PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันพุธที่ 13 กรกฎาคม พ.ศ. 2559

ใบตองแห้ง:ว่าด้วย รธน.ปลอมกับไทยเฉย

ความอยุติธรรมกรณีประชาธิปไตยใหม่ เห็นตำตาคนไทยในสังคมทุกคน อย่าพูดเลยว่านี่คือประชามติที่ Free และ Fair แต่ทำไมสังคมไทยเฉยเมย

คนไทยโดยเฉพาะคนชั้นกลางมีการศึกษา รู้ดีโดยไม่ต้องบอกว่าอะไรคือความถูกต้องชอบธรรม อะไรคือเหตุผล อะไรคือข้ออ้างตะแบงกัน แต่เงียบกริบ ทั้งกระแสสังคมกระแสสื่อ ส่วนใหญ่เลือกที่จะเฉยเมย ปล่อยให้กระบอกเสียงให้ร้ายป้ายสีไป ตัวเองเอาหัวมุดทราย เลือกไม่อ่านข่าวประชาธิปไตยใหม่ แต่อ่านข่าว "ดัชนีเชื่อมั่นไทยพุ่ง" (ยืมมาจากโพสต์ทูเดย์) หรือไม่ก็ตามข่าวหญิงไก่ เพื่อปลอบใจตัวเองว่าสังคมนี้ยังมีความยุติธรรม

สลิ่มอาจกลัวทักษิณ เสื้อแดงอาจกลัวอำนาจ แต่คนชั้นกลางทั่วไปไม่ใช่ คนชั้นกลางทั่วไปกลัว "บ้านเมืองวุ่นวาย" กลัวตัวเองเดือดร้อน ไม่ได้ใช้ชีวิตชิลๆ

อ.นิธิพูดถูกว่าคนชั้นกลางไทยมีฐานะดีขึ้นได้ไม่ว่ามีเลือกตั้งหรือเป็นเผด็จการ ไม่เคยผูกพันกับระบบคุณค่าทางการเมืองใด แต่ผมอยากเสริมในมิติทางวัฒนธรรม ว่าสังคมไทยปลูกฝังแต่ศีลธรรมของผู้ถูกปกครอง ทำความดีไปเหอะอย่ามาต่อสู้เรื่องโครงสร้างอำนาจให้ตัวเองเดือดร้อน อย่าทวงถามความยุติธรรมความเป็นธรรมในโครงสร้างอำนาจ หลัง 6 ตุลาก็สอนเด็กเข้าคิว อย่าทิ้งขยะ 

เหมือนตอนนี้ก็ไปปลูกป่า รักต้นไม้ ลดใช้ถุงก๊อบแก๊บ สังคมไทยไม่สามารถสร้างพลังแห่งคุณธรรมเรื่องสำนึกความถูกต้องความยุติธรรม ซึ่งสำคัญมากในการตรวจสอบผู้ปกครองในโลกสมัยใหม่ 

มีแต่พลังศีลธรรมประเภทเห็นเด็กตากฝนเก็บธงชาติแล้วน้ำตาไหล ซึ่งปลุกมาใช้ได้ฉาบฉวยแบบไล่อีปู


////////////
ไทยเฉยเมย
ทายท้าวิชามาร
2016-07-13 06:45:00

กรธ.ยอมรับแล้วว่าสิ่งที่ตัวเองกล่าวหาเป็น “ร่างรัฐธรรมนูญปลอม” พิมพ์สี่สี มีกลุ่มทุนหนุนหลังใช้วิชามาร ฯลฯ แท้ที่จริงคือ “ความเห็นแย้ง” ของนักศึกษาประชาธิปไตยใหม่

กระนั้นยังไม่วายตั้งแง่ว่าบิดเบือนเพราะใช้ถ้อยคำเช่น “ส.ว.ทหารแต่งตั้งโดยทหาร” หรือ “องค์กรแต่งตั้งอยู่เหนือประชาชน”

 แต่กกต.ยังไม่ทันชี้ว่าผิดจริงไหมตำรวจราชบุรีก็จับ 4 นักกิจกรรมพร้อมเอกสารในรถ ในความผิดฐาน “เชื่อว่าจะแจก” แถมพ่วงนักข่าวประชาไทเมื่อองค์กรวิชาชีพสื่อผู้สื่อข่าวไร้พรมแดนวิพากษ์
วิจารณ์การจับนักข่าวตำรวจทหารก็ไปค้นสำนักงานประชาไท

 พฤติกรรมเหล่านี้ไม่ต้องมีใครชี้นำคนที่มีสำนึกผิดชอบชั่วดีน่าจะวินิจฉัยเองได้ว่าอะไรแฟร์ไม่แฟร์ อะไรยุติธรรมไม่ยุติธรรมเว้นแต่บางคนที่ยังไร้สติจนเชื่อหัวปักหัวปำว่านี่คือหนทาง “ปราบโกง” 

แต่ทำไมคนส่วนใหญ่เฉยเมยโดยเฉพาะคนชั้นกลางที่มีปากเสียงในสังคมโดยเฉพาะสื่อกระแสหลักซึ่งหาวิธีหลีกเลี่ยงด้วยการ “กลบข่าว” ไม่ให้น้ำหนักไม่ให้ความสำคัญ ตั้งแต่ครั้งจับ 7 ประชาธิปไตยใหม่ฐานชุมนุมเกิน 5 คนซึ่งกระแสกดดันจากต่างประเทศสูงกว่าภายในที่กลายเป็น “ไทยเฉยเมย” 

คำตอบคือประชามติครั้งนี้เป็น “ประชามติแห่งความกลัว” ไม่ใช่แค่ความกลัวทักษิณของคนที่เกลียดชังไม่ใช่แค่ความกลัวอำนาจของคนชนบทคนชั้นกลางระดับล่างหากยังเป็นความหวาดกลัว “บ้านเมืองวุ่นวาย” ของคนชั้นกลางในเมืองทั่วๆไปที่ไม่เลือกข้างหนึ่งข้างใดชัดเจนซึ่งพูดให้ถึงที่สุดความกลัวประเภทหลังเป็นฐานอำนาจให้คสช.อยู่นาน 2 ปีกว่า คสช.ไม่ได้ทำอะไรถูกใจคนเสียหมดบางครั้งไม่พอใจด้วยซ้ำแต่คนส่วนใหญ่ยังหยวนๆเพราะกลัว คสช.พ้นอำนาจไปแล้วไม่รู้จะเกิดอะไรห่วงกังวลสถานะตัวเองมากกว่าความถูกต้อง ความชอบธรรมหรือแม้แต่ความยุติธรรม 

คนชั้นกลางจำนวนไม่น้อยรู้ว่าอะไรถูกไม่ถูกอย่างน้อยก็รู้ว่าอะไรฝืนเหตุผลอะไรคือการปฏิบัติหรือเลือกปฏิบัติอย่างไม่เป็นธรรมแต่เลือกที่จะ “เอาหัวมุดทราย” เช่น ไม่อ่านข่าวประชาธิปไตยใหม่เลือกอ่านข่าว “ดัชนีเชื่อมั่นไทยพุ่ง” หรือไม่ก็ข่าว “หญิงไก่” เพื่อปลอบใจว่าสังคมไทยยังมีความยุติธรรมส่วนเรื่องการเมืองไม่เป็นไรอย่างน้อยก็ยัง “ไม่มีใครตาย” 

อ.นิธิเอียวศรีวงศ์สรุปได้เฉียบคมว่าคนชั้นกลางไทยมีฐานะเศรษฐกิจดีขึ้นตลอดไม่ว่าการเมืองระบอบเผด็จการหรือประชาธิปไตยจึงไม่มีสำนึกผูกพันกับระบบคุณค่าทางการเมืองใดๆตรงข้ามไม่ว่าระบบใดก็ใช้ไต่เต้าได้เสมอ (จิ้มก้องได้เสมอ) 

ในมิติทางสังคมคนชั้นกลางไทยเชื่อว่าตนมีศีลธรรมความจริงแล้วรากฐานศีลธรรมที่ถูกปลูกฝังเป็นแค่ศีลธรรมสำหรับผู้ถูกปกครองคือทำความดีที่เป็นคุณต่อตนเองและครอบครัวแต่ขาดสำนึกคุณธรรมทางสังคมสำนึกเพื่อส่วนรวมเพื่อความยุติธรรมความถูกต้อง 

เช่นหลัง 6 ตุลา 2519 สังคมไทยไม่เคยสนใจใครถูกผิดแค่หยวนๆครึ่งใบแล้วก็สอนให้เด็กเข้าคิวและทิ้งขยะเป็นที่เป็นทางเหมือนยุคนี้สมัยนี้ที่หาช่องทาง “ทำความดี” แบบไม่เป็นพิษเป็นภัยใส่ตัวด้วยการปลูกป่า รักต้นไม้ลดใช้ถุงก๊อบแก๊บในขณะที่ใช้ชีวิตอยู่ภายใต้วัฒนธรรมบริโภคนิยม

สำนึกแห่งความถูกต้องชอบธรรมคือแก่นค้ำจุนสังคมสมัยใหม่ถ้าขาดหายไปเสียแล้วก็เป็นได้แค่สังคมที่อยู่บนการฉวยโอกาสทางเศรษฐกิจการเมืองไปวันๆเท่านั้นเอง

ไม่มีความคิดเห็น: