PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันเสาร์ที่ 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

ยึดประเทศชนะ1ธ.ค. เทือกผุด‘กปปส.’ปิด‘ทำเนียบฯ-ศูนย์ราชการ-ศาลากลาง’


วันเสาร์ที่ 30 พฤศจิกายน 2556, 00:00 น.

๐ ม็อบดาวกระจายบุก "เพื่อไทย-ทบ." จี้ถามจุดยืน "ประยุทธ์" ย้ำกองทัพเป็นทหารของในหลวงและประชาชน นักธุรกิจเป่านกหวีดย่านอโศกดังสนั่น "สุเทพ" รวมพลังตั้งคณะ "กปปส." ประกาศ 1 ธ.ค. วันมหาชัยชนะ ประกาศยึดทุกหน่วยในศูนย์ราชการฯ ทำเนียบฯ สตช. เขาดิน กรมประชาสัมพันธ์ ฯ "ปู" เต้นเรียกถกหน่วยมั่นคง ตั้งวอร์รูมแจกงาน รมต.ช่วย แจงสื่อนอกอ้างมาจากการเลือกตั้ง ลั่นไม่ยุบสภา "ตร." ปั้นยอดเสื้อแดงเท่าศูนย์ราชการฯ 2 หมื่นคน "รองโฆษก รบ." ใช้เวที ศอ.รส.ป้อง "หญิงอ้อ" ไม่คิดแผนฆ่า "เทือก" 

เมื่อวันศุกร์ กลุ่มผู้ชุมนุมต่อต้านระบอบทักษิณ ยังคงเคลื่อนขบวนดาวกระจายไปตามสถานที่ต่างๆ เพื่อเรียกร้องให้แต่ละหน่วยงานแสดงจุดยืนต่อต้านรัฐบาล และต่อต้านระบอบทักษิณอย่างต่อเนื่อง โดยตั้งแต่เวลา 11.00 น. กลุ่มเครือข่ายนักศึกษาและประชาชนปฏิรูปประเทศไทย (คปท.) นำโดยนายอุทัย ยอดมณี และนายนิติธร ล้ำเหลือ ที่ปรึกษา คปท.พร้อมมวลชนกว่า 10,000 คน เคลื่อนขบวนจากแยกนางเลิ้ง ไปยังกองบัญชาการกองทัพบก (บก.ทบ.) เพื่อทวงถามจุดยืนของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ.และกองทัพ ที่มีต่อสถานการณ์บ้านเมือง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อกลุ่มผู้ชุมนุมเดินทางถึงด้านหน้า บก.ทบ. นายรัชต์ยุตฆ์ ศิรโยธินภักดี แกนนำแนวร่วม คปท. สั่งให้มวลชนที่เป็นชายฉกรรจ์ประมาณ 80 คน เข้าประชิดประตู บก.ทบ.ด้าน ถ.ราชดำเนินทุกประตู ก่อนช่วยกันผลักดันพังประตูเข้าไปชุมนุมภายในสนามหญ้าหน้า บก.ทบ. นายอุทัยอ่านแถลงการณ์ว่า คปท.ขอเรียกร้องให้ ผบ.ทบ.และกองทัพประกาศจุดยืนต่อชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ โดยขณะนี้วิกฤตการณ์บ้านเมืองได้ก้าวไปสู่การล่มสลายของทุกภาคส่วนของประเทศ กัดกร่อนบ่อนทำลายหลักนิติธรรม นิติรัฐ จากการบริหารงานของรัฐบาลพรรคเพื่อไทย โดยการนำของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ซึ่งมี พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร พี่ชายและนักโทษหนีคดี กำกับอยู่เบื้องหลัง ทำให้ประเทศไทยเป็นประเทศเดียวในโลก

เวลา 14.30 น. หลังกลุ่ม คปท.ปักหลักชุมนุมที่ บก.ทบ.กว่า 4 ชั่วโมง แกนนำได้ให้ผู้ชุมนุมเคลื่อนขบวนออกเดินทางกลับไปยังแยกนางเลิ้ง 

ทหารย้ำยืนข้างประชาชน

ต่อมา พ.อ.วินธัย สุวารี รองโฆษกกองทัพบก พร้อมด้วย พ.อ.วีรชน สุคนธปฏิภาค รองโฆษกกองทัพบกร่วมกันแถลงข่าว โดย พ.อ.วินธัยอ่านคำแถลงการณ์ของ พล.อ.ประยุทธ์ หลัง คปท.บุกเข้ามาชุมนุมภายใน บก.ทบ.ว่า กองทัพบกขอแจ้งต่อสาธารณชนให้ทราบว่า กองทัพบกยังคงเป็นกองทัพของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและประชาชนอยู่เสมอ โดยติดตามสถานการณ์และเตรียมการดูแลช่วยเหลือประชาชน หากมีการบาดเจ็บหรือสูญเสียจากสถานการณ์การชุมนุมที่อาจจะมีแนวโน้มกำลังก้าวไปสู่ความรุนแรงอยู่ในขณะนี้ 

"กองทัพบกขอให้การชุมนุมของทุกฝ่ายเป็นไปตามระบอบประชาธิปไตยภายใต้กรอบกฎหมาย รวมทั้งอย่าได้พยายามแบ่งฝ่าย หรือดึงกองทัพต้องตกเป็นฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง เพราะกองทัพบกถือว่าประชาชนทุกคนเป็นคนไทยด้วยกันทั้งสิ้น ดังนั้นทั้งรัฐบาล เจ้าหน้าที่รัฐ ประชาชนทุกภาคส่วน จะต้องร่วมมือกันแสวงหาทางออกอย่างสันติให้ได้โดยเร็ว" รองโฆษกกองทัพบกกล่าว

อีกจุด เวลา 11.00 น. กลุ่มคนรักชาติ ถ.เพชรบุรี ต่อต้านระบอบทักษิณ นัดรวมตัวกันที่บริเวณตึกชาญอิสสระ ถนนเพชรบุรีตัดใหม่ กันตั้งแต่ช่วงเช้า จากนั้นได้เคลื่อนขบวนพร้อมเป่านกหวีดเชิญชวนพนักงานบริษัท ประชาชนตามเส้นทางถนนเพชรบุรีตัดใหม่ เข้าร่วมขบวนเดินทางไปที่หน้าที่ทำการพรรคเพื่อไทย ถนนเพชรบุรีตัดใหม่ 

โดยเมื่อเดินทางมาถึงที่ทำการพรรคเพื่อไทย ต่างก็ตะโกนโจมตีการทำงานของพรรคเพื่อไทย พร้อมเป่านกหวีดขับไล่ ซึ่งบรรยากาศบริเวณรอบพรรคเพื่อไทยเป็นไปอย่างคึกคัก โดยเฉพาะด้านข้างเป็นอาคารไทยซัมมิท ทาวเวอร์ ได้มีพนักงานบริษัทต่างๆ ที่เช่าพื้นที่ของอาคารกว่า 200 คน ออกมาร่วมชุมนุมและเป่านกหวีดร่วมกับผู้ชุมนุมที่อยู่ด้านนอกเป็นระยะ

ขณะที่พรรคเพื่อไทย กำลังตำรวจกว่า 4 กองร้อย ดูแลความเรียบร้อย พร้อมนำรถเครื่องขยายเสียงมาจอดบริเวณหน้าพรรค ชี้แจงกับผู้ชุมนุมว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ที่ประจำการจุดนี้ ไม่ได้เข้าข้างฝ่ายหนึ่งฝ่ายใด เป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจของประชาชน จะปฏิบัติหน้าที่อย่างตรงไปตรงมา 

ทั้งนี้ พรรคเพื่อไทยได้นำป้ายข้อความ “ปิดทำการ”, “ห้ามเข้าเด็ดขาด” และ “พรรคหยุด 1 วัน 29 พ.ย.56” มาติดไว้บริเวณหน้าพรรคด้วย 

กระทั่ง เวลา 13.45 น. กลุ่มผู้ชุมนุมได้ร่วมกันร้องเพลงชาติไทยและเพลงสรรเสริญพระบารมี พร้อมประกาศยุติการรวมตัวทำกิจกรรมที่หน้าพรรคเพื่อไทย พร้อมประกาศว่า หากรัฐบาลและพรรคเพื่อไทยยังมีพฤติกรรมอย่างเดิมอีก จะกลับมาแน่นอน

ส่วนบริเวณสถานีรถไฟฟ้าบีทีเอส อโศก เวลา 11.30 น. ก็มีประชาชนออกมาร่วมตัวชุมนุม พร้อมชมรมนักธุรกิจเพื่อประชาธิปไตย และตัวแทนจากมหาวิทยาลัยต่างๆ รวมถึง น.ส.รสนา โตสิตระกูล ส.ว.กทม. เพื่อแสดงจุดยืนต่อต้านระบอบทักษิณ ปฏิรูปการเมืองให้เป็นประชาธิปไตย พร้อมร่วมกันเป่านกหวีดขับไล่รัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ เช่นเดียวกับนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์, นายกรณ์ จาติกวณิช รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เข้าร่วมด้วย

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า แกนนำได้นำรถกระจายเสียงเปิดเพลงให้กำลังใจ พร้อมปราศรัยเชิญชวนให้ประชาชนเดินทางออกมาชุมนุม โดยนายพงศ์โพยม วาศภูติ อดีตปลัดกระทรวงมหาดไทย ได้ขึ้นอ่านแถลงการณ์ของกลุ่มรักประเทศไทย ในการแสดงจุดยืนล้มล้างระบอกทักษิณ นายสมเกียรติ หอมละออ ประธานชมรมนักธุรกิจเพื่อประชาธิปไตย กล่าวว่า จะนำกลุ่มผู้ชุมนุมเดินทางไปยื่นหนังสือที่สถานทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย เพื่อให้ชาวต่างประเทศเข้าใจถึงการชุมนุมและการทำงานของรัฐบาลที่ล้มเหลว

นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า วันนี้ไม่ได้บังเอิญมา แต่เป็นการตั้งใจมา และไม่ได้มาเพราะพรรค ไม่ได้มาเพราะสี แต่มาเพื่อความถูกต้อง เรื่องนี้จะจบเมื่อไหร่อย่างไร พี่น้องประชาเป็นคนกำหนด ยืนยันว่าจะไม่จบจนกว่าชัยชนะจะเป็นของพี่น้องประชาชน

จากนั้น เวลา 12.34 น. กลุ่มผู้ชุมนุมต่างร่วมกันเป่านกหวีด เพื่อแสดงออกถึงการต่อต้านรัฐบาลและระบอบทักษิณ ก่อนที่จะแยกย้ายกันกลับ โดยกลุ่มของนายสมเกียรติ พร้อมด้วยนายกรณ์และ นพ.ตุลย์ สิทธิสมวงศ์ นำผู้ชุมนุมไปยื่นหนังสือที่สถานทูตสหัฐอเมริกาประจำประเทศไทย ถนนวิทยุ ที่เวทีอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ถ.ราชดำเนิน การชุมนุมของกลุ่มต่อต้านระบอบทักษิณ ก็ยังมีผู้เข้าร่วมอย่างหนาแน่น โดยช่วงค่ำ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ พร้อมด้วยนายศิริโชค โสภา, นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต และ พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ได้เดินทางมาถึงเวทีราชดำเนิน และเดินทักทายผู้ชุมนุม โดยผู้ชุมนุมได้โห่ร้องเเละเป่านกหวีดต้อนรับ ลั่น 1 ธ.ค. วันแห่งชัยชนะ นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย กล่าวบนเวทีว่า จากที่แกนนำได้ร่วมหารือกันขณะนี้ ได้ข้อสรุปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ขอให้ผู้ชุมนุมรอฟังทิศทางในการเคลื่อนไหวจากนายสุเทพ ที่จะประกาศให้รับทราบ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เวลา 15.30 น. ได้มีชายวัยรุ่นเข้ามาก่อเหตุสร้างความวุ่นวายในพื้นที่การชุมนุมโดยได้ลักลอบนำประทัดเเละได้วิ่งไล่จุดโยนใส่ผู้ที่เดินทางมาชุมนุม เเต่ไม่มีผู้ใดได้รับบาดเจ็บ โดยการ์ดเเละเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยได้เข้าจับกุมตัวไว้บริเวณร้านอาหารเมธาวัยวลัย ศรเเดง ทราบชื่อคือนายเอกลักษณ์ พุ่มรินทร์ อายุ 22 ปี ชาว จ.ฉะเชิงเทรา การ์ดอาสาสมัครจึงคุมตัวส่ง สน.สำราญราษฎร์ ที่กระทรวงการคลัง ซึ่งเป็นอีกจุดที่กลุ่มผู้ชุมนุมปักหลักตั้งเวที มีแกนนำย่อยสลับกันปราศรัย โดย นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ อดีต ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ได้ขึ้นเวทีปราศรัย โจมตีการทำงานของรัฐบาล พร้อมกล่าวเชิญชวนมวลมหาชนออกมาแสดงพลังร่วมชุมนุม ที่เวทีศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะ ซึ่งกลุ่มผู้ชุมนุมยังคงปักหลักรวมตัวกันอยู่อีกแห่งเช่นกัน บรรยากาศเต็มไปด้วยความคึกคัก มีการตั้งจอโปรเจ็กเตอร์ขนาดใหญ่ และเครื่องขยายเสียงบริเวณหน้าอาคารบี เพื่อติดตามการถ่ายทอดบรรยากาศบนเวทีในแต่ละที่ รวมถึงกิจกรรมต่างๆ ของผู้ชุมนุมและแกนนำ ขณะที่ผู้ชุมนุมต่างทยอยหลบแดดเข้ามานั่งฟังแกนนำปราศัยซึ่งทานแกนนำได้ประกาศเชิญชวนมวลชนให้ออกมาร่วมชุมนุมกันให้มากๆ เช่นวันที่ 24 พ.ย.ที่ผ่านมา ต่อมาเวลา 14.00 น. กลุ่มสมาพันธ์สหภาพแรงงานวิสาหกิจสัมพันธ์ (สรส.) ได้เคลื่อนขบวนรถที่ดัดแปลงเป็นเวทีปราศรัยเคลื่อนที่ 2 คัน มายังประตูด้านทิศตะวันออกชั้น 1 อาคารศูนย์ราชการฯ ถ.แจ้งวัฒนะ พร้อมประกาศผ่านเครื่องขยายเสียงว่า สมาพันธ์สหภาพแรงงานวิสาหกิจฯ พร้อมที่จะร่วมโค่นระบอบทักษิณกับผู้ชุมนุมกลุ่มต่างๆ และประชาชน ทำให้ประชาชนที่ปักหลักรออยู่บริเวณดังกล่าว ต่างเป่านกหวีดและชูมือตบต้อนรับอย่างกึกก้อง นายสุเทพ เทือกสุบรรณ แกนนำกลุ่มต่อต้านระบอบทักษิณ ประชุมหารือแนวทางการเคลื่อนไหว ร่วมกับ ร.ต.แซมดิน เลิศบุศย์, นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์, นายแทน เทือกสุบรรณ, น.ต.ประสงค์ สุ่นศิริ, นายวิทยา แก้วภราดัย, นายอิสสระ สมชัย, นางศิริวรรณ ปราศจากศัตรู, นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย, นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ, นายสมศักดิ์ โกศัยสุข, นพ.ระวี มาศฉมาดล, นายถาวร เสนเนียม, นายสาวิทย์ แก้วหวาน, หลวงปู่พุทธะอิสระ, พล.อ.ปรีชา เอี่ยมสุพรรณ, นายสนธิญาณ ชื่นฤทัยในธรรม, พล.ต.อ.วสิษฐ เดชกุญชร และนายสำราญ รอดเพชร เวลา 19.30 น. นายสุเทพขึ้นเวทีปราศัย พร้อมแนะนำกลุ่มนักวิชาการที่เข้าร่วมต่อต้านระบอบทักษิณ และแกนนำกลุ่มต่างๆ ที่เข้าร่วมการชุมนุม ภายใต้ชื่อ คณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยสมบูรณ์อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (กปปส.) นายสุเทพกล่าวว่า ตนจะเป็นเลขาฯ กปปส. และกำหนดแนวทางในการต่อสู้กับระบอบทักษิณ อย่างไรก็ตาม คณะกรรมการ กปปส.ได้หารือตัดสินใจร่วมกันแล้วโดยกำหนดวันชนะของมวลชน เพราะไม่ต้องการให้พี่น้องประชาชนทุกข์ทรมานในการต่อสู้อีกต่อไป โดยจะกำหนดวันที่ 1 ธ.ค. เป็นวันแห่งชัยชนะของมวลมหาประชาชนผู้รักชาติรักแผ่นในทุกพื้นที่ของประเทศ ขอให้รับรู้ว่ามวลมหาประชาชนที่รักชาติได้ตัดสินใจแล้วว่า 1 ธ.ค. เป็นวันที่แห่งชัยชนะของมวลมหาประชาชน 

นายสุเทพกล่าวว่า การจะได้ชัยชนะต้องร่วมแรงร่วมใจกันขจัดระบอบทักษิณให้หมดสิ้นจากแผ่นดินไทย นี่คือการปฏิบัติการของพลเมืองดี ซึ่งเป็นเจ้าของอำนาจอธิปไตยอย่างแท้จริง นอกจากนี้ เรายังได้กำหนดแผนปฏิบัติการที่เป็นไปโดยสันติปราศจากอาวุธ สิ่งที่สำคัญคือทุกคนต้องร่วมมือร่วมใจกันอย่าง และออกมาชุมนุมจำนวนมาศาล 

"เราจะเริ่มปฏิบัติตั้งแต่คืนนี้เป็นต้นไป และขอให้พี่น้องทุกคนที่มาร่วมชุมนุมในคืนนี้ ได้ร่วมกันควบคุมศูนย์ราชการที่เป็นศูนย์รวมของทุกกระทรวงที่นี้โดยสมบูรณ์เด็ดขาด และประกาศไปยังพี่น้องทุกคนที่นี้ว่าวันจันทร์ไม่ต้องทำงานอีกแล้ว ถ้าจะมาทำอีกต้องรอตนประกาศ แต่จะอนุญาตให้มาร่วมชุมนุมได้ โดยให้ข้าราชการศาลปกครอง ศาลรัฐธรรมนูญ กองทัพไทยเข้าทำงานได้" นายสุเทพกล่าว

เขากล่าวว่า นอกจากนี้เราจะเข้ายึดพื้นที่ กสท และทีโอที ซึ่งเชื่อว่าทุกอย่างจะเป็นไปอย่างเรียบร้อย และวันอาทิตย์ พวกเราจะเข้าไปยึดทำเนียบรัฐบาล สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กองบัญชาการตำรวจนครบาล กระทรวงศึกษาธิการ และสวนสัตว์เขาดิน เพราะที่แห่งนี้มีเจ้าหน้าที่ตำรวจตั้งกองกำลังอยู่ รวมถึงจะเข้าไปยึดกระทรวงแรงงาน กระทวงพาณิชย์ กรมประชาสัมพันธ์ และกระทรวงการต่างประเทศ และยึดทุกพื้นที่ เพื่อไม่ให้คนมาทำงานอีกแล้ว 

"ส่วนพี่น้องที่ได้อยู่ในรัฐวิสาหกิจ ก็ไม่ต้องทำงานอีกแล้วนับตั้งแต่วันจันทร์เป็นต้นไป ยกเว้นการบินไทย บีทีเอส รถไฟ รถเมล์ และในวันอาทิตย์ เวลา 10.45 น.ขอให้พี่น้องทุกคนไปรอตามกระทรวง ทบวง กรม ต่างๆ ตามที่ผมประกาศไปแล้ว โดยไม่ต้องไม่มีแกนนำ แต่พกหัวใจอันยิ่งใหญ่ลุกขึ้นไปปฏิบัติพร้อมกัน หลังจากนั้นเวลาบ่ายโมงเราจะร่วมกันประกาศชัยชนะประชาชนพร้อมกัน และวันนั้นจะไม่มีระบอบทักษิณอีกต่อไป โดยขอให้มวลชนยึดหลักสันติวิถี ปราศจากอาวุธ" นายสุเทพกล่าว

ช่วงค่ำ หลังนายสุเทพประกาศท่าทีแล้ว บนเวทีอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย นายสาทิตย์กล่าวว่า ขอนัดในวันอาทิตย์ เวลา 09.00 น. เพื่อจะเดินอารยะไปควบคุมพื้นที่ทำเนียบรัฐบาล, สตช., บช.น., กระทรวงศึกษาธิการ, เขาดินวนา และกระทรวงแรงงาน เพื่อไม่ให้ตำรวจออกมาปราบจลาจล ส่วนเวทีกระทรวงการคลังจะรับหน้าที่ควบคุมพื้นที่กระทรวงการคลัง สำนักงบประมาณ และกรมประชาสัมพันธ์ ในขณะที่พี่น้องประชาชนในต่างจังหวัด ก็ให้ไปควบคุมศาลากลางทั่วประเทศ เพื่อแสดงพลังของเจ้าของประเทศ ในขณะที่ประชาชนอื่นๆ ก็ให้มีหน้าที่สังเกตการณ์และตรวจสอบกำลังของเจ้าหน้าที่ 

“ไม่มีทางถอย ไม่มีกลัวอีกต่อไปแล้ว วันที่ 1 ธ.ค.ต้องเอาชัยชนะของมวลมหาประชาชนกลับบ้านให้จงได้ ร่วมกันเปลี่ยนแปลงประเทศไทยไปสู่สังคมที่ดี เพื่ออนาคตลูกหลาน ขจัดระบอบทักษิณ” นายสาทิตย์กล่าว

นายสามารถ มะลูลีม ส.ส.กทม. พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ตัวแทนชาวจีนในเยาวราชได้จัดทำนกหวีดทองคำ น้ำหนัก 6 สลึง ให้แก่นายสุเทพ เทือกสุบรรณ แกนนำกลุ่มต่อต้านกฎหมายนิรโทษกรรม ทั้งนี้ นกหวีดทองคำได้อยู่ที่ตน พร้อมจะหาจังหวะเวลามอบให้

นายดำรงค์ ไวยคมณี ประธานสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจการบินไทย กล่าวผ่านสำนักข่าวรอยเตอร์ว่า สหภาพซึ่งมีสมาชิกราว 15,000 คน จะหยุดงาน และงดบินทันที หากมีการเข้าสลายการชุมนุมหรือทำร้ายผู้ประท้วงที่กำลังชุมนุมประท้วงรัฐบาลของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ 

ด้านเวทีกลุ่มคนเสื้อแดง ที่สนามกีฬาราชมังคลากีฬาสถาน หัวหมาก นางธิดา ถาวรเศรษฐ ประธานกลุ่มแนวร่วมประชาธิไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) แถลงเรียกร้องให้รัฐบาลดูแลความปลอดภัยของกลุ่มผู้ชุมนุม และขอให้คนเสื้อแดงอดทนต่อกลุ่มคนที่มีความเห็นต่างกัน พร้อมย้ำว่าสภาผู้แทนราษฎรขณะนี้เป็นสภาประชาชนอย่างแท้จริง เพราะมาจากการเลือกตั้ง แต่แนวคิดของนายสุเทพควรเรียกว่า สภาแต่งตั้ง น่าจะเหมาะกว่า 

นายจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำ นปช. ขึ้นเวทีปราศรัยว่า การบุกยึดอาคารสถานที่ราชการของกลุ่มนายสุเทพ จนถึงขณะนี้ยังไม่สำเร็จ ดังนั้น การประกาศภารกิจที่จะปิดฉากภายใน 1-2 วันนี้ อาจจะเป็นการบุกยึดตัวบุคคลสำคัญ เช่น นายกรัฐมนตรี หรือแกนนำ นปช. ดังนั้น เรื่องดังกล่าวจะสำเร็จหรือไม่ ขึ้นอยู่กับกลุ่มคนเสื้อแดง ที่ต้องออกมาแสดงพลัง นายจตุพรยังเรียกร้องให้นายสุเทพลาออกจากการเป็นสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ เพื่อแสดงตัวให้ชัดว่าการต่อสู้ครั้งนี้ไม่ได้เกี่ยวข้องกับพรรค

"ปู" ประกาศไม่ยุบสภา

วันเดียวกัน ที่ทำเนียบรัฐบาล ตั้งแต่ช่วงเช้า น.ส.ยิ่งลักษณ์เรียกประชุมหน่วยงานความมั่นคง ประชุมประเมินสถานการณ์การชุมนุม ใช้เวลา 30 นาที โดย พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก รองนายกฯ กล่าวว่า นายกฯ ให้นโยบายขอให้ข้าราชการในทุกส่วนอดทนอดกลั้น ปฏิบัติตามกฎหมาย ไม่ใช้อาวุธและความรุนแรงต่อผู้ชุมนุม โดยเน้นประชาสัมพันธ์ทำความเข้าใจต่อผู้ชุมนุม หากมีการเผชิญหน้าขอให้คุยกัน 

"ขณะนี้ได้ส่งสัญญาณไปแล้วว่าต้องการพูดคุย แต่ขอสงวนชื่อผู้ใหญ่ซึ่งเป็นคนกลางทำหน้าที่ประสานกับนายสุเทพ รวมทั้งผมยังพยายามติดต่อโทรศัพท์ไปยังนายถาวร เสนเนียม อดีต ส.ส.สงขลา เพื่อพยายามจะติดต่อกับนายสุเทพ แต่ยังไม่รับสาย ถามว่าไม่คุยแล้วจะรู้เรื่องได้อย่างไร จะไปให้ตั้งสภาประชาชนหรือศาลประชาชนอย่างนั้นหรือ รัฐธรรมนูญไม่ได้บัญญัติไว้ ในเมื่อไม่มีแล้วเราจะเอาอย่างไร ถ้าอยากจะให้มีต้องแก้ไขกฎหมาย ก็ต้องคุยกันให้ถึงจุดนั้น” พล.ต.อ.ประชากล่าว

ซักว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ มีท่าทีอย่างไรกับเรื่องการพูดคุย พล.ต.อ.ประชารีบบอก อย่าไปเอ่ยถึงบุคคลภายนอกที่ไม่เกี่ยวข้อง

พล.ท.ภราดร พัฒนถาบุตร เลขาฯ สมช. กล่าวว่า รัฐบาลได้ดำเนินการจัดตั้งวอร์รูมเพื่อป้องกัน แก้ไข ระงับ ยับยั้ง บรรเทาเหตุการณ์ โดยคำนึงถึงสิทธิในการแสดงออกของประชาชน ด้วยการตั้งวอร์รูมเพื่อติดตามสถานการณ์ภาพรวม โดยมีนายพงศ์เทพ เทพกาญจนา รองนายกฯ และนายวราเทพ ดูข้อกฎหมายรัฐสภา ร.ต.อ.เฉลิมดูข้อกฎหมายคดีต่างๆ นายสุรนันทน์คอยอำนวยการห้องวอร์รูมที่ห้องเขียว ตึกไทยคู่ฟ้า ดูภาพร่วมการประชาสัมพันธ์ และนายธงทองดูเรื่องการร้องเรียนความเดือดร้อนของประชาชน ผ่านทางหมายเลขโทรศัพท์ 1111

ต่อมานายมาร์ค แอนดรูว์ เจฟฟรีย์ เคนต์ เอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งสหราชอาณาจักรประจำประเทศไทย เข้าเยี่ยมคารวะ น.ส.ยิ่งลักษณ์ 

นายธีรัตถ์ รัตนเสวี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงข่าว นายมาร์คได้สอบถามถึงสถานการณ์ความขัดแย้งในไทย โดยมีความกังวลต่อสถานการณ์ที่เกิดขึ้น อยากเห็นการชุมนุมเป็นไปอย่างสงบ อยู่ภายใต้กรอบของประชาธิปไตยและกฎหมาย ซึ่ง น.ส.ยิ่งลักษณ์ตอบกลับว่า รัฐบาลอยากเห็นการเจรจาเช่นกัน และขอย้ำว่าจะดูแลปกป้องผู้ชุมนุมอย่างเต็มที่ และอยากเห็นการแสดงออกทางประชาธิปไตยภายใต้หลักนิติธรรม รักษาตัวบทกฎหมาย โดยรัฐบาลจะใช้แนวทางสันติภาพหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้า และการดำเนินการใดๆ จะต้องเป็นไปตามมาตรฐานสากล 

ขณะที่เฟซบุ๊ก น.ส.ยิ่งลักษณ์ได้นำบทสัมภาษณ์ของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ต่อสำนักข่าว CNN มาเปิดเผย โดยระบุคำสัมภาษณ์ว่า "หวังเป็นอย่างยิ่งว่า ประชาชนชาวต่างประเทศและประชาชนชาวไทยจะสนับสนุนให้ประเทศไทยสามารถกลับสภาวะปกติ รัฐบาลสนับสนุนเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น ตราบใดที่ไม่กระทำผิดกฎหมาย การดำเนินการกับผู้ประท้วงของรัฐบาลจะเป็นไปอย่างสันติและยึดหลักสากล"

นอกจากนี้ สำนักข่าว BBC ของอังกฤษ เปิดเผยบทสัมภาษณ์พิเศษ น.ส.ยิ่งลักษณ์ เกี่ยวกับสถานการณ์การเมืองของไทยขณะนี้หลังจากการประท้วงเพื่อขับไล่รัฐบาลล่วงเข้าวันที่ 6 โดยออกอากาศทางสถานีข่าวโทรทัศน์ของบีบีซี ซึ่งเกาะติดการชุมนุมประท้วงของไทยในช่วงหลายวันที่ผ่านมา

ผู้สื่อข่าวที่ทำหน้าที่สัมภาษณ์คือ โจนาธาน เฮด ได้ตั้งคำถามข้อหนึ่งว่า เหตุใด น.ส.ยิ่งลักษณ์จึงยังไม่ยุบสภา เสียแต่ตอนนี้เพื่อให้มีการเลือกตั้งใหม่ ก็ได้รับคำตอบจาก น.ส.ยิ่งลักษณ์ว่า สถานการณ์ขณะนี้ยังไม่สงบพอสำหรับจัดการเลือกตั้ง และถึงแม้จะมีการเลือกตั้งใหม่ ตนก็ไม่มั่นใจว่าผู้ประท้วงจะพึงพอใจ

น.ส.ยิ่งลักษณ์ย้ำหลายครั้งว่า ตนและรัฐบาลมาจากการเลือกตั้งตามระบอบประชาธิปไตย เธอยอมรับว่าสถานการณ์ในไทยขณะนี้ "อ่อนไหวมาก" แต่เธอยืนยันว่ารัฐบาลจะไม่ใช้กำลังกับผู้ประท้วงที่ยึดกระทรวงต่างๆ 

"ดิฉันรักประเทศนี้ ดิฉันอุทิศตนเพื่อประเทศนี้ สิ่งเดียวที่ดิฉันต้องการสำหรับประเทศนี้ก็คือเราต้องปกป้องประชาธิปไตย" นายกรัฐมนตรีหญิงของไทยกล่าวตอบคำถามที่ว่าเธอรู้สึกเหนื่อยจากแรงกดดันในตำแหน่งนายกรัฐมนตรีจนอยากวางมือหรือไม่

รบ.ป้อง 'อ้อ' สั่งฆ่าสุเทพ

ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.ต.ปิยะ อุทาโย โฆษกศูนย์อำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย (ศอ.รส.) แถลงสถานการณ์การชุมนุมว่า เมื่อเวลา 23.00 น. ของวันที่ 28 พ.ย.ที่ผ่านมา ตำรวจสายตรวจ สน.นางเลิ้ง ตรวจพบรถบรรทุกของสำนักงานเขต กทม. วิ่งจากแยกยมราช ผ่านจักรวรรดิ ถนนหลานหลวง ตรงไปยังพื้นที่การชุมนุมซึ่งมีความผิดปกติ จึงเข้าตรวจค้นพบมีถุงบรรจุทราย 250 ถุง และที่นั่งหลังคนขับมีแกลลอนบรรจุน้ำมันเชื้อเพลิง 4 แกลลอน 

"จากการสอบปากคำ คนขับให้การอ้างว่า ต้องการจะนำไปถมพื้นที่น้ำขังบริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ส่วนถังน้ำมันจะนำไปเติมเครื่องปั่นไฟ เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงยังไม่แจ้งข้อกล่าวหา และให้นำกลับไปเก็บไว้ที่ใต้สะพานพระปิ่นเกล้า ทั้งนี้ ศอ.รส.สันนิษฐานว่า อุปกรณ์ดังกล่าวต้องการให้มวลชนนำไปเป็นฐาน เพื่อปีนขึ้นไปภายในพื้นที่หวงห้ามและสร้างสถานการณ์ให้เกิดความรุนแรง" โฆษก ศอ.รส.ระบุ

พล.ต.ปิยะกล่าวถึงการที่ผู้ชุมนุมตัดน้ำ-ไฟ สำนักงานตำรวจแห่งชาติว่า ตำรวจได้แจ้งความดำเนินคดีกับแกนนำที่สั่งการและผู้ก่อเหตุแล้ว เพื่อเอาผิดฐานร่วมกันกระทำด้วยประการใดๆ ที่ส่งผลต่อไฟฟ้า น้ำประปา ทำให้ประชาชน และราชการได้รับความเดือดร้อน มีอัตราโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 1 หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ พร้อมกันนี้ได้สั่งให้ทุกส่วนราชการที่ได้รับความเสียหายจากการกระทำดังกล่าว ดำเนินการตรวจสอบความเสียหายทั้งหมด เพื่อดำเนินการฟ้องร้องทางแพ่งเรียกค่าเสียหายต่อไป 

"ส่วน พ.ต.ท.มานะ ธัญญะวานิช รอง ผกก.สส.สภ.นครพนม ถูกกลุ่มผู้ชุมนุมใช้หัวนอตยิงใส่หน้าผาก ได้รับบาดเจ็บ ก็ได้ให้แจ้งความดำเนินคดีแล้ว" พล.ต.ต.ปิยะกล่าว

น.ส.ตรีดาว อภัยวงศ์ ที่ปรึกษาผู้ว่าฯ กทม.และโฆษก กทม. ออกมาตอบโต้ทันทีว่า ทรายที่อยู่บนรถเป็นทรายที่จะนำไปถมบริเวณที่น้ำท่วมขังในตรอกซอกซอยบริเวณโดยรอบอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย รวมถึงกระถางต้นไม้ที่ผู้ชุมนุมทิ้งเศษขยะไว้เพื่อป้องกันการเกิดเชื้อโรคและความเป็นระเบียบเรียบร้อยของพื้นที่ ส่วนแกลลอนน้ำมันบรรจุเต็ม 4 แกลลอนต้องไปเติมน้ำมันที่ศาลาว่าการ กทม. 2 ดินแดง เพื่อเติมเครื่องสูบน้ำ ไม่ใช่เครื่องปั่นไฟ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตำรวจสันติบาลรายงานยอดผู้ชุมนุมวันนี้ (29 พ.ย.) ที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย มี 11,000 คน, แยกนางเลิ้ง 500 คน, สะพานมัฆวานฯ 500 คน, กระทรวงการคลัง 2,800 คน, ศูนย์ราชการฯ 20,000 คน ส่วนเสื้อแดงราชมังคลาฯ 20,000 คน 

ด้านนายภักดีหาญส์ หิมะทองคำ รองโฆษกสำนักนายกรัฐมนตรี ใช้เวที ศอ.รส.ในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ แถลงข่าวกรณีนายสุเทพ เทือกสุบรรณ ระบุคุณหญิงพจมาน ดามาพงศ์ อดีตภรรยา พ.ต.ท.ทักษิณ พูดคุยกับนายทหารชั้นผู้ใหญ่ สังกัดกองทัพอากาศ เพื่อสั่งฆ่านายสุเทพ และแกนนำคนอื่นๆ ว่า นายสุเทพกำลังโกหกประชาชน เพื่อต้องการยกระดับให้รุนแรง ซึ่งไม่มีเหตุผลที่คุณหญิงพจมานจะสั่งให้ดำเนินการดังกล่าว

"ผมขอประณามคนให้ข่าวนี้ พร้อมฝากบอกนายสุเทพด้วยว่า อย่าหลอกใช้พี่น้องประชาชน และอยากบอกพี่น้องประชาชนด้วยว่า นายสุเทพกำลังโกหกประชาชน ชอบกุเรื่อง ซึ่งเรื่องนี้เป็นนิสัยที่ถนัดของนายสุเทพอยู่แล้ว เพื่อยกระดับการชุมนุม และเมื่อประเมินค่านายสุเทพแล้ว พบว่าไร้ราคาและไร้เหตุผล" รองโฆษกรัฐบาลกล่าว

พล.อ.ท.มณฑล สัชฌุกร โฆษกกองทัพอากาศ ปฏิเสธเช่นกันว่า หน่วยงานกองทัพอากาศไม่ได้เข้าไปมีส่วนร่วมในการดำเนินการที่จะประสงค์ร้ายต่อนายสุเทพ ซึ่งจุดยืนของกองทัพอากาศได้ยึดถือการปฏิบัติตามระเบียบกลาโหมว่าด้วยการวางตัวเป็นกลางทางการเมือง แต่ในฐานะที่เป็นหน่วยงานด้านความมั่นคง กองทัพอากาศยังคงติดตามสถานการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างใกล้ชิด 

"เราตระหนักดีว่าขณะนี้กองทัพกำลังเป็นที่จับตาของทุกฝ่าย กองทัพจึงต้องระมัดระวังในการเข้าไปเกี่ยวข้องกับสถานการณ์ รวมถึงการแสดงความคิดเห็นที่จะไม่ก่อให้เกิดปัญหาหรือเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งในปัญหาความขัดแย้งดังกล่าว" โฆษกกองทัพอากาศกล่าว

มีรายงานว่า ที่บ้านจันทร์ส่องหล้า ซอยจรัญสนิทวงศ์ 69 ซึ่งเป็นบ้านพักของคุณหญิงพจมาน มีตำรวจทั้งในและนอกเครื่องแบบอารักขาอยู่จำนวนมาก.


ไม่มีความคิดเห็น: