PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันจันทร์ที่ 19 พฤศจิกายน พ.ศ. 2561

ผ่าตลาดนัดการเมือง “เคาะราคา” สุดท้าย : ใกล้ปิดคอก หมดเวลากั๊ก

บรรยากาศโหมโรงเลือกตั้ง จังหวะฉายหนังย้อนอดีตกระตุกเตือนกันสักนิด

ตามท้องเรื่องที่นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกฯ กัปตันทีมเศรษฐกิจ ปาฐกถาพิเศษบนเวทีสัมมนา “THAILAND 2019” โชว์วิชั่น ประเมินทิศทางอนาคตล่วงหน้า

ปี 2562 คือปีทองในการลงทุนของประเทศไทย แม้ต้องเผชิญกับภาวะเศรษฐกิจโลก

แต่ความเสี่ยงของประเทศไทยที่ต่างชาติมองกันมาทุกชาติคือ การเลือกตั้ง ซึ่งไม่ได้สนใจว่าจะมีการเลือกตั้งหรือไม่เลือกตั้ง แต่สนใจว่าจะมีความต่อเนื่องเชิงนโยบายหรือไม่

เนื่องจากไม่มีใครอยากจะไปค้าขายหรือลงทุนกับประเทศที่เปลี่ยนแปลงบ่อยๆ

หรือเกิดการจลาจลอยู่บนท้องถนน และปีหน้าเป็นปีที่ไทยเป็นประธานอาเซียน เคยมีเหตุการณ์ละครดราม่าที่ยิ่งใหญ่มาก มีม็อบไปปิดโรงแรม ผู้นำจีน ผู้นำแต่ละประเทศขึ้นเฮลิคอปเตอร์หนีแทบไม่ทัน รอบนี้ต้องขอกันว่า ละครจะสร้างซ้ำไม่ได้ กว่าจะลบภาพได้ใช้เวลานับสิบปี

ถ้าซ้ำอีกครั้งเครดิตของประเทศไทยจะหมดเลย

ฉะนั้น การเลือกตั้งต้องเป็นการเลือกตั้งที่สมบูรณ์ แข่งขันด่าทอกันพอประมาณ แต่ต้องคำนึงว่า ประเทศจะเป็นเจ้าภาพอาเซียน สิ่งดีๆกำลังจะกลับมา และเป็นปีเปลี่ยนผ่านที่สำคัญ

สรุปสั้นๆ มันคือเดิมพันของประเทศที่ยึดโยงกับการเมืองหลังการเลือกตั้ง

ในมุมของนายสมคิดคงไม่ใช่กระตุกเตือนแค่นักการเมือง ตัวการวิกฤติป่วนเท่านั้น

แต่สำคัญสุดก็คือประชาชนคนไทยผู้มีสิทธิออกเสียง ยังมีโอกาสในการใช้บทเรียนวิกฤติความขัดแย้งในอดีตมาเป็นส่วนตัดสินใจ กำหนดทิศทางผ่านการเลือกตั้ง


หลีกเลี่ยงความเสี่ยงทางการเมือง เพื่อให้ประเทศเดินหน้า

ไม่ให้ฉากละครดราม่าฉายซ้ำทำเมืองไทยถอยหลัง

ท่ามกลางฝุ่นควันการเมืองที่กำลังตลบอบอวล เชื้อไฟความขัดแย้งที่ถูกอำนาจพิเศษกดทับไว้ เริ่มกลับมาคุกรุ่นร้อนขึ้นตามลำดับ ล้อกับเงื่อนไขสถานการณ์เร้าเลือกตั้ง

ทั้งๆที่ยังไม่ชัวร์ จะได้เข้าคูหากาบัตรกันตามโปรแกรมหรือไม่

ในอาการแบบที่พรรคการเมืองรวมหัวกันออกมาโวยวายดักคอดักทาง ทั้งยี่ห้อเพื่อไทย ประชาธิปัตย์ และทีมอนาคตใหม่ แท็กทีมกันโหมกระแสเลื่อนเลือกตั้ง ตีปี๊บกาบัตรไม่ทันวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2562

อ้างปัจจัยเหตุสนับสนุนสมมติฐาน เพราะพรรคการเมือง ทีมหนุน “ลุงตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ กลัวแพ้เลยต้องยื้อเลือกตั้งออกไป

ได้เหลี่ยมแฝงเบิ้ลบลัฟตีกินกันตามฟอร์ม

พร้อมกับโยนเผือกร้อน เพิ่มน้ำหนักสถานการณ์กดทับไปที่ คสช.ฝ่ายถืออำนาจ

ในจังหวะที่ พล.อ.ประยุทธ์ ยืนยันกับผู้นำต่างประเทศในเวทีประชุมนานาชาติ ประเทศไทยจะจัดเลือกตั้งภายในเดือนกุมภาพันธ์ปีหน้า เช่นเดียวกับ “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และ รมว.กลาโหม คุมความมั่นคง ก็ปักธงเลือกตั้งวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2562 ไม่มีเลื่อนแน่

แต่ “บิ๊กตู่-บิ๊กป้อม” พูดยังไง ก็เหมือนมีคนตั้งใจจะไม่เชื่อ

ในเมื่อเป้าหมายของฝ่ายตรงข้ามทางการเมืองต้องการย้ำภาพ พล.อ.ประยุทธ์ เป็น “พิน็อคคิโอ” ที่โกหกเรื่องกำหนดเลือกตั้งซ้ำแล้วซ้ำอีก

จนแทบไม่เหลือเครดิตความน่าเชื่อถือ

และยิ่งลากยาวเลือกตั้งออกไป คนที่เสียหายก็คือ “นายกฯลุงตู่” นั่นเอง

นี่คือคำตอบ ในเครื่องหมายคำถาม ใครกันแน่ที่อยากให้เลื่อนเลือกตั้ง

แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น มันมีอีกหนึ่งเสียงดังๆของนายอิทธิพร บุญประคอง ประธานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ที่ออกมายืนยันความคืบหน้าในการแบ่งเขตเลือกตั้ง เกือบเสร็จเรียบร้อยแล้ว เหลือเพียงตรวจสอบขั้นตอนสุดท้าย ก่อนส่งให้ประกาศในราชกิจจานุเบกษา

จึงไม่ใช่เหตุให้ต้องเลื่อนการเลือกตั้งวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2562 ออกไป

ฝ่ายปฏิบัติอย่าง กกต.ออกมาการันตี ใครยังไม่เชื่อว่าเลือกตั้งทันตามกำหนดก็โวยวายกันไป

แต่ที่แน่ๆมันคือสัญญาณของการล็อก “เดดไลน์”


“เส้นตาย” นับถอยหลังจากวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2562 ตามเงื่อนไขรัฐธรรมนูญต้องสังกัดพรรคภายใน 90 วันก่อนเลือกตั้ง ระยะปลอดภัยนั่นคือวันที่ 26 พฤศจิกายน 2561

ถึงจะชัวร์ว่าไม่แพ้ฟาวล์ อดลงสนาม

ตามจังหวะสถานการณ์ก็แบบที่เห็น ท่ามกลางความไม่ชัดของกระแสเลื่อนเลือกตั้ง แต่อีกทางหนึ่งก็เต็มไปด้วยข่าวความเคลื่อนไหว นักการเมืองย้ายพรรค ลาบ้านเก่า เปิดตัวสมาชิกใหม่กันแบบรายวัน

ตลาดสด ส.ส.คึกคัก ตลาดนัดผู้แทนฯเจี๊ยวจ๊าว

มีทั้งเหล้าเก่าในขวดใหม่ มีทั้งเหล้าใหม่ในขวดเก่า

ฝุ่นตลบ อลหม่านสุดก็คือป้อมค่ายของ “ทักษิณ” ในฐานะแชมป์เก่า ที่ต้องเจอโจทย์ใหม่จากรัฐธรรมนูญ เลือกตั้งระบบจัดสรรปันส่วนผสม

ถอดสมการ “มีชัย” แก้ตัวเลขกันหัวหมุน

เริ่มต้นจากยุทธศาสตร์แยกกันเดิน รวมกันตี ที่แปรเป็นยุทธการแตกแบงก์พันเป็นแบงก์ร้อย ย่อยจากพรรคเพื่อไทย เป็นพรรคไทยรักษาชาติ พรรคเพื่อชาติ พรรคเพื่อธรรม

ลูกข่ายสับสน กองเชียร์งง แทบจำสังกัดไม่ได้

ส่อเค้าวุ่นวายตั้งแต่ยังไม่ทันลงสนาม ตามรูปการณ์แบบที่แว่วๆว่า “นายใหญ่” อย่างอดีตนายกฯทักษิณ ชินวัตร กับ “น้องปู” อดีตนายกฯยิ่งลักษณ์ ต้องบินโฉบมาปักหลักที่ประเทศสิงคโปร์

เคลียร์คิวป่วนของลูกข่าย ทุบโต๊ะสั่งซ้ายหันขวาหัน

“แจกติ้ว” ใครจะใส่เสื้อพรรคเพื่อไทย ใครจะได้ตั๋วย้ายไปพรรคไทยรักษาชาติ ใครจะถูกส่งไปใส่เสื้อม็อบแดงอยู่กับพรรคเพื่อชาติ และใครจะต้องอยู่โยงเฝ้าพรรคเพื่อธรรม

เพราะทุกคนอยากเป็น ส.ส.หมด ไม่มีใครยอมหลบให้ใคร

ทั้งแกนนำขาใหญ่ ทั้งนกแล ต้องดิ้นหาที่ยืนการันตีความชัวร์ให้ตัวเอง

ขณะที่รองแชมป์ยี่ห้อประชาธิปัตย์ ที่เพิ่งเสร็จศึกสายเลือดหมาดๆ

ในสภาพที่ “เดอะมาร์ค” นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ยื้อเก้าอี้หัวหน้าพรรคไว้ได้ แต่ความมั่นใจก็หดหายไปเยอะจากคะแนนของ นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม ที่ทิ้งห่างกันไม่ถึงหมื่น

สะท้อนว่าคนในพรรคเกือบครึ่งไม่ยอมรับการนำของ “อภิสิทธิ์”

สถานการณ์มีแต่เลือดไหลออก อดีต ส.ส.ย้ายหนี แทบไม่มีคนย้ายเข้า

นั่นไม่เท่ากับภาพแฝงไปด้วย “งูเห่า” ไม่ได้เป็นเนื้อเดียวกันทั้งพรรค

ส่วนที่ย้ายสลับค่าย สลับตัวกันคึกคักก็คือป้อมค่ายเอสเอ็มอี ยี่ห้อภูมิใจไทย กับพรรคชาติไทยพัฒนา ที่สเปกใกล้เคียงกัน เดิมพันลุ้นแค่ปั่นแต้มเอาไว้ต่อรองตอนเสียบร่วมรัฐบาล

สถานการณ์ไม่กดดัน โอกาสรอลุ้นเก็บตกได้จนนาทีสุดท้าย

ทั้งหมดทั้งปวง ไฮไลต์จริงๆมันอยู่ที่พรรคพลังประชารัฐ ป้อมค่ายใหม่ที่เริ่มต้นจากศูนย์

แต่ดีดตัวขึ้นมาเป็นพรรค “เต็งสอง”

กับภารกิจเดิมพัน ต้องหนุน “นายกฯลุงตู่” ตีตั๋วต่อช่วงเปลี่ยนผ่านประเทศ


ล่าสุดทีม “4 กุมาร” นายอุตตม สาวนายน รมว.อุตสาหกรรม นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รมว.พาณิชย์ นายสุวิทย์ เมษินทรีย์ รมว.วิทยาศาสตร์ฯ นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล รมต.ประจำสำนักนายกฯ

ประเดิมนำร่อง สมัครสมาชิกพรรคอย่างเป็นทางการ

ตามด้วยทีมนครราชสีมา ภายใต้การนำของนายวิรัช รัตนเศรษฐ อดีตแกนนำพรรคเพื่อไทย กับทีมอุบลราชธานี ที่นำโดยนายสุพล ฟองงาม อดีตเลขาธิการพรรคเพื่อไทย

ทีมงานที่เป็นข่าวตกปากรับคำกันไว้ มาตามนัด

และมีการส่งซิกให้จับตาทีมใหญ่ วันที่ 18 พฤศจิกายนนี้ ตามคิวที่กลุ่มสามมิตรภายใต้การนำของนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ อดีตเลขาธิการพรรคไทยรักไทย กับนายสมศักดิ์ เทพสุทิน แกนนำกลุ่มมัชฌิมา จะขนอดีต ส.ส.เกรดเอ เข้าสมัครเป็นสมาชิกพรรคพลังประชารัฐ

ถึงคิวเปิดหน้า โชว์ตัวเข้าสังกัดภายในกำหนด 90 วันก่อนเลือกตั้ง

ตามจังหวะไฟต์บังคับ ตลาดนัดการเมืองคึกคัก นักเลือกตั้งอาชีพทุกป้อมค่าย หน้าเก่าหน้าใหม่ ต้องเคาะราคาสุดท้าย ก่อนปิดคอก เดดไลน์สังกัดพรรค

หมดเวลากั๊ก ดึงเช็ง หยั่งทิศทางกระแส

และนั่นก็รวมถึงช็อตของคนสำคัญ พระเอกตามท้องเรื่องอย่าง “นายกฯลุงตู่” ที่รับรู้กันทั่วประเทศแล้วว่า ชื่อของ พล.อ.ประยุทธ์ จะเป็นหนึ่งในบัญชีนายกฯพรรคพลังประชารัฐ

รอแค่ช็อตเปิดตัวอย่างเป็นการเป็นงานในเร็วๆนี้

ตามจังหวะที่นายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ ฝ่ายกฎหมาย ออกมาบอกไกด์ไลน์ล่วงหน้า ถึงจะถูกเสนอชื่อเป็นนายกฯ แต่ พล.อ.ประยุทธ์ก็ไม่สามารถหาเสียง

พูดชักจูงให้เลือกพรรคหนึ่งพรรคใดได้ เพราะเสี่ยงทำผิดกฎหมาย

แต่นั่นก็เป็นอะไรที่ตรงคอนเซปต์ อารมณ์แบบที่ “นายกฯลุงตู่” เดินสาย ครม.สัญจรต่างจังหวัด ออกอาการขัดๆเขินๆเวลามีชาวบ้านเชียร์ให้เป็นนายกฯต่อ

ท่องสคริปต์ บอกปัดไม่ได้มาหาเสียง แต่มาทำงานเพื่อแก้ปัญหาให้ประชาชน

โกยคะแนนนิยม ตุนแต้ม ตีกินนิ่มๆมาตลอดอยู่แล้ว.

“ทีมการเมือง”

ไม่มีความคิดเห็น: