PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันอังคารที่ 30 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

น่าจดจำ

โดย พิชัย นริพทะพันธุ์ อดีต รมว. พลังงาน

วิกฤตการณ์ทางการเมืองของประเทศอียิปต์ที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงจากระบอบเผด็จการที่ครองอำนาจมานานมาเป็นระบอบประชาธิปไตย แล้วก็ถูกทหารปฏิวัติอีก ทำให้นึกถึงว่่าไม่ต่างอะไรกับเหตุการณ์ในประเทศไทยในสมัย 14 ตุลาคม 2516 ซึ่งกว่าการเมืองจะมีเสถียรภาพได้ก็ต้องพัฒนากันอีกหลายปี และก็ได้แต่หวังว่าประเทศไทยจะพัฒนาและก้าวข้ามปัญหาการเมืองเหล่านี้ไปแล้วและไม่ย้อนไปให้เกิดความวุ่นวายอีก 

ความวุ่นวายทางการเมืองในอียิปต์ส่งผลกระทบให้ราคาน้ำมันในตลาดโลกเพิ่มสูงขึ้นมาก ทั้งๆที่อียิปต์ไม่ได้เป็นผู้ผลิตน้ำมันขนาดใหญ่ เพียงแต่อยู่ในตะวันออกกลางและเกรงกันว่าความวุ่นวายจะลุกลามไปยังประเทศอื่นๆในตะวันออกกลางด้วย ซึ่งเรื่องนี้ทำให้ไม่มั่นใจว่าเป็นความตั้งใจที่จะปั่นราคาน้ำมันเพื่อเก็งกำไรของกองทุนข้ามชาติระดับใหญ่หรือไม่ เพราะกองทุนพวกนี้มักจะหาเหตุปั่นราคาเพื่อทำกำไรเป็นอาชีพอยู่แล้ว พอจะปั่นราคาให้ขึ้นหรือให้ลงก็อ้างเหตุผลได้ทุกอย่าง

มีสื่อมวลชนหลายท่านมาสอบถามผู้เขียนว่าในภาวะราคาน้ำมันในตลาดโลกผันผวนเช่นนี้ รัฐบาลควรจะใช้กองทุนน้ำมันเข้าสนับสนุนราคาน้ำมันก๊าซโซฮอลล์หรือไม่ เพราะปัจจุบันหลังจากที่ได้ยกเลิกการใช้น้ำมันเบนซิน 91แล้ว น้ำมันเบนซินที่จำหน่ายก็จะเป็นก๊าซโซฮอลล์เกือบทั้งหมดยกเว้นเบนซิน 95ที่ยังพอมีจำหน่ายอยู่บ้างแต่ไม่มากนัก ส่วนราคาดีเซลก็มีการยกเลิกการเก็บภาษีสรรพสามิตอยู่แล้วและยังกำหนดราคาไม่ให้เกิน 30 บาท 

จึงอยากขอเรียนว่า การรักษาเสถียรภาพราคาของน้ำมันไม่ให้เพิ่มสูงขึ้นเร็วเกินไปหรือต่ำลงเร็วเกินไปในภาวะผันผวนของราคาน้ำมันในตลาดโลกเป็นหน้าที่หลักของกองทุนน้ำมันอยู่แล้ว แต่ปัจจุบันกองทุนน้ำมันถูกนำไปใช้ผิดประเภทโดยถูกนำไปใช้ในการสนับสนุนราคาก๊าซ LPG ปีหนึ่งๆเป็นเงินหลายหมื่นล้านบาท 

ซึ่งในเดือนกันยายนนี้กระทรวงพลังงานจะเริ่มขั้นตอนในการปรับราคาก๊าซ LPG ที่ใช้ในครัวเรือนให้สะท้อนต้นทุนแต่ยังคงช่วยเหลือผู้ที่มีรายได้น้อย ซึ่งจะทำให้กองทุนน้ำมันใช้เงินสนับสนุนราคาก๊าซ LPG ลดลง และนำเงินมาทำหน้าที่หลักในการรักษาเสถียรภาพของราคาน้ำมัน 

แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นจะต้องไม่เข้าไปสนับสนุนราคาก๊าซโซฮอลล์นานจนเกินไปจนทำให้กองทุนติดลบมาก โดยหวังว่าเหตุการณ์ในอียิปต์จะสงบโดยเร็ว และราคาน้ำมันในตลาดโลกจะกลับเข้าสู่ภาวะปกติ แต่ถ้าในระยะยาวราคาน้ำมันไม่ลดลงก็อาจจะต้องทะยอยปรับขึ้นเพื่อให้ประชาชนได้ปรับตัว และเรื่องนี้ก็เป็นสัญญาณเตือนให้ประเทศไทยต้องเร่งเพิ่มการสำรองน้ำมันดิบในกรณีที่เกิดเหตุการณ์ฉุกเฉินในต่างประเทศที่ไม่สามารถจะควบคุมได้ 

แต่เรื่องที่น่าเป็นห่วงและแปลกใจกับข่าวที่ว่าการผลิตเอทานอลอาจจะไม่เพียงพอกับการใช้ผสมน้ำมันเป็นก๊าซโซฮอลล์ถึงกับจะมีการลดส่วนผสม ซึ่งผู้เขียนต้องขอกระตุ้นไปที่กระทรวงพลังงานให้เร่งแก้ปัญหานี้โดยด่วนซึ่งไม่น่าจะเป็นไปได้ 

เพราะกำลังผลิตเอทานอลในประเทศน่าจะอยู่ที่วันละ 4-5 ล้านลิตรต่อวัน โดยปัจจุบันใช้อยู่วันละประมาณ 2.6 ล้านลิตร อีกทั้งแผนงานของรัฐบาลจะต้องสนับสนุนให้ใข้เอทานอลถึงวันละ 9 ล้านลิตรในปี 2564 

นอกจากน้ำมันแล้ว ราคาทองก็เพิ่มขึ้นเช่นกัน ทั้งที่ก่อนหน้านี้ราคาทองคำมีแนวโน้มที่จะลดลงตลอด โดยมีการปล่อยข่าวว่าประเทศจีนจะมีการปรับเปลี่ยนการถือครองทุนสำรองของประเทศกระจายจากเงินดอลล่าร์มาเพิ่มเป็นทองคำ ซึ่งเรื่องนี้ยังไม่ได้มีการยืนยันจากจีน 

ซึ่งหากเป็นจริงก็อาจจะทำให้ราคาทองคำมีเสถียรภาพและมีราคาเพิ่มขึ้นได้ แต่ก็อาจจะเป็นการปั่นราคาของกองทุนขนาดใหญ่เพื่อทำกำไรก็เป็นได้อีกเช่นกัน ดังนั้นผู้ที่คิดจะลงทุนจะต้องระมัดระวังและติดตามข่าวให้ดี


หันกลับมามองความผันผวนในเรื่องเงินทุนต่างประเทศที่ไหลเข้าออกประเทศไทย ซึ่งมีการเปลี่ยนแปลงเร็วมาก ตอนนี้การฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐเริ่มไม่แน่นอนทำให้แนวโน้มเริ่มจะมีเงินทุนไหลเข้าอีกแล้ว ดังนั้นกระทรวงการคลังและธปท.จะตัองเตรียมรับมือกับความผันผวนที่จะเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องนี้


โดยเฉพาะธปท. ที่ท่านประธาน ดร. วีรพงษ์ รามางกูรจะครบอายุในไม่ช้านี้ ท่านได้พยายามอย่างเต็มที่ที่จะปรับเปลี่ยนวิธีคิดแบบอนุรักษ์นิยมของ ธปท. โดยท่านอยากเห็น ธปท. ปรับการดำเนินการให้ทันต่อเหตุการณ์ในการรับมือกับสภาวะการเงินของโลกที่ผันผวน แต่ดูเหมือนจะทำได้ไม่ง่ายนัก ในขณะที่ ท่านผู้ว่าการธปท. 

ดร.ประสาร ที่จะครบเทอมในปีหน้านี้เช่นกัน และเหมือนกับผู้ว่าฯธนาคารกลางของสหรัฐ นายเบน เบอร์นันเก้ ก็จะครบเทอมในเร็วๆนี้ ซึ่งนายเบน เบอร์นันเก้ก็จะถูกจดจำได้เฉพาะเรื่อง QE เท่านั้น ไม่ได้ยิ่งใหญ่เหมือน ผู้ว่าการธนาคารกลางของสหรัฐในอดีต ที่มีอิทธิพลต่อเศรษฐกิจโลกอย่างมาก 

ดังนั้นท่านผู้ว่าฯประสารอยากจะถูกจดจำในเรื่องใดก็น่าจะได้เร่งดำเนินการก่อนที่จะครบวาระ และคงจะดีไม่น้อยหากว่าท่านจะถูกจดจำว่าเป็นผู้สามารถวางรากฐานสร้างระบบการเงินของไทยให้รองรับกับการผันผวนของการเงินโลกในทศวรรษนี้ได้ ดีกว่าที่จะถูกจำได้แค่ว่าแม้ค่าบาทจะแข็งที่ 27 บาทต่อดอลล่าร์ ไทยก็ยังโตได้ 4% นี่ขนาดตอนนี้อยู่ที่ 30 บาทกว่า 4% ก็ยังไม่รู้ว่าจะได้หรือเปล่าเล

ไม่มีความคิดเห็น: