PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันพุธที่ 13 กรกฎาคม พ.ศ. 2559

วิกฤตการณ์ ร.ศ.112

"วิกฤตการณ์ ร.ศ. 112"
13 กรกฎาคม 1893: เรือรบฝรั่งเศสบุก “ปากน้ำ” สยามจำต้องยอมรับข้อเรียกร้องของฝรั่งเศสอย่างไม่มีเงื่อนไข
“…จากการศึกษาพบว่า วิกฤตการณ์ครั้งนี้มีพื้นฐานมาจากความขัดแย้งเรื่องเขตแดนระหว่างประเทศไทยกับฝรั่งเศสและแผ่ขยายวงกว้างออกไปกระทบกระเทือนเรื่องคนในบังคับและธุรกิจของคนในบังคับ ขณะที่ความขัดแย้งทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ผู้แทนทางการทูตของทั้งสองฝ่ายหันกลับไปใช้กำลังทหาร เพื่อเข้าปกครองดินแดนที่อยู่ในความขัดแย้งกันโดยตรง ทั้งนี้เพื่อสร้างความได้เปรียบในการเจรจาครั้งใหม่ในอนาคต แต่ด้วยความสามารถ ความเด็ดเดี่ยว ความริเริ่มของนักการทูตและนักการทหารฝรั่งเศสทำให้เกิดการรบที่ปากน้ำขึ้นเมื่อวันที่ 13 กรกฎาคม ค.ศ. 1893 การศึกครั้งนี้จบลงด้วยชัยชนะของเรือรบฝรั่งเศส ส่วนฝ่ายไทยนั้น ความพ่ายแพ้ของกองกำลังรักษาปากน้ำ การขาดความสนับสนุนจากอังกฤษและการปิดน่านน้ำไทยของเรือรบฝรั่งเศส ทำให้ไทยต้องยอมอ่อนข้อต่อฝรั่งเศสอย่างไม่มีเงื่อนไข ท้ายที่สุดวิกฤตการณ์ครั้งนี้จบลงด้วยการลงนามในสนธิสัญญากรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 3 ตุลาคม ค.ศ. 1893 ระหว่างรัฐบาลไทยกับฝรั่งเศส สนธิสัญญาฉบับนี้ทำให้ไทยเสียดินแดนฝั่งซ้ายแม่น้ำโขงและเสียอำนาจการปกครองคนในบังคับชาวอินโดจีนให้แก่ฝรั่งเศสนอกจากนี้ฝรั่งเศสยังเข้ายึดครองจันทบุรีและเตรียมแผนการที่จะยึดครองพระตะบอง เสียมราฐ ศรีโสภณและฝั่งขวาของแม่น้ำโขงไว้ในสนธิสัญญาฉบับนี้ด้วย...”
คำนำจาก ศิลปวัฒนธรรมฉบับพิเศษ “กรณีพิพาท ไทย-ฝรั่งเศส” โดย พันตรี พีรพล สงนุ้ย ส่วนการศึกษาโรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า (พิมพ์ครั้งแรก มกราคม 2545)
หนึ่งในความขัดแย้งก่อนวิกฤตการณ์ครั้งนี้ ซึ่งถูกกล่าวถึงในหนังสือเล่มเดียวกันนี้คือความตายของ “มาสสี่” (Affaire de massie) ซึ่งพันตรี พีรพลมองว่า อาจมีการบิดเบือนข้อเท็จจริงเพื่อประโยชน์ในการเล่นงาน “สยาม” ตามข้อความตอนหนึ่งว่า
“มาสสี่ เจ้าหน้าที่ของสถานกงสุลฝรั่งเศสในเมืองหลวงพระบางซึ่งเคยเป็นสมาชิกของคณะสำรวจ (Mission Pavie) ได้ลาออกจากตำแหน่งดังกล่าว เพราะได้รับการข่มเหง (à subir les pires insultes) จากคนไทย และที่สำคัญคือ มาสสี่ไม่เคยได้รับความเห็นใจและการสนับสนุนจากรัฐบาลที่กรุงฮานอยและกรุงปารีสเลย ดังนั้นเขาจึงได้ฆ่าตัวตาย เมื่อวันที่ 30 พฤศจิกายน ค.ศ. 1892 บริเวณหน้าเมืองจำปาสัก (Bassac)”
“การตายของมาสสี่ทำให้ลาเนสซ็อง (Lanessan) ผู้ว่าราชการเวียดนามตอนใต้และผู้นำจักรวรรดินิยมคนสำคัญของฝรั่งเศสต้องเข้ามาเกี่ยวข้อง โดยให้ตั้งคณะกรรมการสอบสวน ผลการสอบสวนปรากฏอย่างชัดเจนว่าเป็นการฆ่าตัวตาย ด้วยเหตุผลดังกล่าวข้างต้น ฝรั่งเศสจึงเริ่มปฏิบัติการด้วยวิธีรุกทั้งทางด้านการทหารและด้านการทูตต่อไทย แต่หนังสือพิมพ์ในไซง่อนและตังเกี๋ยกลับรายงานว่ามาสสี่ป่วยตาย จึงอาจจะเป็นไปได้ว่า ข้าราชการชาวอาณานิคมต้องการใช้การตายของมาสสี่ให้เกิดประโยชน์โดยผลักดันให้รัฐบาลฝรั่งเศสใช้มาตการเด็ดขาดกับไทย”
ภาพประกอบ:
1. ภาพจากหนังสือพิมพ์ Le Petit Parisien สื่อชั้นนำของฝรั่งเศสยุคสาธารณรัฐที่ 3, เป็นภาพเรือรบฝรั่งเศสขณะมุ่งสู่ปากน้ำเจ้าพระยาพร้อมเล็งปืนใหญ่เข้าหาพระสมุทรเจดีย์
2. การ์ตูนจาก “The Sketch” (หนังสือพิมพ์พร้อมภาพประกอบรายสัปดาห์ของอังกฤษ) เป็นภาพวาดทหารฝรั่งเศสกำลังโจมตีทหารสยาม ซึ่งถูกแทนด้วยตุ๊กตาไม้ แสดงถึงความเหนือกว่าทั้งด้านเทคโนโลยีและเทคนิคทางทหารของฝรั่งเศส

ไม่มีความคิดเห็น: