PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันพฤหัสบดีที่ 4 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

ฉันเป็นเด็กหนีโรงเรียน

ระพี สาคริก

เธอเพื่อนรักทุกคน ฉันหวังว่าหลายคนคงทราบแล้วว่าขณะนี้ฉันมีอายุใกล้ 92 เข้าไปทุกขณะ หวนกลับไปนึกถึงช่วงปี พ.ศ. 2477 ซึ่งช่วงนั้นฉันเรียนอยู่ชั้นมัธยมปีที่ 2 ชั้นเบื่อการเรียนให้ห้องเต็มที ถ้าจะถามว่าเหตุใดฉันจึงหนีโรงเรียน ความจริงตอบไม่ยากเลย ถ้ารู้จักใช้ปฏิภาณนั้นก็คือการกลับกระแสดังกล่าว แล้วเธอก็จะพบความจริงได้เอง

ถ้าจะให้ฉันเจาะคำถาม ฉันคงพูดว่า “ฉันคิดหนีโรงเรียนเพราะโรงเรียนไล่ตามฉันแต่ตามไม่ทัน ใช่หรือเปล่า

เมื่อฉันเรียนอยู่ในชั้นมัธยม 1 ใครๆก็คิดว่าตัวฉันเองเรียนเก่ง เพื่อนก็บอกว่าเรียนเก่ง ครูก็บอกว่าเรียนเก่ง เลยตัดสินใจให้ฉันข้ามชั้นเรียนหน้าตาเฉยโดยไม่ถามสักคำเดียว

ความจริงฉันเรียนอยู่ในชั้นทำไมคนเหล่านั้นจึงไม่สังหรณ์ใจว่าเหตุใดฉันจึงเรียนเก่ง

คำตอบก็คือก็เพราะตัวฉันเองไม่หวงวิชา รู้อะไรก็เปิดโอกาสให้เพื่อนๆถามได้อย่างอิสระ แม้แต่ครูถามฉันก็ไม่กลัว นี่แหละที่ฉันเบื่อการเรียนในชั้นที่มันมีแต่เรื่องซ้ำๆซากๆ

ถ้าถามฉันว่าหนีไปไหน คำตอบก็คือหนีไปเรียนเอง และเรียนในสิ่งที่ตนไม่เคยรู้มาก่อน แม้กระทั่งใครว่าฉันเก่งวิทยาศาสตร์ แต่ฉันก็ไปเรียนศิลปะ ฉันแอบไปนั่งเขียนรูปพระที่นังอนันตสมาคมอยู่ในเขาดินวนา บางครั้งก็ไปสังเกตอะไรต่อมิอะไรที่เราไม่เคยนำมาคิดวิเคราะห์

ปรกติคนทั่วไปมักเชื่อว่าการเรียนจะต้องอยู่ในโรงเรียนเท่านั้น แต่ฉันเป็นเด็กอุตริชน สิ่งใดที่ใครๆเขาว่ามันยากแสนยากฉันจะสนใจเรียนเองและค้นหาเหตุผลด้วยตนเองทั้งหมด แม้แต่วิชาสถิติฉันก็ไม่ยอมเรียนจากครูสอน

นี่แหละตัวฉันเองไม่เพียงแต่เป็นเด็กอุตริเท่านั้น แต่ยังเป็นเด็กดื้ออีกด้วย

ฉันนึกถึงภาษิตโบราณที่กล่าวไว้ว่า “ถ้าไม่มีเหตุนั้นก็ย่อมไม่มีเหตุนี้” เพราะฉะนั้นฉันจึงทำตัวเป็นอุตริชนมาตลอด กล้วยไม้ฉันก็ไม่ได้เรียนในโรงเรียน เพราะถ้าสนใจเรียนก็คงไม่มีใครมาสอนฉัน แต่เพราะการเรียนรู้ด้วยตัวเองนี่แหละที่มันทำให้เป็นคนมีความสามรถ อีกทั้งยังเป็นคนมีนิสัยกล้าหาญอีกด้วย

เธอลองอ่านดูก็แล้วกันว่าฉันได้งานประชุมกล้วยไม้โลกมาอย่างไร อ่านแล้วอย่าสงสัยนะเธอ ประเดี๋ยวจะเป็นเหมือนที่เคยพูดเอาไว้ว่า “จะจัดงานกล้วยไม้โลกก็ไปเอาคนที่เก่งเรื่องกล้วยไม้มาทำ

ฉันพูดอยู่เสมอว่าถ้าจะจัดงานประชุมกล้วยไม้โลกก็ต้องเอาคนที่ไม่รู้เรื่องกล้วยไม้โลกมาทำ ซึ่งจะทำให้ประสบความสำเร็จจอย่างแน่นอน

ฉันจะเฉลยปัญหาด้วยก็ได้ว่าเพราะเหตุใด เพราะคนที่เขาไม่ได้รู้เรื่องกล้วยไม้นั่นแหละเขารู้เรื่องมนุษย์ดีกว่าอย่างอื่น

ถ้าเธอไม่ลืมสัจธรรมบทหนึ่งซึ่งกล่าวไว้ว่า “ทุกสิ่งทุกอย่างมีมนุษย์เป็นเหตุทั้งสิ้น

โบราณก็ได้กล่าวฝากไว้ว่า “อยู่ที่ไหนก็ให้คนเขารัก จากไปก็ให้คนเขาคิดถึง”

หาใช่ “อยู่ที่ไหนก็ให้กล้วยไม้เขารัก จากไปก็ให้กล้วยไม้เขาคิดถึง”

แม้แต่การศึกษาธรรมะก็เช่นกัน เมื่อพูดถึงธรรมะก็ต้องเขาวัด ทั้งชีวิตเท่าที่ผ่านมาแล้ว ฉันไม่เคยได้ยินใครพูดเลยว่า “ธรรมประจำวัด มีแต่พูดว่าธรรมประจำใจ”

ฉันฝากไว้นิดเดียวว่าเวลาเธอเดินไปไหนมาไหนแล้วนิ้วหัวแม่เท้ามันสะดุดตะปู ก็ขอให้เธอหวนกลับมาดูว่าเธอสะดุดอะไรอยู่

บ้านระพี สาคริก พหลโยธิน 41 จตุจักร กรุงเทพฯ 10900

ระพี สาคริก
4 กรกฎาคม 2556

ไม่มีความคิดเห็น: