มีสี่เรื่องที่ทำให้การประท้วงในอียิปต์ไม่เหมือนกับไทยสมัยพันธมิตร และนั่นหมายความว่าการเอาวิธีมองการเมืองไทยไปมองการเมืองอียิปต์จะไม่ช่วยให้เข้าใจอะไรเลย
แน่นอนว่าอียิปต์มีความขัดแย้งระหว่างประธานาธิบดีกับกองทัพและศาล แต่เทียบไม่ได้กับความขัดแย้งระหว่างรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งกับกลุ่มที่เรียกว่า "อำมาตย์" ของไทย
๑) คู่ขัดแย้งหลักในไทยคือฝ่ายอำมาตย์กับฝ่ายประชาธิปไตย ขณะที่คู่ขัดแย้งหลักในอียิิปต์คือฝ่ายอำนาจเก่ากับฝ่ายการเมืองอิงศาสนา ความขัดแย้งหลักของไทยจึงเป็นเรื่องการเอาหรือไม่เอาประชาธิปไตย ขณะที่ความขัดแย้งในอียิปต์เป็นเรื่องระหว่าง อำนาจเก่าที่ไม่เอาประชาธิปไตย กับอำนาจใหม่ที่อิงรัฐศาสนา (ซึ่งมีธรรมชาติจะขัดแย้งกับหลักเสรีประชาธิปไตย)
๒) มวลชนฝ่ายต่อต้านรัฐบาลอียิปต์คือพวกเสรีนิยม พวกฝ่ายซ้าย พวกกลุ่มพลเมือง รวมทั้งกลุ่มผู้หญิงและเยาวชน ส่วนมวลชนฝ่ายต่อต้านทักษิณคือพวกอนุรักษ์นิยมโหนเจ้าและอิงศาสนาบางนิกาย ความต้องการของมวลชนฝ่ายต่อต้านรัฐบาลอียิปต์จึงเป็ํนเรื่องของการเรียกร้องการเลือกตั้งและประชาธิปไตย ขณะที่มวลชนฝ่ายไล่ทักษิณเป็นพวก 70-30 และนายกพระราชทาน
๓) ฉากการเมืองในอียิปต์คือผู้ขับไล่รัฐบาลใช้วิธีชุมนุมยืดเยื้อในที่ตั้งแต่ถูกกองกำลังของรัฐและมวลชนผู้สนับสนุนรัฐบาลประทุษร้ายจนฝ่ายต่อต้านตายไปแล้วอย่างน้อย ๑๘ ศพ ฉากการเมืองไทยสมัยไล่ทักษิณคือฝ่ายต่อต้านประชาธิปไตยใช้การชุมนุมแบบดาวกระจายเพื่อเร่งให้สถานการณ์รุนแรงและยั่วยุให้ทหารรัฐประหาร
๔) พลังอนุรักษ์นิยมอียิปต์คือศาลและกองทัพซึ่งไม่มีโอกาสยุ่งกับความขัดแย้งทางการเมืองโดยตรง ยุ่งเมื่อไรก็จะกลายเป็นฝ่ายทำลายประชาธิปไตยเมื่อนั้น ขณะที่พลังอนุรักษ์นิยมไทยมีความยอมรับนับถือในประชาสังคมและพรรคการเมืองเป็นฐาน ยุ่งเมื่อไรก็ไม่ถูกหาว่าทำลายประชาธิปไตย ซ้ำยังถูกมองว่าเป็นบทบาทที่จำเป็นเพื่อพิทักษ์ประชาธิปไตย
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น