ปุจฉา
หลัง เติ้ง เสี่ยวผิง กลับมามีอำนาจอีกครั้งหนึ่ง ได้ทำการปฏิรูปประเทศจีน โดยนำเอาระบบเศรษฐกิจแบบทุนนิยม บางส่วนกลับมาใช้นั้น ประสบความสำเร็จหรือมีความยากลำบากอย่างไรบ้าง?
หลัง เติ้ง เสี่ยวผิง กลับมามีอำนาจอีกครั้งหนึ่ง ได้ทำการปฏิรูปประเทศจีน โดยนำเอาระบบเศรษฐกิจแบบทุนนิยม บางส่วนกลับมาใช้นั้น ประสบความสำเร็จหรือมีความยากลำบากอย่างไรบ้าง?
วิสัชนา
หลังจาก ท่านประธาน เหมา เจ๋อตุง ถึงแก่อสัญกรรม ใน ปี ค.ศ.1976 ได้ตั้ง นาย หัว กั๊วเฟิง ขึ้นมาสืบทอดอำนาจ หัว กั๊วเฟิง ได้จับกุม แก็งค์ 4 คน อันประกอบด้วย เจียงชิง (ภรรยา ของประธานเหมา เจ๋อตุง) เหยาเหวินหยวน จางชุนเฉียว และหวังหงเหวิน ที่เป็นตัวการในการปฏิวัติวัฒนธรรม หลังจากนั้น หัว กั๊วเฟิง ก็ค่อยๆ หมดอำนาจในพรรคลง
หลังจาก ท่านประธาน เหมา เจ๋อตุง ถึงแก่อสัญกรรม ใน ปี ค.ศ.1976 ได้ตั้ง นาย หัว กั๊วเฟิง ขึ้นมาสืบทอดอำนาจ หัว กั๊วเฟิง ได้จับกุม แก็งค์ 4 คน อันประกอบด้วย เจียงชิง (ภรรยา ของประธานเหมา เจ๋อตุง) เหยาเหวินหยวน จางชุนเฉียว และหวังหงเหวิน ที่เป็นตัวการในการปฏิวัติวัฒนธรรม หลังจากนั้น หัว กั๊วเฟิง ก็ค่อยๆ หมดอำนาจในพรรคลง
ใน ค.ศ.1978 เติ้ง เสี่ยวผิง ได้เข้ามามีอำนาจในพรรคอีกครั้งหนึ่ง และได้ทำการปฏิรูปประเทศจีนให้กลับมาสู่ระบบเสรีนิยมทางเศรษฐกิจ (ทุนนิยม) โดยไม่ได้มีการปฏิรูปที่ดิน ที่ดินยังคงเป็นของรัฐ 100 % แต่ทรัพย์สินอื่นๆ เช่น บ้าน โรงงาน ค่อยๆ ทยอยขายและให้ประชาชนเช่า มีการยกเลิกระบบนารัฐ นารวม ด้วยการแบ่งหน้าที่และความรับผิดชอบให้แก่ประชาชนแต่ละครอบครัวดูแลและผลิตอาหารในที่ดินของรัฐ ผลผลิตจำนวนหนึ่งส่งให้รัฐ ผลผลิตส่วนเกินจากจำนวนนั้นตกเป็นของประชาชน เพียงเท่านี้ ปริมาณผลผลิตภาคการเกษตรไม่ว่าจะเป็นอาหารทุกชนิด เพิ่มขึ้นทันที 3 เท่าจากที่เคยผลิตได้ ความขาดแคลนเรื่องอาหารหมดสิ้นไปโดยทันที ประชาชนในชนบทมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นอย่างรวดเร็ว
เติ้ง เสี่ยวผิง ได้ทำสนธิสัญญาความร่วมมือกับสหรัฐอเมริกาที่เป็นศัตรูเก่าได้สำเร็จเป็นครั้งแรก โดย ในปี ค.ศ.1979แลกเปลี่ยนกับการปิดสถานทูตสหรัฐอเมริกาในไต้หวัน หลังจากนั้นสหรัฐอเมริกาได้เลิกคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจกับประเทศจีน และมีสัมพันธ์ทางการทูตเป็นปกติ ประเทศที่เป็นตลาดที่ใหญ่ที่สุดในโลก 2 ประเทศ มีความสัมพันธ์ทางการค้า การลงทุนอีกครั้งหนึ่ง เติ้ง เสี่ยวผิง ได้เปิดเขตเศรษฐกิจพิเศษรอบๆ ชายฝั่งเพื่อสนับสนุนการพัฒนาอุตสาหกรรม เริ่มจาก 14 เมือง ใน 3 มณฑลชายฝั่งทะเล แต่การลงทุนก็ยังมีอุปสรรคมาก อันเนื่องมาจากกฎหมายและระเบียบวิธีการที่ล่าช้า ล้าหลัง ทำให้การทำธุรกิจในประเทศจีนเป็นไปด้วยความยากลำบาก และผู้ลงทุนไม่สามารถที่จะไล่คนงานที่ขี้เกียจออก หรือให้รางวัลกับคนงานที่ขยันได้ การทำอุตสาหกรรมของชาวต่างชาติ จึงไม่ค่อยประสบความสำเร็จในตอนเริ่มต้น มีอุปสรรคจากความไม่เข้าใจ และความเคยชินในระบบเศรษฐกิจแบบสังคมนิยมมาช้านาน
การเปิดประเทศและเปิดเสรีทางเศรษฐกิจทำให้ข้าราชการและเจ้าหน้าที่ของรัฐ ประพฤติตนทุจริตคอร์รัปชั่น สร้างความร่ำรวยให้กับตนเองและพรรคพวก โรงงานของรัฐที่มีอยู่แต่ดั้งเดิมก็ไม่มีประสิทธิภาพภายใต้ระบบสวัสดิการ พนักงานส่วนใหญ่ก็ขี้เกียจ ไม่มีความรับผิดชอบ ดังนั้นเมื่อ เติ้ง เสี่ยวผิง ตัดสินใจอนุญาตให้โรงงานของรัฐที่ขาดทุนสามารถปิดกิจการได้ ก็ส่งผลให้คนงานในภาคอุตสาหกรรมตกงานจำนวนถึง 100 ล้านคน แม้คนตกงานจะยังได้รับการเลี้ยงดูจากรัฐ แต่ก็สร้างปัญหามากมายในระบบเศรษฐกิจและสังคม
ต่อมา เติ้ง เสี่ยวผิง ตัดสินใจไม่ควบคุมราคาสินค้า ปล่อยให้ขึ้น-ลง ตามกลไกตลาด ปัญหาการกักตุนสินค้าเพื่อเก็งกำไรก็เกิดขึ้นอย่างกว้างขวาง ทำให้สินค้าหลายอย่างหายไปจากท้องตลาดและมีราคาสูงขึ้น จนสร้างความเดือดร้อนไปทั่วกับประชาชนส่วนใหญ่ บนความร่ำรวยของคนไม่กี่คนที่เป็นเจ้าหน้าที่รัฐและคนส่วนน้อยที่กักตุนสินค้าไว้ ประกอบกับอัตราแลกเปลี่ยนค่าเงินหยวนของจีนในตอนนั้น ยังใช้อัตราแลกเปลี่ยนหลายอัตรา (อัตราที่เป็นทางการกับอัตราในตลาดมืด) อัตราที่เป็นทางการในปี ค.ศ.1980 อยู่ที่ประมาณ 2 หยวน ต่อ 1 ดอลล่าร์สหรัฐ แต่ราคาในตลาดมืดอาจจะอ่อนอยู่ที่ 8-10 หยวน ต่อ 1 ดอลล่าร์สหรัฐ การที่มีอัตราแลกเปลี่ยนที่แตกต่างกันมากมายหลายอัตรา ทำให้การลงทุนและการค้าขายที่ต้องทำให้ถูกต้องตามกฎหมายเป็นไปด้วยความยากลำบาก เกิดการทุจริตและคอร์รัปชั่นของเจ้าหน้าที่รัฐอย่างกว้างขวาง
เพราะฉะนั้นในปี ค.ศ.1989 จึงเกิดการชุมนุมของประชาชนที่ จัตุรัสเทียนอันเหมิน จากความไม่พอใจที่มีต่อเจ้าหน้าที่ของรัฐและเจ้าหน้าที่ของพรรคที่ทุจริตคอร์รัปชั่นมากมาย ปัญหาการทุจริตที่ไม่เคยเกิดขึ้นในยุคของเศรษฐกิจสังคมนิยมคอมมิวนิสต์ได้เกิดขึ้นมากมายในยุคปฏิรูปทุนนิยม โดยยังไม่เข้าใจและขาดประสบการณ์ในการแก้ปัญหาการทุจริตคอร์รัปชั่นของเจ้าหน้าที่รัฐ การกักตุนเก็งกำไรและผูกขาดของพ่อค้าในระบบเศรษฐกิจทุนนิยมอย่างดีพอ เหตุการณ์ เทียนอันเหมิน จึงเกิดขึ้น และนำไปสู่การปราบปรามอย่างรุนแรง มีนักศึกษาและประชาชนล้มตายเป็นจำนวนหลายพันคน เป็นข่าวดังไปทั่วโลก และทำให้สหรัฐอเมริกาและประเทศตะวันตกอื่นๆ ถอนการลงทุน และคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจกับรัฐบาลจีนอีกครั้งหนึ่ง
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น