PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันจันทร์ที่ 29 มิถุนายน พ.ศ. 2558

ถึงคิว! “วัฒนา เมืองสุข” พบ ทภ.1 หลังวิจารณ์ทหารจับ นศ.ดาวดิน


ถึงคิว! “วัฒนา เมืองสุข” ถูกทหาร ทภ.1 เรียกตัวพรุ่งนี้ หลังวิจารณ์กองทัพ ปฏิบัติกับนักศึกษากลุ่มดาวดิน รัฐบาลเตือนทุกกลุ่มหยุดเคลื่อนไหวโจมตีไปมา-เคารพกฎหมาย ให้กระบวนการยุติธรรมชี้ขาดคนผิด วอนชาติต้องการความสงบสุข ด้าน “ไพบูลย์ นิติตะวัน” ย้ำเร็วไปหากนักศึกษาจัดเวทีโต้วาทีวิจารณ์ร่าง รธน. เชื่อมีสิทธิให้ความเห็นหลังผ่านประชามติก่อน ยันจับ 14 ดาวดินไม่กระทบ
วันนี้ (29 มิ.ย.) มีรายงานว่า เจ้าหน้าที่ทหารได้โทรศัพท์แจ้งนายวัฒนา เมืองสุข อดีต รมว.พาณิชย์ และแกนนำพรรคเพื่อไทย โดยเป็นการเรียกให้ไปพบที่กองทัพภาคที่ 1 ในวันที่ 30 มิ.ย.นี้ เวลา 11.00 น. เพื่อปรับทัศนคติ หลังจากที่นายวัฒนาได้ออกมาแสดงความคิดเห็นต่อกรณีของนักศึกษากลุ่มดาวดิน
ด้านนายวัฒนากล่าวว่า เจ้าหน้าที่ทหารได้โทรศัพท์มาหาตนเมื่อเวลา 09.00 น. แต่ไม่ทราบว่านอกจากตนแล้วมีใครถูกเรียกอีกหรือไม่ เพราะตนยังไม่ได้ติดต่อใคร ขณะเดียวกันตนพยายามติดต่อไปยังทหารอีกครั้งแต่ก็ไม่มีใครรับสาย เมื่อถามว่าจะจัดเตรียมเสื้อผ้าไปด้วยหรือไม่ เพราะอาจได้อยู่ยาว เนื่องจากนายวัฒนาวิพากษ์วิจารณ์การทำหน้าที่ของทหารไปอย่างหนักหน่วง นายวัฒนากล่าวว่า ไปแต่ตัวกับหัวใจก็เพียงพอ ถ้าเขาเอาตนไว้คงเปลืองข้าวเปลืองน้ำ แต่ถ้าให้อยู่ก็คงไม่เกิน 7 วัน
มีรายงานว่า นายวัฒนาให้ความเห็นว่า น้องนักศึกษาทั้งหมดไม่ได้กระทำความผิดตามข้อกล่าวหา คือ
1. การกระทำของน้องนักศึกษากลุ่มดาวดิน ในวันที่ 24 และ 25 มิ.ย. อันนำไปสู่การออกหมายจับ คือ การประกาศถึงหลักการสำคัญในระบอบประชาธิปไตยเท่านั้น มิได้มีการกระทำในลักษณะปลุกระดมหรือชักชวนให้ประชาชนออกมาต่อต้าน หรือก่อความไม่สงบเพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงหรือล่วงละเมิดกฎหมายแผ่นดินแต่อย่างใดทั้งสิ้น ที่น้องนักศึกษาเรียกร้องคือการปกครองในระบอบประชาธิปไตยซึ่งก็เป็นไปตามรัฐธรรมนูญชั่วคราวมาตรา 2 มิได้เรียกร้องให้มีการปกครองในระบอบอื่น ส่วนข้อความที่ประกาศนั้นก็ไปตามความมุ่งหมายแห่งรัฐธรรมนูญทุกประการมิได้มีความใดที่ไม่ถูกต้องหรือบิดเบือน จึงเป็นการแสดงความคิดเห็นหรือติชมโดยสุจริตตามความในมาตรา 116 แห่งประมวลกฎหมายอาญาทุกประการ
2. ตามรัฐธรรมนูญชั่วคราว พ.ศ. 2557 ของพวกคุณในมาตรา 2 ก็เขียนไว้ว่า “ประเทศไทยมีการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข” ส่วนมาตรา 3 เขียนว่า “อำนาจอธิปไตยเป็นของปวงชนชาวไทย” ดังนั้น สิ่งที่น้องนักศึกษากลุ่มดาวดินเรียกร้องคือสิทธิของพวกเขา และกระบวนการอันเป็นประชาธิปไตยซึ่งก็เป็นไปตามความมุ่งหมายแห่งรัฐธรรมนูญชั่วคราวของพวกคุณเองนั่นแหละ ถ้าไม่ใช่แล้วจะเขียนไว้หลอกประชาชนทำไม ดังนั้น การกระทำของน้องนักศึกษากลุ่มดาวดินจึงไม่เป็นความผิดตามมาตรา 116
3. ส่วนข้อหาที่อ้างว่าเป็นการฝ่าฝืนคำสั่งหัวหน้า คสช ที่ 3/2558 ข้อ 12 ที่ห้ามมั่วสุม หรือชุมนุมทางการเมือง ณ ที่ใดๆ ที่มีจำนวนตั้งแต่ห้าคนขึ้นไปนั้น คำสั่งนี้ใช้บังคับไม่ได้เพราะขัดกับมาตรา 2 ของรัฐธรรมนูญชั่วคราวของคุณเอง ก็ในเมื่อมาตรา 2 บอกเองว่าประเทศไทยปกครองระบอบประชาธิปไตย ประชาชนจึงย่อมมีสิทธิและเสรีภาพที่จะแสดงออกตามวิถีแห่งประชาธิปไตยซึ่งรวมถึงการชุมนุมทางการเมืองด้วย (ขอไม่ใช้คำว่ามั่วสุมเพราะคำนั้นเหมาะกับพวกคุณมากกว่า) คำสั่งที่ห้ามชุมนุมทางการเมืองจึงขัดกับรัฐธรรมนูญที่พวกคุณเขียนขึ้นมาเอง ดังนั้น คนที่ควรถูกจับคือคนที่ฝ่าฝืนรัฐธรรมนูญ แต่ไม่ใช่น้องนักศึกษา
ส่วนถ้าจะทำให้คำสั่งของหัวหน้าคสช.ชอบตามรัฐธรรมนูญนั้น ตนขอแนะนำให้พวกคุณไปแก้ไขมาตรา 2 เสียใหม่เป็นว่า “ประเทศไทยปกครองระบอบเผด็จการ” หรือ “ประเทศนี้พักใช้ระบอบประชาธิปไตยชั่วคราว” คำสั่งที่ 3/2558 จึงจะชอบตามรัฐธรรมนูญแล้วค่อยมาจับพวกตน
4. คณะรัฐประหารกระทำผิดกฎหมายอย่างร้ายแรง มีความผิดฐานกบฏแต่กลับใช้อำนาจออกกฎหมายเพื่อนิรโทษกรรมให้แก่ตนเองและพรรคพวก ละเมิดสิทธิและเสรีภาพของบุคคลอื่นอย่างรุนแรง ใครไม่เชื่อฟังก็ลงโทษ ในขณะที่น้องนักศึกษามาเรียกร้องสิทธิของพวกเขาที่ถูกยึดไปด้วยความบริสุทธิ์โดยสงบและปราศจากอาวุธกลับถูกจับกุมดำเนินคดี หรือสังคมไทยได้กลายเป็นสังคม “กาขาว” ที่เป็นยุคของผู้ดีเดินตรอกขี้ครอกเดินถนน ตนว่ารีบคืนอำนาจให้ประชาชนให้พวกเขาได้กำหนดวิถีทางทางการเมืองด้วยตัวเอง อย่าไปคิดแทนประชาชนเลย”
มีรายงานว่า นอกจากนายวัฒนาแล้ว นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ เลขาธิการแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ก็เป็นอีกคนหนึ่งที่ให้ความเห็นถึงกลุ่มนักศึกษาดาวดินเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา นายณัฐวุฒิระบุว่า “ไม่ได้ถูกทหารโทรศัพท์เรียกตัว ยังไม่มีใครโทรศัพท์มา เขาคงเห็นว่าผมสติหนามาก ปรับยากแล้ว”
โดยนายณัฐวุฒิระบุว่า “ผมชื่นชมขบวนการนี้และเห็นว่าสิ่งที่แสดงออกเป็นวาระสากลที่คนทั่วโลกยอมรับ อย่าพยายามสร้างประเด็นเบื้องหลังทำลายเครดิตเด็กเลย แค่พวกเขาเห็นอำนาจเผด็จการอยู่เบื้องหน้า การออกมาต่อต้านเป็นเรื่องเข้าใจได้ ขอเรียกร้องให้ผู้มีอำนาจเปลี่ยนวิธีปฏิบัติ คืนอิสรภาพให้เยาวชนเหล่านี้ในทันทีเพื่อไม่ให้สถานการณ์ตึงเครียดไปกว่านี้ เมื่อศาลทหารเปิดทำการกลางดึกเพื่อนำนักศึกษาเข้าคุกได้ก็น่าจะทำการในวันหยุดเพื่อนำออกมาได้เช่นกัน”
“ผมเชื่อว่าไม่มีใครต้องการเผชิญหน้าหรือสร้างความรุนแรงขึ้นในประเทศ แต่ประเด็นเรื่องประชาธิปไตยกับเผด็จการเป็นปัญหาหลักการใหญ่ที่ผู้มีอำนาจต้องเข้าใจว่ามิอาจอนุโลมเป็นเรื่องเดียวกันได้ สิ่งที่ควรทำคือ ใช้เมตตานำหน้าอำนาจ และยอมรับความจริงว่าอนาคตของประเทศไทยคือประชาธิปไตยไม่ใช่รัฐประหาร”
“ที่น่าเป็นห่วงอีกเรื่อง คือ การจัดตั้งมวลชนกลุ่มตรงข้ามมาเคลื่อนไหวต่อต้านนักศึกษาประชาชนผู้เห็นต่างซึ่งเป็นลูกสูตรของผู้ถืออำนาจพิเศษทั่วโลกจะปรากฏขึ้นในห้วงเวลานี้หรือไม่ หากเกิดความคิดนี้หวังว่าผู้มีอำนาจจะยับยั้งเพราะนั่นเป็นแนวทางแห่งหายนะที่มีตัวอย่างให้เห็นในหลายประเทศไม่เว้นแม้เหตุการณ์ในประวัติศาสตร์การเมืองไทย เข้าใจว่าภารกิจรัฐบาลมีมากแต่เมื่อท่านเอาทั้งประเทศไปรับผิดชอบก็อยากให้เกิดการเรียนรู้ว่าอำนาจที่ประชาชนส่วนใหญ่ยอมรับคืออำนาจที่มาจากพวกเขา และไม่มีผู้ปกครองใดยิ่งใหญ่ได้โดยการกำหนดประชาชนเป็นคู่ต่อสู้แล้วเอาชนะ”
อีกด้าน พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า การเคลื่อนไหวทางสังคมของกลุ่มที่ชื่นชมและกลุ่มโต้แย้งรัฐบาลไม่ว่ารูปแบบใดล้วนส่งผลต่อความสงบของประเทศในภาพรวม ซึ่งอาจกระทบต่อมิติอื่นๆ เช่นการค้า การลงทุน ความเชื่อมั่นของนานาชาติ เป็นต้น แต่การเคลื่อนไหวของบางกลุ่มที่ชัดเจนว่าขัดต่อกฎหมายนั้น ขอให้ปล่อยเป็นขั้นตอนตามกระบวนการยุติธรรมที่จะตัดสินลงโทษ จึงขออย่าให้อีกฝ่ายออกเคลื่อนไหวโจมตีกันไปมา
นอกจากนี้ ขอฝากไปยังทุกกลุ่มว่ารัฐบาลเชื่อว่าสิ่งที่มีความที่มีคุณค่าและสำคัญที่สุดสำหรับประเทศไทยขณะนี้คือความสงบสุขประชาชนอยู่อย่างร่มเย็น รวมทั้งขอให้มั่นใจว่าประเทศกำลังเดินหน้าสู่การปฏิรูปประเทศ เพื่อป้องกันปัญหาความขัดแย้งทางสังคมเหมือนที่เคยเกิดในอดีต และนำประเทศไปสู่ระบอบประชาธิปไตยที่สมบูรณ์.
ด้านนายไพบูลย์ นิติตะวัน กรรมาธิการ (กมธ.) ยกร่างรัฐธรรมนูญ กล่าวถึงกรณีงานเสวนาเรื่อง “รัฐธรรมนูญไทย เอาไงดี” ซึ่งจัดโดยนักศึกษามหาวิทยาลัยรามคำแหง ถูกยกเลิกการจัดงาน โดยฝ่ายทหาร เมื่อวันที่ 27 มิ.ย.ที่ผ่านมาว่า ตนคิดว่ายังเร็วไปที่จะจัดงานเสวนาในลักษณะแบบนี้ เนื่องจากร่างรัฐธรรมนูญร่างสุดท้ายยังไม่ออกมาเป็นรูปเป็นร่าง ควรจะให้เห็นร่างสุดท้ายของรัฐธรรมนูญ และกำลังจะอยู่ในช่วงการทำประชามติเสียก่อน จึงจะให้มีการจัดเวทีในลักษณะโต้วาทีกันระหว่างฝ่ายที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วยกับร่างรัฐธรรมนูญ ซึ่งก็ต้องรวมถึงนักศึกษากลุ่มขบวนการประชาธิปไตยใหม่ทั้ง 14 คน ที่โดนจับกุมไป เมื่อวันที่ 26 มิ.ย.ที่ผ่านมา ก็ควรจะมีสิทธิมีเสียงในการให้ความเห็นต่อร่างรัฐธรรมนูญนี้ด้วย
อย่างไรก็ตาม การจับกุมเป็นไปตามกฎหมาย และนักศึกษาก็ไม่ขอรับสิทธิในการประกันตัว ส่วนการจับกุมนักศึกษาทั้ง 14 คนนั้นจะส่งผลต่อการรับหรือไม่รับร่างรัฐธรรมนูญหรือไม่นั้น นายไพบูลย์กล่าวว่า ตนเชื่อว่าไม่กระทบ เพราะนักศึกษานั้นออกมาเรียกร้องแค่ให้มีรัฐธรรมนูญใช้ แต่ยังไม่ได้ลงลึกถึงรายละเอียดของร่างรัฐธรรมนูญ


ไม่มีความคิดเห็น: