PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันอังคารที่ 31 มกราคม พ.ศ. 2560

สถานการณ์ข่าว31/1/60

ปยป.-รบ.

นายกฯเข้าทำเนียบแล้ว เตรียมเป็นประธานประชุม คสช.-ครม. - คาดพิจารณาใช้ม.44 แก้ปัญหาข้อติดขัดของเจ้าหน้าที่ตำรวจ

ความเคลื่อนไหวที่ทำเนียบรัฐบาลเช้าวันนี้ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ได้เดินทางเข้ามายังทำเนียบรัฐบาลแล้ว เพื่อเตรียมพร้อมในการเป็นประธานการประชุม คสช. ก่อนที่จะมีการประชุมคณะรัฐมนตรีตามปกติ โดยมีบรรดารองนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรี ผู้บัญชาการเหล่าทัพ ปลัดกระทรวงกลาโหม ข้าราชการ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุมอย่างพร้อมเพรียงกัน ท่ามกลางมาตราการในการรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวด

สำหรับการประชุม คสช.วันนี้ คาดว่าจะมีการพิจารณาออกคำสั่งมาตรา 44 เกี่ยวกับการแก้ปัญหาข้อติดขัดในส่วนของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ขณะที่การประชุมคณะรัฐมนตรีวันนี้ มีวาระการประชุมที่น่าสนใจในหลายวาระด้วยกัน อาทิ กระทรวงพาณิชย์ จะขอความเห็นชอบร่างประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่องยกเลิกประกาศกระทรวงพาณิชย์เรื่องการห้ามส่งออกอาวุธและยุทโธปกรณ์ไปสาธารณรัฐอิสลามอิหร่านและ การห้ามนำเข้าอาวุธและยุทโธปกรณ์ที่ส่งมาจากหรือมีแหล่งกำเนิดจากสาธารณรัฐอิสลามอิหร่าน พ.ศ.2550
-----------
สปท. งดประชุม ขณะ "พรเพชร" เปิดสัมมนาร่าง พ.ร.บ.ยุทธศาสตร์ชาติ พร้อมบรรยายโครงสร้าง ป.ย.ป.

ความเคลื่อนไหวที่รัฐสภา วันนี้ ร.อ.ทินพันธุ์ นาคะตะ ประธานสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ มีคำสั่งงดการประชุม สปท. เพื่อให้สมาชิกได้ปฏิบัติด้านปฏิรูปอย่างเต็มที่ในการประชุมกรรมาธิการชุดต่าง ๆ สำหรับวานนี้ ที่ประชุม สปท. เห็นชอบรายงานการจัดระเบียบการใช้ประโยชน์ที่ดินป่าไม้และการเพิ่มพื้นที่ป่าของประเทศ : มาตรการแก้ไขปัญหาที่ดินในพื้นที่ป่าอนุรักษ์ ร่างพระราชบัญญัติอุทยานแห่งชาติ พ.ศ. …. และร่างพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. …. ที่เสนอให้มีคณะกรรมการแก้ไขปัญหาที่ดินในพื้นที่ป่าอนุรักษ์ตามกฎหมาย แก้ไขปัญหาการครอบครองที่ดินในพื้นที่ป่าอนุรักษ์แล้ว เตรียมส่งให้คณะรัฐมนตรีดำเนินการต่อไป

ขณะที่ สภานิติบัญญัติแห่งชาติ เตรียมจัดการสัมมนาเรื่อง “ร่างพระราชบัญญัติยุทธศาสตร์ชาติ พ.ศ. ....” จะเริ่มขึ้นในเวลา 09.00 - 14.00 น. ณ ห้องรับรอง 1 - 2 ชั้น 3 อาคารรัฐสภา 2 โดยมี ศาสตราจารย์พิเศษพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ เป็นประธานเปิดการสัมมนา พร้อมบรรยายพิเศษ เรื่อง "คณะกรรมการบริหารราชการแผ่นดินตามกรอบการปฏิรูปประเทศ ยุทธศาสตร์ชาติ และการสร้างความสามัคคีปรองดอง (ป.ย.ป.)"
-----------
"พรเพชร" เปิดการสัมมนาและบรรยายพิเศษ โครงสร้าง ป.ย.ป. "ย้ำยุทธศาสตร์ชาติ เป็นสิ่งสำคัญในการขับเคลื่อนพัฒนาประเทศ"

สภานิติบัญญัติแห่งชาติ จัดการสัมมนาเรื่อง "ร่างพระราชบัญญัติยุทธศาสตร์ชาติ พ.ศ. ...." โดยมี นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ เป็นประธานเปิดการสัมมนา พร้อมบรรยายพิเศษ เรื่อง "คณะกรรมการบริหารราชการแผ่นดินตามกรอบการปฏิรูปประเทศ ยุทธศาสตร์ชาติ และการสร้างความสามัคคีปรองดอง (ป.ย.ป.)" โดยกล่าวว่า ยุทธศาสตร์ชาติเป็นสำคัญในการขับเคลื่อนการพัฒนาประเทศสู่ความมั่นคง มั่นคั่ง และยั่งยืน ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้กำหนดวิสัยทัศน์การพัฒนาประเทศในระยะยาว ด้วยการจัดทำยุทธศาสตร์ชาติระยะ 20 ปี ตั้งแต่ปี 2560 - 2579 เพื่อพัฒนาประเทศ

ส่วนคณะกรรมการ ป.ย.ป. ที่ตั้งขึ้น จะทำหน้าที่บูรณาการขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศในการสร้างความสามัคคีปรองดองให้สอดคล้องกับรัฐธรรมนูญ รวมถึงนโยบายของ คสช. และคณะรัฐมนตรี จึงเห็นว่าการสัมมนาครั้งนี้จะเป็นโอกาสดี เพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับสมาชิก สนช. กรรมาธิการ และบุคลากรในรัฐสภาได้แลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นกัน เพื่อนำไปสู่การพิจารณาร่างพระราชบัญญัติยุทธศาสตร์ชาติได้อย่างมีประสิทธิภาพและเกิดประโยชน์สูงสุดต่อประเทศชาติ
--------------
กก. จัดทำยุทศาสตร์ชาติ ยืนยัน พ.ร.บ. ฉบับนี้ ไม่ได้กดดัน บีบบังคับรัฐบาลใหม่ ขณะการจัดทำยังไม่แล้วเสร็จ

งานสัมมนา “ร่างพระราชบัญญัติยุทธศาสตร์ชาติ พ.ศ. .. ” ที่สภานิติบัญญัติแห่งชาติ จัดขึ้นได้เปิดโอกาสให้ทุกภาคส่วนร่วมอภิปราย โดย พล.อ.ชูศักดิ์ เมฆสุวรรณ์ ในฐานะกรรมการจัดทำ

ยุทธศาสตร์ชาติ กล่าวถึง ข้อกังวลของนักการเมืองที่เกรงว่า ร่างพระราชบัญญัตินี้ จะเป็นการบีบบังคับการบริหารงานของรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งนั้น ขอยืนยันว่า ร่างพระราชบัญญัติดังกล่าว

ไม่ได้เป็นการกดดันการทำงานของรัฐบาลอย่างแน่นอน เพียงแต่กำหนดเป็นแนวทางในการบริหารประเทศในรูปแบบของกรอบ และตัวชี้วัดแบบกว้าง ๆ เท่านั้น ส่วนการจัดทำร่างขณะนี้ ยังไม่แล้ว

เสร็จ อยู่ระหว่างการตรวจร่าง โดยกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ หลังจากนี้ หน่วยงานราชการต่าง ๆ จะต้องทำแผนการทำงานของหน่วยงานที่สอดรับกับยุทธศาสตร์ชาติ ที่เป็นแผนแม่บทกำหนดการ

ทำงานต่อไป

ขณะที่ผู้ร่วมสัมมนาส่วนใหญ่ เห็นด้วยกับการกำหนดแผนยุทธศาสตร์ชาติในการบริหารประเทศ เนื่องจากเชื่อว่าจะเป็นกรอบและนโยบายที่ชัดเจนในการขับเคลื่อนงานในด้านต่าง ๆ
-------------
อนุฯ ปรองดอง สปท. สั่งตั้งคณะทำงานขับเคลื่อนร่างแผนการสร้างความปรองดอง มอบ "พล.อ.เอกชัย" นั่งประธาน

พล.อ.เอกชัย ศรีวิลาศ ในฐานะเลขานุการคณะอนุกรรมการพิจารณาศึกษารวบรวมความเห็นวิเคราะห์ สังเคราะห์ ประเด็นการแก้ไขความขัดแย้งและการสร้างความปรองดองทางการเมือง สปท. กล่าวว่า ที่ประชุมได้เห็นชอบให้ตั้งคณะทำงานเพื่อจัดทำร่างแผนการขับเคลื่อนการสร้างความปรองดอง โดยมีตนเองเป็นประธานพร้อมทั้งนักวิชาการและบุคคลที่เคยขับเคลื่อนงานด้านการปรองดอง อาทิ นายบัณฑูร เศรษฐสิโรจน์ เป็นต้น ซึ่งคณะทำงานชุดดังกล่าวจะทำหน้าที่ในการสรุปประเด็นและข้อเสนอ เพื่อให้ตกผลึกก่อนส่งไปยังคณะกรรมาธิการขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศด้านการเมืองพิจารณา

เบื้องต้น จะเป็นการนำเอาข้อเสนอรายงานของสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) ที่เคยจัดทำรายงานเกี่ยวกับการสร้างความปรองดองมาพิจารณา เนื่องจากเป็นรายงานที่มีหลากหลายข้อคิดเห็น รวมทั้งมีการเปิดรับฟังความคิดเห็นหลากหลายประเด็นซึ่งจะเป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนให้เกิดประสิทธิภาพ
---------------
อนุฯ ปรองดอง สปท. คาดชงข้อเสนอให้ ป.ย.ป. สิ้นเดือนกุมภาพันธ์นี้ จ่อเชิญ "พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน" คุยสัปดาห์หน้า

พล.อ.เอกชัย ศรีวิลาศ ในฐานะเลขานุการคณะอนุกรรมการพิจารณาศึกษารวบรวมความเห็นวิเคราะห์ สังเคราะห์ ประเด็นการแก้ไขความขัดแย้งและการสร้างความปรองดองทางการเมือง สปท. เปิดเผยว่า ในการประชุมสัปดาห์หน้า (6 ก.พ.) อนุกรรมาธิการฯ จะเชิญ พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน อดีตประธานคณะกรรมาธิการกรรมการวิสามัญพิจารณาศึกษาแนวทางการสร้างความปรองดองแห่งชาติ นายดิเรก ถึงฝั่ง อดีตสมาชิกวุฒิสภา เพื่อให้ข้อมูลและข้อคิดเห็น ขณะเดียวกัน ที่ประชุมเตรียมเชิญ นายวุฒิสาร ตันไชย เลขาธิการสถาบันพระปกเกล้า มาให้ข้อคิดเห็นเนื่องจากสถาบันพระปกเกล้า เคยทำรายงานในประเด็นดังกล่าวอีกด้วย

ทั้งนี้ คาดว่า จะสามารถสรุปแผนการขับเคลื่อนการสร้างความปรองดองได้ในช่วงกลางเดือนกุมภาพันธ์ ก่อนส่งให้คณะกรรมาธิการขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศด้านการเมือง พิจารณาก่อนส่งข้อสรุปทั้งหมดไปยังคณะกรรมการบริหารราชการแผ่นดินตามกรอบการปฏิรูปประเทศ ยุทธศาสตร์ชาติ และการสร้างความสามัคคีปรองดอง หรือ ป.ย.ป. ได้ในช่วงปลายเดือนกุมภาพันธ์นี้
----------------
"ราเมศ" โต้แถลงการณ์ปรองดองเพื่อไทย ระบุ ข้อมูลบิดเบือน พูดดีเข้าตัว โยนความชั่วให้คนอื่น ขอรัฐบาลสร้างปรองดองไม่เอื้อนิรโทษกรรม

นายราเมศ รัตนะเชวง รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ แถลงข่าวโต้แถลงกาณ์ปรองดองของพรรคเพื่อไทย ที่ได้ยื่นข้อเสนอแนะให้ สปท. ซึ่งมีถ้อยแถลงที่มองว่าใช้การไม่ได้ เพราะมีข้อมูลที่บิดเบือนจากความเป็นจริง ในลักษณะของการพูดดีเข้าตัว โยนความชั่วให้คนอื่น ตนเองจึงขอเรียกร้องให้รัฐบาล สร้างความชัดเจน ว่ารัฐบาลชุดก่อนขณะนั้น มีการใช้เสียงข้างมากในการออกกฎหมายที่ไม่ถูกต้อง ทั้งกู้เงิน 2 ล้านล้านบาท รวมถึงกฎหมายนิรโทษกรรม ที่แสดงให้เห็นถึงปัญหาจากการบริหารประเทศก่อนการรัฐประหารของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จึงอยากให้รัฐบาลสร้างความเข้าใจกับประชาชน ก่อนทำให้เกิดความเสียหาย เพื่อสร้างความปรองดองที่ไม่เอื้อนิรโทษกรรม

ทั้งนี้ นายราเมศ ได้อ่านแถลงการณ์ของพรรคเพื่อไทย และประณามถึงถ้อยแถลงที่ชี้ว่าเป็นการบิดเบือนข้อมูล เช่น ข้อความที่ระบุว่ามีการใช้กระบวนการทางกฎหมาย 2 มาตรฐานนั้น มองว่าหากรัฐบาลในสมัยยิ่งลักษณ์ ไม่กระทำผิดจริง องค์กรตามรัฐธรรมนูญก็คงไม่สามารถยื่นฟ้องได้ หากไม่มีมูล นอกจากนี้ ยังมีถ้อยคำที่หมิ่นต่อศาลรัฐธรรมนูญจึงอยากให้รัฐบาลมีการตรวจสอบอย่างเคร่งครัด
--------------
นายกฯ ถก คสช. ครม. แล้ว ขอให้รัก ปท. อย่าคิดแต่ปมปรองดอง ปชต. ยึด กม. คนผิด

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เป็นประธานการประชุม คสช. ก่อนการประชุมคณะรัฐมนตรี ตามปกติ ทั้งนี้ ก่อนการประชุมนั้นเลขาธิการคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ ได้นำคณะเข้าพบนายกรัฐมนตรี เพื่อจัดแสดงผลงานสิ่งประดิษฐ์ เนื่องในโอกาสวันนักประดิษฐ์ ประจำปี 2560

ขณะเดียวกัน คุณหญิงแสงเดือน ณ นคร ประธานมูลนิธิสงเคราะห์ครอบครัวทหารผ่านศึก ในพระราชูปถัมภ์สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี นำคณะกรรมการฝ่ายจำหน่ายดอกไม้ เข้าพบนายกรัฐมนตรีเช่นเดียวกัน เพื่อมอบดอกป๊อปปี้

โดยนายกรัฐมนตรี ได้กล่าวกับสื่อมวลชนว่า การที่มีเจ้าหน้าที่ตำรวจ ก็เพื่อทำให้บ้านเมืองสงบสุข โดยต้องมองทั้งสองสิ่งเปรียบเทียบกัน ไม่ใช่ทุกอย่างดีทั้งหมด ซึ่งหากความผิดกฎหมาย ก็ต้องปรับปรุงตนเองให้มีคุณธรรม และจริยธรรม โดยขออย่านำความรู้สึกของตัวเองมาตัดสิน เพราะทุกสิ่งต้องเข้าสู่กระบวนยุติธรรม

อย่างไรก็ตาม นายกรัฐมนตรี กล่าวด้วยว่าคนไทย ต้องรักเมืองไทย และทุกคนต้องช่วยกัน รวมพลังกันขับเคลื่อนประเทศเดินไปข้างหน้า พร้อมขอให้เข้าใจการทำงานของรัฐบาล ถ้าในวันหน้าทุกคนยังคิดดักดานอยู่เหมือนเดิม ประเทศไทยก็จะอยู่แค่คำว่า ปรองดอง ประชาธิปไตย และสิทธิมนุษยชน
-----------
นายกฯ บอกเด็กนักเรียนให้อ่านหนังสือ แยกแยะเป็นว่าอะไรคือความดี ความชั่ว พร้อมอย่าหลงเชื่อสิ่งที่ได้ยินมาทั้งหมด

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวกับเด็กนักเรียนที่มาแสดงผลงานสิ่งประดิษฐ์ เนื่องในโอกาสวันนักประดิษฐ์ ประจำปี 2560 ว่า ขอให้อ่านหนังสือเยอะ ๆ ต้องคิดเป็นและแยกแยะเป็น ว่าอะไรคือความดี ความชั่ว โดยอย่าหลงเชื่อสิ่งที่ได้ยินมาทั้งหมด ขณะเดียวกัน นายกรัฐมนตรี ได้ถามเด็กเรียนที่เดินทางมาจากจังหวัดปทุมธานี ว่า ที่จังหวัดปทุมธานี เป็นจังหวัดอย่างไร สงบเรียบร้อยดี และมีปัญหาเรื่องปรองดอง ประชาธิปไตยหรือไม่ โดยเด็กนักเรียนได้ตอบนายกรัฐมนตรี ว่า สงบเรียบร้อย และทุกคนรักกันดี

ทั้งนี้ ก่อนขึ้นประชุม นายกรัฐมนตรี ได้กล่าวกับสื่อมวลชน ว่า มีทหารไว้เพื่อช่วยประชาชนในยามเดือดร้อน เช่น น้ำท่วม ฝน แล้ง และต้องแยกให้ออกระหว่างคนดีหรือไม่ดี อย่าเหมารวมทั้งหมด หากคนไม่ดีก็ต้องสอบสวนเอาผิดทางวินัย
------------
พล.อ.ประยุทธ์ ยืนยันเดินหน้า ปยป.เพื่อเร่งรัดการปฏิรูป ลั่นไม่บังคับใครให้ปรองดอง ย้ำไม่โยงคดี ผิดถูกยึดตามกฏหมาย 

พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวถึงเรื่องการตั้งคณะกรรมการบริหารราชการแผ่นดิน ตามกรอบการปฏิรูปประเทศยุทธศาสตร์ชาติ และการสร้างความสามัคคีปรองดอง (ป.ย.ป.) ที่มีคำถามว่าภายใน 1 ปี จะทำให้เกิดเป็นรูปธรรมได้หรือไม่  ว่า รัฐบาลได้ทำงานในด้านปฏิรูปมาโดยตลอด และที่ตั้งคณะกรรมการ ป.ย.ป. ขึ้นมา ก็เพื่อช่วยกันขับเคลื่อนการปฏิรูปให้ได้ภายใน 1 ปีนี้ เพื่อให้รัฐบาลต่อไปมาสานต่อการทำงานได้ แต่ยังไม่สามารถระบุว่าทุกอย่างจะสำเร็จได้ภายใน 1 ปี หรือไม่ เพราะในการทำงานมีอุปสรรคและปัญหาติดขัดหลายอย่าง อย่างไรก็ตามรัฐบาลก็จะดำเนินงานต่อไปอย่างเต็มที่

ส่วนกระบวนการสามัคคีปรองดอง ก็จะมีการพูดคุยกันจนกว่า จะได้ข้อสรุป แต่ทุกอย่างก็จะต้องขึ้นอยู่กับความร่วมมือของทุกฝ่ายเนื่องจาก การปรองดองไม่สามารถออกคำสั่งให้มาปรองดองกันได้

ส่วนที่จะเชิญฝ่ายการเมืองมาร่วมพูดคุยกับคณะกรรมการปรองดองเมื่อใดนั้นขึ้นอยู่กับกระทรวงกลาโหม ซึ่งหน่วยงานหลักในการรับผิดชอบ ซึ่งจะดำเนินการให้เร็วที่สุด
---------------
พล.อ.ประวิตร เชิญ "นพ.ประเวศ - คณิต" นั่งที่ปรึกษาปรองดองรับฟังคิดเห็นจบภายใน 3 ด. ย้ำ ไม่ปลดล็อกปล่อยผีพรรคการเมือง

พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงความคืบหน้า โครงสร้างคณะกรรมการเตรียมการสร้างความสามัคคีปรองดอง ว่า ขณะนี้รายชื่อคณะกรรมการนังไม่แล้วเสร็จ ซึ่งเบื้องต้นได้มีการทาบทาม นพ.ประเวศ วะสี ราษฎรอาวุโส และ นายคณิต ณ นคร อดีตประธานคณะกรรมการอิสระตรวจสอบ และค้นหาความจริงเพื่อการปรองดองแห่งชาติ หรือ คอป. มาร่วมเป็นที่ปรึกษาอยู่ในส่วนอำนวยการ และรับฟังข้อคิดเห็น

ทั้งนี้ จะนำผลการศึกษาของทั้ง 2 คน มาพิจารณาร่วมกับแนวทางที่รัฐบาลกำลังจัดทำ ซึ่งส่วนใหญ่ก็ตรงกันหลายเรื่อง ยกเว้นเรื่องของการนิรโทษกรรมที่ยืนยันว่าจะไม่มีการพูดถึงเรื่องนี้ ส่วนกระบวนการรับฟังความคิดเห็น จะต้องดำเนินการให้แล้วเสร็จภายใน 3 เดือน

ส่วนกรณีที่พรรคเพื่อไทย เรียกร้องขอให้มีการจัดประชุมสมาชิกพรรคเพื่อกำหนดแนวทางว่าจะตัดสินใจร่วมสร้างความปรองดองกับรัฐบาลหรือไม่นั้น พล.อ.ประวิตร กล่าวยืนยันว่า ไม่จำเป็นต้องปลดล็อกให้พรรคการเมืองจัดประชุมอย่างเป็นทางการ เพราะเชื่อว่าแต่ละพรรคมีการพูดคุยอยู่แล้ว
-----------
พล.อ.ประวิตร ยัน เริ่มดำเนินการปฏิรูปตำรวจแล้ว เร่งแก้ปัญหาจราจร หวังให้เกิดการเปลี่ยนแปลงก่อนส่งมอบ รบ. ใหม่

พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงการประชุมเชิงปฏิบัติการ (เวิร์กช็อป) เกี่ยวกับการทำงานของคณะกรรมการเตรียมการปฏิรูปประเทศ ที่จะจัดขึ้นในวันที่ 1 ก.พ. นี้ ว่า เป็นการประชุมโดยมีการเชิญ นายกรัฐมนตรี รองนายกรัฐมนตรี ทั้ง 6 คน ประธานและรองประธานของ สนช. และ สปท. ตัวแทนคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ของ สนช.12 คณะ ตัวแทน กมธ. ของ สปท. 16 คณะ กรรมการประสานงาน (วิป) ในส่วนของ สปท. และ สนช. รวมถึง นายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธานคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) พร้อมกรรมการ กรธ.

บางคน เข้าร่วมประชุมดังกล่าว เพื่อติดตามความคืบหน้าการทำงานในด้านต่าง ๆ ที่รัฐบาลได้ได้ดำเนินการไปแล้ว โดยในส่วนของความมั่นคง ที่ได้มีการปฏิรูปตำรวจ การแก้ปัญหาการจราจร เพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในช่วงแรกและดำเนินการต่อไปอีก 5 ปี เพื่อส่งให้รัฐบาลต่อไป
------------------
ประธาน กรธ. เผย ร่างกฎหมายแผนปฏิรูปและยุทธศาสตร์ใกล้เสร็จแล้ว เตรียมส่งให้รัฐบาลพิจารณา ปัด ป.ย.ป. นั่งกรรมการยุทธศาสตร์

นายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธานกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ หรือ กรธ. ให้สัมภาษณ์ถึงความคืบหน้าการร่างกฎหมายว่าด้วยแผนการปฏิรูปและกฎหมายว่าด้วยยุทธศาสตร์ชาติ ว่า ขณะนี้ใกล้เสร็จสิ้นแล้ว เตรียมส่งให้รัฐบาลพิจารณา ซึ่งจะเป็นกฎหมายที่กำหนดเกี่ยวกับวิธีการปฏิรูปและกำหนดยุทธศาสตร์ ว่า ใครเป็นผู้รับผิดชอบเรื่องอะไร กรรมการยุทธศาสตร์จะมาจากส่วนใด และรับฟังความเห็นจากใครบ้าง ซึ่งยังไม่ใช่กฎหมายที่เป็นรายละเอียด แต่จะมีการกำหนดเป้าหมายใหม่ว่า การปฏิรูปจะนำไปสู่อะไร

ส่วนคณะกรรมการบริหารราชการแผ่นดินตามกรอบการปฏิรูปประเทศ ยุทธศาสตร์ชาติ และการสร้างความสามัคคีปรองดอง หรือ ป.ย.ป. ที่รัฐบาลตั้งขึ้นนั้น ก็เพื่อศึกษาและวางแนวทางล่วงหน้าตามทิศทางที่รัฐธรรมนูญกำหนด ซึ่งหลังจากกฎหมายฉบับนี้ ประกาศใช้ จะได้เห็นผลเป็นรูปธรรม พร้อมยืนยันว่า คณะกรรมการ ป.ย.ป. ไม่ใช่คณะกรรมการตามกฎหมายยุทธศาสตร์ที่กำลังร่าง

ทั้งนี้ กฎหมายฉบับดังกล่าวจะมีการตราขึ้น หลังร่างรัฐธรรมนูญประกาศใช้ เมื่อตราขึ้นแล้ว ก็จะมีการออกเป็นกฎหมายว่าด้วยยุทธศาสตร์ชาติ ต่อไป
--------
"พล.อ.ทวีป" เตรียมไปลาว ตรวจสอบปมสถานีวิทยุเผยแพร่ข้อมูลกระทบสถาบัน - พร้อมทำการขอร้องส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดน

พล.อ.ทวีป เนตรนิยม เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ หรือ สมช. กล่าวถึงกรณีที่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม มอบหมายให้เดินทางไป สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว หลังมีสถานีวิทยุใน สปป.ลาว เผยแพร่ข้อมูลที่กระทบต่อสถาบัน ว่า จะเป็นการเดินทางไปตรวจสอบการกระทำก่อน แต่เบื้องต้นประชาคมข่าวกรอง ได้รายงานให้ พล.อ.ประวิตร รับทราบแล้ว ส่วนการไปชี้แจงรายละเอียดต่าง ๆ นั้น จะต้องรอให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงป้องกันประเทศ ของ สปป.ลาว มีความพร้อม

นอกจากนี้ พล.อ.ทวีป ยังอธิบายลักษณะการกระทำของกลุ่มดังกล่าวว่า เป็นกลุ่มที่มีหมายจับและอาศัยอยู่ในประเทศลาว และใช้ social media โจมตีสถาบัน ซึ่งเบื้องต้นทราบว่ามีจำนวน 5 - 6 คน ส่วนการส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดนนั้น ประเทศไทยไม่มีข้อผูกพัน กับ สปป.ลาว จึงต้องทำการขอร้องไป ในลักษณะต่างตอบแทน ซึ่งหากประเทศลาว ต้องการตัวผู้ต้องหา ที่กระทำผิดในประเทศลาว แต่หลบหนีเข้ามาในไทย ประเทศไทยก็จะหาตัวและส่งตัวกลับไป

พล.อ.ทวีป ยังกล่าวถึงนโยบายของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา หลังออกคำสั่งห้ามพลเรือนจาก 7 ประเทศมุสลิม เข้าประเทศสหรัฐอเมริกา เป็นเวลา 90 วัน หรือจนกว่าจะมีคำสั่งเปลี่ยนแปลง จนอาจส่งผลกระทบต่อภูมิภาคเอเชีย ว่า เบื้องต้นได้มีการวิเคราะห์และติดตาม ถึงนโยบายตามที่ ประธานาธิบดีเคยหาเสียงไว้ ส่วนการก่อเหตุต่าง ๆ นั้น ประชาคมข่าวกรอง จะมีการติดตามอย่างใกล้ชิด
-------------
ศาลอาญาจำคุก 10 ปี 2 ชุดดำการ์ด นปช. ยิงม็อบปี 53 - ยกฟ้อง 3 คน ชี้หลักฐานอ่อน แต่ให้ขังไว้ระหว่างอุทธรณ์

ศาลอาญา รัชดา อ่านคำพิพากษาในคดีที่พนักงานอัยการเป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายกิตติศักดิ์ หรือ อ้วน สุ่มศรี, นายปรีชา หรือ ไก่เตี้ย อยู่เย็น (ประกัน), นายรณฤทธิ์ หรือ นะ สุริชา, นายชำนาญ หรือ เล็ก ภาคีฉาย และ นางปุณิกา หรือ อร ชูศรี ร่วมกันเป็นจำเลยที่ 1 - 5 ในความผิดฐานกระทำผิด พ.ร.บ.อาวุธปืน และวัตถุระเบิด

จากกรณี 10 เม.ย.53 เวลากลางคืนจำเลยทั้ง 5 กับพวก ร่วมกันมีอาวุธปืน เครื่องกระสุน และวัตถุระเบิดหลายรายการที่นายทะเบียนออกใบอนุญาตให้ไม่ได้ และติดตัวพกพาไปตาม ถ.ตะนาว ถ.ประชาธิปไตย เขตพระนคร กทม. ซึ่งเป็นเมือง หมู่บ้านหรือทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาต

โดยศาลพิเคราะห์แล้ว พิพากษาจำคุก 10 ปี นายกิตติศักดิ์ และ นายปรีชา 2 ชายชุดดำ ตาม พ.ร.บ.อาวุธปืนฯ พ.ศ.2490 กรณี มีและใช้ปืนเอ็ม 79 และปืนอาก้า ยิงใส่ระหว่างสลายชุมนุมเสื้อแดงคอกวัว 10 เม.ย. 53 และให้ยกฟ้อง นายรณฤทธิ์, นายชำนาญ และ นางปุนิกา เนื่องจากหลักฐานไม่ถึง จึงยกประโยชน์แห่งความสงสัยให้จำเลย แต่ให้ขังจำเลยทั้ง 3 คน ไว้ระหว่างอุทธรณ์คดี
----------------
ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล มั่นใจ พยานหลักฐานเอาผิดแก๊งโกงสอบนายสิบ คุม 10 คนสอบต่อ สน.พหลโยธิน  

พล.ต.ท.ศานิตย์ มหถาวร ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ระบุกรณีจับกุม 10 ผู้ต้องหาฐานทุจริตสิบนายสิบตำรวจ ที่มารายงานตัวที่สโมสรตำรวจ ถนนวิภาวดี ว่า ตำรวจจะควบคุมตัวผู้ต้องหาทั้ง 10 คน เข้าสู่กระบวนการแจ้งข้อกล่าวหา ความผิดในฐาน "อั้งยี่ที่มีการรวมตัวกันกระทำผิดทางอาญา แจ้งความเท็จต่อเจ้าหน้าที่พนักงาน และความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ มาตรา 14 (2) กรอกข้อมูลอัน

เป็นเท็จเข้าไปในคอมพิวเตอร์" และดำเนินการตามกฎหมาย ซึ่งผู้ต้องหาจะให้การรับสารภาพหรือไม่ ก็ถือเป็นสิทธิ์ของผู้ต้องหา ที่สามารถต่อสู้กันตามกระบวนการของกฎหมายได้ทั้งนี้ ผู้บัญชาการตำรวจนรบาล ยังมั่นใจ พนักงานสอบสวนมีพยานหลักฐานชัดเจน ว่า ทั้ง 10 คน เป็นบุคคลที่เกี่ยวข้องกับการทุจริตการสอบนายสิบ พร้อมยืนยันจะเร่งดำเนินการเอาผิดกับผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมดเพื่อความเป็นธรรมกับผู้ที่เข้าร่วมสอบแข่งขันคนอื่น และคดีนี้ มีผู้ที่ถูกออหมายจับไปแล้ว 84 คน โดยอยู่ระหว่างดำเนินการตามหมายจับ และย้ำว่าหากหลักฐานเชื่อมโยงไปถึงโรงเรียนกวดวิชา หรือบุคคลใด ก็จะดำเนินคดีโดยไม่ละเว้น แต่ยังไม่ขอเปิดรายละเอียด นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจยัง ได้ควบคุมตัว 10 ผู้ต้องหา ไปสอบสวนดำเนินคดีที่ สน.พหลโยธิน

สำหรับบรรยากาศที่สโมสรตำรวจ ถนนวิภาวดี ตั้งแต่ช่วงเช้า มีครอบครัวของผู้ที่ผ่านการสอบคัดเลือกข้อเขียน นักเรียนนายสิบตำรวจ ประจำปี 2559 มาคอยให้กำลังใจเป็นจำนวนมาก
------------------
"เนติวิทย์" นำเครือข่ายนิสิตจุฬาฯ รวบรวมไปรษณียบัตรแสดงความห่วงใย "ไผ่ ดาวดิน" พร้อมยื่นหนังสือ ร้อง "ประธานศาลฎีกา" ทบทวนให้ความเป็นธรรมปล่อยชั่วคราว   

นายเนติวิทย์ โชติภัทร์ไพศาล นักศึกษาคณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย พร้อมด้วย รวม 6 คน เดินทางมายื่นหนังสือถึง นายวีระพล ตั้งสุวรรณ ประธานศาลฎีกา ขอให้ทบทวนคำสั่งการเพิก

ถอนปล่อยชั่วคราว นายจตุภัทร บุญภัทรรักษา หรือ ไผ่ ดาวดิน นักศึกษาคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น ผู้ต้องหาคดีหมิ่นเบื้องสูง ม.112 และ พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ฯ

ซึ่งปัจจุบันยังไม่ได้รับการให้ประกันตัวระหว่างฝากขังในชั้นสอบสวน โดยการยื่นหนังสือกลุ่ม นายเนติวิทย์ ได้นำไปรษณียบัตรจำนวนหนึ่ง ที่กลุ่มเพื่อนนักศึกษาเขียนให้กำลังใจและที่เขียน
ถึงประธานศาลฎีกา ส่งมอบพร้อมหนังสือด้วย ซึ่งมีผู้แทนศาลฎีกา เป็นผู้รับเอกสารไว้

โดย นายเนติวิทย์ ได้อ่านข้อความที่ยื่นเป็นหนังสือถึงประธานศาลฎีกา ระบุว่า กรณีศาลเพิกถอนสิทธิการประกันตัวของ นายจตุภัทร ซึ่งต่อมาทนายความ ได้ยื่นอุทธรณ์และฎีกาคำสั่งตามลำดับ แต่

ศาลยืนยันตามคำสั่งของศาลจังหวัดขอนแก่น
---------------
ผบ.ตร. ยอมรับคำติชมองค์กร พร้อมนำไปแก้ไข วอนสังคม มองในสิ่งที่ดีบ้าง

พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยกรณี องค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน (แห่งประเทศไทย) จัดเสวนาวิชาการเรื่อง "ตำรวจไทย มีไว้ทำอะไร" โดยมีนักวิชาการเข้าร่วมหลายคน

และวิพากษ์วิจารณ์ สตช. อย่างหนัก ว่าเต็มไปด้วยการทุจริต ว่า ยอมรับคำติชมในวงเสวนา โดยเฉพาะเรื่องที่เป็นประโยชน์ก็จะนำไปปรับปรุงแก้ไข พัฒนาองค์กรในอนาคต ซึ่งหัวข้อเสวนา ที่ระบุ

ว่า มีตำรวจไว้ทำไม ยืนยันว่า สำนักงานตำรวจแห่งชาติ มีหน้าที่ดูแลทุกข์สุขประชาชนจึง ขอให้มองในสิ่งที่ดีบ้าง

ส่วนเรื่องที่มีวิพากษ์วิจารณ์จนกลายเป็นการย่ำยีองค์กรตำรวจ ตนเองไม่ทราบเจตนาของผู้ร่วมเสวนา ว่าหวังดีหรือจ้องทำลาย โดยเฉพาะอดีตข้าราชการตำรวจ ก็ควรให้ไปสำรวจตนเอง ส่วนนัก

วิชาการ มองว่าหากวิพากษ์วิจารณ์ตามตำรา ก็เป็นเรื่องที่ดี แต่หากมีอคติ ก็จะกลายเป็นนักวิชาเกิน

สำหรับแนวคิดเรื่องการกระจายอำนาจไปยังท้องถิ่น อยู่ระหว่างการปฏิรูปสำนักงานตำรวจแห่งชาจิ ซึ่งมีระยะ 1 ปี 5 ปี 10 ปี และ 20 ปี ตามแผนปฏิรูปของรัฐบาลอย่างชัดเจน
---------------------
ผบ.ตร. พร้อมตรวจสอบ คดีสินบนโรลส์ - รอยซ์ หากมีการร้องขอให้ดำเนินการ

พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ยืนยัน ว่าพร้อมสนับสนุนการตรวจสอบแก้ไขปัญหาทุจริตสินบนโรลส์ - รอยซ์ หากหน่วยงานรัฐ มีการร้องขอให้ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จ

จริงกับบุคคล หรือองค์กรที่มีส่วนเกี่ยวข้อง ซึ่งตามขั้นตอนขณะนี้ทราบว่า ทางสำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช. เป็นหน่วยงานหลักในการรวบรวมข้อมูล และประสานงานกับต่างประเทศ

เบื้องต้นขณะนี้ ยังไม่ได้รับการประสานกับหน่วยงานใดให้ตรวจสอบ แต่ยืนยันว่า ตำรวจยินดีจะให้การสนับสนุนข้อมูลที่ป็นประโยชน์กับทุกหน่วยงาน

-------------
"จตุพร" โพสต์เฟซบุ๊ก เอกสารข้อเสนอแนะของ นปช. ต่อการปรองดองในประเทศไทย ชี้เพื่อนำไปขับเคลื่อนให้เกิดผลได้จริง

นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) โพสต์ภาพผ่านทางเฟซบุ๊กส่วนตัว "Jatuporn Prompan - จตุพร พรหมพันธุ์" ซึ่งเป็นเอกสารข้อเสนอแนะ

ต่อการปรองดองของประเทศไทยของแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ลงวันที่ 31 มกราคม 2560

ทั้งนี้ นายจตุพร กล่าวว่า เป็นข้อเสนอและข้อสังเกตเบื้องต้นเพื่อนำไปสู่การขับเคลื่อนการปรองดองที่มุ่งให้เกิดผลจริงยิ่งกว่าพิธีกรรม
-----------------

/////////

โรลส์รอยซ์

บิ๊กตู่ บอก คนไม่ดีต้องแยก อย่าเหมารวมองค์กร ข้าราชการดีมีเยอะ

เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 31 มกราคม ที่บริเวณด้านหน้าตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เป็นประธานการ

ประชุมคสช.ต่อด้วยการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ช่วงระหว่างทางเดินก่อนประชุม นายกฯได้หันมาถามนักข่าวด้วยน้ำเสียงดุดันว่าวันนี้มีทหารไว้ทำอะไร มีเอาไว้ใช้งานอย่างไรล่ะ น้ำท่วม ฝน

แล้ว วาตภัย ทุกอย่างทั้งหมดก็ต้องใช้ทหารทั้งนั้น

“คนไม่ดีก็คือไม่ดีก็ต้องแยกออกจากกัน อย่าไปว่าเหมารวมองค์กร เพราะเดี๋ยวองค์กรเขาเสียหาย ข้าราชการทำผิด ทุจริตก็ต้องดำเนินการสอบสวนทางวินัย ส่วนคนดีเขาก็ทำงานกันเยอะแยะ ที่ชอบ

พูดว่าตำรวจมีไว้ทำไมมีไว้โกงแล้วทำไมไม่คิดถึงคนที่เขาจับคดีมามากมาย บ้านเมืองสงบสุขทำไมไม่มองตรงนั้นด้วย จะต้องมองทั้ง 2 อย่างแล้วชั่งน้ำหนัก ผมไม่ได้บอกว่ามันดีทั้งหมดเพราะตัว

เราเองก็ยังดีไม่หมดเลย ถามว่าใครไม่เคยทำความผิดบ้างมีหรือไม่ก็ต้องมาดูว่าความผิดนั้นผิดกฎหมายหรือไม่ เพราะฉะนั้นทุกคนต้องดูที่ตัวเองและแก้ไขด้วย ดูที่จิตสำนึกแก้ไขที่ตัวเองได้ ไม่ใช่

ว่าทุกอย่างจะต้องพิจารณาคดีทั้งหมดมันไม่ได้ อย่าใช้ความรู้สึกในการทำงานแล้วตัดสินว่าผิดหรือถูก ผมพูดเสมอว่าการทำผิดหรือถูกต้องเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม โดยเฉพาะที่มีส่วนกระทบต่อ

สังคม ต่อคนอื่นถ้าเป็นเช่นนี้ก็ต้องเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม แต่ถ้าคิดว่าตัวเองผิดก็ต้องแก้ที่ตัวเองก่อน” นายกฯกล่าว

---------
"ดอน" เชื่อความสัมพันธ์ดีกับต่างประเทศ ทำให้ได้ข้อมูลปมสินบนโรลส์รอยซ์ - ยันการเข้าทำหน้าที่ของทรัมป์ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อไทยโดยตรง

นายดอน ปรมัตถ์วินัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวถึงกรณีบริษัท โรลส์ - รอยซ์ จ่ายสินบนให้กับบริษัทการบินไทย จำกัด (มหาชน) และบริษัท ป.ต.ท. จำกัด (มหาชน) ว่า

กระทรวงการต่างประเทศ มีหน่วยงานที่ถือเป็นตัวแทนของรัฐบาลอยู่ในประเทศต่าง ๆ ซึ่งในฐานะเป็นตัวแทนรัฐบาลจะสื่อสารกับต่างประเทศได้อย่างชอบธรรม โดยหลักการแล้ว กระทรวงการ

ต่างประเทศจะเป็นตัวกลางประสานขอข้อมูลโดยตรงทั้งจากสหรัฐอเมริกาและอังกฤษ ในฐานะผู้ที่ดูแลเรื่องการติดต่อระหว่างประเทศ จึงเชื่อมั่นว่าความสัมพันธ์อันแน่นหนาจะส่งผลดีกับการประ

สานขอข้อมูลจากทั้ง 2 ประเทศ และขณะนี้ก็มีการประสานงานกันอย่างต่อเนื่อง

นอกจากนี้ ยังกล่าวถึงการเข้าทำหน้าที่ของ นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีคนใหม่ของสหรัฐอเมริกา ว่า ประเทศไทยมีความสัมพันธ์ที่ดีกับสหรัฐอเมริกา โดยขณะนี้ทรัมป์กำลังพยายามทำ

ตามนโยบายที่ได้มีการหาเสียงไว้ ซึ่งนโยบายของทรัมป์ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อประเทศไทยโดยตรง
-------------------
ป.ป.ช. เปิดบัญชีทรัพย์สินคณะรัฐมนตรี "ปนัดดา" รวย 1,315 ล้านบาท - "สุวิทย์" 73 ล้านบาท 

วันนี้ ที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) มีการเปิดเผยรายการบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง กรณีเข้ารับตำแหน่งในการปรับ

คณะรัฐมนตรีของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ครั้งที่ 4 เมื่อธันวาคม 2559 ซึ่งจากการตรวจสอบพบว่า นายออมสิน ชีวะพฤกษ์ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี มีทรัพย์สิน

มากกว่าหนี้สิน จำนวน 68,434,656 บาท หนี้สิน จำนวน 2,148,357 บาท นายสุวิทย์ เมษินทรีย์ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี มีทรัพย์สินมากกว่าหนี้สิน จำนวน 73,411,525 บาท หนี้สิน

17,957,760 บาท นายอุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม มีทรัพย์สินมากกว่าหนี้สิน จำนวน 207,495,698 บาท ขณะที่หนี้สิน จำนวน 6,696,948 บาท นายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม มีทรัพย์สินมากกว่าหนี้สิน จำนวน 25,674,156 บาท หนี้สิน จำนวน 1,784,332 บาท นายพิเชฐ ดุรงคเวโรจน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม

มีทรัพย์สิน จำนวน 73,833,432บาท โดยไม่มีหนี้สิน ขณะที่ ม.ล.ปนัดดา ดิฐกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ มีทรัพย์สิน จำนวน 1,315,494,304 บาท โดยไม่มีหนี้สิน ซึ่งถือว่ามี
ทรัพย์มากที่สุดในผู้ที่มีการปรับตำแหน่งในครั้งนี้
------------
ป.ป.ช. เปิดบัญชีทรัพย์สินอดีตคณะรัฐมนตรี เมื่อ ธ.ค. 59 - "ธีรชัย" รวย 88 ล้านบาท - "ไพบูลย์" 47 ล้านบาท

วันนี้ ที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ได้มีการเปิดเผยรายการบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง กรณีพ้นจากตำแหน่งในคณะ

รัฐมนตรีเมื่อเดือนธันวาคม 2559 ซึ่งจากการตรวจสอบพบว่า พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา ที่พ้นจาก รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เพื่อเข้ารับตำแหน่งองคมนตรี มีทรัพย์มากกว่าหนี้สิน จำนวน

47,440,880 บาท โดยไม่มีหนี้สิน พล.อ.ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ พ้นจาก ตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เข้ารับตำแหน่งองคมนตรี มีทรัพย์สินมากกว่าหนี้สิน จำนวน 95,565,318 บาท

โดยไม่มีหนี้สิน

ด้าน พล.อ.ธีรชัย นาควานิช พ้นจาก สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) เข้ารับตำแหน่งองคมนตรี มีทรัพย์สิน จำนวน 88,325,682 บาท โดยไม่มีหนี้สิน และ พล.อ.กัมปนาท รุดดิษฐ์ พ้นจาก

สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) เข้ารับตำแหน่งองคมนตรี มีทรัพย์สินมากกว่าหนี้สิน จำนวน 120,337,583 บาทโดยไม่มีหนี้สิน
---------------
ป.ป.ช. เปิดบัญชีทรัพย์สินคณะรัฐมนตรี "ธีระเกียรติ" รวย 44 ล้านบาท - "วีระศักดิ์" 186 ล้านบาท

วันนี้ ที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) มีการเปิดเผยรายการบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง กรณีเข้ารับตำแหน่งในการปรับคณะรัฐมนตรีของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ครั้งที่ 4 เมื่อธันวาคม 2559 ซึ่งจากการตรวจสอบพบว่า นายพิชิต อัคราทิตย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม มีทรัพย์มากกว่าหนี้สิน จำนวน 149,248,389 บาท โดยไม่มีหนี้สิน นายธีระเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ มีทรัพย์สินมากกว่าหนี้สิน มีทรัพย์สินมากกว่าหนี้สิน จำนวน 44,332,036 บาท มีหนี้สิน จำนวน 5,619,201 บาท นางอรรชกา สีบุญเรือง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มีทรัพย์มากกว่าหนี้สิน จำนวน 82,235,401 บาทและมีหนี้สิน จำนวน 6,221,174 บาท

นายสนธิรัตน์ สนธิจิวงศ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ มีทรัพย์มากกว่าหนี้สิน จำนวน 113,165,080 บาท โดยไม่มีหนี้สิน น.ส.ชุติมา บุณยประภัศร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ มีทรัพย์มากกว่าหนี้สิน จำนวน 244,596,466 และมีหนี้สิน จำนวน 1,542,229 บาท นายวีระศักดิ์ ฟูตระกูล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศ มีทรัพย์มากกว่าหนี้สิน จำนวน 186,403,313 บาท โดยไม่มีหนี้สิน
-----------------
"พรเพชร" ยอมรับรัฐสภาจ้างบริษัทเอกชน ติดตั้งระบบรักษาความปลอดภัยจริง ยันไม่พบทุจริต พร้อมตั้ง กก.สอบ ข้อเท็จจริงของมูลจากสหรัฐฯ

นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ เปิดเผยข้อมูลการจัดซื้อจัดจ้าง บริษัท เอกชนแห่งหนึ่ง ซึ่งเป็นบริษัทผู้ขายระบบรักษาความปลอดภัยอิเล็กทรอนิกส์ มาติดตั้งระบบกล้องวงจรปิดให้กับ รัฐสภา เมื่อปี 2549 - 2552 มูลค่ารวม 60 ล้านบาท จริง ซึ่งจากการตรวจสอบข้อมูล พบว่า เป็นการจัดซื้อจัดจ้างที่เป็นไปตามระเบียบของราชการ ไม่พบความปกปิดตามที่มีผู้ร้องเรียนมาแต่อย่างใด

ส่วนข้อมูลจากกระทรวงยุติธรรมสหรัฐอเมริกา ที่ระบุว่า มีการจ่ายเงินสินบนให้กับที่ปรึกษารัฐสภา เพื่อให้จัดจ้างทางบริษัทนั้น อาจต้องมีการตั้งคณะกรรมการขึ้นมาตรวจสอบข้อเท็จจริง ที่กล่าวอ้างมา ภายใน 1 - 2 วันนี้ เพื่อความชัดเจน สำหรับการขอรับข้อมูลดังกล่าว อาจต้องประสานไปยัง ป.ป.ช. และ ปปง. เพราะทั้ง 2 หน่วยงานนี้ จะสามารถทำหนังสือขอข้อมูลได้โดยตรง

ทั้งนี้ การดำเนินการเอาผิดกับบุคคลที่ทำการทุจริตนั้น หากมีการตรวจว่า เป็นข้าราชการของรัฐสภา ทั้งปัจจุบันหรือพ้นตำแหน่งไปแล้วก็สามารถใช้ระเบียบของรัฐสภาดำเนินการทางกฎหมายได้ แต่หากเป็นบุคคลนอกที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการทุจริตก็ต้องส่งไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ดำเนินการ เช่น ป.ป.ช. หรือ ปปง. เป็นต้น
----------------------
"พิชัย" ห่วงรัฐบาลใช้งบประมาณสูญเปล่า อีกทั้งทุจริตเพิ่มสูงขึ้น จี้ เร่งเข้าสู่ระบอบประชาธิปไตย สร้างความเชื่อมั่นให้นักลงทุน

นายพิชัย นริพทะพันธุ์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน กล่าวว่า ตามที่รัฐบาลจะออกงบกลางปี 1.9 แสนล้านบาท นี้ คงหวังว่าจะพยายามจีดีพีให้สูงขึ้น เพื่อให้โตได้ตามศักยภาพที่ประมาณ 4 - 5% แต่จะเป็นไปได้ยาก เพราะปัญหาหลักมาจากนักลงทุนทั้งในประเทศและต่างประเทศขาดความมั่นใจในการลงทุน โดยแต่ละปีการลงทุนภาคเอกชนจะมีการลงทุนกว่า 2 ล้านล้านบาท แต่ปัจจุบันกลับหายไปเกือบหมด รัฐจะหวังใช้งบประมาณของรัฐมาทดแทนการลงทุนภาคเอกชนคงเป็นไปไม่ได้ เพราะไม่เพียงพอ และที่ผ่านมารัฐบาลได้ใช้จ่ายเงินจำนวนมากจะใช้งบประมาณขาดดุลถึง 2.3 ล้านล้านบาท แต่เศรษฐกิจกลับไม่ฟื้นตัว ประชาชนยังลำบากมาก ซึ่งอาจจะเกิดจากการใช้จ่ายงบประมาณไม่ถูกทาง และอาจจะมีความไม่โปร่งใสในการใช้จ่ายงบประมาณตามที่ องค์กรความโปร่งใสจัดอันดับคอร์รัปชั่นให้ประเทศตกลงมาอยู่อันดับ 101 จากอันดับที่ 76 จากทั้งหมด 176 ประเทศ ดังนั้น ทางแก้ที่ถูกต้องคือรัฐบาลจะต้องฟื้นฟูความมั่นใจนักลงทุน เร่งเจรจาข้อตกลงทางการค้าและเขตการค้าเสรีโดยเร็ว เพื่อให้นักลงทุนมั่นใจ ซึ่งหากจำเป็นต้องเร่งเข้าสู่ระบอบประชาธิปไตยก็ต้องทำ อีกทั้งการบังคับใช้กฎหมาย ควรต้องเป็นไปในหลักสากล และควรระวังการใช้จ่ายงบประมาณให้ถูกทาง และไม่ให้มีการทุจริตคอร์รัปชั่นเหมือนที่ดัชนีคอร์รัปชั่นไทยพุ่งสูงในปัจจุบัน
-------------------
"ชาญชัย" จี้ นายกฯ เร่งตรวจสอบสินบนรัฐวิสาหกิจ ก่อนสร้างปรองดอง เผยใบเสร็จ สร้างแอร์พอร์ต ลิงก์ เบิกจ่ายแอบแฝง สูญพันล้าน

นายชาญชัย อิสระเสนารักษ์ อดีต ส.ส.นครนายก พรรคประชาธิปัตย์ แถลงข่าวเรื่องสินบนโครงการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ โดยเรียกร้องรัฐบาลที่มีอำนาจพิเศษ เร่งแก้ปัญหานี้ให้เป็นรูปธรรมก่อนการสร้างปรองดอง ทั้งนี้ ใบเสร็จของโครงการใหญ่ จะทิ้งร่องรอยการตรวจสอบ โดย นายชาญชัย ชี้ให้เห็นข้อสงสัยในการก่อสร้างแอร์พอร์ต ลิงก์ ที่อนุมัติงบประมาณในปี 2547 ซึ่งใช้งบสูงถึง 2 หมื่นกว่าล้านบาท ทั้งนี้ ตนเองเคยตรวจสอบความผิดปกติ ที่มีค่าธรรมเนียมกว่า 1 พันล้านบาท ที่ปรากฏรายงานการประชุม ครม. ในสมัยนั้น โดยมีการเปลี่ยนมติเงื่อนไขการประมูลราคา (TOR) ทำให้มีการเบิกเงินงวดแรก ค่าธรรมเนียมงวดแรกในการกู้เงิน 1,600 ล้านบาท ผิดปกติ แค่เพียง 7 วัน ตั้งเงินเบิกจ่ายทันที ขณะเดียวกัน เมื่อตรวจสอบจากธนาคารประเทศไทย ผลปรากฏว่ามีการคิดค่าธรรมเนียมเพียง 400 กว่าล้านบาท คำถามคือ เงินส่วนต่างที่หายไปพันกว่าล้านบาทนั้น หายไปได้อย่างไร
-------------
"สุภัฒ" ส่งหนังสือถึงสื่อมวลชน แจ้งขอลาออกจากราชการ ขอโทษ ปชช. พร้อมให้เอาผิดตามกระบวนการ 

รายงานข่าวจากกระทรวงพาณิชย์ แจ้งว่า ได้มีผู้ส่งอีเมล์มายังผู้สื่อข่าวประจำกระทรวงพาณิชย์ โดยใช้ชื่อ "ศักดิ์ สุภัฒ" พร้อมลงลายมือชื่อ โดยในอีเมล์ใจความสำคัญระบุว่า "ตามที่ปรากฏเป็นข่าวว่า ทางการญี่ปุ่น ได้จับกุมรองอธิบดีกรมทรัพย์สินทางปัญญา ฐานลักลอบขโมยภาพวาดจากโรงแรมในญี่ปุ่น ซึ่งเจ้าของอีเมล์ ยอมรับเป็น นายสุภัฒ สงวนดีกุล รองอธิบดีกรมทรัพย์สินทางปัญญา และได้ระบุว่ากระทำจริง พร้อมขอน้อมรับผิด โดยให้เหตุที่กระทำลงไป เนื่องจากในวันเกิดเหตุได้ฉลองกับเพื่อนชาวญี่ปุ่น จนเกิดความเมามายขาดสติ และได้ขโมยภาพวาด จึงขอแสดงความรับผิดชอบและขอโทษผู้เกี่ยวข้องทุกคน ทั้งผู้บังคับบัญชา และประชาชนชาวไทย โดยการลาออกจะไม่เกี่ยวข้องกับกระบวนการตรวจสอบข้อเท็จจริงตามกระบวนการทางราชการที่ยังต้องดำเนินต่อไป

โดยจากนี้จะมีการส่งจดหมายลาออกอย่างเป็นทางการอีกครั้ง และต้องการขอให้ทุกคนเข้าใจ และให้อภัยต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ด้วย"
------------------
ปลัดพาณิชย์เผยมีมูลรองอธิบดีกรมทรัพย์สินทางปัญญาขโมยภาพมีความผิดร้ายแรง ระบุต้องตรวจสอบก่อนสรุปความผิด แม้จะขอลาออกราชการ คาดจะทราบผลเร็ว ๆ นี้

น.ส.วิบูลย์ลักษณ์ ร่วมรักษ์ ปลัดกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า คณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงเกี่ยวกับกรณีนายสุภัฒ สงวนดีกุล อดีตรองอธิบดีกรมทรัพย์สินทางปัญญา ขโมยภาพในโรงแรมประเทศญี่ปุ่น ผลออกมาคณะกรรมการดังกล่าวมีความเห็นว่ามีมูลเข้าข่ายความผิดทางวินัยอย่างร้ายแรง ฐานทำให้เสียภาพลักษณ์ที่ดีต่อข้าราชการไทยและประชาชนไทยทั้งประเทศ ซึ่งขั้นตอนต่อไปกระทรวงพาณิชย์มีคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการสอบวินัยร้ายแรงต่อไป

อย่างไรก็ตาม คณะกรรมการสอบวินัยร้ายแรงจะมีผู้แทนจากหลายหน่วยงาน และมีผู้แทนจากกระทรวงยุติธรรมเป็นประธานคณะกรรมการสอบทางวินัยดังกล่าว ซึ่งผลสรุปดังกล่าวจะออกมาเร็ว ๆ นี้ ซึ่งบทลงโทษขึ้นอยู่กับฐานความผิดที่พิจารณาออกมา โดยหากเป็น  “ให้ปลดออก” นายสุภัฒ ยังสามารถรับบำเหน็จ บำนาญตามระเบียบข้าราชการได้เหมือนเดิม เช่นเดียวกับการลาออก แต่หากผลการพิจารณาออกมาเป็น “ไล่ออก” จะไม่สามารถรับบำเหน็จหรือบำนาญได้ และแม้นายสุภัฒ จะลาออกก่อนผลการสอบข้อเท็จจริงจะออก คณะกรรมการตรวจสอบยังสามารถตรวจได้ในช่วงเวลา 180 วัน กระบวนการสอบสวนต้องมีต่อไป

ทั้งนี้ ผู้บริหารกระทรวงพาณิชย์ ทั้งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ และอธิบดีกรมทรัพย์สินทางปัญญาได้รับหนังสือการลาออกจากราชการของนายสุพัฒน์ อย่างไม่เป็นทางการแล้ว แต่ตามระเบียบราชการนั้น การขอลาออกจะต้องกรอกแบบฟอร์มเพื่อขอลาออกจากราชการ และได้รับการเซ็นอนุมัติก่อนถึงจะมีผลอย่างเป็นทางการ โดยยืนยันว่าแม้นายสุภัฒ จะขอลาออกแล้ว หรือหาก

การลาออกมีผล  แต่ยังต้องรับการพิจารณาโทษ โดยคณะกรรมการสอบวินัยอย่างร้ายแรงยังดำเนินการต่อไปจนกว่าจะจบสิ้นกระบวนการ เพราะการพิจารณาเรื่องดังกล่าวกระทรวงพาณิชย์ตั้งคณะสอบสวนก่อนที่นายสุภัฒ จะส่งหนังสือขอลาออกอย่างไม่เป็นทางการ และขอยืนยันว่าการพิจารณาต่าง ๆ เป็นไปด้วยความโปร่งใสและเป็นธรรม.-สำนักข่าวไทย
-------------------
กระทรวงคมนาคม เตรียมเสนอ รองนายกฯ สมคิด พิจารณาเห็นชอบจัดงบประมาณปี 61 แบบบูรณาการ วงเงินกว่า 1.87 แสนล้านบาท 1 ก.พ. นี้ 

นายชาติชาย ทิพย์สุนาวี ปลัดกระทรวงคมนาคม เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการพิจารณางบประมาณในลักษณะบูรณาการเชิงยุทธศาสตร์ประจำปีงบประมาณ 2561 โดยระบุว่า ที่ประชุมได้แต่งตั้งคณะกรรมการบูรณาการประจำกระทรวงฯ เพื่อจัดทำข้อเสนอโครงการ กิจกรรม แผนปฏิบัติงาน และแผนการใช้จ่ายงบประมาณของแผนงาน การบูรณาการ เป้าหมาย และตัวชี้วัดของหน่วยงานในสังกัดของกระทรวงคมนาคม ในการบูรณาการงบประมาณปี 2561 สำหรับแผนการพัฒนาด้านคมนาคมและระบบโลจิสติกส์ และงบประมาณที่กระทรวงคมนาคมร่วมบูรณาการกับกระทรวงอื่น จำนวน 10 แผนงานบูณาการ 9 กระทรวง

สำหรับงบประมาณแผนการพัฒนาด้านคมนาคมและระบบโลจิสติกส์ ของกระทรวงคมนาคม จำนวน 12 หน่วยงาน จำนวน 1,391 รายการ นั้น มีงบประมาณรวมแล้วกว่า 187,748 แสนล้านบาท ทั้งนี้ สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจรจะได้นำเสนอรายละเอียดให้กับ นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี พิจารณาให้ความเห็นชอบการจัดทำงบประมาณภายใต้แผนบูรณาการการพัฒนาด้านคมนาคมและระบบโลจิสติกส์ที่มีการปรับปรุงแก้ไขใหม่ ภายในวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2560 ตามขั้นตอนของปฏิทินงบประมาณต่อไป
-------------
ปลัดกระทรวงคมนาคม ประกาศเจตจำนงการบริหารงานการกำกับดูแลด้วยความซื่อสัตย์สุจริต และยึดหลักธรรมาภิบาล

นายชาติชาย ทิพย์สุนาวี ปลัดกระทรวงคมนาคม ประกาศเจตจำนงมุ่งมั่นในการบริหารงานด้วยความซื่อสัตย์สุจริต สร้างความตระหนักถึงความรับผิดชอบ และการมีส่วนร่วมในการต่อต้านการทุจริตภายในองค์กรของผู้บริหารและเจ้าหน้าที่ในองค์กร โดยมี ผู้บริหารกระทรวงคมนาคมร่วมประกาศเจตจำนง เพื่อพัฒนาองค์กรให้มีคุณธรรมและความโปร่งใส เป็นที่ยอมรับของทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งให้ความสำคัญเรื่อง การเสริมสร้างความมีศักดิ์ศรีของการเป็นหน่วยงานภาครัฐ ซึ่งจะส่งผลต่อความมั่นใจ ศรัทธา และไว้วางใจของประชาชน รับบริการ ผู้ปฏิบัติงาน และผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย

ทั้งนี้ สำนักงานปลัดกระทรวงคมนาคม ได้จัดทำนโยบายการกำกับดูแลองค์การที่ดี 4 ด้าน ประกอบด้วย ด้านรัฐ สังคม และสิ่งแวดล้อม ด้านผู้รับบริการผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย ด้านองค์การ และด้านผู้ปฏิบัติงาน ซึ่งได้รวบรวมหลักการ นโยบายการปฏิบัติราชการ แนวทางปฏิบัติ รวมถึงได้กำหนดแนวทางปฏิบัติตามนโยบายเพื่อพัฒนาหน่วยงานให้มีคุณธรรมและความโปร่งใสในการบริหาร การปฏิบัติงานโดยบุคลากรทุกระดับของสำนักงานปลัดกระทรวงคมนาคม สามารถนำนโยบายการกำกับดูแลองค์การที่ดีเป็นแนวทาง ถือปฏิบัติในการดำเนินงาน โดยสำนักงานปลักระทรวงคมนาคม จะพิจารณาทบทวน และปรับปรุงนโยบายการกำกับดูแลองค์การที่ดีของหน่วยงานเป็นประจำ เพื่อให้มีความเหมาะสมและเป็นปัจจุบันอยู่เสมอ
----------------

////
ร่าง รธน.

กรธ. เร่งพิจารณากฎหมายลูก 3 ฉบับ ยัน รับฟังความคิดเห็นทุกฝ่าย เพื่อให้แก้ไขได้อย่างตรงจุด 

ศ.ดร.อุดม รัฐอมฤต โฆษกกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) เปิดเผยกับสำนักข่าว ไอ.เอ็น.เอ็น. ถึงความคืบหน้าการพิจารณาพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ว่า ขณะนี้ได้พิจารณา พ.ร.ป. ทั้งหมด 3 ฉบับ ประกอบด้วย พ.ร.ป.ว่าด้วยคณะกรรมการสิทธิมนุษยชน (กสม.) พ.ร.ป.ว่าด้วยผู้ตรวจการแผ่นดิน พ.ร.ป.ว่าด้วยวิธีพิจารณาของผู้ดำรงทางการเมือง ซึ่งน่าจะมีการแก้ไขพอสมควรและจะมีการเชิญตัวแทนจากศาลยุติธรรมมาให้ข้อมูล เช่น ประเด็นการพิจารณาผู้ถูกกล่าวหา ซึ่งไม่มีตัวตนอยู่ เนื่องจากหลบหนีและประเด็นเรื่องการอุทธรณ์ โดยต้องฟังความคิดเห็นของผู้ที่เคยทำงานทางด้านนี้ เพื่อให้สามารถนำมาพิจารณาแก้ไขได้อย่างตรงจุด

ทั้งนี้ ศ.ดร.อุดม กล่าวถึง พ.ร.ป.ว่าด้วย กสม. ว่า ยังรับฟังไม่ครบถ้วนทุกฝ่าย ซึ่งยังต้องการรับฟังในฝ่ายที่ต้องการให้เกิดการเปลี่ยนแปลง โดยเฉพาะอย่างยิ่งทางภาคส่วนองค์กรเอกชน ซึ่งจะพยายามรับฟังให้มากที่สุด โดยในส่วน พ.ร.ป.ว่าด้วยผู้ตรวจการแผ่นดินนั้น ได้มอบให้ให้ทางคณะอนุฯ พยายามปรับแก้ให้การทำงานไม่ไปซ้ำซ้อนองค์กรอิสระอื่นและสามารถทำงานร่วมกับองค์กรอิสระอื่นได้เป็นอย่างดี
------


ไม่มีความคิดเห็น: