PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันพุธที่ 27 มกราคม พ.ศ. 2559

'มือปราบหูดำ' ไขก๊อกรายแรก ชิ่งหนี 'ชายหมู' ทิ้งตำแหน่งที่ปรึกษาฯ

'มือปราบหูดำ' ไขก๊อกรายแรก ชิ่งหนี 'ชายหมู' ทิ้งตำแหน่งที่ปรึกษาฯ
โดย ไทยรัฐออนไลน์ 27 ม.ค. 2559 12:20
2,939 ครั้ง

"วิชัย" ยื่นหนังสือลาออกที่ปรึกษา กทม. หลัง ปชป.ออกแถลงการณ์ตัดขาดบริหารงานกรุงเทพฯ คาดยังมีต่อคิวทยอยลาออกอีก อยู่ในขั้นตัดสินใจ ด้าน ขรก.ผวา ไม่กล้าเซ็นรับงานหลอดไฟแอลอีดี 39.5 ล้าน หวั่นโดนหางเลขปล่อยข้อมูลโกง เหตุทนพฤติกรรมทุจริตคนใกล้ชิด "ชายหมู" ไม่ไหว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 27 ม.ค.59 หลังจากที่พรรคประชาธิปัตย์ได้ออกแถลงการณ์เกี่ยวกับปัญหาการบริหารงาน กทม. ของ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าฯ กทม. ซึ่งถูกอดีต ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ตรวจสอบว่า มีปัญหาทั้งด้านประสิทธิภาพและความโปร่งใส แต่ไม่สามารถประสานงานเพื่อหารือกับ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ ได้นานกว่าสามเดือน ทำให้ปัญหาไม่ได้รับการแก้ไขปรับปรุง จนนำไปสู่ความเห็นของกรรมการบริหารพรรค ที่ออกมาประกาศให้การทำงานของผู้ว่าฯ กทม. เป็นเอกเทศจากพรรค โดยพรรคไม่สามารถใช้ระบบและกลไกของพรรคสนับสนุนการบริหารของ กทม.ต่อไปได้อีกนั้น ล่าสุดมีความเคลื่อนไหวจาก พล.ต.ต.วิชัย สังข์ประไพ ที่ปรึกษาของผู้ว่าฯ กทม. ทำหนังสือขอลาออกจากตำแหน่ง ลงวันที่ 24 ม.ค. 59 โดยให้เหตุผลดังนี้

หนังสือขอลาออกจากตำแหน่ง
"ตามที่ผู้ว่าฯ กทม.ได้แต่งตั้งผมเป็นที่ปรึกษาของผู้ว่าราชการ กทม. ตามคำสั่งกรุงเทพมหานคร ที่ 1376 /2556 ลงวันที่ 3 เมษายน 2556 เรื่องแต่งตั้งคณะที่ปรึกษาของผู้ว่าฯ กทม.นั้น เนื่องจากผมต้องดำเนินธุรกิจของครอบครัว ประกอบกับได้รับการแต่งตั้งเป็นกรรมการและที่ปรึกษาให้กับบริษัทเอกชนและรัฐวิสาหกิจหลายแห่ง ทำให้ไม่สามารถปฏิบัติงานนโยบายสำคัญที่ท่านมอบหมาย ในฐานะที่ปรึกษาของผู้ว่าฯ กทม.ได้อย่างเต็มที่ ซึ่งอาจส่งผลเสียหายต่อราชการและผู้ว่าฯ กทม. ดังนั้นผมจึงขอลาออกจากตำแหน่งดังกล่าว ตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคม 2559 เป็นต้นไป ทั้งนี้หากในโอกาสต่อไปมีสิ่งใดที่ผมจะสามารถเป็นประโยชน์ต่อราชการหรือท่านได้ ผมยินดีเป็นอย่างยิ่งที่จะดำเนินการอย่างเต็มกำลังความสามารถ ลงชื่อ พล.ต.ต.วิชัย สังข์ประไพ"
รายงานข่าวแจ้งว่า ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ ได้รับหนังสือลาออกดังกล่าวแล้วและพยายามยับยั้ง โดยมีการประสานงานให้ พล.ต.ต.วิชัย ไปพบ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ แต่ได้รับการปฏิเสธ ทำให้ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ ตัดสินใจที่จะให้หนังสือลาออกมีผลทันที แทนที่จะเป็นวันที่ 1 มีนาคม โดยคนใกล้ชิดผู้ว่าฯ กทม. ระบุว่า จะมีการแต่งตั้งที่ปรึกษาคนใหม่มาแทน และไม่คิดว่ากรณีนี้จะกระทบต่อการบริหารและความน่าเชื่อถือของผู้ว่าราชการ กทม.แต่อย่างใด
สำหรับ พล.ต.ต.วิชัย นับเป็นรายแรกที่ลาออกจากตำแหน่งฝ่ายบริหารใน กทม. หลังจากพรรคตัดขาดความสัมพันธ์กับ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ เนื่องจากไม่เคารพระบบพรรค ไม่ให้ความร่วมมือในการตรวจสอบเกี่ยวกับความไม่โปร่งใสที่เกิดขึ้น โดยคาดว่าจะมีคนของพรรคที่ไปร่วมบริหารงานที่ กทม.ลาออกเพิ่มเติมอีก ยกเว้น นายอรรถวิชช์ สุวรรณภักดี อดีต ส.ส.กทม. พรรคประชาธิปัตย์ ที่เพิ่งได้รับการแต่งตั้งให้เป็นที่ปรึกษา ผู้ว่าฯ กทม. เนื่องจากเจ้าตัวให้เหตุผลว่าไม่ได้ไปทำงานในนามพรรค แต่ได้รับการแต่งตั้งโดยส่วนตัวจาก ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ ทั้งนี้ยังมีบุคลากรของพรรคที่ไปเป็นฝ่ายบริหารอีกสองคนคือ นางผุสดี ตามไท และ พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง รองผู้ว่าฯ กทม. ซึ่งขณะนี้อยู่ในระหว่างการตัดสินใจว่าจะลาออกจากตำแหน่งหรือไม่
ที่ผ่านมา พล.ต.ต.วิชัย มีผลงานเกี่ยวกับการจัดระเบียบหาบเร่แผงลอย เพื่อคืนพื้นที่ให้กับคน กทม. ตามนโยบายคืนความสุขของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช. โดยได้ดำเนินการไปแล้วหลายที่ อาทิ ถนนริมคลองหลอดใกล้สนามหลวง, ปากคลองตลาด, ตลาดโบ้เบ้, อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ เป็นต้น
ส่วนกรณีที่สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน ตรวจสอบความไม่โปร่งใสในหลายโครงการ และตั้งงบประมาณไม่ถูกต้องตามระเบียบ/ไม่สอดคล้องกับอำนาจหน้าที่ สภา กทม.เป็นหน่วยงานนิติบัญญัติ มีอำนาจหน้าที่ในการเสนอพิจารณาตราข้อบัญญัติ ให้ความเห็นชอบร่างงบประมาณรายจ่ายประจำปีและงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติม และควบคุมตรวจสอบการทำงานของฝ่ายผู้บริหาร กทม. แต่ปรากฏว่าการใช้งบประมาณของสภา ซึ่งงานส่วนใหญ่ควรเป็นงบที่เกี่ยวกับงานการประชุม งานสารบรรณธุรการ และคณะกรรมการวิสามัญชุดต่างๆ แต่กลับพบว่า 71 เปอร์เซ็นต์ หรือจำนวนเงินถึง 228.19 ล้านบาท ของงบ 312.34 ล้านบาท หมวดค่าใช้จ่ายอื่น กลายเป็นเงินที่ใช้จ่ายไปกับการฝึกอบรม การสัมมนาดูงานในต่างประเทศ ซึ่งสตง.ระบุว่า เป็นการตั้งงบประมาณที่ไม่สอดคล้องกับอำนาจหน้าที่ ไม่เกิดประโยชน์ต่อ กทม.รวมถึงอีก 17 โครงการดูงานต่างประเทศ งบ 106.15 ล้านบาท ที่ไม่มีเหตุผลจำเป็น/ไม่เหมาะสม/ไม่เกิดประโยชน์ในปี 2554 ซึ่งได้มีการจัดโครงการไปดูงานต่างประเทศรวม 15 โครงการ ใช้เงินไป 50.67 ล้านบาท และกรณีอื้อฉาวเกี่ยวกับโครงการกรุงเทพแสงสีแห่งความสุข ที่มีการติดตั้งหลอดไฟแอลอีดี 5 ล้านดวง ใช้งบประมาณ 39.5 ล้านบาท
รายงานข่าวจาก กทม.แจ้งว่า ขณะนี้ข้าราชการเริ่มมีความหวาดวิตกว่า จะเกิดปัญหาจนส่งผลกระทบต่อตำแหน่งหน้าที่ โดยเฉพาะกรณีติดตั้งหลอดไฟ 39.5 ล้านบาท ทำให้มีกรรมการตรวจรับงานอย่างน้อยสองคน ไม่ยอมเซ็นรับงาน นอกจากนี้ ยังมีการให้ข้อมูลการทุจริตออกมาอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องทีวีมหานคร ที่มีความเกี่ยวโยงกับคนใกล้ชิดกับ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ รวมไปถึงการให้สัมปทานป้ายโฆษณา ส่วนต่อขยายรถไฟฟ้าที่อยู่ในการดูแลของ กทม. ให้กับบริษัทของบุตรรองผู้ว่าฯ กทม. คนหนึ่งด้วย

ไม่มีความคิดเห็น: