PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันพุธที่ 27 มกราคม พ.ศ. 2559

เปิดบันทึก"เด่น โต๊ะมีนา"ชำแหละ"วะฮาบีย์"ทำมุสลิมใต้ป่วน!

โดย "เซี่ยงเส้าหลง" และทีมข่าวการเมือง
10 เมษายน 2548 19:59 น.

•• ผู้อ่านบางท่าน e-mail เข้ามาหา “เซี่ยงเส้าหลง” บอกว่าที่เขียนไปว่าใน กอส. – คณะกรรมการอิสระเพื่อความสมานฉันท์แห่งชาติ นั้นมีแต่ ซุนนีห์, วะฮาบีฮ์ ไม่มี ชีอะห์ ไม่ถูกต้องครบถ้วนเสียทั้งหมดเพราะตามจริงแล้วถ้าจะมองอีกมุมหนึ่งยังไม่มีตัวแทนจุฬาราชมนตรีท่านปัจจุบัน มีแต่ ขั้วตรงข้าม ทั้งขั้วของ เด่น โต๊ะมีนา และขั้วของ ดร.อิสมาอีล ลุตฟี จะปะกียา ที่ในวงในลึก ๆ รู้กันว่าตั้งความหวังไว้กับการขึ้นไปเป็น จุฬาราชมนตรีท่านใหม่ หรือมองจากอีกมุมหนึ่งนอกจากไม่มี ชีอะห์ แล้วยังไม่มี กลุ่มวะดะฮ์ ซึ่งหมายถึงว่าไม่มี เครือข่ายของพล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ อย่าได้คิดว่าเรื่องต่าง ๆ เหล่านี้ไม่สำคัญเพราะในบรรดาสารพัดสาเหตุอันเป็นที่มาของ วิกฤตจังหวัดชายแดนภาคใต้ หนึ่งในจำนวนนั้นที่ ปรากฏชัดขึ้นทุกที คือ ความขัดแย้งระหว่างสำนักต่าง ๆ ในศาสนาอิสลามด้วยกัน ในประการนี้ถ้า กอส. ภายใต้การนำของ อานันท์ ปันยารชุน ถูกมองเสียตั้งแต่ต้นแล้วว่าจะ ถูกครอบงำทางความคิด โดย วะฮาบีฮ์ การพิจารณาปัญหาก็ยากจะพบ สาเหตุที่ครบถ้วนรอบด้าน ได้
       
       •• ความสัมพันธ์ 3 เส้า ซุนนีย์, ชีอะห์ และ วะฮะบีฮ์ รวมทั้ง ซาอุดีอาระเบีย, อิหร่าน และ สหรัฐอเมริกา เคยกล่าวไว้โดยสังเขปแล้ว ณ ที่นี้ตั้งแต่ วันที่ 6 เมษายน 2548 คงจะไม่ต้องทบทวน ณ ที่นี้
       
       •• แต่ที่อยากจะกล่าวถึง วะฮะบีฮ์ อีกครั้ง ณ ที่นี้ก็เพราะระลึกขึ้นมาได้ว่าใน จดหมายเปิดผนึก 30 หน้า ของ เด่น โต๊ะมีนา ที่ยื่นเสนอโดยตรงต่อ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ตั้งแต่เมื่อ วันที่ 10 มิถุนายน 2546 (เป็นเวลา 7 เดือนก่อนเกิดปฏิบัติการปล้นปืน ที่ เจาะไอร้อง) ก็ได้มีการเอ่ยถึงร่องรอยบางประการที่เกี่ยวกับ วะฮาบีฮ์ ใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ว่าการเผยแพร่ศาสนาอิสลามบริสุทธิ์ดั้งเดิม ตามแนวของ มูฮัมหมัด บิน อับดุลวาฮับ ได้สร้าง ความขัดแย้ง 2 ด้าน ด้านหนึ่งคำสอนบางประการ ขัดกับวัฒนธรรมท้องถิ่น ที่เจือปนด้วย วัฒนธรรมฮินดู อีกด้านหนึ่งเป็นปัญหาด้าน เงินช่วยเหลือจากตะวันออกกลางจำนวนมาก ที่ส่งตรงเข้ามายัง อดีตนักเรียนทุนตะวันออกกลาง ชนิดไม่ผ่าน คณะกรรมการกลางอิสลามประจำจังหวัด ก่อให้เกิดเป็น 2 ขั้วคู่ขนาน ชนิดที่ เด่น โต๊ะมีนา กล่าวไว้ตอนหนึ่งว่า “...ทำให้ประชาชนแตกแยกเป็น 2 พวก.” ในจดหมายบอกเล่าว่าเป็นเหตุการณ์ที่ เกิดขึ้นมาหลายปีแล้ว ขอยกบางข้อความในหน้า 23 – 24 มาแสดงไว้ ณ ที่นี้โดยใช้ ตัวสะกดภาษาไทย ตามเอกสารต้นฉบับ.....
       
       ....กระผมขอถือโอกาสชี้แจงเกี่ยวกับวาฮาบีเกี่ยวกับจังหวัดชายแดนภาคใต้อย่างไร
      
       ....ศาสนาอิสลามหลังยุคของท่านศาสดามูฮัมหมัดแล้ว ได้แตกเป็น 2 นิกาย คือ สุหนี่ (ซุนนะฮ์) และชีอะห์ ซึ่งศาสนาอื่น ๆ ก็แตกเป็นหลายนิกายเช้นเดียวกัน
      
       ....วาฮาบีไม่ใช่นิกาย แต่เป็นคำสอนของนักปราชญ์ทางศาสนาอิสลามท่านหนึ่งมีชื่อว่า มูฮัมหมัด บินอับดุลวาฮาบ เกิดขึ้นในปลายศตวรรษที่ 18 ในดินแดนคาบสมุทรอาราเบีย เป็นยุคที่อารยธรรมอิสลามกำลังเสื่อมโทรม ท่านจึงยินหยัดในมุสลิมหันกลับไปสู่คำสอนของศาสนาอิสลามตามพระมหาคุมภีร์อัลกุรอาน และหลักปฏิบัติของท่านศาสดามูฮัมหมัดอย่างแท้จริง คัดค้านพิธีกรรมต่าง ๆ ที่มิได้กำหนดไว้ในอัลกุรอานและอัลฮะดิษ ทำให้กระทบกระเทือนกับผู้ปกครองท้องถิ่นที่ได้ปฏิบัติในสิ่งที่เกินเลยไปกว่าคำสอนอันบริสุทธิ์ดั้งเดิมของศาสนาอิสลาม จึงอาศัยอยู่ในถิ่นเดิมของตัวเองไม่ได้ ต้องเร่ร่อนไปอีกเมืองหนึ่ง จึงได้รับการต้อนรับจากอิบนีสะอู๊ด ซึ่งต่อมาได้ยึดครองนครเมกกะ (มักกะฮ์) ได้จากตุรกีด้วยความช่วยเหลือของอังกฤษ ได้สถาปนาเป็นกษัตริย์สะอู๊ด และกลายเป็นประเทศซาอุดีอารเบียจนถึงปัจจุบัน
      
       ....เมื่อซาอุดีอารเบียเป็นประเทศร่ำรวยด้วยทรัพยากรน้ำมัน จึงเริ่มตั้งมหาวิทยาลัยทางศาสนา และให้ทุนการศึก ษาแก่นักศึกษาทั่วโลก ตั้งแต่ระดับปริญญาตรีถึงระดับปริญญาเอก
      
       ....ในจำนวนนักศึกษาที่ได้รับทุนดังกล่าวก็มีนักศึกษาจาก 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ที่จบปริญญาเอกจากซาอุดีอารเบียหลายคน

       
       ....นักศึกษาที่จบ โดยเฉพาะปริญญาเอกจากซาอุดีอารเบีย ในแต่ละประเทศ ก็นำความรู้ที่ได้ร่ำเรียนมาไปเผยแพร่ในประเทศของตน พร้อมกับเงินทุนเพื่อเผยแพร่ตามหลักการของวาฮาบี เพื่อให้มุสลิมทุกคนในโลกนี้ได้ปฏิบัติตามคำสอนของอัลกุรอานและฮาดิษอย่างแท้จริง
       
       ....ในจำนวนนักศึกษาที่กลับประเทศของตนที่ได้ทั้งความรู้และเงินทุนเผยแพร่ ก็มีใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้รวมอยู่ด้วย
       
       ....เมื่อมีบุคคลที่นำคำสอนตามแนววาฮาบีไปเผยแพร่ใน 3 จังหวัด ก็เกิดความขัดแย้งกับโต๊ะครูปอเนาะต่าง ๆ ที่มีอยู่มากมายใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เช่นเดียวกับมูฮัมหมัด บินอับดุลวาฮาบเริ่มสอนครั้งแรกในดินแดนคาบสมุทรอารเบียจนอยู่ในถิ่นเดิมไม่ได้
       
       ....เมืองปัตตานีเดิมนับถือศาสนาฮินดู ประเพณีบางอย่างที่ตกทอดมาถึงวันนี้ก็ยังมีปฏิบัติกันอยู่ แต่ส่วนใหญ่ได้ยกเลิกไปแล้ว
      
       ....ฉะนั้น เมื่อมีผู้นำคำสอนที่เพียว ๆ และห้ามมิให้กระทำสิ่งที่เคยกระทำ เช่น การจัดงานเมาลิด เป็นต้น ความขัดแย้งก็เกิดขึ้น
      
       ....องค์กรเผยแพร่แนววาฮาบีที่ซาอุดีอารเบียมีทุนมหาศาล จึงได้ให้เงินและให้ทุนแก่นักเรียนเก่าของเขา ให้ทุกคนปฏิบัติตามแนววาฮาบี
      
       ....ผู้นำแนววาฮาบีไปปฏิบัติจะต้องแสดงศักยภาพของตนให้องค์กรที่ซาอุดีฯเห็นถึงความสามารถของเขาว่ามีประชาชนคล้อยตามมากขึ้นทุกวัน จำเป็นที่จะต้องให้มีประชาชนมาเรียนมาก จะต้องใช้เงินนำพาคนไปฟังคำสอนในระยะแรก เมื่อมีคนติดคำสอนแล้ว คนก็ไปกันเอง เกือบทุกหมู่บ้านตำบลจะมีประชาชนส่วนหนึ่งในหมู่บ้านหรือตำบลเช่ารถไปเรียนทุกสัปดาห์
      
       ....เฉพาะในจังหวัดปัตตานี มีสถานที่สอนศาสนาประจำสัปดาห์ 2 แห่ง แห่งหนึ่งอยู่ในอำเภอยะรัง ซึ่งมีการสอนแนวใหม่ อีกแห่งหนึ่งที่มัสยิดกลางปัตตานี มีการสอนแนวเดิม แต่ละแห่งจะมีประชาชนไปฟังการสอนเป็นพัน ๆ คนทุกสัปดาห์

       
       ....เมื่อในแต่ละหมู่บ้านมีคนไปเรียนกับการสอนแนวใหม่บางส่วนกลับมาในหมู่บ้าน แล้วมีความรู้สึกว่าประชาชนส่วนใหญ่ในหมู่บ้านของตนปฏิบัติตามหลักศาสนาไม่ตรงตามที่พวกเขาไปเรียนมา ก็เลยไม่ยอมปฏิบัติตามคนส่วนใหญ่ในหมู่บ้าน จนกระทั่งไม่ยอมไปละหมาดทุกวันศุกร์ในมัสยิดประจำหมู่บ้านที่มีอยู่เดิม จึงแยกไปทำอีกต่างหาก
      
       ....เมื่อแยกตัวไปแล้วก็ไปขอเงินจากผู้สอนแนวใหม่เพื่อก่อสร้างมัสยิดใหม่ ผู้สอนแนวใหม่ก็ขอเงินจากองค์กรเผยแพร่มาให้สร้างมัสยิดแต่ละแห่ง แต่ละหมู่บ้าน เป็นแสน ๆ บาทขึ้นใหม่ ในหลายหมู่บ้านกลายเป็นหมู่บ้านที่มีมัสยิด 2 แห่ง
      
       ....คณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดแต่ละจังหวัดทำอะไรไม่ได้ ทำได้อย่างเดียว ไม่รับจดทะเบียนให้เท่านั้น ซึ่งคนเหล่านี้ไม่แคร์เลย

       
       ....เหตุการณ์อย่างนี้เกิดมาหลายปีแล้ว
      
       ....กระผมเองเคยไปประเทศคูเวต และได้รับเชิญไปเยี่ยมองค์กรเผยแพร่ศาสนาองค์กรหนึ่งในคูเวต เขาได้ชี้ให้ดูรูปมัสยิดต่าง ๆ ในจังหวัดปัตตานีมากกว่า 10 แห่งที่เขาให้ทุนในการก่อสร้าง เขาบอกด้วยความภาคภูมิใจที่เขาได้ช่วยคนปัตตานีในด้านศาสนสถาน

       
       ....กระผมก็ชี้แจงเขาว่า วันนี้ผมได้พบแล้วแหล่งที่ทำให้คนมุสลิมแตกแยกในจังหวัดปัตตานี บอกเขาว่าที่คุณให้ทุนสร้างมัสยิดทั้งหมดนี้ เป็นการสร้างมัสยิดใหม่ที่ซ้อนกับมัสยิดที่มีอยู่แล้ว ทำให้ประชาชนแตกแยกเป็น 2 พวก ทำไมคุณไม่มอบทุนเหล่านี้ผ่านสำนักงานคณะกรรมการกลางอิสลามประจำจังหวัด ซึ่งเป็นองค์กรอิสลามที่ดูแลเรื่องมัสยิด
       
       ....เขาตอบว่าเขาไม่รู้ เพราะผู้ขอได้ขอผ่านองค์กรเผยแพร่ศาสนาในซาอุดีฯ องค์กรในซาอุดีฯจึงแบ่งมาให้ช่วยทำการกุศล
      
       ....ฯลฯ....ฯลฯ......

       
       •• นอกจากปัจจัยด้านต่าง ๆ ที่พูดกันมากว่าเป็น ขนมรวมมิตร แล้วเราไม่อาจพิจารณาปัญหาวิกฤตด้ามขวานทองได้ ทะลุปรุโปร่ง หากปฏิเสธที่จะทำความเข้าใจเรื่อง วะฮาบีฮ์ และ แนวทางใหม่ในการสอนศาสนา ด้วย 

ไม่มีความคิดเห็น: