PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันจันทร์ที่ 19 พฤศจิกายน พ.ศ. 2561

เงาทักษิณทาบ

เลือกตั้งใหญ่ 24 ก.พ.62 คงจะสู้กันหมดหน้าตักไม่มีใครยอมใคร พรรคไหนได้เสียงข้างมาก โอกาสจะเป็นรัฐบาลมีมาก แต่จะทำได้ถึงเป้าหรือไม่ “พรรคกองหนุน” คงต้องให้ “ลุงตู่” ขับเคลื่อน

ข่าว “เขย่าขวด” สุดสัปดาห์นี้ ในเมื่อกำหนดให้นักการเมืองทุกคนต้องเข้าสังกัดพรรคการเมืองให้เรียบร้อยก่อนวันที่ 28 พ.ย.61

การที่นักการเมืองเคลื่อนไหวอย่างเป็นระลอกเพื่อเข้าสังกัดพรรค ไม่ต่างไปจากมวลคลื่นกระทบเข้าหาฝั่ง

ใครจะไปขึ้นฝั่งไหนก็ชัดเจนยิ่งขึ้น

แต่นั่นก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งเมื่อเลือกจะไปอยู่ตรงไหนก็เป็นที่แต่ละคนต่างก็คิด ไม่มีใครห้ามใครได้ ไม่ต้องยึดถืออุดมการณ์ ก็ได้

อย่างน้อยตัวเองต้องได้รับการเลือกตั้งเป็นอันดับแรก จากนั้นก็ต้องให้พรรคชนะเลือกตั้ง จากนั้นก็เป็นรัฐบาล

อีกช็อตหนึ่งก็คือ การได้รับ ตำแหน่งทางการเมือง

นี่เป็นความปรารถนาของนักการเมืองแทบทุกคน อยู่ที่ว่าจะผลักดันตัวเองให้ไปได้ไกลแค่ไหนก็แล้วแต่ฝีมือของแต่ละคน

พรรคใหญ่ที่เห็นและเป็นอยู่นั้น ประชาธิปัตย์คงไม่มีอะไรมาก แม้จะมีโผล่เข้ามาแจมใหม่ๆ แต่ที่ไหลออกไปก็ไม่น้อย

พรรคนี้คงหวังแค่ได้เป็น “ตัวแปร” ทางการเมืองมีอำนาจต่อรองสูงไม่ใช่น้อย

จะไปข้างไหนก็มีทางเลือกหลายทาง ทางหนึ่งก็อาจจะไปร่วมกับเพื่อไทย แต่หนทางนี้ตีบตัน หรือแทบจะเป็นไปไม่ได้

เมื่อเงื่อนไขสำคัญก็คือจะต้องไม่มี “เงาทักษิณ” มาทาบ

ไปอยู่กับพรรคกองหนุนก็มีความเป็นไปได้ เพียงแต่จะต้องตอบคำถามสังคมให้ได้ว่ามีเหตุผลอะไร ขัดกับอุดมการณ์ที่ประกาศเอาไว้หรือไม่

จำไว้อยู่อย่างว่า นักการเมืองนั้นสามารถใช้คำพูดมาเป็นเหตุผลได้เสมอ

อีกทางก็อยู่ตรงกลางไม่ไปข้างไหน แต่ขืนทำแบบนั้นคงจะต้องมีการรื้อจอกันใหม่ เนื่องจากรัฐบาลไม่สามารถบริหารประเทศได้

ทางเดียวก็คือ “ยุบสภา” เลือกตั้งกันใหม่...จะเอาอย่างนั้นหรือ?

“ทักษิณโพล” เปิดเผยตัวเลขจากการจ้างฝรั่งสำรวจพบว่าเพื่อไทยกับเครือข่ายจะได้ 290 เสียง แบบนี้ก็ตั้งรัฐบาลได้แน่

แต่ก็ต้องเริ่มต้นจากการเลือกนายกรัฐมนตรีก่อน

แต่ตัวเลขนี้พรรคคู่แข่งไม่เชื่อว่าจะมีความเป็นไปได้ เนื่องจากเป็นตัวเลขที่สูงเกินไป และเงื่อนไขต่างๆก็เปลี่ยนไปแล้ว ล่าสุดได้เคลื่อนตัวมาที่สิงคโปร์แล้ว

มีข้อมูลอีกชุดหนึ่งบอกว่าการเลือกตั้งครั้งนี้จะมีพรรคการเมืองใหญ่ 3 พรรคคือ เพื่อไทย ประชาธิปัตย์ และพลังประชารัฐ

จะได้ ส.ส.รวมกันราว 400 เสียง จาก 500 เสียง

ที่เหลืออีก 100 ที่นั่งจะเป็นพรรคขนาดกลางและขนาดเล็กไปแบ่งกัน

ตัวเลขนี้ก็เช่นกันว่าไม่น่าจะเป็นไปอย่างนั้น เพราะด้วยกติกาใหม่ บริบททางการเมืองใหม่โอกาสของพรรคเล็กน่าจะมีมากกว่า 100 เสียง

ท่าจะให้ดีคงต้องรอการแบ่งเขตและการจัดผู้สมัครของแต่ละพรรคว่ามีใครเป็นใครบ้าง ลงพื้นที่ไหนกันบ้าง

ถึงที่สุดแล้วการต่อสู้ในเกมเลือกตั้งที่ต้องสู้กันแบบถึงไหนถึงกัน ทุ่มหน้าตักเต็มพิกัด วางแผนกลยุทธ์ที่ชิงความเหนือ

ว่าก็ว่าเถอะ...คนที่จะแคนดิเดตคนหนึ่งคือ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่ต้องการไปต่อในตำแหน่งนายกฯ

คงจะต้องช่วยตัวเองเพื่อเพิ่มคะแนนให้พรรคกองหนุน

เพราะการจะชนะเลือกตั้งคงไม่ใช่เรื่องง่ายๆ!!!

ลิขิต จงสกุล

ไม่มีความคิดเห็น: