PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันจันทร์ที่ 10 กันยายน พ.ศ. 2561

กรุยทางชนะเลือกตั้งใหญ่ : รื้อโครงสร้างพรรคตอบโจทย์การเมืองใหม่

กรุยทางชนะเลือกตั้งใหญ่ : รื้อโครงสร้างพรรคตอบโจทย์การเมืองใหม่



นำพรรคเพื่อไทยคนใหม่จะเป็นคนในตระกูลชินวัตร-ดามาพงศ์-วงศ์สวัสดิ์ หรือ “ชิน-ดา-วงศ์” ในจังหวะนี้ “สมชาย วงศ์สวัสดิ์” ยังมาเป็นเต็งหนึ่ง
หรือจะเป็นคนนอก อย่าง “คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์-จาตุรนต์ ฉายแสง-โภคิน พลกุล-ชัชชาติ สิทธิพันธุ์” และยังมีรายชื่อบางท่านบางนามที่ไม่ธรรมดา ระดับท็อปเดอะซีเคร็ตโผล่ขึ้นมาในห้วงหัวเลี้ยวหัวต่อ
“ผู้นำพรรคจะเป็นใครก็ต้องปรับโครงสร้างพรรครองรับ เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของประชาชน” นายโภคิน พลกุล อดีตประธานรัฐสภาและแกนนำพรรคเพื่อไทย บอกผ่าน ทีมข่าวการเมือง
พร้อมย้ำให้เห็นภาพการปฏิรูปพรรค เท่าที่ได้คุยกับรักษาการคณะกรรมการบริหาร ผู้ใหญ่ของพรรคและบรรดาสมาชิกในหลายโอกาส ทุกคนต้องการให้เป็นสถาบันการเมือง เปิดประตูกว้างให้ประชาชนเข้ามาร่วมในรูปของสมาชิก การช่วยทำงาน หรือเข้ามาเป็นผู้สนับสนุนหลากหลายรูปแบบ
ที่ผ่านมาเราพูดถึงการปฏิรูปการเมือง ก่อนได้รัฐธรรมนูญ 2540 มีหลักการใหม่ๆเยอะแยะไปหมด จนถึงปัจจุบันมีการปฏิรูป มียุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ไม่นับแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ แผนระดับชาติว่าด้วยความมั่นคง รัฐบาลจะต้องทำสิ่งเหล่านี้เต็มไปหมด ทำให้เกิดความสับสนอลหม่าน ไม่ตอบโจทย์ปฏิรูปประเทศ ทั้งหมดเกิดจากฝ่ายกำหนดกติกาไม่ยึดมั่นในระบอบประชาธิปไตย
หลายอย่างที่กำหนดขึ้น บางทีเป็นแค่ข้ออ้างของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ชอบบอกว่าการเมืองและนักการเมืองไม่ดี จึงเข้ามาจัดระเบียบ
จากประสบการณ์การเมืองกว่า 20 ปี นักการเมืองมีทั้งข้อดีและข้อเสีย คนที่ไม่ใช่นักการเมืองไม่มีทางไปสู้นักการเมืองได้ เพราะกว่าจะผ่านด่านประชาชนเลือกจนได้เป็น ส.ส. ต้องเป็นคนเข้าใจหัวอกหัวใจชาวบ้าน ดูแลใส่ใจตั้งแต่เรื่องส่วนตัว และเอาปัญหาของชาวบ้านไปกำหนดเป็นนโยบายออกเป็นมาตรการต่างๆลงไปช่วยเหลือยิ่งปัจจุบันยังห้ามทำกิจกรรมทางการเมือง จะเลือกตั้งอยู่แล้วพรรคการเมืองก็ทำนโยบายไม่ได้ จะคลายล็อกให้ทำได้แค่ประชุมพรรค ทำข้อ บังคับพรรคใหม่ เลือกกรรมการบริหาร เลือกหัวหน้าพรรค โดยไม่เปิดให้ลงพื้นที่พบประชาชน เพื่อรับทราบปัญหานำมากำหนดเป็นนโยบาย
โลกวันนี้เปลี่ยนแปลงไปมาก ถ้าอยากให้พรรคการเมืองตอบโจทย์ประชาชน
ต้องปลดล็อกโดยไม่ต้องกังวลว่านักการเมืองจะสร้างปัญหาหรือทะเลาะกัน
หากไม่มีกติกาเหล่านี้ ปล่อยฟรีสไตล์เราก็จำเป็นจะต้องปฏิรูปตัวเองอยู่แล้ว เพื่อเข้าไปนั่งอยู่ในหัวใจของประชาชนเหมือน 15 ปีที่แล้ว แต่วันนี้ประชาชนเปลี่ยน เราก็ต้องเข้าใจว่าการตั้งพรรคการเมืองขึ้นมาใหม่ ต้องมีบุคลากรนำตั้งแต่หัวหน้าพรรคจากคนที่แข็งแกร่ง เป็นผู้ที่มีชื่อเสียง มีเกียรติคุณเป็นที่ยอมรับของสังคมในระดับที่พอสมควร แล้วค่อยเป็นระบบพรรคเปิดกว้างในรูปแบบคณะบุคคลมากขึ้นเรื่อยๆ
สมมติมีพรรคการเมืองที่ถูกหลายฝ่ายวิพากษ์ว่า ตั้งขึ้นมาเพื่อสนับสนุน คสช.หรือนายกฯคนปัจจุบัน อย่างน้อยท่านเป็นคนที่คนรู้จัก มีบารมี ส่วนประชาชนจะเลือกหรือไม่ เป็นอีกประเด็นหนึ่ง ถามว่าแบบนี้เป็นการปฏิรูปการเมืองหรือไม่ ทำไมเล่นการเมืองแบบโบราณล้าหลังอย่างนี้
เราต้องการให้พรรคใหญ่ปฏิรูปโดยไม่ตกอยู่ภายใต้อาณัติของคนบางคนหรือบางกลุ่ม เป็นพรรคเปิดกว้าง ก็สร้างระบบไพรมารีโหวตเพื่อเปิดให้ประชาชนมีส่วนร่วม เรื่องนี้พรรคใหญ่ๆทำอยู่แล้ว สมัยนี้ลองไปเลือกเอาคนที่ประชาชนไม่เอามาลงสมัคร ส.ส. ต่อให้กระแสพรรคดีขนาดไหนก็เสียหายโดยไม่จำเป็น
ฉะนั้นการปฏิรูปพรรคในเบื้องต้นจะทำอย่างไรให้เป็นสถาบันการเมือง ก็ดูจากคนที่เข้าร่วม ต้องหลากหลาย ยิ่งสังคมวันนี้มีคนรุ่นใหม่ 7 ล้านคน ไม่เคยเลือกตั้งในช่วง 6-7 ปี และมีคนสูงวัยเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ในปี 2579 จะมีสูงถึง 30 เปอร์เซ็นต์ของจำนวนประชากร ยังมีคนวัยทำงาน คนจน คนชั้นกลาง เป็นความหลากหลายของสังคม
พรรคการเมืองต้องทำงานหนักให้มากขึ้น เพื่อให้ตัวแทนทุกสัดส่วนของสังคมเข้ามาอยู่ในพรรค จะได้ตอบโจทย์สังคม หากไม่เน้นให้พรรคการเมืองทำงานอย่างนี้ แล้วใครจะทำ จะให้ทหารวางพื้นฐานให้หรือ ทหารเป็นกลไกของรัฐ เป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ ที่ต้องปฏิบัติตามคนที่มาใช้อำนาจรัฐ
ในส่วนของพรรคเพื่อไทยหลังได้พูดคุยก็ต้องปรับโครงสร้างอีกเยอะ เดิมมีสำนักงานหัวหน้าพรรค สำนักงานเลขาธิการพรรค วันนี้ต้องเพิ่มอีกเยอะ อาทิ สำนักงานสื่อสารการเมือง สำนักงานเครือข่ายและกิจกรรม สำนักงานเทคโนโลยีสารสนเทศ
มีคณะกรรมการบริหารประจำทุกสำนัก ทำหน้าที่เชิงนโยบายและวิชาการ มีผู้อำนวยการซึ่งมีความรู้ ความสามารถในด้านนั้นๆเป็นผู้บริหาร
เป็นการจัดองค์กรภายในให้ เปิดกว้าง เน้นการมีส่วนร่วมครอบคลุมทุกมิติ
จัดระบบการตัดสินใจในกิจกรรมต่างๆให้ฉับไว ทันต่อการเปลี่ยนแปลงสถานการณ์โลก
โดยเฉพาะยุคนี้เป็นโลกของการกระจายอำนาจ ยุคข้อมูลมหาศาลหรือเรียกว่าบิ๊กดาต้า ต้องใช้เทคโนโลยีเอไอวิเคราะห์ข้อมูล เพื่อได้คำตอบรวดเร็วและตอบโจทย์ทุกมิติของสังคม ผ่านการกำหนดนโยบาย และยังสามารถเชื่อมต่อกับแฟนคลับ สมาชิกพรรค ผู้สนับสนุนพรรคและประชาชน หากพรรคการเมืองไม่ทำอย่างนี้จะอยู่ได้อย่างไร
ไม่ใช่ไปคิดเองเออเองแบบระบบราชการ ที่สำคัญเราได้พูดถึงกฎหมายที่ออกตามอำเภอใจโดยใช้มาตรา 44 กฎหมายจำนวนมากออกโดยสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ขัดกับยุทธศาสตร์ชาติ และยังมีระเบียบต่างๆให้เจ้าหน้าที่เป็นศูนย์กลางอนุมัติใบอนุญาตต่างๆ ซึ่งเป็นต้นเหตุคอร์รัปชัน
เราบอกมาตลอดในยุทธศาสตร์ 20 ปี ระบบราชการไม่มีประสิทธิภาพ ใหญ่โต อุ้ยอ้าย
ระบบราชการในอนาคตต้องเล็ก มีประสิทธิภาพ ใช้เทคโนโลยีเอไอเข้ามาช่วย
ปัจจุบัน คสช.ทำตรงข้ามและยังล็อกพรรคการเมืองไม่ให้ทำกิจกรรม ล็อกกติกาต่างๆ เราก็ต้องเหนื่อย เพื่อตอบโจทย์โลกสมัยใหม่ ตอบโจทย์ความต้องการของประชาชนที่แตกต่างหลากหลายขึ้น หากพรรคการเมืองไม่ทำแบบนี้ ยังเอาเงินไปแจก ไปดูดนักการเมือง คุณอยากเห็นการปฏิรูปแต่ใช้วิธีโบราณ ประเทศชาติจะเดินไปอย่างไร
ฉะนั้นสิ่งที่จะเดินหน้าต่อไปหลังปรับโครงสร้าง โดยผลักดันนโยบายต่างๆ ยึดคีย์เวิร์ด “ลดรายจ่าย เพิ่มรายได้ ขยายโอกาส” ซึ่งทำมาตั้งแต่สมัยนายทักษิณ ชินวัตร เป็นหัวหน้าพรรคไทยรักไทย จนมาถึงยุคพรรคพลังประชาชนและพรรคเพื่อไทย และจะสร้าง “รัฐประชาชน” ไม่ใช่ “รัฐราชการ”
ทีมข่าวการเมือง ถามว่าการปรับโครงสร้างพรรค เพื่อรองรับผู้นำพรรคและตอบโจทย์ประชาชน นายโภคินบอกว่า เท่าที่พูดคุยในหลายโอกาสกับคนในพรรค หลังปรับโครงสร้างพรรค จะต้องนำพาสังคมสมัยใหม่และเข้าใจสังคมเก่า พาสองสิ่งนี้เดินหน้าไปด้วยกัน
ถึงวันนั้นถ้าประชาชนเลือกพรรคการเมืองที่ไม่เอาเผด็จการ แล้วคุณยังไม่เอาอีกก็อย่าไปโทษคนอื่น เพราะทั้งหมดเกิดจากฝีมือคุณกำลังนำประเทศล่มจมและวุ่นวาย
ในพรรคเพื่อไทยวิพากษ์โครงสร้างพรรคใหม่ จะเหมาะสมกับผู้นำพรรคคนในตระกูล “ชิน-ดา-วงศ์” หรือคนนอก นายโภคิน บอกว่า จะเป็นคนในหรือคนนอกถ้าโครงสร้างพรรค ไม่ปรับก็ไม่ตอบโจทย์ประชาชน ส่วนจะเป็นใคร เท่าที่สดับตรับฟังก็น่าจะเป็นแกนนำคนใดคนหนึ่งของพรรคเพื่อไทย ก็ว่ากันไปตามความเหมาะสม
ขอยืนยันโครงสร้างพรรคจะตอบโจทย์โลกสมัยใหม่และโลกอนาคต เชื่อมโยงระหว่างนักการเมือง ผู้สนับสนุน ประชาชน พรรคการเมือง และทันทีที่คลายล็อกการเมืองภายใน 2 สัปดาห์คงจะประชุมใหญ่พรรค เพื่อรับรองข้อบังคับพรรคใหม่ เลือกหัวหน้าพรรคและกรรมการบริหารพรรค พร้อมเตรียมการต่างๆที่จำเป็น
เห็นผลโพลสำรวจความนิยมของพรรคภายในหรือไม่ ผลแต่ละครั้งปรากฏออกมาว่าพรรคเพื่อไทยชนะตลอด นายโภคิน บอกว่า มันเกิดจาก 2 ปัจจัย คือ ผลงานในอดีตที่โดดเด่นที่สุดในด้านการบริหาร เป็นรูปธรรมที่สุด ประชาชนพอใจสูงสุด และพรรคถูกกลั่นแกล้งมากที่สุด แกนนำพรรคถูกดำเนินคดีจนอ่วมอรทัย
แต่เราก็มีความพร้อมสู่สนามเลือกตั้ง โดยขอให้แข่งขันอย่างยุติธรรม แฟร์เพลย์ ประชาชนตัดสินอย่างไร ประเทศก็เดินหน้าไปอย่างราบรื่น ถ้ายังกลั่นแกล้ง บางคนบอกว่าถึงขั้นยุบพรรคก็ให้ว่าไปเลย
ถ้าหยุดเลือกตั้งก็ยิ่งไปกันใหญ่ ทำแบบนี้บ้านเมืองจะเดินไปได้จริงหรือ
ยิ่งทำก็ยิ่งสร้างความกดดันต่อประชาชนจำนวนมหาศาล สร้างความเข้มแข็งให้เรา จะทำไปเพื่ออะไร
หรือกลัวนายทักษิณจะมาถ้าเราชนะ วันนี้นายทักษิณอยากเห็นสังคมมีสันติสุข
ไม่ต้องการเป็นศัตรูกับใคร แต่กลับสร้างบรรยากาศความ เป็นศัตรูขึ้นมาทำไม.
ทีมการเมือง

ไม่มีความคิดเห็น: