความยั่งยืนในระยะยาว

เสาที่สามคือสภาพสังคมที่เข้มแข็งภายใต้ยุทธศาสตร์ประชารัฐ ประชาชน เอกชน รัฐบาล
ตามสภาพการณ์หลังยึดอำนาจผ่านมา 5 ปี ทีมงาน “ลุงตู่” ที่มีตัวช่วยสำคัญอย่าง “สมคิด”
เคลียร์โจทย์ชี้ขาดเลือกตั้งได้ระดับหนึ่ง
และกับโจทย์สำคัญที่รู้ล่วงหน้า เพื่อไทยกับประชาธิปัตย์ต้องชูมุก “ล้มทหาร” เลือกประชาธิปไตย
มันก็เป็นอะไรที่แก้ได้ด้วยสถานการณ์ตรงหน้า ทีมหนุน พล.อ.ประยุทธ์แย้งได้เต็มปาก ภายใต้รัฐบาล “นายกฯลุงตู่” ประเทศกำลังไปได้ดี บ้านเมืองสงบ การพัฒนาเศรษฐกิจต่อเนื่อง
เป็นเรื่องที่ชาวบ้านคิดตามง่ายๆ เทียบกับการเลือกนักการเมืองประชาธิปัตย์ เพื่อไทย กลับไปตีกัน
เสี่ยงลากประเทศกลับสู่กลียุค.
“ทีมการเมือง”

ไม่มีความคิดเห็น: