PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันจันทร์ที่ 8 กรกฎาคม พ.ศ. 2562

เพื่อไทยเร่งศาลรัฐธรรมนูญ ตัดสินคุณสมบัติตู่ ยังคาใจธรรมนัส

ภาค ปชช.ล่าชื่อแก้ไข รธน. พปชร.แบ่งเค้กคนอกหัก ทักษิณงดจัดเบิร์ธเดย์ 70

เพื่อไทยขยี้แผลจริยธรรม ครม.ประยุทธ์ 2 “ชวลิต” เร่งศาลรัฐธรรมนูญชี้ขาดคุณสมบัติ “บิ๊กตู่” ทิ้งไว้หลังถวายสัตย์ฯยิ่งเสียหาย “สุทิน” เขย่านายกฯอย่าไปตั้งคนมัวหมองสังคมเคลือบแคลงนั่ง รมต. ซัด “อุตตม” มีมลทินปล่อยกู้กฤษดานคร ขุดอดีต “ธรรมนัส” ประพฤติผิดร้ายแรงถูกถอดยศ “อนุสรณ์” ท้าเปิดหลักฐานคัดค้านเงินกู้ แซะ “สมคิด” อย่าหลบข้างหลังแจงเอี่ยวตั้ง บอร์ดกรุงไทย “เรืองไกร” ยกคำพิพากษาศาลฎีกาฯ ยุใช้ ม. 44 ยับยั้งนั่ง รมว.คลัง ป้องกันถูกซักฟอก พปชร.แบ่งเค้กเลขาฯ-ที่ปรึกษา รมต. “วิษณุ” การันตี ส.ส.เป็นข้าราชการการเมืองได้ ถึงศาลฯ รับคำร้อง “ประยุทธ์” ไม่ต้องหยุดทำหน้าที่ นายกฯ สั่งปราบเว็บไซต์กุข่าวใส่ร้ายรัฐบาล ภาคประชาชนเล็งล่า 5 หมื่นชื่อแก้รัฐธรรมนูญ ตัดตอนสืบทอดอำนาจ คสช. เด็ก พท.หนุน “ทักษิณ” วางมือพักผ่อน

ขณะที่รายชื่อคณะรัฐมนตรี (ครม.) ชุดใหม่ได้นำขึ้นทูลเกล้าฯไปเรียบร้อยแล้ว พรรคเพื่อไทยยังคงเดินหน้าตรวจสอบคุณสมบัติของว่าที่รัฐมนตรี พุ่งเป้าไปที่ประเด็นจริยธรรม ความซื่อสัตย์ สุจริตเป็นที่ประจักษ์ ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 160 (4) และ (5) นอกเหนือจากนายอุตตม สาวนายน ที่มีเสียงคัดค้านการดำรงตำแหน่ง รมว.คลังแล้ว ยังมีชื่อนายธรรมนัส พรหมเผ่า ว่าที่ รมว.แรงงาน ก็ตกเป็นเป้าที่จะถูกตรวจสอบด้วย

พท.เร่งศาลฯชี้ขาดคุณสมบัติ “บิ๊กตู่”

เมื่อวันที่ 7 ก.ค. นายชวลิต วิชยสุทธิ์ ส.ส.นครพนม พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีนายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร ส่งคำร้อง ส.ส. 111 คน ให้ศาลรัฐธรรมนูญตรวจสอบคุณสมบัติ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กรณีมีลักษณะต้องห้ามการเป็นนายกรัฐมนตรีหรือไม่ว่า กรณีดังกล่าวทางข้อเท็จจริง ข้อกฎหมาย ตลอดจนพยานหลักฐานไม่มีอะไรซับซ้อน เพราะที่ผ่านมาศาลฎีกามีคำพิพากษาที่ 3578/2560 ที่มีนายสมบัติ บุญงามอนงค์ เป็นจำเลย ข้อหาขัดคำสั่ง คสช.ไม่ไปรายงานตัวตามประกาศ คสช. ในคำพิพากษาศาลได้ชี้สถานะ พล.อ.ประยุทธ์ว่าเป็นเจ้าพนักงานตามกฎหมาย หมายถึงเป็นเจ้าหน้าที่อื่นของรัฐอย่างชัดเจน เพื่อมิให้การบริหารราชการแผ่นดินเกิดความเสียหาย หากศาลรัฐธรรมนูญมีความเห็นเช่นเดียวกับศาลฎีกา

ทิ้งไว้หลังถวายสัตย์ฯยิ่งเสียหาย

“ดังนั้นศาลรัฐธรรมนูญควรเร่งวินิจฉัยคำร้องดังกล่าว ก่อนที่ พล.อ.ประยุทธ์จะนำ ครม.เข้าเฝ้าฯ ถวายสัตย์ปฏิญาณ เพราะหากศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยออกมาเช่นเดียวกับคำพิพากษาศาลฎีกาภายหลังที่มีการเข้าเฝ้าฯถวายสัตย์ปฏิญาณไปแล้ว จะเกิดความเสียหายตามมาหลายด้าน โดยเฉพาะความเชื่อมั่นประเทศจะมีผลกระทบตามมาอย่างรุนแรง”

“สุทิน” ฉะอย่าตั้งคนมีมลทินเป็น รมต.

นายสุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม ให้สัมภาษณ์ถึงการตรวจสอบการทำงานของคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ว่า ตอนนี้ยังไม่ถึงขั้นจองกฐินจ้องล้มรัฐบาล เพียงแต่เตือนไปถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ ว่าการคัดคนเป็นรัฐมนตรีต้องให้ได้คนดีที่สุดไม่มีอะไรด่างพร้อย แต่ชื่อว่าที่รัฐมนตรีที่ออกมามี 2 คนที่อยากให้นายกฯดูอีกทีว่าเหมาะสมหรือไม่ คือนายอุตตม สาวนายน หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐที่มีชื่อเป็น รมว.คลัง เพราะมีมลทินมัวหมองเรื่องการปล่อยกู้ธนาคารกรุงไทย ให้บริษัทในกลุ่มกฤษดานครและนายธรรมนัส พรหมเผ่า ส.ส.พะเยา แกนนำพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ที่มีข่าวเป็น รมว.แรงงาน


ระบุสังคมคาใจอดีตของ “ธรรมนัส”

“เราพบข้อมูลมีมลทินมัวหมองตอนรับราชการเคยประพฤติผิดร้ายแรงจนถูกถอดยศ และอาจมีส่วนพัวพันหลายคดีที่เป็นที่รับทราบของสังคม แม้คดีจะจบแต่สังคมยังไม่หายแคลงใจ เราเตือนด้วยความหวังดี นอกจาก 2 คนนี้แล้วจากการตรวจสอบเชื่อว่าอาจพบอีกหลายคน สุดท้ายแล้วถ้าคนเหล่านี้มาเป็นรัฐมนตรี จะถือว่าการเริ่มต้นของรัฐบาลไม่เป็นที่ศรัทธาของประชาชน แต่เรายังอยากให้เวลากับรัฐบาลในการทำงานแก้ปัญหาให้ประชาชนก่อน ส่วนการตรวจสอบนั้นเราจะเดินหน้าต่อไปทั้งการยื่นอภิปรายหรือยื่นให้ประธานสภาฯส่งศาลรัฐธรรมนูญตรวจสอบคุณสมบัติได้หรือไม่ต่อไป” นายสุทินกล่าว

ท้า “อุตตม” โชว์หลักฐานค้านปล่อยกู้

นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด คณะทำงานสื่อสารการเมือง พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงการตรวจสอบนายอุตตม สาวนายน หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ กรณีปล่อยกู้ธนาคารกรุงไทยโดยมิชอบว่า การตั้งคนที่สังคมสงสัย มีคำถาม ไม่น่าไว้วางใจมารับตำแหน่งในรัฐบาลเหมือนท้าทายประชาชน อาจเกิดวิกฤติศรัทธารอบใหม่ นายอุตตมมีชื่อเป็น รมว.คลัง ทั้งที่เคยมีประวัติลงนามอนุมัติสินเชื่อให้บริษัทในเครือกฤษ-ดานคร 9,900 ล้านบาทโดยมิชอบ สมัยเป็นกรรมการบริหารธนาคารกรุงไทยเมื่อปี 2546 แม้นายอุตตมพยายามบอกว่าตัวเองไม่ผิด แต่ต้องเอาพยานหลักฐานมาเปิดเผยต่อสังคมให้หายเคลือบแคลงว่า เหตุใดจึงเป็นผู้ลงนามเข้าร่วมประชุมอนุมัติสินเชื่อที่ผิดกฎหมายให้เครือกฤษดานคร นายอุตตมมีพยานหลักฐานหรือรายงานการประชุมที่แสดงว่าไม่เห็นด้วยหรือคัดค้านการอนุมัติสินเชื่อดังกล่าวหรือไม่

“สมคิด” อย่าหลบแจงตั้งบอร์ดกรุงไทย

“การปล่อยเงินกู้ครั้งนี้ รวมถึงนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกฯ ต้องชี้แจงด้วยว่าเกี่ยวข้องแค่ไหนกับการตั้งบอร์ดกรุงไทยในขณะนั้น เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้หรือไม่ อย่าไปหลบหลังกัน รัฐบาลประยุทธ์ 2 เป็นรัฐบาลเสียงปริ่มน้ำ ถ้าถึงขั้นหามืออาชีพมาทำงานแทนคนที่ประชาชนไว้วางใจไม่ได้ ประชาชนก็รู้สึกสิ้นหวัง” นายอนุสรณ์กล่าว

บี้ใช้ ม.44 ยับยั้ง “อุตตม” นั่ง รมว.คลัง

นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ อดีตสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) กล่าวว่า วันที่ 8 ก.ค. เวลา 11.00 น. จะไปยื่นเรื่องต่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และหัวหน้า คสช. ที่ศูนย์รับเรื่องร้องทุกข์ ทำเนียบรัฐบาล ให้ตรวจสอบนายอุตตม สาวนายน หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ที่มีรายชื่อเป็นแคนดิเดต รมว.คลัง แต่ถูกทักท้วงมีคุณสมบัติไม่เหมาะสม เนื่องจากมีส่วนเกี่ยวข้องคดีการปล่อยเงินกู้ 9,900 ล้านบาท สมัยเป็นกรรมการบริหารธนาคารกรุงไทยโดยไม่สุจริตนั้น แม้นายอุตตมจะโพสต์ข้อความว่าไม่มีความผิด แต่คำพิพากษาศาลฎีกาเรื่องดังกล่าวระบุไว้ส่วนหนึ่งว่า คณะกรรมการบริหารธนาคารกรุงไทยมีเจตนาฝ่าฝืนประกาศธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เรื่องการให้สินเชื่อ ที่เล็งเห็นได้ว่าจะเรียกคืนไม่ได้ และมีเจตนาช่วยเหลือจำเลยให้ได้รับอนุมัติสินเชื่อ 9,900 ล้านบาท โดยไม่ได้รักษาผลประโยชน์ของธนาคาร

สกัดความเสียหาย กันถูกซักฟอก

“จากคำพิพากษาดังกล่าว คำว่าคณะกรรมการบริหารย่อมหมายความรวมถึงนายอุตตมด้วย เพียงแต่ตามรายชื่อที่ถูกส่งฟ้องต่อศาลไม่มีชื่อนายอุตตมเป็นจำเลย จึงไม่สามารถลงโทษเกินขอบเขตคำฟ้องที่ถูกส่งมาได้ รัฐธรรมนูญมาตรา 160(4) ระบุรัฐมนตรีต้องมีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ ดังนั้นเพื่อป้องกันความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นตามมา จึงขอให้นายกฯใช้อำนาจมาตรา 44 ในฐานะหัวหน้า คสช.ยับยั้งการแต่งตั้งนายอุตตมเป็น รมว.คลัง เหมือนที่เคยสั่งพักงานเจ้าหน้าที่รัฐที่ถูกกล่าวหาเรื่องการทุจริต เพื่อป้องกันความเสียหายที่จะเกิดขึ้นตามมาหรือป้องกันไม่ให้นายกฯโดนอภิปรายไม่ไว้วางใจ” นายเรืองไกรกล่าว

พปชร.แบ่งเค้กเลขาฯ–ที่ปรึกษา รมต.

ผู้สื่อข่าวรายงานจากพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ว่า วันที่ 9 ก.ค. พรรคจะประชุมร่วมกรรมการบริหารพรรคและ ส.ส. เพื่อหาข้อสรุปผู้ที่จะไปดำรงตำแหน่งข้าราชการการเมือง ได้แก่ เลขานุการรัฐมนตรี ผู้ช่วยรัฐมนตรี และที่ปรึกษารัฐมนตรี หลัง ส.ส.บางส่วนพลาดเก้าอี้รัฐมนตรี เบื้องต้นวางไว้หลายแนวทาง ทั้งเปิดให้ ส.ส.มาดำรงตำแหน่งเพื่อมีประสบการณ์ด้านกา.รบริหาร เพราะมี ส.ส.บางส่วนแสดงความประสงค์ โดยให้เหตุผลว่าดำรงตำแหน่งได้ รัฐธรรมนูญไม่ได้กำหนดข้อห้ามไว้ และไม่ขัดมาตรา 184 และ 185 ของรัฐธรรมนูญ ปี 60 ที่ได้บัญญัติเรื่องการขัดกันแห่งผลประโยชน์ไว้ เช่น หาก ส.ส.คนใดมีบริษัทด้านพลังงาน แต่ไปดำรงตำแหน่งข้าราชการการเมืองในกระทรวงศึกษาธิการไม่น่าขัดมาตราดังกล่าว แต่มีบางส่วนคัดค้านเสี่ยงถูกร้องให้ตีความในภายหลัง และหวั่นมีปัญหาการแบ่งเวลาทำหน้าที่ ส.ส.ในสภาฯ จากปัญหารัฐบาลมีเสียงปริ่มน้ำด้วย

ดัน ส.ส.–ปาร์ตี้ลิสต์สอบตกได้โควตา

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ทั้งนี้ มีกรรมการบริหารพรรคและสมาชิกพรรคบางส่วนเสนอให้ผู้สมัคร ส.ส.ที่สอบตก แต่ต้องมาเป็นอันดับ 2 ที่มีคะแนนสูง 2-3 หมื่นคะแนนมานั่งเก้าอี้ดังกล่าว เพื่อให้สามารถนำไปต่อยอดสร้างฐานเสียงให้กับตัวเองและพรรคได้ และมีเสนอให้พิจารณาจากผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ แต่ไม่มีโอกาสได้เลื่อนขึ้นมาเป็น ส.ส.และสมาชิกพรรคไปดำรงตำแหน่งนี้ด้วย รวมถึงเสนอให้พิจารณาแบบคละกันไป เมื่อเลือกแนวทางไหนต้องออกเป็นมติพรรค เพื่อป้องกันปัญหาเกิดความไม่พอใจภายในพรรคซ้ำรอยกับการจัดโผ ครม. โดยพรรคจะทยอยส่งชื่อหลัง ครม. ชุดใหม่ถวายสัตย์ปฏิญาณเรียบร้อยแล้วและต้องส่งไปตรวจสอบคุณสมบัติก่อนเช่นเดียวกับรัฐมนตรีต่อเก้าอี้ ขรก.การเมือง


“วิษณุ” ยัน ส.ส.เป็น ขรก.การเมืองได้

นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณี ส.ส.จะดำรงตำแหน่งเลขานุการรัฐมนตรี ผู้ช่วยรัฐมนตรี และที่ปรึกษารัฐมนตรี ได้หรือไม่ว่า รัฐธรรมนูญกำหนดว่า ส.ส.เป็นข้าราชการไม่ได้ แต่อนุญาตให้เป็นข้าราชการการเมืองได้ ทั้งนายกฯรัฐมนตรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เลขานุการรัฐมนตรี ที่ปรึกษารัฐมนตรี ผู้ช่วยรัฐมนตรี เป็นได้ทั้งหมด เหมือนอังกฤษ ฝรั่งเศส ญี่ปุ่น ในไทยมีสมัยหนึ่งตอนปี 2540 ที่ต้องลาออก ส่วนที่ผ่านมาพรรคการเมืองมักนำผู้สมัคร ส.ส.สอบตกมาเป็นข้าราชการการเมืองนั้น ไม่ใช่เพราะรัฐธรรมนูญห้าม ส.ส. เป็นเรื่องของแต่ละพรรคพิจารณา และไม่เกี่ยวกับว่าขัดรัฐธรรมนูญ มาตรา 184 และ 185 ที่เป็นเรื่องขัดกันแห่งผลประโยชน์หรือไม่ เพราะเป็นเรื่องสถานะ รัฐธรรมนูญอนุญาตให้ ส.ส.เป็นข้าราชการการเมืองได้ แต่จะไปเกิดตอนโหวตในสภาฯ เช่น สมมติมีเรื่องของตัวเองเข้าไปจะลงมติไม่ได้

ถ้าศาลฯรับคำร้อง “บิ๊กตู่” ไม่ต้องยุติหน้าที่

นายวิษณุกล่าวอีกว่า เป็นเรื่องดีที่ประธานสภาฯส่งคำร้องไปยังศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อวินิจฉัยความเป็นรัฐมนตรีของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและหัวหน้า คสช.สิ้นสุดลงเฉพาะตัว เพราะเหตุเป็นเจ้าหน้าที่อื่นของรัฐหรือไม่ เพราะเมื่อมี ส.ส.สงสัยก็ทำให้ชัดเจน ไม่มีปัญหา เมื่อถามว่า หากศาลรัฐธรรมนูญรับคำร้องจะส่งผลกระทบต่อการปฏิบัติหน้าที่ของนายกฯหรือไม่ นายวิษณุตอบว่า นายกฯยังปฏิบัติหน้าที่ได้ ไม่ได้บอกว่าผิดอะไร ไม่มีเรื่องต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ไว้ก่อน เพราะคำร้องเป็นการขอตีความสถานะเป็นเจ้าหน้าที่อื่นของรัฐหรือไม่เท่านั้น ไม่ใช่เรื่องสงสัยว่าทำผิดกฎหมายหรือทุจริต ส่วนกรณีนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ เป็นคนละมาตรากัน ดังนั้นนายกฯสามารถเดินหน้าต่อไปได้ ไม่มีผลกระทบอะไร


“ชวน” ส่งศาล รธน.ชี้ขาดตามหน้าที่

เมื่อเวลา 11.45 น. ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงกรณีส่งคำร้องไปยังศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อวินิจฉัยความเป็นรัฐมนตรีของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้า คสช.สิ้นสุดลงเฉพาะตัว เพราะเหตุเป็นเจ้าหน้าที่อื่นของรัฐหรือไม่ว่า ตามกระบวนการหากมีผู้ยื่นคำร้องเข้ามาในฐานะประธานสภาฯ ต้องทำหน้าที่ตามที่กฎหมายกำหนด เช่นเดียวกับคำร้องที่ให้ตรวจสอบ ส.ส.ถือหุ้นสื่อ ส่วนระยะเวลาการพิจารณาขึ้นอยู่กับดุลพินิจของศาลรัฐธรรมนูญ

ส.ส.แต่งกายต้องรู้กาลเทศะ

นายชวนยังกล่าวถึงกรณีที่ขอให้วินิจฉัยเรื่องการแต่งกายของสมาชิก ส.ส.ว่า ตามขั้นตอนต้องรอข้อบังคับการประชุมสภาฯก่อน เมื่อข้อบังคับได้ข้อสรุปแล้ว ในฐานะประธานสภาฯจะเป็นผู้กำหนด มองว่าเป็นเรื่องกาลเทศะ ยกตัวอย่างกรณีแต่งตัวสวยๆไปร่วมงานศพ มันอาจจะไม่สวย ทั้งหมดขึ้นอยู่กับกาลเทศะ ไม่น่ามีปัญหาอะไร สมาชิก ส.ส.เป็นผู้ใหญ่แล้วน่าจะรู้ว่าความเหมาะสมอยู่ตรงไหน การแต่งกายบางกรณียกเว้นได้ อย่างสมาชิก ส.ส.ผู้พิการได้เข้ามาปรึกษาและขออนุญาตแต่งกายด้วยชุดกางเกงขาสั้น หากสวมกางเกงขายาวอาจลำบากก็อนุโลมให้ ส่วนกรณีรายอื่นรวมทั้งการแต่งกายตามเพศสภาพ ยังไม่มาขออนุญาต เรื่องการแต่งกายคาดว่าจะมีการพิจารณาแล้วเสร็จในสัปดาห์นี้ ตนสนับสนุนให้ใช้วัสดุผ้าไทย ไหมไทย เป็นส่วนหนึ่งในการแต่งกาย แต่เราต้องมากำหนดว่าจะเป็นวันใดคงต้องรอข้อบังคับก่อน เมื่อข้อบังคับกำหนดไว้ อย่างไร ประธานสภาฯจะกำหนดอีกครั้ง

หยอกจะนุ่งผ้าขาวม้ามาเหรอ

นายชวนกล่าวอีกว่า ในอนาคตการประชุมสภาฯ ไม่ได้มีเพียงแค่วันพุธและพฤหัสบดี ต่อไปอาจประชุม 5 วันต่อสัปดาห์ ต้องค่อยว่ากันอีกครั้งแต่ตอนนี้ทุกคนควรจะรู้ว่ากาลเทศะในห้องประชุมเป็นอย่างไร เราต้องให้ความสำคัญเรื่องการประพฤติ ปฏิบัติตน ส่วนหนึ่งคือเรื่องของการแต่งกายด้วย เมื่อถามว่า จะให้กลับมาสวมชุดสูทสากลใช่หรือไม่ นายชวนกล่าวว่า สมาชิกส่วนใหญ่สวมชุดสูทสากลมีเพียงบางคนเท่านั้นที่ไม่ได้ใส่ ส่วน ส.ส.หญิงมีความหลากหลายอยู่อาจสืบเนื่องจากขณะนี้ยังไม่มีข้อบังคับหรือระเบียบที่แน่นอน เมื่อถามว่ามีหลายคนระบุว่าให้มองผลงานมากกว่าการแต่งกาย นายชวน ตอบแบบติดตลกว่า “จะนุ่งผ้าขาวม้ามาเหรอ” อยู่ที่กาลเทศะ ผลงานก็ต้องมี ไม่ใช่ว่าจะแต่งตัวอย่างไร ผู้ปฏิบัติหน้าที่ต้องมีผลงาน การแต่งกายต้องเคารพสถานที่และกาลเทศะ

ทีมเศรษฐกิจ ปชป.ชง 1 ที่นา 1 แก้มลิง

เมื่อเวลา 10.30 น. ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายปริญญ์ พานิชภักดิ์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์และหัวหน้าทีมเศรษฐกิจทันสมัย แถลงว่าหลังทีมเศรษฐกิจทันสมัยลงพื้นที่รับฟังปัญหาเกษตรกรอีสานที่ จ.ขอนแก่น ร้อยเอ็ด มหาสารคาม ปัญหาหลักสำคัญต้องเร่งแก้ไขทั้งระยะเร่งด่วน ระยะกลางและระยะยาว เช่น ปัญหาแหล่งน้ำหลายพื้นที่ขาดแคลนเนื่องจากฝนแล้ง แม้จะทำฝนเทียมแต่ไม่สามารถช่วยเหลือได้ทุกที่ เช่น อ.เกษตรวิสัย จ.ร้อยเอ็ด พื้นที่ทุ่งกุลาร้องไห้ พื้นที่เกษตรสำคัญ จะทำหนังสือถึงปลัดกระทรวงเกษตรฯ ประสานทำฝนเทียม ระยะยาวควรสร้างแก้มลิง 1 ที่นา 1 แก้มลิงเก็บกักน้ำไว้ใช้ตลอดปี จะเสนอไปยัง รมว.เกษตรฯให้ดำเนินการ

เชื่อมือ “เสี่ยต่อ” พลิกฟื้นเกษตรกรได้

นายปริญญ์กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ปัญหาหนี้สินเกษตรกรมีเกือบทุกชุมชนยังไม่สามารถแก้ไขได้จริงจัง ทีมงานจะหารือกับธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ปรับโครงสร้างหนี้ใหม่ทั้งระบบ การพักหนี้ การสร้างองค์ความรู้ให้เกษตรกร สร้างวินัยการออมไม่ให้ก่อหนี้เพิ่มขึ้น ที่สำคัญต้องเพิ่มรายได้ เพิ่มเงินในกระเป๋าเกษตรกร เพื่อลดภาระหนี้สิน อาทิ จัดทำแหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตรในชุมชน แปรรูปสินค้าเกษตรให้มีมูลค่าระดับพรีเมียม ส่วนปัญหาชาวนาโดยเฉพาะสายพันธุ์ข้าวที่พยายามพัฒนาสายพันธุ์ใหม่ๆ แต่กลับไม่ได้คุณภาพ ควรจะเน้นพัฒนาสายพันธุ์ข้าวที่มีอยู่แล้วให้ดียิ่งขึ้น ทั้งกระทรวงเกษตรฯและกระทรวงพาณิชย์ ควรหารือร่วมกันวางแนวทางแก้ปัญหามีเป้าหมายสร้างความยั่งยืน ไม่ฉาบฉวย เชื่อว่ารัฐมนตรีของพรรคจะแก้ปัญหาเหล่านี้ได้

กปปส.แห่เบิร์ธเดย์ 70 ปี “สุเทพ”

เมื่อเวลา 08.30 น. ที่วัดชลประทานรังสฤษดิ์ จ.นนทบุรี นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ผู้ร่วมก่อตั้งพรรครวมพลังประชาชาติไทย (รปช.) ทำบุญครบรอบวันคล้ายวันเกิดอายุ 70 ปี พร้อมครอบครัวเทือกสุบรรณ มีอดีตผู้สมัคร ส.ส. และ ส.ส.พรรครวมพลังประชาชาติไทย อดีตแกนนำ กปปส. รวมถึง ส.ส.และอดีต ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ อาทิ นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ นายสุพล จุลใส นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม นายวิทยา แก้วภราดัย รวมถึงอดีตแกนนำ กปปส.ที่เป็นว่าที่รัฐมนตรีใน ครม.ประยุทธ์ 2 คือนายถาวร เสนเนียม และนายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) มากันพร้อมหน้า โดยนายสุเทพกราบสักการะรูปเหมือนและถวายผ้าไตรจีวรหลวงพ่อปัญญานันทภิกขุ อดีตเจ้าอาวาสวัด ก่อนร่วมสวดมนต์ฟังพระธรรมเทศนา ตักบาตรพระสงฆ์ 70 รูป ที่อาคารปัญญานันทานุสรณ์ จากนั้นนายถาวรได้มอบกระเช้าผลไม้ พร้อมสวมกอดกล่าวอวยพรว่า ขอให้มีสุขภาพแข็งแรงและมีกำลังใจเข้มแข็ง ต่อสู้กับสิ่งที่เป็นภัยต่อสังคม นำพาบ้านเมืองให้เจริญก้าวหน้ายิ่งขึ้นไป


“เทือก” แนะพรรคร่วมอดทนปรับตัว

ต่อมาเวลา 10.55 น. นายสุเทพให้สัมภาษณ์ว่าวันเกิดปีนี้คงไม่ต้องฝากอะไรถึงประเทศ แต่อยากฝากให้ตัวเองไม่รู้ว่าจะเหลือเวลาของชีวิตอีกเท่าไหร่ แต่เวลาที่เหลือทั้งหมดตั้งใจจะทำความดี ทำประโยชน์ให้ประเทศและ 3 สถาบันหลักของชาติ ส่วนสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ที่มาร่วมงาน ทุกคนถือเป็นพี่น้องร่วมอุดมการณ์กับตน คบค้าสมาคมกันมานาน ไม่จำเป็นต้องอยู่พรรคเดียวกัน อยู่พรรคไหนร่วมมือกันได้ แต่การประสานทำงานให้เป็นหนึ่งเดียวกันในฐานะรัฐบาลจากต่างพรรคไม่ใช่เรื่องง่าย รัฐบาลจากพรรคการเมืองหลากหลายอาจเหมือนกันบางเรื่อง ต่างในหลายประเด็น ต้องปรับตัวเข้าหากัน เรียนรู้ทำงานร่วมกันให้ได้ แม้ต้องอดทนกับคนบางกลุ่มบางประเภทก็จำเป็น เมื่อถามว่า ความแตกต่างดังกล่าว หมายถึงการทำงานร่วมกับ พปชร.อาจมีปัญหาใช่หรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า วันนี้คงไม่ไปหาศัตรูเพิ่ม ไม่อยากวิพากษ์–วิจารณ์ใครให้เสียหาย

เชียร์ “บิ๊กตู่” เหมาะสุดไม่ห่วง รบ.ปริ่มน้ำ

นายสุเทพกล่าวอีกว่า สำหรับ ม.ร.ว.จัตุมงคล โสณกุล หัวหน้าพรรค รปช. คงต้องรอดูหลังมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯลงมาว่าจะให้ดำรงตำแหน่งใดก็ทำงานในตำแหน่งนั้น เป้าหมายพรรคมีอย่างเดียวคือให้ประเทศ ประชาชนมีความสุข คนที่เหมาะสมที่สุดในสถานการณ์นี้คือ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้ชูเป็นนายกฯมาตลอด เพื่อปฏิรูปให้ประเทศผ่านพ้นวิกฤติไปได้ จึงไม่มีเรื่องต่อรองตำแหน่ง เสนอให้เราทำอะไรก็พร้อม แม้ไม่ให้อะไรเราเลยเราก็ทำหน้าที่ต่อไปได้ ไม่มีปัญหา ส่วนที่ฝ่ายค้านเริ่มตรวจสอบคุณสมบัติ พล.อ.ประยุทธ์ ไม่มีอะไรน่าตกใจ ฝ่ายค้านทำหน้าที่ตรวจสอบตั้งแต่นายกฯลงไปถึงผู้ช่วยรัฐมนตรี ขอให้ทำไปตามหน้าที่ ฝ่ายรัฐบาลมีหน้าที่ทำงาน ต่างคนต่างทำหน้าที่กันไป เมื่อมีคนสงสัยต้องอธิบายเป็นเรื่องปกติ ไม่ได้กังวลที่ฝ่ายค้านจะตรวจสอบคุณสมบัตินายกฯเชื่อว่า พล.อ.ประยุทธ์เป็นบุคคลที่เหมาะสม มีความดี เป็นนายกฯที่ดีได้ในระบอบประชาธิปไตย กรณีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ที่ว่าเป็นรัฐบาลเสียงปริ่มน้ำไม่กังวลเสถียรภาพรัฐบาล มีเสียงมากกว่าเพียง 1 เสียงก็ทำงานได้ ยิ่งมีเสียงน้อยยิ่งต้องทำงานจริงจังและระมัดระวัง ต้องสร้างผลงานให้ประชาชนเห็นและศรัทธา

นายกฯสั่งปราบเว็บกุข่าวใส่ร้าย รบ.

พล.ท.วีรชน สุคนธปฏิภาค รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยถึงกรณีที่มีการแชร์ข้อความในโซเชียลมีเดียระบุรัฐบาลจะให้นักเรียนทั่วประเทศเรียนเพิ่มในวันเสาร์ แล้วหยุดเพียงวันอาทิตย์วันเดียว เริ่มตั้งแต่วันที่ 14 ส.ค.ว่า ไม่เป็นความจริง ทุกอย่างยังเป็นปกติ ทราบที่มาเว็บไซต์ที่กุข่าวใส่ร้ายรัฐบาลแล้ว เช่น tawatnews.com Jaa7News.com Coo8news.com ปล่อยข่าวบิดเบือนบ่อยครั้ง สร้างความสับสนทั้งเพิ่มเรียนวันเสาร์ ผู้หญิงต้องเกณฑ์ทหาร ยกเลิกอาหารกลางวันเด็ก นายกฯสั่งการให้ฝ่ายความมั่นคง กระทรวงดิจิทัลฯ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งสืบหา รวบรวม ปราบปรามเด็ดขาด ถือเป็นภัยความมั่นคง

ภาค ปชช.ขยับล่า 5 หมื่นชื่อแก้ รธน.

ที่ห้องประชุมอนุสรณ์สถาน 14 ตุลา สี่แยกคอกวัว นายสมยศ พฤกษาเกษมสุข ประธานกลุ่มสังคมนิยมประชาธิปไตย แถลงข่าวรณรงค์แก้ไขรัฐธรรมนูญ 2560 ว่า ภาคประชาชนเห็นตรงกันว่ารัฐธรรมนูญฉบับนี้ มีเนื้อหาลิดรอนเสรีภาพของประชาชน มีเจตนาแอบแฝงการสืบทอดอำนาจเผด็จการของ คสช.ทั้งบทบัญญัติว่าด้วยอำนาจหน้าที่วุฒิสภา อำนาจหน้าที่คณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติ รัฐธรรมนูญฉบับนี้ยังไม่เป็นของประชาชน แต่เป็นของชนชั้นปกครอง ทางกลุ่มฯจะรณรงค์ให้ประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้งเข้าชื่อร่วมกันไม่ต่ำกว่า 50,000 รายชื่อ ยื่นต่อนายชวน หลีกภัย ประธานสภาฯ เพื่อให้สภาฯนำเข้าสู่วาระพิจารณาแก้ไขต่อไป

ลั่นนี่คือทางรอดประเทศไทย

จากนั้นทางกลุ่มฯได้จัดเสวนาหัวข้อ “ยกเลิกรัฐธรรมนูญ 2560=ทางรอดประเทศไทย” มีวิทยากร อาทิ นายชวลิต วิชยสุทธิ์ ส.ส.นครพนม พรรคเพื่อไทย นายสาวิทย์ แก้วหวาน เลขาธิการสมาพันธ์แรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ และนายสมยศ พฤกษา-เกษมสุข ประธานกลุ่มสังคมนิยมประชาธิปไตย ร่วมเสวนา โดยนายชวลิตกล่าวว่า ต่อให้มี 10 ประยุทธ์ 10 สมคิด ก็ไม่สามารถแก้ปัญหาบ้านเมืองภายใต้รัฐธรรมนูญนี้ได้ ไม่ได้ดูถูกขอให้ดู 5 ปีผ่านมาแก้ปัญหาให้บ้านเมืองได้หรือไม่ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน แกนนำพรรคพลังประชารัฐบอกว่ารัฐธรรมนูญนี้ออกแบบมาเพื่อพวกเขา บอกเป็นฉบับปราบโกง แต่มีองค์กรอิสระใดบ้างกล้าตรวจสอบรัฐบาล ป.ป.ช.ตรวจสอบคนในรัฐบาลได้หรือไม่ ออกแบบมาเพื่อพรรคพลังประชารัฐ ปูทางให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกฯ

“สมยศ” อัดยับ รธน.60 ฉบับโจรานุโจร

ด้านนายสมยศ พฤกษาเกษมสุข กล่าวว่า เป็นเรื่องน่าอัศจรรย์ใจที่ประเทศไทยใช้รัฐธรรมนูญสูงถึง 20 ฉบับ เฉลี่ยรัฐธรรมนูญละ 3 ปีกว่าๆ เป็นประเทศที่ใช้รัฐธรรมนูญเปลืองที่สุด โดยเฉพาะฉบับปี 2560 ถือเป็นรัฐธรรมนูญฉบับ “โจรานุโจร” ที่มาจากการรัฐประหาร โดยโจรร่างโดยโจร เพื่อโจรทั้งหลาย ขณะที่กระบวนการยกร่างนั้น ประชาชนไม่มีส่วนร่วม เป็นเพียงการยกร่างโดยบุคคลบางคณะจัดทำประชามติแบบมัดมือชก เนื้อหารัฐธรรมนูญมีการล็อกสเปก ห้ามเปลี่ยนแปลงรูปแบบให้ ส.ว.เลือกนายกฯ องค์กรอิสระตรวจสอบรัฐบาลไม่ได้

บทเรียน ลต.24 มี.ค.คนผิดหวัง กกต.

วันเดียวกัน สวนดุสิตโพล มหาวิทยาลัยสวนดุสิต สำรวจความคิดเห็นประชาชนทั่วประเทศ 1,215 คน เมื่อวันที่ 3-6 ก.ค.เรื่องบทเรียนทางการเมืองหลังการเลือกตั้ง 24 มี.ค.2562 โดยเรื่องประชาชนที่สมหวัง ร้อยละ 42.67 ระบุว่าคนรุ่นใหม่ตื่นตัวออกไปใช้สิทธิมากขึ้นร้อยละ 38 ไม่มีเหตุการณ์รุนแรง ร้อยละ 21.33 ผู้สมัครที่เลือกชนะเลือกตั้ง พรรคที่ชอบได้ ส.ส.หลายคน สำหรับเรื่องที่ผิดหวัง ร้อยละ 54.75 ปัญหาการทำงานของ กกต.การเลือกตั้งไม่โปร่งใส ประกาศผลล่าช้า ร้อยละ 30.68 ยังคงขัดแย้งแตกแยก มีเลือกตั้งก็ไม่สามารถแก้ปัญหาการเมืองได้ และร้อยละ 18.29 เลือกตั้งผ่านมานานแล้วแต่ประเทศไม่เดินหน้า ยังไม่มีรัฐบาล

เบื่อข่าวแย่งเก้าอี้ เชื่อการเมืองแย่ลง

ขณะที่สิ่งที่ประชาชนประทับใจในการจัดตั้งรัฐบาล ร้อยละ 47.18 มีนักการเมืองรุ่นใหม่เกิดขึ้น ได้นักการเมืองมีความรู้ความสามารถ ร้อยละ 32.66 ประชาชนตื่นตัว คนรุ่นใหม่สนใจติดตามข่าวสารการเมืองไทยมากขึ้น ร้อยละ 26.21 เป็นรัฐบาลจากหลายพรรค มีนโยบายหลากหลาย ส่วนสิ่งที่อยากลืมร้อยละ 43.39 ระบุว่าการแบ่งโควตาแย่งชิงตำแหน่งกัน เห็นแก่ประโยชน์ตนเองและพวกพ้อง ร้อยละ 36.61 ผู้ชนะการเลือกตั้งไม่ได้จัดตั้งรัฐบาล ไม่คำนึงถึงเสียงส่วนใหญ่ของประชาชน ร้อยละ 22.03 ความล้มเหลวของระบบการเมืองไทย ได้นักการเมืองหน้าเดิมๆมาบริหารประเทศ ทั้งนี้การคาดการณ์ต่อการเมืองไทย เรื่องความวุ่นวายทางการเมือง ร้อยละ 60.52 ระบุว่าแย่ลง ความมั่นคงทางการเมือง อายุรัฐบาล ร้อยละ 57.92 ระบุแย่ลง การทำงานเพื่อประชาชนของรัฐบาล ร้อยละ 47.96 ระบุว่าแย่ลง การประชุมสภาฯทั้งฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายค้าน ร้อยละ 43.85 ระบุว่าแย่ลง ขณะที่การปฏิบัติงานของฝ่ายค้านในการตรวจสอบรัฐบาล ร้อยละ 42.69 ระบุว่าดีขึ้น

มอง พปชร.ร้าวแตกแยกชัดเจน

วันเดียวกัน นิด้าโพล สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) เปิดเผยผลสำรวจความคิดเห็นของประชาชน เรื่อง “รู้สึกอย่างไรกับปัญหาพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.)” สำรวจเมื่อวันที่ 4-5 ก.ค.จาก 1,262 ตัวอย่าง พบว่าร้อยละ 26.86 ระบุว่าพรรคพลังประชารัฐแตกแยกอย่างเห็นได้ชัด ร้อยละ 20.13 ระบุว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ไม่เข้าใจการเมืองแบบประชาธิปไตยที่ต้องมีการแบ่งปันอำนาจ ร้อยละ 19.41 ระบุว่า พล.อ.ประยุทธ์แค่พยายามจะทำให้ได้ ครม.ชุดใหม่ที่ดีที่สุด ร้อยละ 18.54 ระบุว่าความเห็นต่างเป็นส่วนหนึ่งของระบอบประชาธิปไตยเป็นเรื่องปกติ ร้อยละ 16.64 ระบุว่ากลุ่มสามมิตรเล่นการเมืองแบบเดิมๆ ใช้จำนวน ส.ส.กดดันขอเก้าอี้รัฐมนตรี ร้อยละ 10.54 ระบุว่านายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ ควรทำตามคำพูดว่าจะไม่รับตำแหน่งรัฐมนตรี ร้อยละ 7.05 ระบุว่ากลุ่มสามมิตรสมควรได้รัฐมนตรีตามที่ผู้ใหญ่ในพรรครับปากไว้ ร้อยละ 2.06 ระบุว่านายสุริยะเหมาะสมกับตำแหน่ง รมว.พลังงาน ร้อยละ 1.19 ระบุว่านายสุริยะเหมาะสมกับตำแหน่ง รมว.อุตสาหกรรม ร้อยละ 0.87 ระบุว่า พล.อ.ประยุทธ์ใช้เวลาจัดตั้งรัฐบาลนานเกินไป ทำให้ประชาชนเบื่อหน่ายการเมือง และร้อยละ 27.42 ตอบว่าไม่ทราบ/ไม่ตอบ/ไม่สนใจ

ติง “บิ๊กตู่” ควรเน้นบริหารมากกว่าศึกใน

เมื่อถามถึงความเห็นของประชาชนต่อการดำเนินการทางการเมืองในอนาคตของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา พบว่าประชาชนส่วนใหญ่ ร้อยละ 44.69 ระบุว่า ควรให้ความสำคัญกับการบริหารประเทศ มากกว่าปัญหาภายในพรรคพลังประชารัฐ ร้อยละ 28.53 ระบุว่าหากมีปัญหามากนักให้ลาออก เลิกเป็นนายกฯ ร้อยละ 24.17 ระบุว่าหากมีปัญหามากนักยุบสภาเลือกตั้งใหม่

เด็ก พท.หนุน “ทักษิณ” วางมือพักผ่อน

ส่วนกระแสข่าวว่า นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี จะประกาศยุติบทบาททางการเมืองในวันที่ 26 ก.ค. วันคล้ายวันเกิดครบรอบ 70 ปี วันเดียวกัน นายสมคิด เชื้อคง ส.ส.อุบลราชธานี พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ไม่เคยได้ยินมาก่อน แต่มีโอกาสเป็นไปได้ที่จะวางมือเพราะนายทักษิณอายุมากแล้ว มีภารกิจมากมาย ก่อนหน้านี้นายพงษ์ศักดิ์ รักตพงศ์ไพศาล แกนนำพรรคเพื่อไทย เพิ่งประกาศวางมือทางการเมืองไป หากนายทักษิณวางมือจริงก็ดีจะได้พักผ่อน ทำงานมาเยอะแล้ว คงไม่มีปัญหากระทบพรรคเพื่อไทย กรรมการบริหารพรรคบริหารจัดการพรรคกันเองได้ ทุกวันนี้จัดการปัญหาในพรรคได้ลงตัว ทุกวันนี้แม้นายทักษิณไม่วางมือก็เหมือนวางมือ ไม่ได้มายุ่งเกี่ยวกับการบริหารงานภายในพรรค เกรงว่าจะมีปัญหาคนนอกแทรกแซงพรรคตามที่รัฐธรรมนูญห้ามไว้อยู่แล้ว


“เจ๊หน่อย” กระทุ้ง กทม.ขันนอตเก็บขยะ

วันเดียวกัน คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานยุทธศาสตร์การเลือกตั้ง พรรคเพื่อไทย โพสต์เฟซบุ๊กระบุว่านายสุรชาติ เทียนทอง อดีต ส.ส.กทม. พรรคเพื่อไทย แจ้งมาว่าข้อร้องเรียนของชาว กทม.มากที่สุดเรื่องหนึ่งคือการจับเก็บขยะทิ้งช่วง จากอาทิตย์ละครั้งเป็น 2 อาทิตย์ครั้งหรือบางที่นานๆครั้ง ส่งผลกระทบประชาชนอย่างยิ่ง ขอให้ผู้ว่าฯ กทม.และ ผอ.เขตเร่งมาจัดการด่วน เพราะได้รับแจ้งมาด้วยว่า 1 ต.ค.ที่จะถึงนี้ กทม.จะขึ้นค่าเก็บ ค่ากำจัดขยะ อัตราต่ำที่สุดเดือนละ 80 บาท หรือเพิ่มขึ้นจากเดิม 4 เท่าตัว การเพิ่มค่าเก็บค่ากำจัดขยะเป็นเรื่องถกเถียงกันได้หลายแง่มุม แต่เมื่อเพิ่มแล้วอยากให้นำเสนอให้ประชาชนได้รู้ด้วยว่าจะมีวิธีการบริหารจัดการขยะอย่างไรให้มีคุณภาพสูงขึ้นตามไปด้วย ไม่ใช่เพิ่มอัตราค่าเก็บค่ากำจัดขยะไปเรื่อยๆ แต่ขยะกองสูงและทิ้งช่วงเก็บนานขนาดนี้

ผสานคน 3 รุ่นขับเคลื่อนเพื่อไทย

ช่วงเย็น คุณหญิงสุดารัตน์เดินทางลงพื้นที่พบปะพูดคุยปัญหาด้านการเกษตรกับกลุ่มเกษตรกร ที่โรงเรียนวัดเกาะแก้ว อ.ราชสาส์น จ.ฉะเชิงเทรา จากนั้นให้สัมภาษณ์ถึงการปรับโครงสร้างกรรมการบริหารพรรคเพื่อไทยว่า เงื่อนไขของรัฐธรรมนูญทำให้การทำงานของพรรคการเมืองลำบากมากขึ้นจึงต้องปรับตัว รองรับความท้าทายกลไกรัฐธรรมนูญที่บิดเบี้ยว ใช้อำนาจรัฐโดยไม่ละอายต่อความยุติธรรม ความถูกต้อง การปรับโครงสร้างพรรคจะมีสัดส่วนคนทำงานระหว่างคนรุ่นเก่า รุ่นกลางและรุ่นใหม่ผสมผสาน ดึงศักยภาพคนทั้ง 3 รุ่น ให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด เพราะพรรคเพื่อไทยมีคนรุ่นใหญ่มากด้วยประสบการณ์ คนรุ่นกลางรู้เท่าทันโลกเป็นสะพานเชื่อมกับคนรุ่นใหม่ที่เข้ามาพร้อมความคิดใหม่ๆ รู้เท่าทันเทคโนโลยี ส่วนการเลือกตั้งกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่วันที่ 12 ก.ค.นั้น นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ ส.ส.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย เหมาะสมเป็นหัวหน้าพรรค ส่วนนายภูมิธรรม เวชยชัย ที่ประกาศวางมือมีความรู้ความสามารถ ทุ่มเทเสียสละให้พรรคมานาน เชื่อว่ายังให้คำปรึกษาแนะนำช่วยงานพรรคต่อไป ยืนยันว่านายภูมิธรรมไม่ทิ้งพรรคแน่นอน

ไม่มีความคิดเห็น: