PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันจันทร์ที่ 14 มกราคม พ.ศ. 2562

ผ่าสถานการณ์เร่งเลือกตั้ง “51 ล้านเสียง” ชี้ขาด : ร้อนตามเกม ติดบ่วงวิกฤติ

คลื่นลมพายุพัดผ่านภาคใต้ ฝนหลงฤดูประปรายที่ภาคเหนือและกรุงเทพฯ

อากาศแปรปรวนห้วงต้นปี

ล้อไปกับบรรยากาศทางการเมืองที่ขมุกขมัว เต็มไปด้วยฝุ่นควันฟุ้งกระจายภายใต้เงื่อนไขสถานการณ์โหมดเลือกตั้งที่คาบเกี่ยวกับพระราชพิธีสำคัญ

ตามความคืบหน้าล่าสุดที่ชัดเจนขึ้นอีกขั้น โดยนายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ เปิดเผยภายหลังการประชุมนัดแรกของคณะกรรมการเตรียมการจัดงานเฉลิมพระเกียรติฯ เนื่องในโอกาสพระราชพิธีบรมราชาภิเษก ที่มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี หัวหน้า คสช. เป็นประธาน

มีการแบ่งขั้นตอนพระราชพิธีออกเป็น 3 ส่วน คือ การเตรียมการเบื้องต้น พระราชพิธีเบื้องกลาง และส่วนที่เป็นกิจกรรมต่อเนื่องเบื้องปลาย

โดยพระราชพิธีเบื้องกลางคือ ตัวพระราชพิธีบรมราชาภิเษกที่มี 3 วัน คือ วันเสาร์ที่ 4 พฤษภาคม วันอาทิตย์ที่ 5 พฤษภาคม และวันจันทร์ที่ 6 พฤษภาคม 2562

แต่พิธีเบื้องต้นที่นำหน้ามาก่อนนั้น มีเกือบเต็มทั้งเดือนเมษายน ส่วนกิจกรรมเบื้องปลายต่อเนื่องหลังวันที่ 6 พฤษภาคม ในวันที่ 8-9 พฤษภาคม เป็นพระราชพิธีพืชมงคล และกิจกรรมของรัฐบาลและประชาชนที่จะจัดน้อมเกล้าน้อมกระหม่อมถวาย

รัฐบาลพยายามทำความเข้าใจกับทุกฝ่าย

ตามความสำคัญของห้วงเวลาพิเศษปีมหามงคลที่วนมาในรอบ 70 ปี

ท่ามกลางกระแสรายวันม็อบคนอยากเลือกตั้งเคลื่อนไหวกดดัน นักการเมืองโวยวายบีบคั้นรัฐบาล คสช.

เอาล่อเอาเถิด แตกประเด็นวุ่นวาย

แบบที่พวกร้อนวิชากฎหมายพูดไปถึงขั้นเสี่ยงขัดรัฐธรรมนูญ ว่าด้วยประเด็น 150 วัน ต้องจัดเลือกตั้งหลังจาก พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญสำคัญ 4 ฉบับมีผลบังคับใช้ ได้แก่ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยคณะกรรมการการเลือกตั้ง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการได้มาซึ่ง ส.ว. และ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.

“เดดไลน์” คือวันที่ 9 พฤษภาคม 2562

สงสัยนับรวมช่วงเวลาที่ กกต.ต้องประกาศผลการเลือกตั้งภายใน 60 วันด้วยหรือไม่

เอากฎหมายหลักรัฐธรรมนูญมาตรา 268 มาโยงกับกฎหมายรอง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.มาตรา 267 ผูกปมให้ยุ่งไปกันใหญ่

และยังไม่ทันได้คำตอบ ก็มีพวก “นักร้องอาชีพ” แสดงตัวเป็นหน่วยหน้า อาสายื่นศาลรัฐธรรมนูญตีความเลือกตั้ง แถมขู่เดินหน้ายื่นเรื่องถอดถอน กกต.

ส่อป่วน เถียงกันในเรื่องที่ยังไม่เกิด คาดการณ์ปัญหาล่วงหน้า

มันก็แค่ลีลาตีกินกระแส โชว์ฟอร์มทางการเมืองให้เข้าตากองเชียร์

ลืมเรื่อง “บังควร-มิบังควร”

ทั้งๆที่ฝ่ายปฏิบัติที่มีหน้าที่รับผิดชอบโดยตรง นายอิทธิพร บุญประคอง ประธาน กกต. ก็ยืนยันรอประกาศพระราชกฤษฎีกาเลือกตั้ง กกต.จะประกาศวันเข้าคูหากาบัตรชัดเจน

และจะประกาศรับรองผลเลือกตั้งได้ทัน 150 วัน ไม่มีปัญหาขัดรัฐธรรมนูญแน่นอน

ตามรูปการณ์แค่ต่างคนต่างรู้หน้าที่ ทุกอย่างก็จะเดินหน้าคู่ขนานกันไป

โดยเฉพาะ “จุดอ่อนไหวสุด” คือสถานการณ์ด้านเศรษฐกิจ โฟกัสตลาดหุ้นก็ทรงตัวในแดนบวก จะมีตกบ้างก็ไม่ได้ทะรูด-ทะราด นักลงทุนมั่นใจพื้นฐานเศรษฐกิจของประเทศที่แข็งแกร่ง ไม่ตกใจกับการเลื่อนเลือกตั้ง

ทุกอย่างเดินหน้าไปได้อย่างเป็นธรรมชาติแบบที่ควรจะเป็น

แต่มันเป็นอะไรที่ยากกว่าคำโบราณว่า ห้ามฝนจะตก แดดจะออก คนจะขี้ แม่จะคลอดลูก กับการห้ามการเมืองไม่ให้ป่วนตามกาลเทศะ

ยิ่งในจังหวะสถานการณ์ “ได้เสีย” เดิมพันเกมพลิกขั้วอำนาจ

โอกาสสุดท้ายของคนแดนไกลที่จะลุ้นกลับบ้าน

ตามสถานการณ์แบบที่ “ไต๋โผล่” แต่หัววัน ในจังหวะล้อกับเกมกดดันไม่ให้เลื่อนคิวกาบัตรวันที่ 24 กุมภาพันธ์ หันไปอีกทาง นายยงยุทธ ติยะไพรัช หัวขบวนพรรคเพื่อชาติ แกนนำสายตรงดูไบ ก็โผล่มาจุดพลุเกม “อุ้มนายใหญ่” อดีตนายกฯทักษิณ ชินวัตร กลับประเทศรอบที่ 4

“ค่ายเสื้อแดง” เปิดไพ่ตายกระตุกเรตติ้งกองเชียร์

วัดใจประชาชนให้เลือกระหว่าง “ทักษิณ” กับ “นายกฯลุงตู่”

เขี่ยชนวนศึก “ตะลุมบอน” ระหว่าง “นายใหญ่” กับ “พี่ใหญ่” อดีตนายกฯทักษิณเปิดฉากฟัดกับ “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และ รมว.กลาโหม แบบที่ไม่นับรุ่นพี่รุ่นน้อง ถึงขั้นขึ้น “ไอ้” ใส่กัน

จบข่าวเกาะโต๊ะ ปิดประตูดีลทุกช่องทาง

ฟางเส้นสุดท้ายระหว่าง “พี่ใหญ่” คสช.กับ “ทักษิณ” ขาดผึง

กระตุ้นดีกรีตึงเครียด เชื้อไฟขัดแย้งป่วนเมืองกลับมาระอุร้อนแรงกว่าเดิม

กระตุกต่อมผวาผู้คน ฝันร้ายวนมาหลอนรอบใหม่

ตามรูปการณ์ยั่วแหย่ เกมการตลาดชิงกระแสแบบเดิมๆ กับปรากฏการณ์ที่สื่อโซเชียลฯเครือข่าย “ทักษิณ” ตีปี๊บข่าว “น้องปู” อดีตนายกฯยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ได้งานใหม่ นั่งแท่นประธานบอร์ดท่าเรือเมืองซัวเถา ประเทศจีนแผ่นดินใหญ่

ตั้งใจโชว์อินเตอร์ เบิ้ลบลัฟผู้นำรัฐบาล คสช.

กระตุกภาพทีม “ทักษิณ” ยังถือแต้มต่อ เครดิตเหนือกว่าในเวทีโลก

แต่ไม่ทันข้ามวันที่ข่าว “ยิ่งลักษณ์” นั่งเป็นประธานบอร์ดท่าเรือซัวเถา ที่ลอกมาจากเว็บไซต์ข่าวของจีน ก็มีการลบข่าวออกจากเว็บไซต์ข่าวของทางการจีนหมด

พร้อมๆกับกระแสวิพากษ์วิจารณ์เบื้องหน้าเบื้องหลังการถือ “พาสปอร์ตเขมร” ของอดีตนายกฯหญิงคนแรกของประเทศไทย ที่ใช้หนังสือเดินทางกัมพูชาในการลงทุนที่เมืองจีน

ส่อลามเป็นปมปัญหาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศระหว่างไทย กัมพูชา จีน

การเมืองภายในโยงไฟการเมืองภายนอกประเทศ

อีกมุมก็เป็นเหตุการณ์เร้ากระแส ขยายภาพประจานคสช.รังแกเอาเปรียบ ตามกระแสข่าวคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) จ่อเร่งคดีค้างเก่ายุครัฐบาล “ยิ่งลักษณ์” ล่อเป้านายชัชชาติ สิทธิพันธุ์

เจาะยาง “รัฐมนตรีแกร่งสุดในปฐพี”

เตะสกัดดาวรุ่งพุ่งแรง “นอมินี” ตัวจริงเสียงจริงของ “นายใหญ่”

ไล่ๆกับปมร้อนคำสั่งจากหน่วยเหนือ ล้มเวที หาเสียงพรรคเพื่อไทยที่จังหวัดพะเยา

ข่าวร้อนรายวัน “เผาหัว” กระตุกไฟแค้นในอารมณ์ของกองเชียร์ “ทักษิณ” ที่มอดไปในรอบ 4-5 ปี

คุโชนกลับมา ในจังหวะดีกรีความแค้นที่ยกระดับเดิมพันขึ้นอีกหลายเท่า

ตามกระแสข่าว “เจ๊แดง” นางเยาวภา วงศ์สวัสดิ์ เจ้าแม่เมืองเหนือพรรคเพื่อไทย หายตัวไปอยู่ต่างประเทศ ในจังหวะที่คดีจำนำข้าว จีทูจีภาค 2 จ่อลุยรวบตัวใหญ่

พร้อมๆกับการจับตา “เสี่ยโอ๊ค” นายพานทองแท้ ชินวัตร บุตรชายคนโต “นายใหญ่” ทำเรื่องขออนุญาตเดินทางไปต่างประเทศ ในห้วงคดีทุจริตปล่อยกู้ธนาคารกรุงไทยให้กลุ่มกฤษดามหานคร กำลังเข้าด้ายเข้าเข็ม

ตามรูปการณ์ที่คนตระกูล “ชินวัตร” ถูกไล่ต้อนจนกระดาน

โดยอาการ “ตั้งท่าวัดดวง” แบบที่ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง แกนนำสายบู๊พรรคเพื่อไทย ขู่ออกอากาศ ถ้าเลื่อนเลือกตั้ง คสช.เสี่ยงเจอแรงต้านจากประชาชน

เปิดเกมม็อบวัดใจท็อปบูต

ตามสูตรต่อรองเกมอำนาจ “นายใหญ่” ปั่นเดิมพันเลือกตั้ง ตีคู่ขนานห้วง “เวลาพิเศษ” สำคัญ

สร้างแรงกดดัน “บิ๊กตู่” กับทีม คสช.กระอักกระอ่วน

เล่นเอาฝ่ายคุมเกมอำนาจพิเศษเสียกระบวนมากสุด นับแต่ครองอำนาจมา 5 ปี

แต่ทั้งหมดทั้งปวง คำตอบสุดท้ายมันอยู่ที่ประชาชนคนไทย “51 ล้านเสียง” เจ้าของสิทธิเลือกตั้ง

จะร้อนตามสถานการณ์ตื่นเต้น ไหลเตลิดตามเกมปั่นเดิมพันพลิกขั้วหรือไม่

ไฮไลต์มันอยู่ตรงคำตอบสุดท้าย เลือกตั้งครั้งนี้ คนไทยจะตัดสินใจบนพื้นฐานอะไร เน้นอารมณ์เอามัน “สะใจ” ยอมเสี่ยงติดบ่วงวิกฤติ หรือทนหงุดหงิดกับทีมกู้สถานการณ์เพื่อเป้าหมายที่ต้องลุ้นรอในทางยาวๆ

ที่แน่ๆบทเรียนราคาแพงกว่า 10 ปีที่ผ่านมา มันเพียงพอแล้วกับข้อมูลในการตัดสินใจ

กาบัตรเลือกตั้งยังไง อนาคตก็ต้องยอมรับผลแบบนั้น.

“ทีมการเมือง”



ไม่มีความคิดเห็น: