PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันศุกร์ที่ 5 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

ศก.ไทยครึ่งปีหลัง 56 อาจชะลอตัว เมกะโปรเจกต์ภาครัฐเริ่มมีความเสี่ยง

"แนวโน้ม ศก.ไทยครึ่งปีหลัง 56 อาจชะลอตัว เมกะโปรเจกต์ภาครัฐเริ่มมีความเสี่ยง ด้านคลังลั่นมั่นใจการลงทุนขนาดใหญ่ของรัฐบาลเดินหน้าได้ ยันทำตาม กม. ทุกขั้นตอน"..

ศูนย์วิจัยกสิกร มองแนวโน้ม ศก.ไทยครึ่งปีหลัง 56 อาจชะลอตัว เตรียมหั่น “จีดีพี” เหลือแค่ 4% พร้อมห่วงความไม่แน่นอนในการลงทุนทางภาครัฐ ทั้งในเรื่องการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน 2 ล้านล้าน และการบริหารจัดการน้ำ 3.5 แสนล้านบาท ด้าน“กิตติรัตน์” มั่นใจการลงทุนขนาดใหญ่ของรัฐบาล ทั้งเมกะโปรเจกต์ 2.2 ล้านล้าน และโครงการน้ำ 3.5 แสนล้าน สามารถเดินหน้าได้ แม้จะมีข้อท้วงติงทางกฎหมายจากหลายฝ่าย ยันรัฐบาลปฎิบัติตามกรอบ กม. ทุกขั้นตอน


นายเชาว์ เก่งชน กรรมการผู้จัดการ บริษัท ศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด เปิดเผยในการสัมมนา CEO Survey - Economic outlook ครึ่งปีหลัง 2556 ดยมองว่า แนวโน้มเศรษฐกิจไทยในช่วงครึ่งปียังคงชะลอตัวต่อเนื่องจากสถานการณ์ความเสี่ยงของเศรษฐกิจโลกที่มีความผันผวนทางเศรษฐกิจจากยุโรป และสหรัฐอเมริกา

สำหรับสิ่งที่เป็นห่วงมากที่สุดในช่วงนี้ คือ เรื่องของเศรษฐกิจจีน ที่มีตัวเลขอ่อนตัวลงจนสู่ระดับที่ต่ำสุด รวมถึงความไม่แน่นอนในการลงทุนทางภาครัฐในเรื่องการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน 2 ล้านล้าน และการบริหารจัดการน้ำ 3.5 แสนล้านบาท ที่จะส่งผลกระทบต่อภาคเศรษฐกิจไทยในครึ่งปีหลัง

ทั้งนี้ ศูนย์วิจัยกสิกร ได้ปรับลดประมาณการเติบโตทางเศรษฐกิจ (จีดีพี) จากเดิมที่อยู่ที่ 4.8% ลดลงเหลือ 4.0% ส่วนภาคการส่งออกประเมินว่าจะลดลงจากเป้าที่ 9% เหลือเพียง 4%

ส่วนแนวโน้มดอกเบี้ยนโยบายครึ่งปีหลังของไทย มองว่า ยังทรงตัวอยู่ที่ระดับ 2.5% ขณะที่ กระแสเงินลงทุนจากต่างประเทศยังหาผลตอบแทนก่อนที่สหรัฐฯ จะมีการชะลอมาตรการผ่อนคลายทางการเงิน (คิวอี) ซึ่งจะส่งผลให้ค่าเงินบาทของไทยครึ่งปีหลังจะมีความผันผวนตามปัจจัยระยะสั้นที่เข้ามากระทบ โดยคาดว่าค่าเงินจะอยู่ที่ประมาณ 30 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ

นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวถึงกรณีที่หลายฝ่ายมีความเป็นห่วงโครงการลงทุนขนาดใหญ่ของรัฐบาล ทั้งการลงทุนระบบบริหารจัดการน้ำวงเงิน 3.5 แสนล้านบาท หรือการลงทุนในระบบโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมวงเงิน 2 ล้านล้านบาท โดยยืนยันว่า โครงการขนาดใหญ่ดังกล่าวจะสามารถเดินหน้าได้ แม้จะมีข้อร้องเรียนทางกฎหมายจากหลายฝ่าย พร้อมระบุว่า กระบวนการของการลงทุนดังกล่าวนั้นเป็นไปตามกรอบขั้นตอนทางกฎหมายทุกประการ

ทั้งนี้ อาจจะมีผู้หลักผู้ใหญ่ในแวดวงกฎหมายที่มีความเป็นห่วง แต่เราก็มีสำนักงานกฤษฎีกาที่พิจารณาว่าต้องทำอะไร โดยกรณีการลงทุน 2 ล้านล้านบาท ซึ่งเราเสนอเป็นพระราชบัญญัตินั้น ก็สอดคล้องกับสมาชิกสภาฯ ทั้งฝ่ายค้าน และรัฐบาล และจะเห็นได้ว่าฝ่ายค้านก็เคยบอกว่าให้เสนอเป็นพระราชบัญญัติ เราก็ทำอย่างนั้น

อย่างไรก็ตาม เมื่อหลายฝ่ายยังมีความเป็นห่วง ทางรัฐบาลก็จำเป็นต้องสร้างความเข้าใจให้ตรงกัน โดยตนได้หารือกับทางรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมว่า จะต้องจัดทีมเจ้าหน้าที่ เพื่ออธิบายให้ทุกฝ่ายได้เห็นภาพของตัวกฎหมายว่ามีความคลอบคลุมในด้านใด โดยอาจชี้แจงในขั้นตอนของการปฏิบัติในเชิงลึกด้วย เพื่อให้เกิดความสบายใจ ซึ่งตนเชื่อว่าจะสามารถสร้างความเข้าใจที่ตรงกันได้

http://astv.mobi/AU9kh79 และ http://astv.mobi/Ae4SWbI


ไม่มีความคิดเห็น: