PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันอังคารที่ 7 มกราคม พ.ศ. 2557

“พล.อ.ประยุทธ์” บอกให้รอดู มีปฏิวัติหรือไม่ ไม่ขอยืนยันมีหรือไม่มีปฏิวัติ


จากเพจ : Wassana Nanuam

ผบทบ.ฉบับเต็ม....

“พล.อ.ประยุทธ์” บอกให้รอดู มีปฏิวัติหรือไม่ ไม่ขอยืนยันมีหรือไม่มีปฏิวัติ เพราะทุกอย่างจะต้องมีสาเหตุ อย่าไปกลัวในสิ่งที่ยังมาไม่ถึง ยกนิทาน “อีกากับวัวสันหลังหวะ” เทียบ ถ้ามีแผลก็มีอีกา โวยทหารไม่ได้ทำให้หุ้นตก/ ประกาศ “ให้จำไว้ ไม่ว่าใครพวกไหนทำให้เกิดความสูญเสีย เจ็บตาย จลาจล รัฐบาลต้องรับผิดชอบ” เผยปี ๒๕๕๓ แตกต่างจากตอนนี้ มี ๓ กลุ่ม เปรียบเป็นไข้เล็กน้อย อย่าเพิ่งใช้ยาแรง/ให้รอดู การปิดกรุงเทพฯ เผย ตอนปี ๕๓ ใช้เวลา๙ เดือน ตอนนี้ แค่๒ เดือน ยันทหารทำดีที่สุดแล้ว ย้ำจะดูแลคนทุกสี แม้มี ๑๐ สีก็จะดูแล /ยัน นำรถเกราะ รถถัง มาสวนสนามวันกองทัพไทย เพื่อแดสงแสนยานุภาพให้คนกรุงเทพฯเห็น อาวุธทันสมัย

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก กล่าวถึงการเคลื่อนย้ายกำลังทหารมาสวนสนามวันกองทัพไทย แต่ทำให้เกิดข่าวลือปฏิวัติ ว่า ข่าวลือก็เป็นข่าวที่ไม่จริง ดังนั้นไม่ต้องเชื่อ

พล.อ.ประยุทธ์ แจงว่า เรามีการเคลื่อนย้ายกำลังพลทุกปี และนโยบายในปี 2557 ของกองทัพบกเป็นการนำพากองทัพไปสู่ความทันสมัยในอนาคต ในปีนี้เป็นวาระพิเศษที่เรากำหนดไว้ล่วงหน้าแล้วว่า เราจะนำยุทโธปกรณ์ใหม่ๆ ที่ได้จัดซื้อจัดหามาให้ประชาชนในกรุงเทพได้เห็นว่า สิ่งที่เราได้จัดซื้อมามีสมรรถนะเพียงใด

ส่วนรถถัง Oplot คงจะเดินทางมาไม่ทันอยู่ระหว่างการขนย้ายมาทางเรือ จำนวน 5 คันแรก ซึ่งแสดงให้เห็นว่า เราได้ใช้จ่ายงบประมาณในการจัดหายุทโธปกรณ์ได้อย่างโปร่งใส และมีประสิทธิภาพ อย่ามองคนละประเด็น

ส่วนที่มีคนระแวงว่า ทหารจะใช้การปฏิวัติเป็นทางออกสุดท้ายนั้น พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า “อย่าไปกลัว ในสิ่งที่ยังมาไม่ถึง เมื่อมองไม่เห็น ก็อย่าไปกลัว”

“ ทุกอย่างมีสาเหตุหมด ไม่ว่า จะทำอะไรก็ตาม อย่าพูดถึงเรื่องนั้นเรื่องเดียว ทุกเรื่องต้องมีสาเหตุ ต้องมีเงื่อนไข ดังนั้นต้องไปหาให้เจอว่า อยู่ที่ไหน ถ้าไม่มีเหตุอะไรก็ไม่มีเรื่อง เหมือนเรื่องอีกากับวัว ถ้าวัวมีแผล อีกาก็จะมาจิกหลังทุกวัน ถ้าไม่มีแผลก็ไม่มีอีกา” 

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ประเทศชาติอยู่ด้วยกระบวนการ ศาลยุติธรรม องค์กรอิสระ ถ้าเราอยู่ด้วยการแก้ปัญหาที่ผิดวิธีจะสร้างปัญหาไปเรื่อยๆ

เมื่อถามว่า เกรงหรือไม่ว่า การที่กลุ่มกปปส.จะปิดกรุงเทพจะส่งผลให้เกิดการปะทะกัน พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า การปะทะเกิดมาแล้วหลายครั้ง ลองย้อนกลับไปดูปี 2553 ว่า เกิดอะไรขึ้น ในปี 53 มีสองฝ่าย คือรัฐบาลกับกลุ่มต่อต้าน ส่วนปีนี้มีรัฐบาลกับกลุ่มต่อต้านคือ กปปส. และยังมีอีกกลุ่มที่เตรียมออกมาอีก สรุป คือ มี 3 กลุ่ม ซึ่งต่างจากปี 53

“ผมขออย่างเดียวอย่าให้เกิดความรุนแรง ซึ่งทหารต้องดูแลประชาชนทุกพวกทุกฝ่ายไม่ให้บาดเจ็บล้มตาย ไม่ได้ดูแลฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง ตนต้องดูแลคนทั้งประเทศ” ผบ.ทบ. กล่าว

เมื่อถามว่า มองการปิดกรุงเทพของกปปส.อย่างไร พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ต้องคอยดูว่า จะเกิดอะไร ให้คอยดูก็แล้วกัน

เมื่อถามว่า ผบ.ทบ.พูดไปแล้วตายิ้ม เหมือนจะรู้ว่า จะมีอะไรเกิดขึ้น พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ผมก็ไม่รู้ว่า จะเกิดอะไร เพราะไม่ใช่กปปส. แค่ประเมินดู

“หวังเพียงอย่างเดียวว่า จะไม่มีความรุนแรงเกิดขึ้น ทั้งสองฝ่ายมีทางออกร่วมกัน หรือใครจะหวังให้ฆ่ากันตายหมด ใครก็ตามที่ทำให้เกิดความรุนแรงคนนั้น จะต้องรับผิดชอบ จำไว้ ไม่ว่า พวกไหนก็แล้วแต่ ถ้าออกมาเมื่อไร ประชาชนตีกัน มีการบาดเจ็บล้มตาย จลาจล รัฐบาลต้องรับผิดชอบในหลักการ ไม่ว่ารัฐบาลไหน” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

เมื่อถามว่า หากนายกฯลาออกจะจบหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า “แล้วยอมออกมั้ยหล่ะ ต้องไปถามนายกฯเอง”

เมื่อถามว่า มีความต้องการให้ใช้ประกาศพ.ร.ก.ฉุกเฉิน พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า คิดว่า รัฐบาลและนายกรัฐมนตรีเข้าใจ ซึ่งผมได้อธิบายในที่ประชุมกอ.รมน.ที่ผ่านมา และชี้แจงว่า เราเคยใช้อย่างไร เพราะทหารถูกนำไปเกี่ยวโยงทุกครั้งไป ซึ่งตนชี้แจงถึงเหตุผล และความจำเป็นในการตั้งศอ.รส.

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ผม ขอย้อนกลับไปเมื่อปี 53 ก่อนประกาศใช้พ.ร.บ.ความมั่นคง มีเหตุการณ์ใช้ความรุนแรง 6 ครั้ง มีการใช้อาวุธสงคราม ระเบิด ยิง โดยไม่รู้ว่า ใครทำ จึงมีการประกาศพร.บ.ความมั่นคง จากนั้นมีการพัฒนาสถานการณ์ตามลำดับ โดยมีเหตุการณ์ใช้อาวุธสงคราม 24-26 ครั้งจึงมีการใช้พ.ร.ก.ฉุกเฉิน และจากนั้นยังมีการเหตุการณ์ความรุนแรงอีก 60 กว่าครั้ง รวมทั้งหมดในปี 53 มีเหตุการณ์ความรุนแรง ใช้อาวุธสงคราม กระสุน และวัตถุระเบิดทั้งหมด 96 ครั้ง

แต่วันนี้มีอะไรเกิดขึ้นบ้าง ซึ่งต้องไปพิสูจน์ทราบให้ได้ว่า เกิดจากใคร ซึ่งตนได้นำเรียนนายกรัฐมนตรีและศอ.รส.ไปแล้วว่า ต้องให้เจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจสอบให้ชัดเจนว่า เกิดอะไรขึ้นในขณะนี้ ใครเป็นคนทำ เรื่องนี้ต้องชัดเจน จะได้ไม่พัฒนาไปสู่ปี 53

“ในปี๒๕๕๓ มีการประกาศใช้พ.ร.บ.มั่นคงตั้งแต่เดือนก.พ.จนไปจบสิ้นการใช้พ.ร.ก.ฉุกเฉิน เป็นเวลา 9 เดือนเต็ม แต่ขณะนี้เพิ่งผ่านไปแค่ 2 เดือน ผมพยายามหยุดไม่ให้ยืดยาวไปสู่จุดนั้นจนทำให้ประเทศชาติเสียหาย ทุกคนต้องกลับมาแก้ปัญหากันให้เจอ ผมไม่สนับสนุนให้ใช้ความรุนแรง เจ้าหน้าที่และประชาชนไม่ควรใช้ความรุนแรง ไม่ว่า ผมพูดอะไรก็เสียหายหมดทุกพวกทุกฝ่าย แต่จำเป็นต้องชี้แจง เพราะทหารทุกคนฟังคำสั่งผมอยู่ ไม่ว่า จะเกิดอะไรขึ้นทหารต้องดูแลประชาชนทุกฝ่าย ทุกพวก ทุกสี ถ้าไม่เลิกสี ผมก็ต้องดูทุกสี ถ้ามี 10 สี ผมก็ดูคน 10 สี ขอให้ประชาชนเข้าใจ ใครก็ตามที่มีปัญหากัน ต้องไปหาทางกันให้เจอ อย่าเอาผมมาตัดสิน วันนี้เหมือนทำข้อสอบอยู่ ต่างคนต่างงงว่า ข้อสอบถามว่า อย่างไร ส่วนคนตอบก็ไม่รู้จะตอบอย่างไร สรุปไม่เข้าใจทั้งคนออกข้อสอบ หรือนักเรียน จึงจะหากรรมการกลางมาตัดสิน ผมว่า มันไม่ใช่”

เมื่อถามว่า บอกให้คนประเทศมั่นใจได้หรือไม่ว่า กองทัพจะไม่ทำรัฐประหาร เพราะขณะนี้ข่าวการปฏิวัติทำให้ตลาดหุ้นตก พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า “มันไม่เกี่ยวกับทหาร อยู่ที่พวกคุณกันเอง หุ้นจะตกหรือไม่อย่ามาโทษทหาร อย่ามาหาว่า ทหารจะทำโน่น ทำนี่ เมื่อสื่อเป็นคนสร้าง วาดเรื่องขึ้นมาเอง แล้วให้ผมมายืนยัน ผมไม่ตอบ ผมไม่ยืนยัน”

เมื่อถามถึงกรณีที่ พรรคเพื่อไทย ระบุว่า ทางกปปส.มีแผนลับ 10 ประการเพื่อให้ทหารปฏิวัติ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ต้องตรวจดูว่า จริงหรือไม่ ใช่หรือไม่ วันนี้ใครจะเขียนแผนอะไรก็ได้ ซึ่งผมอ่านแล้วผมก็ขำ วันนี้โลกไม่ได้มีแค่มืดกับสว่าง เพราะถ้าตรงไหนมืดก็เปิดไฟ ถ้าตรงไหนสว่างเกินไปก็ปิดไฟ ถ้าทุกคนมาช่วยกันสุมไฟให้สว่างมันจะร้อนเกินไป ต้องเอาธรรมะเข้าข่ม ต้องมีสติ รู้คิด รู้ทำ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงรับสั่งไว้แล้ว

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ทุกคนต้องช่วยกันแก้ปัญหา ไม่ใช่ผมคนเดียว ถ้าให้ผมกับองค์กรของผมมาแก้ปัญหา คงไม่ใช่ ทุกคนต้องช่วยกันแก้ปัญหา เราต้องสร้างความเข้มแข็ง และรวมพลังกันแก้ปัญหาให้ได้ อย่าให้คนใดคนหนึ่งเป็นคนแก้ปัญหา องค์กรใดก็แก้ไม่ได้ เพราะปัญหาวันนี้มีความสลับซับซ้อน

“วันนี้ทหารทำดีที่สุดแล้ว คือ การทำให้สถานการณ์หยุดนิ่งอยู่กับที่อาจรำคาญบ้างเล็กน้อย แต่อย่าใช้ยาแรง วันนี้เป็นไข้เล็กน้อย อาจจะเติมยาไปสักหน่อย ถ้าใช้ยาแรงมันอันตราย ใครก็ไม่อยากทำให้ประชาชนบาดเจ็บเสียหาย” 

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า กำลังทหารที่ออกไปช่วยศอ.รส.ไปดูแลประชาชนให้ปลอดภัย ไม่ใช่ไปปราบปรามประชาชน ซึ่งการประชุมกอ.รมน.ที่ผ่านมาได้พูดคุยกับนายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) ให้ติดตามคดี เพราะตอนนี้มีคดีมากขึ้น ความผิดเหมือนเดิม อธิบดีก็คนเดียวกัน ซึ่งถ้าจะเคลียร์ปีนี้ เคลียร์ 53 ให้ตนด้วย เคลียร์ให้จบทั้งสองอัน ถ้าไม่อย่างนั้นก็ไม่เลิกกันสักที”
82

ไม่มีความคิดเห็น: