PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันศุกร์ที่ 11 ธันวาคม พ.ศ. 2558

“บิ๊กโด่ง” จวกใครบางคน ให้มีวุฒิภาวะ-มีสติ อย่าตั้งธงชี้นำว่าทุจริต เพราะแค่เพียงรับเอกสารจากคนบางคน




“บิ๊กโด่ง”  จวกใครบางคน ให้มีวุฒิภาวะ-มีสติ อย่าตั้งธงชี้นำว่าทุจริต เพราะแค่เพียงรับเอกสารจากคนบางคน

เมื่อเวลา 13.45 น.ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม ให้สัมภาษณ์ถึงความคืบหน้าการตรวจสอบโครงการอุทยานราชภักดิ์ว่า ตนตั้งใจทำโครงการดังกล่าว ไม่ได้ต้องการหาประโยชน์เพื่อตัวเอง และไม่เคยคิดว่าในชีวิตจะต้องเจออะไรแบบนี้ เพราะในชีวิตผ่านการรบฝ่าดงระเบิดก็ผ่านมาได้ แต่กรณีนี้กระทบต่อชื่อเสียงที่สั่งสมมาตลอดชีวิต ที่ผ่านมาทำหน้าที่ปราบคนโกง ผู้มีอิทธิพล แต่กลับถูกตราหน้าว่าเป็นคนโกงเสียเอง โครงการก่อสร้างอุทยานราชภักดิ์ คิดว่าเป็นจุดแข็งของตน แต่ไม่คิดว่าจะเป็นปัญหาจึงรู้สึกเป็นห่วง และต้องแก้กันเป็นห้วงๆ ไป ตอนนี้ทุกอย่างหยุดชะงัก หากเป็นแบบนี้ในระยะยาวจะเกิดความเสียหายต่ออุทยานขึ้น ตนอยากจะตั้งโต๊ะชี้แจงในกรณีที่เป็นปัญหา แต่เวลานี้ถือว่าไม่เหมาะสมแล้ว เพราะเหมาะที่จะให้คณะกรรมการเข้าไปตรวจสอบแล้วจึงแถลง และขอยืนยันว่าเรื่องนี้ไม่สามารถฮั้วกับคณะกรรมการตรวจสอบของกระทรวงกลาโหมได้ หากจะซักถามอย่างไรต้องเป็นไปตามกระบวนการ

“ทำงานก็ทำกันไป รับเงินมาก็เป็นกระดาษแผ่นหนึ่ง แล้วส่งให้เจ้าหน้าที่ทางการเงิน คนที่ใช้จ่ายก็ไปเบิกตามความเป็นจริง ตามแผนงาน ไม่มีอะไร มีแต่สิ่งดีๆ ทั้งนั้น เราก็เสียใจที่ทำสิ่งดีๆ แล้วมาเป็นถึงขนาดนี้ ไม่ได้ห่วงใยตำแหน่งหรืออะไรหรอก งานที่ทำเราก็ทำไป ไม่ได้บอกว่าจะดีหรือไม่ดี แต่ต้องทำไปเรื่อยๆ” พล.อ.อุดมเดชกล่าวและว่า เสียดายที่การชี้แจงรายรับ-รายจ่ายของกองทัพบกครั้งที่แล้วน่าจะมีการนำรายละเอียดเกี่ยวกับรายรับ-รายจ่ายมาชี้แจงด้วย ซึ่งรายละเอียดเหล่านี้ ทั้งสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) และคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) สามารถตรวจสอบได้ เช่น การปลูกต้นปาล์มที่ได้รับบริจาคมานั้นและมีข่าวว่าต้นละ 3 แสนบาท แม้จะมีการชี้แจงจาก พล.อ.ธีรชัย นาควานิช ผบ.ทบ. แต่ยังไม่ชัดเจน เพราะมีบางคนยังตั้งแง่ ทั้งที่การรับบริจาคนั้นเพื่อหาเงินเข้าโครงการ ทำด้วยกันหลายส่วน มีการจัดคอนเสิร์ต ส่วนที่ตนเคยพูดว่าอาจมีการหักค่าหัวคิวของโรงหล่อนั้น ไม่ได้หมายความว่าเป็นการยอมรับว่ามีการรับค่าหัวคิว แต่เหมือนกับค่าตอบแทนบางอย่างระหว่างบริษัทหนึ่งกับบริษัทหนึ่งที่เกี่ยวข้อง แต่ไม่เกี่ยวกับกองทัพบก

ผู้สื่อข่าวถามกรณีที่ พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ระบุว่ามีการทุจริต พล.อ.อุดมเดชกล่าวว่า

“ต้องถามว่าถูกต้องหรือไม่ เป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ แล้วมีคนสองคนเดินมาหาแล้วนำซองเอกสารสีน้ำตาลบางๆมาให้ คุยกันอยู่สักพักเสร็จแล้วมาบอกว่าทุจริตแน่นอน มีที่ไหนเขาทำกัน จริงๆ แล้วทำแบบนี้ผิด เพราะเป็นการชี้นำ เพราะกรรมการที่ตรวจสอบต้องหาคนผิดให้ได้ ต้องเป็นลักษณะที่ว่าเอาข้อมูลมาแล้วไปให้กับ สตง. ป.ป.ช. ไปไล่ดูแต่ละจุดว่ามีความผิดต่างๆ อย่างไร ไม่ใช่ออกมาพูดแบบนี้ อย่างนี้แสดงว่าอย่างไร เป็นนายพรานออกมาจากพุ่มไม้หรืออย่างไร เป็นนายพรานหรือเปล่าก็ไม่ทราบ ผมไม่ได้ทะเลาะกัน แต่เขาพลาดพลั้งที่พูดไป ถามว่าเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ มีวุฒิภาวะในตัวเองทุกคน จะต้องมีสติ ไม่ใช่มีธงในใจ พอนักข่าวถามก็ตั้งใจว่าเดี๋ยววันนี้จะฟันแน่ การเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ ไม่ใช่มีเอกสารอยู่แค่นั้นแล้วจะมาบอกว่าผิดแน่นอน ต้องให้กรรมการเข้าไปตรวจสอบดูบัญชี” 

ไม่มีความคิดเห็น: