ระพี สาคริก
เธอเพื่อนรักทุกคน ฉันหวังว่าหลายคนคงทราบแล้วว่าขณะนี้ฉันมีอายุใกล้ 92 เข้าไปทุกขณะ หวนกลับไปนึกถึงช่วงปี พ.ศ. 2477 ซึ่งช่วงนั้นฉันเรียนอยู่ชั้นมัธยมปีที่ 2 ชั้นเบื่อการเรียนให้ห้องเต็มที ถ้าจะถามว่าเหตุใดฉันจึงหนีโรงเรียน ความจริงตอบไม่ยากเลย ถ้ารู้จักใช้ปฏิภาณนั้นก็คือการกลับกระแสดังกล่าว แล้วเธอก็จะพบความจริงได้เอง
ถ้าจะให้ฉันเจาะคำถาม ฉันคงพูดว่า “ฉันคิดหนีโรงเรียนเพราะโรงเรียนไล่ตามฉันแต่ตามไม่ทัน ใช่หรือเปล่า
เมื่อฉันเรียนอยู่ในชั้นมัธยม 1 ใครๆก็คิดว่าตัวฉันเองเรียนเก่ง เพื่อนก็บอกว่าเรียนเก่ง ครูก็บอกว่าเรียนเก่ง เลยตัดสินใจให้ฉันข้ามชั้นเรียนหน้าตาเฉยโดยไม่ถามสักคำเดียว
ความจริงฉันเรียนอยู่ในชั้นทำไมคนเหล่านั้นจึงไม่สังหรณ์ใจว่าเหตุใดฉันจึงเรียนเก่ง
คำตอบก็คือก็เพราะตัวฉันเองไม่หวงวิชา รู้อะไรก็เปิดโอกาสให้เพื่อนๆถามได้อย่างอิสระ แม้แต่ครูถามฉันก็ไม่กลัว นี่แหละที่ฉันเบื่อการเรียนในชั้นที่มันมีแต่เรื่องซ้ำๆซากๆ
ถ้าถามฉันว่าหนีไปไหน คำตอบก็คือหนีไปเรียนเอง และเรียนในสิ่งที่ตนไม่เคยรู้มาก่อน แม้กระทั่งใครว่าฉันเก่งวิทยาศาสตร์ แต่ฉันก็ไปเรียนศิลปะ ฉันแอบไปนั่งเขียนรูปพระที่นังอนันตสมาคมอยู่ในเขาดินวนา บางครั้งก็ไปสังเกตอะไรต่อมิอะไรที่เราไม่เคยนำมาคิดวิเคราะห์
ปรกติคนทั่วไปมักเชื่อว่าการเรียนจะต้องอยู่ในโรงเรียนเท่านั้น แต่ฉันเป็นเด็กอุตริชน สิ่งใดที่ใครๆเขาว่ามันยากแสนยากฉันจะสนใจเรียนเองและค้นหาเหตุผลด้วยตนเองทั้งหมด แม้แต่วิชาสถิติฉันก็ไม่ยอมเรียนจากครูสอน
นี่แหละตัวฉันเองไม่เพียงแต่เป็นเด็กอุตริเท่านั้น แต่ยังเป็นเด็กดื้ออีกด้วย
ฉันนึกถึงภาษิตโบราณที่กล่าวไว้ว่า “ถ้าไม่มีเหตุนั้นก็ย่อมไม่มีเหตุนี้” เพราะฉะนั้นฉันจึงทำตัวเป็นอุตริชนมาตลอด กล้วยไม้ฉันก็ไม่ได้เรียนในโรงเรียน เพราะถ้าสนใจเรียนก็คงไม่มีใครมาสอนฉัน แต่เพราะการเรียนรู้ด้วยตัวเองนี่แหละที่มันทำให้เป็นคนมีความสามรถ อีกทั้งยังเป็นคนมีนิสัยกล้าหาญอีกด้วย
เธอลองอ่านดูก็แล้วกันว่าฉันได้งานประชุมกล้วยไม้โลกมาอย่างไร อ่านแล้วอย่าสงสัยนะเธอ ประเดี๋ยวจะเป็นเหมือนที่เคยพูดเอาไว้ว่า “จะจัดงานกล้วยไม้โลกก็ไปเอาคนที่เก่งเรื่องกล้วยไม้มาทำ
ฉันพูดอยู่เสมอว่าถ้าจะจัดงานประชุมกล้วยไม้โลกก็ต้องเอาคนที่ไม่รู้เรื่องกล้วยไม้โลกมาทำ ซึ่งจะทำให้ประสบความสำเร็จจอย่างแน่นอน
ฉันจะเฉลยปัญหาด้วยก็ได้ว่าเพราะเหตุใด เพราะคนที่เขาไม่ได้รู้เรื่องกล้วยไม้นั่นแหละเขารู้เรื่องมนุษย์ดีกว่าอย่างอื่น
ถ้าเธอไม่ลืมสัจธรรมบทหนึ่งซึ่งกล่าวไว้ว่า “ทุกสิ่งทุกอย่างมีมนุษย์เป็นเหตุทั้งสิ้น
โบราณก็ได้กล่าวฝากไว้ว่า “อยู่ที่ไหนก็ให้คนเขารัก จากไปก็ให้คนเขาคิดถึง”
หาใช่ “อยู่ที่ไหนก็ให้กล้วยไม้เขารัก จากไปก็ให้กล้วยไม้เขาคิดถึง”
แม้แต่การศึกษาธรรมะก็เช่นกัน เมื่อพูดถึงธรรมะก็ต้องเขาวัด ทั้งชีวิตเท่าที่ผ่านมาแล้ว ฉันไม่เคยได้ยินใครพูดเลยว่า “ธรรมประจำวัด มีแต่พูดว่าธรรมประจำใจ”
ฉันฝากไว้นิดเดียวว่าเวลาเธอเดินไปไหนมาไหนแล้วนิ้วหัวแม่เท้ามันสะดุดตะปู ก็ขอให้เธอหวนกลับมาดูว่าเธอสะดุดอะไรอยู่
บ้านระพี สาคริก พหลโยธิน 41 จตุจักร กรุงเทพฯ 10900
ระพี สาคริก
4 กรกฎาคม 2556
ถ้าจะให้ฉันเจาะคำถาม ฉันคงพูดว่า “ฉันคิดหนีโรงเรียนเพราะโรงเรีย
เมื่อฉันเรียนอยู่ในชั้นมัธยม 1 ใครๆก็คิดว่าตัวฉันเองเรียนเก่ง
ความจริงฉันเรียนอยู่ในชั้นทำไม
คำตอบก็คือก็เพราะตัวฉันเองไม่ห
ถ้าถามฉันว่าหนีไปไหน คำตอบก็คือหนีไปเรียนเอง และเรียนในสิ่งที่ตนไม่เคยรู้มา
ปรกติคนทั่วไปมักเชื่อว่าการเรี
นี่แหละตัวฉันเองไม่เพียงแต่เป็
ฉันนึกถึงภาษิตโบราณที่กล่าวไว้
เธอลองอ่านดูก็แล้วกันว่าฉันได้
ฉันพูดอยู่เสมอว่าถ้าจะจัดงานปร
ฉันจะเฉลยปัญหาด้วยก็ได้ว่าเพรา
ถ้าเธอไม่ลืมสัจธรรมบทหนึ่งซึ่ง
โบราณก็ได้กล่าวฝากไว้ว่า “อยู่ที่ไหนก็ให้คนเขารัก จากไปก็ให้คนเขาคิดถึง”
หาใช่ “อยู่ที่ไหนก็ให้กล้วยไม้เขารัก
แม้แต่การศึกษาธรรมะก็เช่นกัน เมื่อพูดถึงธรรมะก็ต้องเขาวัด ทั้งชีวิตเท่าที่ผ่านมาแล้ว ฉันไม่เคยได้ยินใครพูดเลยว่า “ธรรมประจำวัด มีแต่พูดว่าธรรมประจำใจ”
ฉันฝากไว้นิดเดียวว่าเวลาเธอเดิ
บ้านระพี สาคริก พหลโยธิน 41 จตุจักร กรุงเทพฯ 10900
ระพี สาคริก
4 กรกฎาคม 2556
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น