PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันพุธที่ 5 มีนาคม พ.ศ. 2557

รสนา โตสิตะกูล : สภาโจ๊ก? ของ "ประธานหมดอายุ" กับ "ว่าที่ส.ส ที่ยังไม่มีอายุ"

ประเด็นคือ ประธานวุฒิสภาหมดหน้าที่ดำรงตำแหน่งประธานไปแล้ว เป็นแค่รักษาการสว. แต่ใช้อำนาจอนุมัติให้เปิดสภาขึ้นมาให้สส.พรรคเพื่อไทย
สภาโจ๊ก? ของ "ประธานหมดอายุ" กับ "ว่าที่ส.ส ที่ยังไม่มีอายุ"

เมื่อวานนี้ (4มีนาคม 2557) มีกลุ่มคนที่อ้างตนเองว่าเป็น "ว่าที่ส.ส" มาขอพบนายนิคม ไวรัชพานิชที่วุฒิสภา เพื่อหารือถึงการเปิดประชุมรัฐสภาครั้งแรกในวันที่8 มีนาคม 2557 นั้น ทราบจากข่าวในทำนองว่า พวกอ้างตัวเองว่าเป็น "ว่าที่ส.ส " ได้ให้สัมภาษณ์ว่า
"ขณะนี้ครบกำหนด30วันตามกฎหมายที่ต้องเปิดประชุมรัฐสภานัดแรก แต่คณะกรรมการเลือกตั้ง(กกต.)กลับจัดการเลือกตั้งไม่สำเร็จและยังนำการเลือกตั้งสว.มาแทรก แทนที่จะให้มีการเลือกตั้งสส.ไปพร้อมๆกับสว. แต่ไม่ทำจึงต้องหารือกับผู้ปฏิบัติหน้าที่ประธานรัฐสภา เพื่อหาทางออกว่าจะเป็นไปได้หรือไม่ในการเปิดประชุมรัฐสภาโดยไม่ขอรับเงินเดือน พวกเราเสนอแนวทางให้จัดเวทีระดมความคิดเห็นของ " ว่าที่สส." ให้เหมือนกับการประชุมสภาและทำงานได้จริง ถึงแม้จะไม่ได้รับรองจาก กกต.แต่ก็ไม่ขัดต่อรัฐธรรมนูญ และในเรื่องการปฏิรูปมีแนวคิดให้คณะกรรมาธิการวิสามัญแต่ละคณะได้เสนอแนวทางปฏิรูปต่อไป"

ขอถามว่า กลุ่มที่อ้างตัวเป็น " ว่าที่ ส.ส " บอกว่า "ถึงแม้จะไม่ได้รับการรับรองจาก กกต. แต่ก็ไม่ขัดรัฐธรรมนูญ " นั้น พวกเขานึกว่าตัวเองเป็นศาลรัฐธรรมนูญหรืออย่างไร ถึงกับวินิจฉัยเข้าข้างตัวเองเลยว่าไม่ขัดรัฐธรรมนูญ

ที่ไม่น่าเชื่อคือนายนิคม ไวรัชพานิช รีบออกปากรับลูกทันทีว่า "สามารถทำได้"โดยไม่พิจารณาความเหมาะความควรในฐานะเคยทำหน้าที่ประธานวุฒิสภามาก่อน ยอมให้ใช้ที่ประชุมรัฐสภาเป็นประหนึ่ง "สภาโจ๊ก"

สิ่งที่นายนิคมควรพิจารณาความควรไม่ควรคือ

1) ข้อกล่าวอ้างของกลุ่มที่อ้างตนเองว่าเป็น " ว่าที่ ส.ส " นับว่าไม่เหมาะสมเพราะการรับรองสส.นั้นเป็นอำนาจหน้าที่ของกกต.ตามรัฐธรรมนูญมาตรา236(7)ไม่ใช่เรื่องที่จะมาประกาศกันเอง ถึงกับทึกทักเอาว่า " ขณะนี้ครบกำหนด 30 วันตามกฎหมายที่ต้องเปิดประชุมรัฐสภานัดแรกแล้ว แต่กกต. ยังจัดเลือกตั้งไม่สำเร็จ จึงจะขอมาเปิดประชุมรัฐสภาโดยไม่ขอรับเงินเดือน" ( ซึ่งเป็นการ
กล่าวที่ผิด เพราะความจริงคือพวกเขายังไม่มีสิทธิรับเงินเดือนต่างหาก)

พวกอ้างตนเหล่านี้เห็น "การเปิดประชุมรัฐสภาครั้งแรกซึ่งเป็นรัฐพิธีสำคัญตามรัฐธรรมนูญ" เป็นของเล่นๆ พวกที่นึกว่าตัวเองเป็น"ว่าที่สส."จะคิดอย่างไร ไม่สำคัญเท่ากับคนเคยเป็นประธานวุฒิสภาและเคยทำหน้าที่ประธานรัฐสภาประกาศรับลูกเอากับเขาด้วย

มีคนสงสัยว่านายนิคมจะมานั่งทำหน้าที่เป็น " ประธานรัฐสภา" กำมะลอกับเขาด้วยหรือเปล่า? และถ้าจะให้สมจริงเสมือนเปิดประชุมรัฐสภา ก็ต้องเชิญชวนสมาชิกวุฒิสภามานั่งประชุมด้วย และอาจจะขอให้ทีวีช่อง 11 มาถ่ายทอดสดให้ด้วย ทำเหมือนที่เคยทำตอนเปิดหารือในวุฒิสภาเรื่องร่างพ.ร.บ นิรโทษกรรมสุดซอยเมื่อวันที่ 8 พฤศจิกายน 2556 ที่มีการถ่ายทอดสดเล่นงาน(ด่า) ส.ว ที่ไม่เข้าประชุมในวันนั้นผ่านช่อง11เป็นเวลากว่า 7 ชั่วโมง ทั้งที่ไม่ใช่เป็นการประชุมวุฒิสภา แต่วันที่ประชุมพิจารณาร่างกฎหมายนิรโทษกรรมจริงๆ กลับไม่ให้มีการถ่ายทอดสดผ่านทีวีช่อง 11

การกระทำเช่นนี้เป็นการสร้างความสับสนและความขัดแย้งให้กับสังคมไทยมากยิ่งขึ้น ทั้งที่การเลือกตั้งวันที่2ก.พ ที่ผ่านมาจะเป็นโมฆะหรือไม่ยังต้องรอคำวินิจฉัยต่อไป การเปิดประชุมสภากำมะลอจะสร้างความเข้าใจผิดต่อประชาชน โดยมีเจตนาที่จะกดดัน กกต.ใช่หรือไม่? การไม่รอฟังคำตัดสินขององค์กรที่มีอำนาจวินิจฉัยเป็นเรื่องเหมาะสมแล้วหรือ? นี่ยังไม่ได้พูดถึงการเอาการประชุมรัฐสภามาเป็นเครื่องเล่น กลายเป็นสภาโจ๊ก บนค่าใช้จ่ายที่เป็นเงินภาษีของประชาชนอีกต่างหาก

2) ตำแหน่งประธานวุฒิสภาของนายนิคม ไวรัชพานิช ควรจะสิ้นสุดลงเมื่อหมดสมาชิภาพความเป็นส.ว ตั้งแต่วันที่2มีนาคม 2557 ตามมาตรา 119 ที่ระบุว่าสมาชิกภาพของสมาชิกวุฒิสภาสิ้นสุดลงเมื่อ (1) ถึงคราวออกตามวาระ และอยู่ปฏิบัติหน้าที่ต่อไปตามวรรคท้ายของมาตรา 117 โดยเฉพาะตำแหน่งประธานวุฒิสภารัฐธรรมนูญมาตรา124ระบุไว้ชัดเจนในวรรค4 (1) ว่าประธานวุฒิสภาย่อมพ้นจากตำแหน่งเมื่อ ขาดจากสมาชิกภาพแห่งสภาที่ตนเป็นสมาชิก ซึ่งชัดเจนอยู่แล้วณ.เวลานี้สมาชิกวุฒิสภาจากการเลือกตั้งสิ้นสุดสมาชิกภาพแล้วตามวาระ6ปี

ส่วนที่นายนิคมอ้างตนว่ายังต้องอยู่ทำหน้าที่ประธานไปจนกว่าจะมีการเลือกประธานคนใหม่ ตามมาตรา124 วรรค 3 นั้น เป็นเรื่องตีความเข้าข้างตนเอง เพราะข้อความในวรรคนั้น เป็นการเปลี่ยนแปลงตำแหน่งประธานในขณะที่บุคคลนั้นยังมีสมาชิกภาพของ ส.ว อยู่ การที่นายนิคมยังยื้ออยู่ในตำแหน่งประธานวุฒิสภา เพื่อเอาตำแหน่งประธานมากระทำสิ่งที่ขาดความเหมาะสมนั้น นอกจากจะยิ่งทำให้เกิดความเสื่อมเสียต่อสถาบันวุฒิสภาแล้วยังเป็นการสุ่มเสี่ยงต่อการทำผิดต่อรัฐธรรมนูญอย่างร้ายแรงอีกด้วย

ถ้านายนิคมไม่ยกเลิกการเปิดประชุมรัฐสภากำมะลอในวันที่ 8 ตุลาคม 2557 กิจกรรมดังกล่าวจะถูกตราไว้เป็นรอยด่างพร้อยของรัฐสภาแห่งนี้ ว่าเป็นการรวมหัวเพื่อกระทำปู้ยี่ปู้ยำต่อสภาแห่งนี้
โดยคนที่ไม่ยอมรับว่าตนเองเป็นประธานที่หมดอายุไปแล้ว กับสัมภเวสีที่ยังไม่จุติเป็นตัวตน "ส.ส "

เพื่อไทยดันเปิดสภาเถื่อน ดอดล็อบบี้ประธานวุฒิ อ้างไม่ขอรับเงินเดือน จี้เลือกส.สพร้อมส.ว
แนวหน้า

http://www.naewna.com/politic/93455

รสนา โตสิตระกูล
สมาชิกวุฒิสภากรุงเทพฯ
5 มีนาคม 2557

ไม่มีความคิดเห็น: