PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันอังคารที่ 31 มกราคม พ.ศ. 2560

ส่วนที่แก้ไขได้ยากที่สุด:ไทยรัฐ

เห็นได้ชัดว่ารัฐบาลได้ให้ความสำคัญต่อการจัดทำดัชนีเกี่ยวกับการทุจริตขององค์กรความโปร่งใสนานาชาติ เห็นได้จากการที่นายกรัฐมนตรีเรียกประชุมคณะกรรมการบริหารราชการแผ่นดินเชิงยุทธศาสตร์ หรือ “ครม.ชุดเล็ก” เพื่อหารือการแก้ปัญหาการทุจริตคอร์รัปชัน หลังจากที่ทีไอให้ไทยอยู่อันดับที่ 101 จาก 176 ประเทศ

แม้รัฐบาลจะอ้างว่าการทุจริตต่างๆล้วนแต่เกิดขึ้นในรัฐบาลก่อนๆ ไม่เกี่ยวกับรัฐบาลปัจจุบัน แต่เหตุผลในการลดอันดับไทยของทีไอหลายข้อ ก็ล้วนแต่เกี่ยวข้องกับรัฐบาลปัจจุบัน เช่น เรื่องจำกัดเสรีภาพสื่อและประชาชน การขาดองค์กรอิสระในการตรวจสอบและถ่วงดุลรัฐบาล ร่างรัฐธรรมนูญที่อ้างว่าปราบโกง แต่รักษาอำนาจของกองทัพ เป็นต้น

ด้วยเหตุนี้เลขาธิการ ป.ป.ช.จึงเห็นว่านับเป็นครั้งแรกที่ทีไอเอาความเป็นประชาธิปไตยมาวัดดัชนีการทุจริตด้วย อันดับของไทยจึงลดอย่างฮวบฮาบ จากที่ 76 ของปี 2558 เป็น 101 ของปี 2559 แต่ความจริงไทยสอบตกมาโดยตลอด นับตั้งแต่มีการจัดอันดับเป็นต้นมา สอบตกแม้แต่ในรัฐบาลเลือกตั้ง ที่นานาชาติยอมรับว่าเป็นรัฐบาลประชาธิปไตย

เห็นได้ชัดว่านานาชาติไม่ได้วัดความเป็นประชาธิปไตยแค่ด้วยการเลือกตั้ง และไม่ได้วัดดัชนีการทุจริตคอร์รัปชัน จากการทุจริตที่เกิดขึ้นเพียงด้านเดียว แต่ลงลึกไปถึงระบบการตรวจสอบถ่วงดุล รวมทั้งปัจจัยที่จะทำให้การบังคับใช้กฎหมายมีประสิทธิภาพ โปร่งใส เป็นอิสระ ปราศจากการแทรกแซงจากการเมือง และเสรีภาพประชาชน

ทีไอผู้จัดดัชนีการทุจริตระดับโลก ที่ได้รับการยอมรับจากนานาชาติ ไม่ได้เรียกตัวเองว่าเป็นองค์กรปราบปรามการทุจริตโลก แต่เรียกว่าองค์กร “ความโปร่งใสนานาชาติ” การแก้ปัญหาการทุจริตไม่ได้เน้นการจัดซื้อจัดจ้างด้านเดียว ถึงแม้จะมีกฎหมายจัดซื้อจัดจ้างที่เข้มงวด แต่ผู้มีอำนาจบางคนก็เลี่ยงบาลี โดยจัดซื้อจัดจ้าง “ด้วยวิธีพิเศษ” เปิดประตูสู่คอร์รัปชัน

ครั้งนี้ไม่น่าจะเป็นครั้งแรกที่องค์กรความโปร่งใสเอาเรื่องเสรีภาพประชาชนและสื่อมวลชน ระบบการตรวจสอบถ่วงดุลที่เป็นอิสระ และร่างรัฐธรรมนูญ มาประกอบการพิจารณา แต่น่าจะทำกันมานานแล้ว นักวิชาการด้านเศรษฐศาสตร์การเมืองดังของไทยท่านหนึ่งเคยฟันธงว่า วิธีการป้องกันและปราบปรามการทุจริตที่มีประสิทธิภาพสุด คือประชาธิปไตย

หลายประเทศแก้ปัญหาการคอร์รัปชันไม่ได้ เพราะการเมืองมีปัญหา แต่ที่ยากที่สุดคือค่านิยมและวัฒนธรรม ศาสตราจารย์ท่านหนึ่งระบุว่า ถ้าล้างสมองประชาชนให้อยากได้อยากมี โดยไม่ต้องลงทุนมาก และผูกพันเป็นหนี้บุญคุณ ไม่ให้มีจิตสำนึกจำแนกความผิดชอบชั่วดี จะนำมาซึ่งการโกงโดยไม่จำกัดวิธี และเกิดค่านิยมใหม่ วัฒนธรรมใหม่ ในสังคมของคนอยากได้ไม่รู้จบ.

ไม่มีความคิดเห็น: