PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันศุกร์ที่ 29 พฤษภาคม พ.ศ. 2558

ตำรวจแถลงมติคณะกรรมการชุด "ถอดยศทักษิณ" เข้าข่ายความผิด เผยยังมีคดีอาญาเหลืออีก 5 คดี เตรียมเสนอ ผบ.ตร. พิจารณา ยันทำตามกระบวนการทุกขั้นตอนไม่มีเรื่องส่วนตัว 

          วันที่ 29 พฤษภาคม 2558 พล.ต.อ. ชัยยะ ศิริอำพันธ์กุล ที่ปรึกษา สบ. 10 ซึ่งได้รับมอบหมายจาก พล.ต.อ. สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ให้เป็นหัวหน้าชุดคณะกรรมการตรวจสอบพิจารณาระเบียบการถอดยศ พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ซึ่งประกอบด้วย ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ/ สำนักงานกำลังพล/สำนักงานฝ่ายกฎหมาย และคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ เป็นผู้ร่วมตรวจสอบ เปิดเผยถึงกรณีมีประชาชนร้องเรียนมายังสำนักงานตรวจการแผ่นดินกรณีการให้สัมภาษณ์ของ พ.ต.ท. ทักษิณ ผ่านสำนักงานต่างประเทศ โดยระบุว่า...

          จากการตรวจสอบของคณะทำงานนั้นพบว่ากรณี พ.ต.ท. ทักษิณ นั้นเข้าข่ายความผิดระเบียบการถอดยศ 2547 ข้อ 1 (6) ซึ่งเป็นผู้ต้องหาคดีอาญาแล้วหลบหนีไป สำหรับผู้ที่มิได้อยู่ในราชการหรือหน่วยงานภาครัฐ และถือว่าเป็นกรณีใหม่ ซึ่งสืบเนื่องมาจากกรณีการทุจริตซื้อขายที่ดินรัชดา เมื่อปี 2551 ซึ่งหลังจากนี้ทางคณะกรรมการจะส่งเรื่องให้ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติพิจารณา ก่อนส่งสำนวนให้คณะรัฐมนตรีพิจารณาอีกครั้ง และหากมีความเห็นชอบให้ถอดยศ พ.ต.ท. ทักษิณ ก็จะมีการประกาศพระราชกฤษฎีกาอีกครั้งหนึ่ง

          ทั้งนี้ พ.ต.ท. ทักษิณ นั้น มีความผิดตามหมายจับคดีอาญาทั้งสิ้น 7 คดี ปัจจุบันสิ้นสุดคดีความแล้ว 2 คดี เหลือคดีอาญาทั้งสิ้นอีก 5 คดี ประกอบด้วย

          1. คดีทุจริตปล่อยกู้ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (เอ็กซิมแบงก์) ให้กับรัฐบาลพม่าวงเงิน 4,000 ล้านบาท  เป็นการออกหมายจับ พ.ต.ท. ทักษิณ เมื่อ 16 ก.ย. 2551 เนื่องจาก

พ.ต.ท. ทักษิณ หลบหนีคดี เพื่อติดตามตัว พ.ต.ท. ทักษิณ มาฟังการพิจารณาของศาลนัดแรก

          2. คดีทุจริตโครงการออกสลากพิเศษเลขท้าย 2 และ 3 ตัว (หวยบนดิน ) เป็นการออกหมายจับเมื่อวันที่  26 ก.ย. 51 เพื่อติดตามตัว พ.ต.ท. ทักษิณ มาพิจารณาคดีนัดแรก

          3. คดีทุจริตแปลงสัมปทานมือถือ - ดาวเทียม เป็นภาษีสรรพสามิต เป็นการออกหมายจับเมื่อวันที่  15 ต.ค. 51 เพื่อติดตามตัวมาพิจารณาคดีนัดแรก

          4. คดีทุจริตซื้อขายที่ดินรัชดาภิเษกมูลค่า 772 ล้านบาทเศษ ตามคำพิพากษาที่ให้จำคุก พ.ต.ท. ทักษิณ เป็นเวลา 2 ปี โดยออกหมายจับเมื่อวันที่ 21 ต.ค.  2551

          5. คดีก่อการร้าย ออกหมายจับ เมื่อวันที่ 25 พ.ค. 2553  ซึ่งคดีนี้ศาลกำลังจะสืบพยานโจทก์

          ประกอบกับกรณีที่ก่อนหน้านี้ทางกระทรวงการต่างประเทศได้ยกเลิกหนังสือเดินทางของ พ.ต.ท. ทักษิณ เนื่องจากคำให้สัมภาษณ์ที่ประเทศเกาหลีใต้มีเนื้อหาบางส่วนที่อาจส่งผลกระทบต่อความมั่นคงปลอดภัยหรือชื่อเสียงและเกียรติภูมิของประเทศไทย และประกอบกับกรณีดังกล่าวอยู่ระหว่างการสืบสวนสอบสวนเพื่อดำเนินคดีอาญากับ พ.ต.ท. ทักษิณ ในความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112, 326 และ 328 และพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 มาตรา 14 (3) (5)

          พล.ต.อ. ชัยยะ  กล่าวยืนยันว่า การตรวจสอบเรื่องนี้ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ทำทุกอย่างตามขั้นตอนของกฎหมายและระเบียบการถอดยศข้าราชการตำรวจของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ
โดยไม่มีการกลั่นแกล้งแต่อย่างใด

-------------------
"เกียรติ" ย้ำ ควรถอนพาสปอร์ตทักษิณนานแล้ว แนะ "บัวแก้ว" แจง ความผิด ให้โลกรู้ ว่าเป็นเพราะเป็นผู้ร้ายหนีคดี ที่ศาลพิพากษาแล้ว ไม่ใช่คดีการเมือง อย่าให้เขาต้องเดาเอาเอง  

วันที่ 27 พ.ค. 58 นายเกียรติ สิทธีอมร รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณี กระทรวงการต่างประเทศ เพิกถอนหนังสือเดินทาง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ว่า รัฐบาลชุดนี้ควรที่จะดำเนินการตั้งนานแล้ว และคงไม่เกี่ยวกับ เนื้อหาบางส่วนในคำให้สัมภาษณ์ตามที่เป็นข่าว แต่ พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นผู้หนีคดีเข้าข่ายองค์ประกอบที่ไม่สมควรถือพาสปอร์ตของไทยอีกต่อไป รวมทั้งเรื่องที่สมควรมีการถอดยศด้วย เพราะ เป็นผลมาจากพฤติกรรมของ พ.ต.ท.ทักษิณเองในฐานะผู้มีคดีติดตัว ดังนั้น ทั้งสองเรื่องนี้ ถือเป็นเรื่องเดียวกัน ที่สมควรต้องดำเนินการ

นายเกียรติ กล่าวต่อว่า กระทรวงการต่างประเทศ ควรชี้แจงให้ทุกประเทศทราบ ถึงการกระทำความผิดของ พ.ต.ท.ทักษิณ ว่า ผิดอะไร และการดำเนินการในครั้งนี้ เป็นเพราะอะไร เนื่องจากยังมีการเคลื่อนไหวทางการเมือง ในลักษณะที่ไม่เป็นประโยชน์ต่อประเทศ และคดีนี้ไม่ใช่คดีการเมือง แต่เป็นคดีทุจริตคอร์รัปชัน ตนจึงเป็นกังวลว่า เหตุผลที่กระทรวงการต่างประเทศ ระบุ ผ่านเว็บไซต์ว่าถ้อยคำให้สัมภาษณ์ของ พ.ต.ท.ทักษิณ มีเนื้อหาบางส่วน ที่อาจส่งผลกระทบต่อความมั่นคงนั้น คงไม่ใช่ แต่เพราะเป็นผู้ร้ายหนีคดี ซึ่งศาลพิพากษาตัดสินแล้ว การยกเลิกพาสปอร์ต ทั้งที่หน่วยงานของไทย ต้องดำเนินการผ่านตำรวจสากล ให้นำตัวกลับมารับโทษ และดำเนินคดีในประเทศไทย ต้องบอกความจริงกับเขา อย่าให้ต่างประเทศเดากันเอง หรือดูในเว็บไซต์เอง หรือปล่อยให้ พ.ต.ท.ทักษิณ นำประเด็นนี้ไปเคลื่อนไหวอีกในต่างประเทศ
-----------------
โฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด ระบุรับสำนวนคดีกล่าวหา 'อดีตนายกฯ ทักษิณ' ผิด ม.112 เตรียมเสนออัยการสูงสุดพิจารณา เพื่อตั้งทีมสอบ

นายวันชัย รุจนวงศ์ อธิบดีอัยการสำนักงานต่างประเทศ และโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด กล่าวถึงกรณีพนักงานสอบสวนกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บก.ปอท.) ส่งสำนวนดำเนินคดี พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ตามความผิดประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ว่า เบื้องต้นสำนักงานอัยการสูงสุด ได้รับสำนวนคดีดังกล่าวจากทางเจ้าหน้าที่ตำรวจแล้ว ซึ่งกรณีดังกล่าวเป็นความผิดที่เกิดขึ้นนอกราชอาณาจักร ตามขั้นตอนแล้วจึงต้องเสนอเรื่องให้ นายตระกูล วินิจนัยภาค อัยการสูงสุด เป็นผู้พิจารณา แต่เนื่องจากเพิ่งจะ

ได้รับสำนวนมาจากทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงยังไม่ได้เสนออัยการสูงสุด ซึ่งหากเสนอสำนวนแล้วอัยการสูงสุดจะเป็นผู้สั่งตั้งพนักงานสอบสวนที่เป็นผู้รับผิดชอบสำนวนคดีนี้เพื่อพิจารณาต่อไป

ปธ.สอบกรณีถอดยศ'ทักษิณ'เข้าเงื่อนไข

พล.ต.อ.ชัยยะ ศิริอำพันธ์กุล ที่ปรึกษา (สบ 10) ในฐานะประธานคณะกรรมการพิจารณาดำเนินการเกี่ยวกับการถอดยศ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี จำเลยในคดีทุจริตจัดซื้อที่ดิน ถ.รัชดาภิเษก ซึ่งถูกศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พิพากษาจำคุก 2 ปี ซึ่งอยู่ระหว่างหลบหนีคดี กล่าวว่า ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติได้มีคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการพิจารณาดำเนินการเกี่ยวกับการถอดยศตำรวจ โดยมีตนเองเป็นประธาน โดยให้มีอำนาจหน้าที่พิจารณาเรื่องดังกล่าวให้เป็นไปตามระเบียบสำนักงานตำรวจแห่งชาติว่าด้วยการถอดยศตำรวจ

พ.ศ.2547 เรื่องการถอดยศนายตำรวจชั้นสัญญาบัตร พร้อมระบุเหตุแห่งการถอดยศมีด้วยกัน 7 ข้อ แต่ในกรณีของ พ.ต.ท.ทักษิณ คณะกรรมการจะพิจารณาในประเด็นที่เป็นผู้ต้องหาในคดีอาญาแล้วหลบหนีไปต่างประเทศ เนื่องจากมีเอกสารยืนยันเป็นที่ประจักษ์จากหน่วยงานราชการหลายหน่วยงานว่า พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นผู้ต้องหาหลบหนีคดีอาญา จึงเข้าข่ายเหตุอย่างหนึ่งอย่างใดในการถอดยศ ตามระเบียบ ตร.ว่าด้วยการถอดยศ จึงเตรียมนำเสนอ ผบ.ตร. พิจารณาได้ภายใน 1-2 วันนี้ โดยขณะนี้อยู่ระหว่างทบทวนในรายละเอียด รวมทั้งการรวบรวมเอกสารต่างๆ ที่จะนำมาประกอบในการพิจารณาให้ครบถ้วนสมบูรณ์กว่านี้

ทั้งนี้ พล.ต.อ.ชัยยะ กล่าวว่า ในการพิจาณาทางคณะกรรมการ ได้นำหนังสือตอบกลับเหตุควรให้ถอดยศ พ.ต.ท.ทักษิณ ของคณะกรรมการกฤษฎีกามาพิจารณาด้วย เพราะการพิจารณาครั้งนี้ค่อนข้างละเอียด ต้องดูทุกมิติ เนื่องจากถูกท้วงติงมาจากสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน ว่า การพิจารณาของสำนักงานตำรวจแห่งชาติที่ผ่านมา ยังมีบางประเด็นที่ตกหล่น ไม่ครบถ้วน
////////////
หมายจับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร    อดีตนายกรัฐมนตรี ในรอบ4ปี! 
                 การออกหมายจับ พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร  อดีตนายกรัฐมนตรี ของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง
                 ในคดีที่อัยการยื่นฟ้อง พ.ต.ท. ทักษิณ เป็นจำเลยที่1 กับพวกรวม 27 คน กรณีธนาคารกรุงไทยปล่อยกู้บริษัท กฤษฎามหานคร ในข้อหาเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่มิชอบ ตามมาตรา 157  และความผิดตาม  พรบ.ว่าด้วยความผิดของพนักงานในองค์การหรือหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. 2502 ความผิดตาม พรบ.หลักทรัพย์ ตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 เนื่องจากไม่มารายงานตัวต่อศาลในนัดสอบคำให้การนัดแรก ในวันนี้ ( 11 ต.ค. )  นับเป็นคดีที่ 6 แล้ว
         
                  โดยก่อนหน้านี้ พ.ต.ท.ทักษิณ  ถูกออกหมายจับมาแล้วถึง 5 คดี

                  คดีแรก คดีทุจริตปล่อยกู้ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (เอ็กซิมแบงค์) ให้กับรัฐบาลพม่าวงเงิน 4,000 ล้านบาท  เป็นการออกหมายจับ พ.ต.ท. ทักษิณ เมื่อ 16 ก.ย. 2551เนื่องจาก พ.ต.ท.ทักษิณ หลบหนีคดี เพื่อติดตามตัว พ.ต.ท.ทักษิณ มาฟังการพิจารณาของศาลนัดแรก
                 คดีที่สอง คดีทุจริตโครงการออกสลากพิเศษเลขท้าย 2 และ 3 ตัว (หวยบนดิน ) เป็นการออกหมายจับเมื่อวันที่  26 ก.ย. 51 เพื่อติดตามตัว พ.ต.ท.ทักษิณ มาพิจารณาคดีนัดแรก
                คดีที่สาม  คดีทุจริตแปลงสัมปทานมือถือ - ดาวเทียม เป็นภาษีสรรพสามิต เป็นการออกหมายจับเมื่อวันที่  15 ต.ค. 51 เพื่อติดตามตัวมาพิจารณาคดีนัดแรก
                คดีที่สี่   คดีทุจริตซื้อขายที่ดินรัชดาภิเษกมูลค่า 772 ล้านบาทเศษ ตามคำพิพากษาที่ให้จำคุก พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นเวลา 2 ปี โดยออกหมายจับเมื่อวันที่ 21 ต.ค. พ.ศ. 2551
               คดีที่ห้า  คดีก่อการร้าย  ออกหมายจับ เมื่อวันที่ 25 พ.ค. 2553  ซึ่งคดีนี้ศาลกำลังจะสืบพยานโจทก์
               ทั้งนี้ การออกหมายจับ 4 คดีแรก เป็นการออกหมายจับของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ส่วนคดีที่ 5 เป็นการออกหมายจับของศาลอาญา
//////////////////////////
คดีที่ศาลตัดสินแล้ว 5 คดี

1.คดีทุจริตจัดซื้อที่ดินรัชดาภิเษก มีจำเลยคือ พ.ต.ท.ทักษิณ และ คุณหญิงพจมาน ชินวัตร โดยศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ได้พิพากษาให้จำคุก พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นเวลา 2 ปี ฐานกระทำผิดกฎหมายของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) มาตรา 100 โดยออกหมายจับ พ.ต.ท.ทักษิณไว้ และได้ให้ยกฟ้องคุณหญิงพจมาน

2.คดีเลี่ยงภาษีการซื้อขายหุ้นบริษัท ชิน คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือชินคอร์ป มูลค่า 738 ล้านบาท มีจำเลยคือ คุณหญิงพจมาน นายบรรณพจน์ ดามาพงศ์ และนางกาญจนาภา หงส์เหิน เลขานุการส่วนตัวคุณหญิงพจมาน ศาลอาญาได้พิพากษาให้จำคุกคุณหญิงพจมาน และนายบรรณพจน์ คนละ 3 ปี ส่วนนางกาญจนาภา จำคุก 2 ปี แต่ภายหลังศาลอุทธรณ์ได้กลับคำตัดสินของศาลอาญา สั่งยกฟ้อง คุณหญิงพจมานและนางกาญจนาภา ส่วนนายบรรณพจน์ให้รอลงอาญาเป็นเวลา 1 ปี ก่อนที่อัยการสูงสุดจะตัดสินใจ "ไม่ฎีกา"

3.คดีทุจริตจัดซื้อต้นกล้ายางพารา 90 ล้านต้น มีจำเลยคือ นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ อดีตรองนายกรัฐมนตรี นายเนวิน ชิดชอบ อดีต รมว.เกษตรและสหกรณ์ กับพวก รวม 44 คน ต่อมาศาลฎีกาได้อ่านคำพิพากษา ให้ยกฟ้องจำเลยทั้ง 44 คน เนื่องจากพบว่าไม่ได้กระทำความผิด

4.คดีทุจริตโครงการออกสลากเลขท้ายพิเศษ 2 ตัว 3 ตัว หรือหวยบนดิน คตส.ยื่นฟ้อง ครม.ทักษิณ ชินวัตร ทั้งคณะ และผู้บริหารสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล ร่วมกันเป็นจำเลย ซึ่งศาลฎีกาตัดสินให้จำคุกนายวราเทพ รัตนากร อดีต รมช.คลัง 2 ปี นายสมใจนึก เองตระกูล อดีตปลัดกระทรวงการคลัง และประธานคณะบอร์ดกองสลาก 2 ปี นายชัยวัฒน์ พสกภักดี อดีต ผอ.กองสลาก 2 ปี แต่เนื่องจากจำเลยทั้ง 3 ไม่เคยทำผิดมาก่อน ให้รอลงอาญาไว้ 2 ปี ทั้งนี้ พ.ต.ท.ทักษิณไม่ได้เดินทางมารับฟังคำพิพากษา จึงมีการออกหมายจับ

5.คดีร่ำรวยผิดปกติ ให้ทรัพย์สิน 76,621 ล้านบาท ของ พ.ต.ท.ทักษิณตกเป็นของแผ่นดิน ซึ่งศาลฎีกามีคำสั่งให้ยึดเฉพาะเงินค่าขายหุ้นส่วนที่เพิ่มขึ้นหลัง พ.ต.ท.ทักษิณ ดำรงตำแหน่งนายกฯ และ

เงินปันผล จำนวน 46,373 ล้านบาท ให้ตกเป็นของแผ่นดิน

คดีที่ค้างอยู่ในชั้นศาล

1. คดีทุจริตโครงการออกสลากพิเศษแบบเลขท้าย 3 ตัว และ 2 ตัว หรือคดีหวยบนดิน ซึ่งคดีนี้ คตส. ได้ยื่นฟ้อง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร คณะรัฐมนตรี "รัฐบาลทักษิณ" และผู้บริหารสำนักงานสลาก

กินแบ่งรัฐบาล รวม 47 คนเป็นจำเลยและคดีนี้ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ได้สั่งจำหน่ายคดีออกจากสารบบความชั่วคราวเนื่องจากหนีคดี และได้ตัดสินให้จำคุกนายวรา

เทพ รัตนากร อดีต รมช.คลัง นายสมใจนึก เองตระกูล อดีตปลัดกระทรวงการคลัง และนายชัยวัฒน์ พสกภักดี อดีตผ.อ.สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล คนละ 2 ปี และให้รอการลงโทษจำคุกจำเลย

ทั้งสามไว้คนละ 2 ปี

2. คดีธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (เอ็กซิมแบงก์)ปล่อยเงินกู้ให้กับรัฐบาลพม่า
คดีนี้ คตส. เป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เป็นจำเลย ในความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานมีหน้าที่จัดการดูแลกิจการเข้าไปมีส่วนได้ส่วนเสียเพื่อประโยชน์สำหรับตนเอง

หรือผู้อื่น และเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 152 และมาตรา 157
กรณีที่มีการอนุมัติเงินกู้ของธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทยให้แก่รัฐบาลพม่าจำนวน 4,000 ล้านบาท เพื่อดำเนินโครงการจัดซื้ออุปกรณ์กิจการโทรคมนาคมจากบริษัทในเครือ

ชินคอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นธุรกิจของครอบครัว ซึ่งคดีนี้ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ได้จำหน่ายคดีชั่วคราวไว้ก่อนเนื่องจาก พ.ต.ท.ทักษิณ หลบหนีคดี

3.คดีทุจริตออกกฎหมายแก้ไขค่าสัมปทานโทรศัพท์มือถือ - ดาวเทียม เป็นภาษีสรรพสามิต เอื้อประโยชน์ธุรกิจบริษัทชินคอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ทำให้รัฐเสียหาย 6.6 หมื่นล้านบาท
คดีนี้อัยการสูงสุด เป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เป็นจำเลย ในความผิดฐานเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ เป็นหุ้นส่วนหรือผู้ถือหุ้นในห้างหุ้นส่วนหรือบริษัทที่รับสัมปทาน

หรือเข้าเป็นคู่สัญญาในลักษณะดังกล่าว , เป็นเจ้าพนักงานมีหน้าที่จัดการหรือดูแลกิจการใดเข้าไปมีส่วนได้ส่วนเสียเพื่อประโยชน์สำหรับตนเองหรือผู้อื่น เป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการ

ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91,152,157 และ พ.ร.บ.ว่าด้วยการป้องกันและ

ปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 มาตรา 4 ,100 ,122 ซึ่งศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองได้สั่งจำหน่ายคดีไว้ชั่วคราวเนื่องจาก พ.ต.ท.ทักษิณ หลบหนีคดี

คดีอยู่ระหว่างการพิจารณของคณะทำงานร่วมระหว่างอัยการกับ ปปช.

1. คดีทุจริตซีทีเอ็กซ์ 9000 ซึ่งคดีนี้เกี่ยวกับการจัดซื้อจัดจ้างปรับเปลี่ยนสายพานลำเลียงกระเป๋าสัมภาระผู้โดยสารและเครื่องตรวจสอบวัตถุระเบิด (ซีทีเอ็กซ์ 9000)ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ
โดยคดีนี้ คตส. ได้ชี้มูลความผิด พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร กับพวก ในข้อหาเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157

2. คดีธนาคารกรุงไทย อนุมัติเงินกู้ให้กับบริษัทในเครือกฤษดามหานคร ซึ่งเป็นการอนุมัติสินเชื่อให้กับบริษัทที่เป็นหนี้ ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ โดยคดีนี้ คตส. ได้ชี้มูลความผิด พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร

กับพวก นอกจากนี้ยังมีการดำเนินคดีกับนายพานทองแท้ ชินวัตร บุตรชายในข้อหารับของโจร ด้วย

3.คดีทุจริตโครงการระบบจ่ายไฟฟ้าและเครือข่ายท่อร้อยสายท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ซึ่งมีนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ อดีต รมว.คมนาคมกับพวกเป็นจำเลย

ไม่มีความคิดเห็น: