PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันพฤหัสบดีที่ 9 สิงหาคม พ.ศ. 2561

เสือข้ามห้วย

เสือข้ามห้วย



ที่ประชุม ครม.มีมติแต่งตั้ง นายกุลิศ สมบัติศิริ อธิบดีกรมศุลกากร กระทรวงการคลังกระโดดค้ำถ่อข้ามห้วยไปเป็นปลัดกระทรวงพลังงานคนใหม่
เสียบแทน นายธรรมยศ ศรีช่วย ปลัดกระทรวงพลังงานคนปัจจุบันที่จะเกษียณอายุราชการสิ้นเดือนกันยายน
นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รมว.คลัง ยอมรับว่ากระทรวงพลังงานได้ติดต่อขอตัว “นายกุลิศ” อธิบดีกรมศุลกากร ให้ข้ามห้วยไปเป็นปลัดกระทรวงพลังงาน เนื่องจากเป็นคนเก่ง โปร่งใส เหมาะสมตรงสเปกร้อยเปอร์เซ็นต์
ทางกระทรวงการคลังจึงรีบห่อผูกโบส่งให้ตามที่ขอมา
นายกุลิศ จึงกลายเป็นเสือข้ามห้วยเรียบร้อยไปอีกราย
“แม่ลูกจันทร์” กราบเรียนว่าถ้าเป็นยุครัฐบาลเลือกตั้ง การโยกย้ายข้ามห้วยระดับปลัดกระทรวงต้องเป็นเรื่องวุ่นวายใหญ่โตมโหฬาร
ยุครัฐบาลยิ่งลักษณ์ โยกย้าย “นายถวิล เปลี่ยนศรี” จากเลขาธิการสภาความมั่นคงไปเป็นที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีคนเดียว
โดนศาลรัฐธรรมนูญเช็กบิลตกเก้าอี้ยกเข่งทั้ง ครม.!!
แต่ในยุค คสช.สามารถโยกย้ายปลัดกระทรวงข้ามห้วยกันอย่างสะดวกโยธิน
ล่าสุด เมื่อต้นเดือนเมษายน รัฐบาลสั่งย้าย “นายสมชัย สัจจพงษ์” ปลัดกระทรวงการคลัง ข้ามห้วยไปเป็นเลขาธิการสภาพัฒน์
และย้าย “นายปรเมธี วิมลศิริ” เลขาธิการสภาพัฒน์ข้ามห้วยไปเป็นปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมฯ
ปรากฏว่า นายสมชัย ใจเด็ดยื่นใบลาออกจากราชการทันที
ถือว่า นายสมชัย เป็นคนแรก ที่กล้าปฏิเสธคำสั่งย้ายข้ามห้วยด้วยการยอมไขก๊อกลาออกเสียเอง
“แม่ลูกจันทร์” ไม่มีเวลาเช็กข้อมูลย้อนหลังว่า ยุครัฐบาล คสช.โยกย้ายปลัดกระทรวงข้ามห้วยไปแล้วกี่คน??
แต่เท่าที่จำได้มีเสือข้ามห้วยหลายรายเช่น...ย้าย นายอารีพงศ์ ภู่ชอุ่ม จากปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวฯข้ามห้วยไปเป็นปลัดกระทรวงพลังงาน
ย้าย นายพงษ์ภาณุ เศวตรุนทร์ รอง ปลัดกระทรวงการคลัง ข้ามห้วยไปเป็นปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวฯ
ย้าย นายไมตรี อินทสุต รองปลัดมหาดไทย ข้ามห้วยไปเป็นปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมฯ
ย้าย นายธีรภัทร ประยูรสิทธิ อธิบดีกรมป่าไม้ กระทรวงทรัพยากรฯ ข้ามห้วยไปเป็นปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ฯลฯ
เรียกว่าย้ายข้ามห้วยกันระเบิดเถิดเทิง
“แม่ลูกจันทร์” ไม่ได้คัดค้านการโยกย้ายข้ามห้วยสุดลิ่มทิ่มประตู
ถ้ามีความจำเป็นหลีกเลี่ยงไม่ได้จริงๆ จะย้ายข้ามห้วยนานๆ ครั้งก็ยังโอเค
แต่ก่อนจะย้ายข้ามห้วยทุกครั้ง ควรคิดถึงความรู้สึกของข้าราชการที่ถูกย้ายข้ามห้วย และข้าราชการที่โดนเสือข้ามห้วยแซงคิวด้วยนะคุณ
เช่น นายกุลิศ อธิบดีกรมศุลกากร เป็นลูกหม้อกระทรวงการคลัง
นายกุลิศ ย่อมปรารถนาจะเจริญก้าวหน้าขึ้นเป็นปลัดกระทรวงการคลังมากกว่าเป็นเสือข้ามห้วยไปเป็นปลัดกระทรวงพลังงาน
ส่วนรองปลัดกระทรวง และอธิบดีกรมต่างๆ ซึ่งเป็นลูกหม้อกระทรวงพลังงานย่อมมุ่งหวังจะไต่เต้าขึ้นเป็นปลัดกระทรวงพลังงานเช่นเดียวกัน
เมื่ออยู่ดีๆ มีอธิบดีจากกระทรวงอื่นแซงคิวมาซิวเก้าอี้ปลัดกระทรวงพลังงาน ก็เท่ากับปิดกั้นการเจริญก้าวหน้าของลูกหม้อกระทรวงพลังงานทั้งขบวน
ข้อสำคัญ การอุ้มอธิบดีกระทรวงอื่นสะเวิ้ปมาเป็นปลัดกระทรวงพลังงาน
แสดงว่าคนในกระทรวงพลังงาน ไม่มีใครเหมาะสมที่จะขึ้นเป็นปลัดกระทรวงแม้แต่คนเดียว
โอ้แม่เจ้า...มันน่าน้อยใจซะนี่กระไร.
“แม่ลูกจันทร์”

ไม่มีความคิดเห็น: