PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันจันทร์ที่ 7 ตุลาคม พ.ศ. 2556

เพจสายตรงตีข่าว "อลงกรณ์" เปลือยธาตุแท้ ปฏิรูปพรรค

เพจสายตรงตีข่าวอลงกรณ์ เปลือยธาตุแท้ ปฏิรูปพรรค นำไปสู่การเปลี่ยนผู้บริหาร ไม่การันตี อภิสิทธิ์ เหมาะสมเป็นหัวหน้าต่อหรือไม่ อ้างที่ประชุมใหญ่ตัดสินใจ ไม่ยึดตัวบุคคล ขู่ กก.บห.ไม่เห็นตาม เดินเกมรณรงค์สู้ต่อ ยันพรรคไม่แตก ซ้ำร้อย 10 มกรา ปัด ตอบ ลาออกพร้อมเลขาพรรค

นายอลงกรณ์ พลบุตร รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ภาคกลาง กล่าวถึงกรณีที่ทวิตเตอร์เกี่ยวกับการปฏิรูปพรรคว่าจะเป็นการต่อสู้ยกสุดท้ายของตนเองและนายเฉลิมชัย ศรีอ่อน เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ว่า หลังจากกรรมการบริหารพรรครับหลักการแล้ว ก็จะประชุมครั้งที่สองเพราะถึงเวลาปฏิรูปพรรคไม่มีเวลาซื้ออีกต่อไป จะเอาปฏิรูปหรือไม่ก็ให้ชัดเจนออกมา ทั้งนี้ข้อตกลงที่หารือกันในเรื่องของการเปลี่ยนแปลงวิธีคิด ตามขั้นตอนที่หารือตามระบบจนเมื่อมีความเห็นชอบข้อบังคับใหม่เข้าที่ประชุมใหญ่วิสามัญประจำปี ซึ่งกรรมการบริหารพรรคชุดปัจจุบันต้องลาออกและมีการเลือกคณะกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่

เมื่อถามว่า การปฏิรูปที่ต้องการคือการเปลี่ยนแปลงหัวหน้าพรรคหรือไม่ นายอลงกรณ์ กล่าวว่า ไม่เคยพูดถึงการเปลี่ยนแปลงหัวหน้าพรรคแต่ว่าไม่อยากให้ยึดติดกับบุคคล แต่ต้องปฏิรูปพรรคเพื่อให้ได้รับชัยชนะ และไม่ขอตอบว่านายอภิสิทธิ์ ยังมีความเหมาะสมที่จะเป็นหัวหน้าพรรคหรือไม่ เพราะไปไกลเกินไป เราไม่เคยพูดถึงตัวบุคคล หากสร้างองค์กรให้เข้มแข็ง มีประสิทธิภาพก้าวหน้า ได้ใครไปใครมาไม่สำคัญ อย่าติดยึดเรื่องตัวบุคคล โดยทั้งหมดอยู่ที่ที่ประชุมใหญ่ของพรรคจะตัดสินใจ ที่ผ่านมาการปฏิรูปไม่พูดถึงตัวบุคคลไม่ว่าจะเป็นหัวหน้า หรือเลขาให้เป็นการตัดสินของสมาชิกพรรคทั้งหมด

นายอลงกรณ์ กล่าวว่า การปฏิรูปจะทำให้พรรคกลับมาเป็นทางเลือกที่ดีกว่า ทั้งด้านโครงสร้าง ข้อบังคับพรรค วันนี้เป็นการประชุมกรรมการบริหารพรรคที่ไม่ใช่พิจารณาแค่ร่างข้อบังคับกับโครงสร้างเท่านั้น แต่ต้องหาข้อสรุปแนวทางการบริหารจัดการพรรคเพื่อให้เป็นไปตามกรอบที่ตกลงกันไว้ คือ ปฏิรูปโดยองค์รวมทั้งหมด

เมื่อถามว่า ก่อนหน้านี้เคยบอกว่าจะยอมรับมติกรรมการบริหารพรรค เหตุใดจึงมีการข่มขู่ว่าจะต่อสู้เป็นยกสุดท้ายหมายความว่าจะลาออกหรือไม่ นายอลงกรณ์ กล่าวว่า ตนไม่ได้ข่มขู่ เพียงแต่ว่าได้อธิบายย้อนหลังว่าเคยมีเหตุการณ์ความเห็นต่างที่ทำให้นายเฉลิมชัย คิดจะลาออกจากตำแหน่งเลขาธิการพรรค ไม่ใช่ความขัดแย้งเรื่องการปฏิรูป และตนจะไม่เอาความต้องการของตัวเองเป็นที่ตั้ง แต่ต้องบริหารความเห็นที่แตกต่างโดยไม่แตกแยก

อย่างไรก็ตามนายอลงกรณ์ไม่ยอมพูดให้ชัดเจนว่าจะลาออกจากกรรมการบริหารพรรคหรือ ส.ส.พรรคพร้อมกับนายเฉลิมชัย ตามที่มีการทวิตขู่หรือไม่ โดยอ้างว่า ไม่เคยพูดถึงเรื่องลาออกสื่อตีความกันไปเอง ถ้าผลการประชุมไม่เห็นด้วยกับการปฏิรูปกลุ่มส.ส.ปฏิรูปจะดำเนินการให้สมาชิกส่วนใหญ่เห็นด้วย โดยนำเสนอแนวทางปฏิรูปผ่านสาขา ส.ส. อย่าคิดว่าถ้าไม่เห็นด้วยแล้วจะลาออกอยู่มา 22 ปี มีหน้าที่ทำให้พรรคกลับมาชนะ เพราะการบริหารที่มาไม่ประสบความสำเร็จ แม้รัฐบาลผิดพลาดเราก็ไม่กระเตื้องขึ้น ตนในฐานะรองหัวหน้าพรรคจึงคิดว่าต้องปฏิรูปให้ดีขึ้นไม่ใช่เพื่อให้เกิดความแตกแยก เราต้องอดทนในฐานะสถาบันการเมืองความแตกต่างไม่ใช่แตกแยก เพราะการเสนอความเห็นแตกต่างหากกรรมการบริหารพรรคไม่เห็นด้วยพวกตนก็จะประชุมกลุ่มส.ส.ปฏิรูปซึ่งมีทุกภาคไม่ใช่แค่ภาคกลางเท่านั้น และตนเห็นว่าคนส่วนใหญ่เห็นด้วยกับการปฏิรูปพรรคเพื่อดุลอำนาจกับรัฐบาล ในระบบสองพรรคการเมือง แต่ถ้าอ่อนแอจนเสียงในสภาต่างกันมากขึ้นจะเป็นผลเสียมากกว่า

“ไม่อยากให้นำเรื่องนี้ไปเทียบกับกรณี 10 มกรา เพราะเรามีบทเรียนมาแล้ว พรรคจะต้องเข้มแข็งไปสู่ความเป็นเอกภาพบริหารความแตกต่างให้ได้อย่าเอามาเปรียบเทียบกัน และการทวิตเตอร์ของผมอย่าใช้คำว่าขู่ เพราะเราเป็นระบบปิดมานานแล้วจึงต้องเปิดให้กว้างเพื่อให้ประชาชนรับทราบ มีแค่คนบางกลุ่มไม่เห็นด้วยเท่านั้น ส่วนถ้าการปฏิรูปไม่ได้เป็นไปตามที่ต้องการจะลาออกหรือไม่นั้นยังไม่ขอตอบอย่าเพิ่งตีตนไปก่อนไข้” นายอลงกรณ์ กล่าว

ข้อมูลจาก : เพจสายตรงภาคสนาม

ไม่มีความคิดเห็น: