PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันพฤหัสบดีที่ 30 มีนาคม พ.ศ. 2560

"และแล้ว...หางก็โผล่"



"และแล้ว...หางก็โผล่"
สัปดาห์ที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่ดีเอสไอที่ คสช. แต่งตั้งให้มาเป็น ผอ. สำนักพุทธฯ ได้ทำหนังสือถึงเจ้าคณะจังหวัดปทุมธานี เสนอความเห็นให้แต่งตั้งพระภิกษุจากวัดอื่นมาเป็นเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกายเพื่อบริหารและสอบอธิกรณ์พระผู้ใหญ่ของวัดซึ่งขัดต่อกฎหมาย เพราะการแต่งตั้งเจ้าอาวาสตามกฏ มส. ฉบับที่ 24 (พ.ศ. 2541) ให้เป็นอำนาจหน้าที่ของสงฆ์ตั้งแต่เจ้าคณะอำเภอจนถึงรองเจ้าคณะตำบลร่วมกันพิจารณาคัดเลือกพระภิกษุผู้มีคุณสมบัติ จากนั้นให้เจ้าคณะอำเภอรายงานเสนอเจ้าคณะจังหวัดเพื่อพิจารณาแต่งตั้ง กฎหมายไม่ได้ให้อำนาจ ผอ. ซึ่งเป็นคฤหัสถ์เสนอความเห็นอันเป็นการแทรกแซง ส่วนการสอบอธิกรณ์คือการล่วงละเมิดพระธรรมวินัยซึ่งยังไม่มีการกล่าวหาจึงไม่มีอธิกรณ์ให้สอบ ดังนั้น ข้ออ้างในหนังสือจึงเป็นเท็จ
การที่หัวหน้า คสช. ใช้อำนาจเผด็จการสั่งปิดล้อมวัดพระธรรมกาย ดำเนินคดีกับรักษาการเจ้าอาวาสรวมทั้งออกคำสั่งจับกุมพระสงฆ์หลายรูป คือการทำให้พระผู้ใหญ่ของวัดต้องคดีเพื่อเปิดทางให้มีการแต่งตั้งพระภิกษุจากวัดอื่นมาดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสเสมือนเป็นการยึดวัดพระธรรมกาย ส่วนการแต่งตั้งเจ้าหน้าที่ดีเอสไอมาดำรงตำแหน่งเลขาธิการมหาเถรสมาคมที่เป็นองค์กรปกครองสงฆ์คือการควบคุมศาสนจักร ซึ่งเท่ากับ คสช. ที่เป็นฝ่ายอาณาจักรควบคุมทั้งอำนาจรัฐและศาสนจักรอย่างเบ็ดเสร็จ แต่เนื่องจากข้อเสนอการแต่งตั้งเจ้าอาวาสไม่ชอบด้วยกฎหมายเจ้าคณะจังหวัดปทุมธานีจึงไม่เล่นด้วย รัฐมนตรีจึงเลี่ยงมาตั้งเป็นคณะกรรมการประกอบด้วย เจ้าคณะจังหวัด เจ้าคณะอำเภอ ตัวแทนจากดีเอสไอและสำนักพุทธฯ เพื่อบริหารจัดการวัดพระธรรมกาย แต่ก็ผิดกฎหมายอีกเช่นกันเพราะวัดพระธรรมกายมีรักษาการเจ้าอาวาสทำหน้าที่แล้ว อีกทั้งการปกครองสงฆ์เป็นอำนาจหน้าที่ของ มส. ไม่ใช่อำนาจของรัฐมนตรีที่กำกับสำนักพุทธฯ จะไปแต่งตั้งพระและคฤหัสถ์มาบริหารจัดการวัด สุมหัวกันวางแผนยึดวัดปกครองพระจนคลิปหลุดหางโผล่ อย่าลืมประสานงานกับนรกให้สร้างขุมพิเศษไว้รอด้วยจะได้ไปอยู่รวมกัน
วัฒนา เมืองสุข
พรรคเพื่อไทย
30 มีนาคม 2560

วันอังคารที่ 28 มีนาคม พ.ศ. 2560

นายกฯเผย คปพ.กดดันให้สอดไส้"บรรษัทน้ำมัน"ใน พ.ร.บ.ปิโตรเลียม ชี้เคยท้วงแล้วว่ายังไม่จำเป็น

นายกฯเผย คปพ.กดดันให้สอดไส้"บรรษัทน้ำมัน" ใน พ.ร.บ.ปิโตรเลียม ชี้เคยท้วงแล้วว่ายังไม่จำเป็น โยน สนช.ตัดสินใจ
วันที่ 28 มี.ค.2560 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) แถลงภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ปิโตรเลียม (ฉบับที่...) พ.ศ.... เริ่มตั้งแต่ปี 2557 ตั้งแต่ก่อนตนเข้ามาเป็นนายกฯ แต่ออกเป็นกฎหมายไม่ได้เพราะมีหลายฝ่ายเรียกร้อง และในช่วง ครม.ชุดแรกของตนก็เสนอกฎหมายดังกล่าวพิจารณานอกจากสัมปทานแล้วให้มีระบบแบ่งปันผลผลิต (psc) และดำเนินการตามลำดับ แต่มีเครือข่ายประชานปฏิรูปพลังงานไทย (คปพ.) นำโดยนางรสนา โตสิตระกูล นายปานเทพ พัวพงษ์พันธุ์ พยายามตั้งข้อเรียกร้องประเด็นต่างๆ มากมาย รัฐบาลก็รับฟังความต้องการของแต่ละกลุ่ม และส่งให้สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) พิจารณากฎหมาย

ชี้เคยท้วงแล้วว่ายังไม่จำเป็น


ซึ่งในขั้นคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณากฎหมายนั้น ทราบมาว่าถูกกลุ่มนี้กดดันจะต้องมีบรรษัทน้ำมันแห่งชาติให้ได้ ซึ่ง กมธ.ได้แถลงเรื่องดังกล่าวไว้เมื่อวันที่ 16 มิ.ย.2559 ทั้งที่ตนเคยพูดมาหลายครั้งแล้วว่ายังไม่พร้อมและยังไม่มีความจำเป็น เพราะมีบริษัท ป.ต.ท. จำกัด (มหาชน) ที่กระทรวงการคลังถือหุ้นอยู่เป็นจำนวนมาก และเป็นรัฐวิสาหกิจ จะซ้ำซ้อนหรือไม่จึงให้ สนช.เป็นผู้พิจารณา ก็ถูกกดดันอีกว่าถ้าไม่มีบรรษัทน้ำมันก็จะมาล้อมรัฐสภา ล้อมทำเนียบรัฐบาล

ไม่ฝันเฟื่องเอาทหารมาคุม


"ถามว่าถูกต้องหรือไม่ การเสนอรับข้อเสนอมาแล้วเสนอให้ สนช.พิจารณา ถ้าพิจารณาแล้วไม่เหมาะสมก็ต้องรับกติกาตรงนั้นว่าเป็นเรื่องของ กมธ. ใช้วิธีกดดันแบบนี้ประเทศชาติเสียหาย ส่วนการหวังให้ทหารเข้าไปดูบรรษัทน้ำมัน กรมพลังงานทหารทำหน้าที่นี้ไม่ได้หรอก เขามีหน้าที่จำกัดไม่ใช่มีหน้าที่ประกอบการบรรษัทธุรกิจ เป็นไปไม่ได้ ไม่มีใครไปฝันเฟื่องเอามาเป็นประโยชน์ของทหาร ไม่เคยคิดเอาทหารมาดูแล ขอให้เข้าใจว่าเป็นข้อเสนอของภาคประชาชนหลายเครือข่าย และยังไม่รู้เลยว่าถ้าตั้งแล้วใครจะเป็น ไม่ใช่ผมแน่นอน สนช.ก็บรรจุไปเพื่อบรรเทาความขัดแย้ง โดยเขียนว่าจะเริ่มต้นเมื่อพร้อม ซึ่งมันไม่พร้อมง่ายๆ เพราะต้องใช้ทุนมหาศาล รัฐบาลไม่มีเงินลงทุนหรอก ไม่ใช่ง่ายๆ 5 บาท 10 บาท อย่ามาสงสัยรัฐบาล ส่วน กมธ.ที่มีสัดส่วนของทหารเยอะนั้น เพราะถูกต่อต้านเยอะ ไม่มีใครกล้าเป็น มีแต่ทหารเป็นให้ เพราะโดนกลุ่มนี้ประท้วงมาตลอด"พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

รีบดันกฎหมาย-หวั่นพลังงานขาด

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า แต่สิ่งที่รัฐบาลต้องการคือต้องการผลักดันให้ร่าง พ.ร.บ.ปิโตรเลียม ออกมาเป็นกฎหมายให้ได้ เพราะต้องดูเรื่องการลงทุน การขุดเจาะน้ำมัน การทำสัมปทาน เพราะเดี๋ยวพลังงานขาดแคลน และใช้เวลา 5-6 ปี กว่าบริษัทที่ได้รับสัมปทานจะเริ่มลงทุนหาเงินกู้มาได้ จึงต้องรีบทำตอนนี้ ถ้าไม่ทำหลายประเทศก็ไปลงทุนที่อื่น ไม่มาลงทุนกับประเทศที่มีปัญหาอย่างนี้หรอก

ขู่ถ้าประท้วงอีกต้องจัดการตามกฎหมาย

"ยืนยันถ้ามาประท้วงอีกต้องดำเนินการตามกฎหมาย ให้อภัยไปหลายทีแล้ว ไม่ใช่เพราะมาขัดแย้งผม แต่ท่านทำผิดกฎหมาย ส่วนความคิดเห็นท่านไปแสดงในช่องทางที่ถูกต้องและยอมรับในกติกาเสียบ้าง วันนี้ไม่ใช่สถานการณ์ปกติอะไรก็ได้กับผม ไม่ใช่ ถ้ามันดี มันถูกผมรับมาแล้ว นี่ผมรับมาแล้วยังมีปัญหาเลย ไม่รู้อะไรนักหนา" พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว 

“บิ๊กตู่” รับเพิ่งสั่งย้ายสารวัตรในภูเก็ต จวกคนจ่ายเงินให้ทำไมโง่แบบนี้วะ

“บิ๊กตู่” รับเพิ่งสั่งย้ายสารวัตรในภูเก็ต จวกคนจ่ายเงินให้ทำไมโง่แบบนี้วะ
        นายกรัฐมนตรีเผยเพิ่งสั่งย้ายสารวัตรในภูเก็ต หลังมีคนร้องเรียนเพียบ ปมทะเลาะตำรวจและสื่อ จวกคนจ่ายเงินให้-โง่สุดโง่ ทำไมโง่แบบนี้วะ แล้วก็มาโทษรัฐบาล รับบางเรื่องไม่มีหลักฐานก็ทำอะไรให้ไม่ได้ 
       
       วันนี้ (28 มี.ค.) ที่ทำเนียบรัฐบาล เมื่อเวลา 14.45 น. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ให้สัมภาษณ์ว่า วันเดียวกันนี้ได้สั่งย้ายตำรวจในตำแหน่งสารวัตรคนหนึ่งที่จังหวัดภูเก็ต เนื่องจากมีการร้องเรียนก็ต้องสอบสวนซึ่งเบื้องต้นเรายังไม่รู้ข้อเท็จจริงแต่ก็ต้องให้ผู้บังคับบัญชาสอบสวน และเอาตัวออกมานอกพื้นที่ก่อน เพราะมีการร้องเรียนเข้ามา และเท่าที่ทราบมีเรื่องการทะเลาะกันด้วยระหว่างตำรวจกับนักข่าวในพื้นที่ เมื่อมีการร้องชัดเจน มีทั้งชื่อ ที่อยู่ สังกัด และความผิดที่ร้องเรียนว่ามีเรื่องอะไรก็แจ้งมาจะได้ดำเนินการสอบ ทั้งนี้ก็ต้องให้ความเป็นธรรมแก่ทุกฝ่าย
       
       “ถ้ามาบอกลอยๆ ว่าเป็นคนใกล้ชิดนายกฯ รองนายกฯ พอสอบและไล่ไปมาก็ไม่ใช่ กลายเป็นใกล้ชิดที่ปรึกษานายกฯ พอถามว่าที่ปรึกษาคนไหน ก็กลายเป็นไม่ใช่ที่ปรึกษา แต่เป็นคนใกล้ชิดที่ปรึกษานายกฯ แล้วไอ้คนจ่ายเงินมันโง่สุดโง่เลยจริงๆ เอาเงินไปให้เขา ทำไมโง่แบบนี้วะ แล้วก็มาโทษรัฐบาล เรื่องแบบนี้ต้องไปหาข้อมูลมาให้เกิดความชัดเจน ไม่มีใครจะมาฝืนกติกาผมได้ เว้นแต่ผมไม่รู้ ไม่มีข้อเท็จจริง ไม่มีหลักฐาน ผมก็ทำอะไรให้ไม่ได้เหมือนกัน วันนี้เราทำงานทุกอย่างเพื่อให้การปฏิรูปประเทศเกิดขึ้นให้ได้ ทุกคนต้องเข้าใจผมด้วย เพราะทุกปัญหาที่ถามมาล้วนเป็นงานกิจกรรมของแต่ละกระทรวง” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว 

เตรียมติดใบแจ้งหนี้หน้าบ้านจันทร์ส่องหล้าพรุ่งนี้

พรุ่งนี้ เจอกัน !!!
สะพัด !
ยอดเรียกเก็บกว่า1.7หมื่นล้าน ใบแจ้งปิดหน้าบ้านจันทร์ส่องหล้าพรุ่งนี้
นายประสงค์ พูนธเนศ อธิบดีกรมสรรพากร ให้สัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ถึงการประเมินเรียกเก็บภาษีจากการขายหุ้นบริษัท ชินคอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) จากนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ต้องดำเนินการก่อนหมดอายุความภายในวันศุกร์ที่ 31 มีนาคมนี้ ว่าจนถึงขณะนี้ยังไม่ทราบตัวเลขเรียกเก็บภาษีหุ้นชินคอร์ป เพราะยังไม่ได้รับรายงานสรุปข้อมูลภาษีหุ้นชินคอร์ปว่าจะต้องจ่ายเท่าไร ยังอยู่ระหว่างการดำเนินการของเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง และตามขั้นตอนปกติของกระบวนการทางกฎหมาย หากได้ข้อสรุปแล้วเจ้าหน้าที่จะนำใบแจ้งที่ต้องชำระภาษีส่งทางไปรษณีย์ หรือนำไปส่งมอบให้กับบุคคลภายในบ้านของผู้ที่ต้องเสียภาษีรับใบแจ้งให้รับทราบเป็นลำดับแรกก่อน แต่หากมีการปฏิเสธหรือไม่สามารถนำส่งใบแจ้งได้ ขั้นตอนต่อไปจึงจะนำใบแจ้งดังกล่าวไปปิดบริเวณบ้านที่เห็นได้ชัดเจน แต่ตอนนี้ยังไม่ได้เริ่มขั้นตอนนำส่งใบแจ้ง เพราะยังไม่มีการสรุปตัวเลขที่ชัดเจนว่าจะต้องจ่ายเท่าไร
แหล่งข่าวจากกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ขณะนี้กรมสรรพากรได้ข้อสรุปการประเมินเรียกเก็บภาษีหุ้นชินคอร์ปจากนายทักษิณแล้ว โดยคิดเป็นจำนวนเงินภาษีพร้อมเบี้ยปรับและเงินเพิ่มรวมทั้งสิ้นกว่า 1.7 หมื่นล้านบาท และกำหนดจะนำใบแจ้งไปปิดหน้าบ้านจันทร์ส่องหล้า ในวันที่ 28 มีนาคมนี้ และจากนั้นผู้เสียภาษีสามารถยื่นอุทธรณ์ได้ภายใน 30 วัน คณะทำงานของกรมสรรพากรสรุปให้ประเมินภาษีตามแนวทางที่ว่ามีการซื้อหุ้นราคาต่ำกว่าราคาตลาด ในช่วงที่บริษัทแอมเพิลริชขายหุ้นให้นอมินีของอดีตนายกรัฐมนตรีในราคาหุ้นละ 1 บาท ต่ำกว่าราคาตลาดตอนนั้นที่อยู่ที่ 49.25 บาทต่อหุ้น
แหล่งข่าวกล่าวว่า หลังจากรัฐบาลมีคำสั่งให้กรมสรรพากรประเมินเก็บภาษีหุ้นชินคอร์ปจากนายทักษิณ ตามแนวทางที่ได้ประชุมร่วมกันกับนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รมว.คลัง และผู้ที่เกี่ยวข้องไปก่อนหน้านี้ รวมถึงมีการรายงานแนวทางให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) รับทราบ เมื่อวันที่ 14 มีนาคมที่ผ่านมา ต่อมานายประสงค์ ได้ลงนามคำสั่งตั้งคณะทำงานขึ้นมาเพื่อประเมินภาษีจากกรณีดังกล่าวให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 31 มีนาคม 2560 นี้ โดยมีผู้อำนวยการสำนักตรวจสอบภาษีอากร กรมสรรพากร เป็นประธานคณะทำงาน และล่าสุดมีข้อสรุปเกี่ยวกับการประเมินภาษีออกมา ภายใต้มาตรา 61 แห่งประมวลรัษฎากร ตามที่สำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน(สตง.)เสนอมา โดยแนวทางของรัฐบาลคือให้กรมสรรพากรหาทางประเมินให้ได้ไปก่อน จากนั้นถ้าเก็บไม่ได้จริงๆ ก็ให้คดีไปหลุดในชั้นอื่น อย่างไรก็ตาม เมื่อกรมสรรพากรประเมินเก็บภาษีจากนายทักษิณเสร็จ ก็ถือว่าเรื่องนี้จบ และจะไม่ติดเงื่อนไขเรื่องอายุความอีก
..............
ที่มา มติชน

วันศุกร์ที่ 24 มีนาคม พ.ศ. 2560

ตำรวจอังกฤษเปิดเผยชื่อผู้ก่อการร้าย "Khalid Masood" โจมตีกรุงลอนดอน

ตำรวจอังกฤษเปิดเผยชื่อผู้ก่อการร้าย "Khalid Masood" โจมตีกรุงลอนดอน, ลอนดอนโมเดล เกิดเหตุคนร้ายพยายามขับพุ่งชนฝูงชนย่านชอปปิ้งในเมือง Antwerp ประเทศเบลเยี่ยม ตำรวจรวบตัวได้แล้ว
----------
1.) วันที่ 23 มี.ค.60 RT พาดหัวข่าวว่า "ผู้ก่อเหตุโจมตีรัฐสภาอังกฤษชื่อ Khalid Masood วัย 52 ปี" (London parliament attacker named as 52-year-old Khalid Masood)
ผู้ก่อการร้ายที่ก่อเหตุโจมขับรถพุ่งชนฝูงชนบนสะพานเวสต์มินเตอร์มุ่งหน้าไปยังรัฐสภาอังกฤษ จนทำให้มีผู้เสียชีวิตถึง 4 คน รวมทั้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ 1 นาย และมีผู้ได้รับบาดเจ็บถึง 40 คนมีชื่อว่า "Khalid Masood" ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจยิงตายในที่เกิดเหตุ มีอายุ 52 ปี เกิดที่เมือง Kent ประเทศอังกฤษ และเพิ่งจะย้ายไปอยู่ที่เมือง West Midlands เมื่อเร็วๆนี้ ใช้ชื่อเล่นหลายชื่อ เป็นครูสอนภาษาอังกฤษ มีลูกสามคน เป็นพวกนิยมไอซิส
นาย Masood ไม่ได้อยู่ในรายชื่อบุคคลที่ต้องจับตาเป็นพิเศษจากการสืบสวนสอบสวนของฝ่ายความมั่นคงของอังกฤษในปัจจุบัน และทางการอังกฤษก็ไม่มีข้อมูลข่าวกรองว่าเขามีแนวโน้มว่าจะก่อเหตุโจมตีด้วยการก่อการร้ายมาก่อน
เจ้าหน้าที่ตำรวจเปิดเผยว่า แต่ฝ่ายตำรวจอังกฤษก็รู้ว่าเขาเคยกระทำผิดในข้อหาทำร้ายร่างกายหลายครั้งก่อนหน้านี้ และพกพาอาวุธมีดในที่สาธารณะด้วย
กระทำผิดกฎหมายครั้งแรกในเดือนพฤศจิกายน 1983 ในข้อหาการทำอันตรายที่เข้าข่ายอาชญากรรม และกระทำผิดกฎหมายครั้งล่าสุดเมื่อเดือนธันวาคม 2003 ในการพกพาอาวุธมีด (ในที่สาธารณะ?) ไม่เคยต้องคดีสนับสนุนขบวนการก่อการร้าย
Sky News รายงานว่า นาย Khalid Masood เป็นครูสอนภาษาอังกฤษ และเปลี่ยนไปนับถือศาสนาอิสลาม แต่งงานแล้ว มีลูกสามคน
ต่อมาสำนักข่าว Amaq ของพวกไอซิสโพสต์ข้อความว่า "แหล่งข่าวของ Amaq กล่าวว่า: ผู้โจมตีหน้ารัฐสภาอังกฤษในกรุงลอนดอนเมื่อวานนี้ เป็นหนึ่งในทหารของ 'ขบวนการก่อการร้ายรัฐอิสลาม' (พวกไอซิส) ลงมือปฏิบัติการในการตอบโต้ต่อการเรียกร้องต่อเป้าหมายพลเรือนของพวกชาติพันธมิตร"
[เดนมนุษย์สารเลวพวกนี้ชอบอ้างพระเจ้าและศาสนาในการกระทำความชั่วของตนเอง พอทำแล้วพวกมันก็โยนความผิดจากการกระทำชั่วของพวกมันต่อคนบริสุทธิ์ทั่วไป ไปให้กับพระเจ้าและศาสนา - ผู้แปล]
2.) ส่วนอีกข่าวหนึี่งซึ่งคล้ายกับลอนดอนเกิดตามหลังกันติดๆหนึ่งวัน ก็คือที่เมือง Antwerp ประเทศเบลเยี่ยม วันเดียวกันนี้ RT พาดหัวข่าวว่า "ตำรวจเบลเยี่ยมได้หยุดผู้ต้องสงสัยหวังโจมตีด้วยรถยนต์ในเมือง Antwerp" (Belgian police stop suspected car-ramming attack in Antwerp)
ชายคนหนึ่งถูกจับกุมได้ในเมือง Antwerp ประเทศเบลเยี่ยม เชื่อว่าหลังจากที่เขาพยายามขับรถเข้าไปในถนนย่านช็อปปิ้งด้วยความเร็วสูง ตำรวจกล่าว
"รถยนต์คันหนึ่งติดทะเบียนฝรั่งเศสได้แล่นเข้าไปในถนน Meir [ถนนช้อปปิ้ง/ย่านการค้า] ด้วยความเร็วสูง ผู้คนตามทางเดินต่างก็พากันกระโดดหลบหนีรถยนต์ออกด้านข้าง" Serge Muyters หัวหน้าตำรวจเมือง Antwerp กล่าวในการแถลงข่าว
Serge Muyters กล่าวอีกว่า "เพื่อนๆ (ตำรวจ) ของพวกเราได้บังคับให้คนขับรถคันดังกล่าวหยุดรถ แต่เขาก็ขับหนีไป และวิ่งฝ่าไฟแดง เราส่งชุดเฉพาะกิจและรถยนต์ออกไป จากนั้นคนขับรถคันนั้นก็หยุด ชายคนหนึ่งในชุดลายพรางถูกควบคุมตัว"
เจ้าหน้าที่กล่าวว่า พบอาวุธมีด ปืนหนึ่งกระบอก และถังแก๊สไม่ทราบชนิดของของเหลวที่บรรุอยู่ภายใน ในรถยนต์ของผู้ต้องสงสัย รอยเตอร์สรายงาน สำนักข่าว AFP ของฝรั่งเศสกล่าวว่า "ชายคนนั้นเป็นคนเชื้อสายแอฟริกาเหนือ และเชื่อว่าเป็นมุสลิมหัวรุนแรง" ต่อมาทางการเปิดเผยว่า ผู้ต้องสงสัยรายนี้ชื่อ Mohamed R. อายุ 39 ปี เป็นชาวตูนีเซีย อาศัยอยู่ในประเทศฝรั่งเศส
ประธานาธิบดีฟรองซัวส์ ออลลองด์ของฝรั่งเศสกล่าวว่า "ดูเหมือนว่าเรื่องนี้จะเกี่ยวข้องกับคนสัญชาติฝรั่งเศส มีความเป็นไปได้ที่จะมีอาวุธบางอย่างอยู่ในบูทของเขาด้วย มันขึ้นอยู่กับศาลในการออกแถลงการในเรื่องนั้น ว่าชายคนนี้กำลังมองหาการฆ่า หรืออย่างน้อยเพียงเพื่อต้องการก่อเหตุสะเทือนขวัญ ดังนั้นพวกเราจะต้องเดินหน้าในการเฝ้าระวังระดับสูงและเคลื่อนกำลังพลของพวกเราทั้งหมดเอาไว้"
รอยเตอร์รายงานว่า อย่างไรก็ตาม ตามแหล่งข่าวในฝรั่งเศสบอกว่า ทางการเชื่อว่าผู้ต้องสงสัยไม่ได้พยายามที่จะชนใคร บางทีเขาอาจจะเมาเหล้า และพยายามขับรถหนีจากการตำรวจของตำรวจก็ได้ [AFP ของฝรั่งเศสบอกว่าผู้ต้องสงสัยอาจจะเป็นชาวมุสลิม ส่วน Reuters บอกว่าหมอนั่นอาจจะเมาเหล้าก็ได้ ศาสนาอิสลามห้ามดื่มเหล้า ตกลงว่าเขาเป็นมุสลิมหรือไม่? ทางการยังไม่ยืนยัน - ผู้แปล]
กรณีการโจมตีที่กรุงลอนดอนนั้น นาย Beata Szydlo นายกรัฐมนตรีของโปแลนด์ออกมากล่าวว่า มันเป็นไปไม่ได้ที่จะไม่มีการเชื่อมโยงกันระหว่างการโจมตีที่กรุงลอนดอนกับนโยบายรับผู้อพยพของอียู
"ผมได้ยินอยู่บ่อยครั้งมากในยุโรปว่า อย่าโยงนโยบายเกี่ยวกับผู้อพยพเข้ากับเรื่องขบวนการก่อการร้าย แต่มันเป็นไปไม่ได้ที่จะไม่เชื่อมโยงทั้งสองเรื่องนี้เข้าด้วยกัน" นาย Beata Szydlo กล่าวผ่าน TVN24 สำนักข่าว RT รายงาน

ยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี เน้นปรองดองหรือไล่ล่า

สื่อต่างชาติวิพากษ์วิจารณ์แผนยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ของรัฐบาลคสช. ว่าอ้างความปรองดอง ขณะที่ไล่ล่าจับกุมฝ่ายตรงข้ามทางการเมืองไม่เว้นวัน
The Economist รายงานว่าหลังจากที่คสช.ได้ทำการรัฐประหารและยึดอำนาจการปกครองในไทยมาตั้งแต่เดือนพฤษภาคมปี 2014 เพื่อหยุดปัญหาความขัดแย้งทางการเมืองและสัญญาว่าจะนำประเทศไทยกลับคืนสู่การเลือกตั้งตามระบอบประชาธิปไตยภายในระยะเวลาอันสั้น แต่หลังจากที่คสช.บริหารบ้านเมืองเกือบ 3 ปีแล้ว ก็ยังไม่มีวี่แววว่าจะเกิดการเลือกตั้งขึ้นในไทยเมื่อไร
ในเดือนมีนาคมที่ผ่านมา คสช.เพิ่งนำเสนอและอธิบายแผนยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปีต่อนักการทูตและผู้สื่อข่าวต่างชาติ ซึ่ง The Economist นิตยสารวิเคราะห์เศรษฐกิจและการเมืองโลกของอังกฤษ มองว่าแผนยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ที่รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งชุดต่อๆไปต้องปฏิบัติตามแนวทางที่คสช.วางไว้อย่างเคร่งครัด เป็นสัญญาณบ่งชี้ว่าทหารจะยังไม่ถอนตัวจากอำนาจการบริหารประเทศไปไหน
แผนยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ถูกบรรจุไว้ในรัฐธรรมนูญ กำหนดว่ารัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งในอนาคตต้องดำเนินโยบายภายใต้การควบคุมดูแลของ คณะกรรมมาธิการที่แต่งตั้งโดยกองทัพ และผู้นำเหล่าทัพที่นั่งอยู่ในวุฒิสภา ซึ่งมีอำนาจเข้ามาแทรกแซงการบริหารประเทศทันที หากพบว่านักการเมืองที่มาจากการเลือกตั้งไดดำเนินนโยบายของตัวเองที่นอกลู่นอกทางจากที่รัฐบาลคสช.กำหนดแนวทางไว้ 
แม้ไทยจะเคยมีอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจที่สูงที่สุดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ แต่หลายปีที่ผ่านมาอัตราการเติบโตกลับเฉื่อยชาลงอย่างเห็นได้ชัด จนธนาคารโลกรายงานในเดือนที่ผ่านมาว่า กัมพูชา, มาเลเซีย และเวียดนามดึงดูดนักลงทุนได้มากกว่า โดยที่ผ่านมา เศรษฐกิจของไทยถูกควบคุมโดยบริษัทขนาดใหญ่เพียงไม่กี่แห่ง ขณะที่รัฐบาลก็ทุ่มงบประมาณเพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตและเศรษฐกิจแค่เฉพาะในกรุงเทพ และเมืองใหญ่ๆ ทำให้คุณภาพชีวิตระหว่างคนเมืองและต่างจังหวัดมีแต่จะเพิ่มสูงขึ้น 
รัฐบาลคสช.รู้ปัญหาข้อนี้ดี แต่ก็ดูเหมือนว่าจะยังไม่สามารถแก้ไขปัญหาช่องว่างระหว่างคนรวยและคนจนได้ สภาพเศรษฐกิจในยุครัฐบาลคสช.จึงอยู่ในสภาพตกต่ำฝืดเคือง ค่าครองชีพพุ่งสูง ทำให้รายรับของประชาชนไม่พอกับรายจ่าย ส่วนสภาพการเมืองก็อยู่ในสภาวะที่เรียกได้ว่าไม่เป็นประชาธิปไตยและไร้เสถียรภาพ จากการที่รัฐบาลคสช.ไล่จับฝ่ายตรงข้ามทางการเมือง และผู้ที่ออกมาวิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลคสช.ให้เห็นเป็นรายวัน
แม้เดือนมกราคมที่ผ่านมา รัฐบาลคสช.ได้เชิญกลุ่มการเมืองฝ่ายต่างๆ รวมทั้งสมาชิกพรรคเพื่อไทยของ ดร.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เข้าร่วมการประชุมเพื่อสร้างความสามัคคีปรองดอง แต่ก็เป็นที่น่าสงสัยว่าแผนการปรองดองของรัฐบาลคสช.จะประสบความสำเร็จได้อย่างไร ในเมื่อยังคงมีการไล่ล่าจับกุมผู้ใกล้ชิดและให้การสนับสนุน ดร. ทักษิณ ชินวัตร อยู่อย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ ยังมีคำสั่งให้กรมสรรพากรขยายเวลาเรียกเก็บภาษีจาก ดร. ทักษิณ ชินวัตร จากการขายหุ้นชินคอร์ปเป็นเงินกว่า 12,000 ล้านบาทก่อนคดีจะขาดอายุความในวันที่ 31 มีนาคมนี้ หากไม่ดำเนินการและปล่อยให้คดีหมดอายุความ ผู้เกี่ยวข้องและกรมสรรพากร อาจมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 โทษฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ 
สื่อต่างประเทศมองว่าปัญหาการสร้างความปรองดองในไทยนั้น เกิดจากความเข้าใจผิดที่กองทัพไทยเชื่อมั่นว่าตัวเองทำหน้าที่เป็นเหมือนกรรมการยุติความขัดแย้ง ด้วยการก่อรัฐประหารหลายสิบครั้งในช่วงศตวรรษที่ผ่านมาเพื่อปกป้องประเทศชาติ แต่ไม่เคยคิดเลยว่าตัวเองก็เป็นส่วนหนึ่งของอาการป่วยไข้ที่ไทยกำลังเผชิญ
ที่มา : http://news.voicetv.co.th/world/473886.html

ก้าวไม่พ้น”แม้ว”da

ใบตองแห้ง
ไชโย “จารย์แก้วสรร อติโพธิ กลับมาแล้ว เขียนบทความถามเองตอบเองเรื่อง “คดีหุ้นชินคอร์ปชินวัตรภาคแอมเพิลริช” คิดถึงจัง คนเคยรักกัน หายไปไหนตั้งนาน ถ้าไม่มีคดีภาษีทักษิณ คงไม่เห็น”จารย์แก้วกลับมาอยู่ในโฟกัส
น่าทึ่งไหม 10 กว่าปีผ่านไป ทักษิณยัง “กินได้” ยังขายได้ ทั้งคนเกลียดคนรัก ทั้งที่ร่างรัฐธรรมนูญใหม่ วางโครงสร้างอำนาจเบ็ดเสร็จเด็ดขาด ต่อให้พรรคเพื่อไทยชนะเลือกตั้งถล่มทลาย ก็ไม่มีทางได้เป็นรัฐบาล แต่คนที่เกลียดกลัวทักษิณ ก็ยังอยากเอาให้ตาย
อ๊ะอ๊ะ ไม่ได้ว่า “จารย์แก้วเขียนผิดเขียนถูก เห็นต่างไม่เป็นไร แต่ดูบรรยากาศวันนี้เห็นด้วยไหม คนไทยกลับไปอยู่ในกระแสรักเกลียดทักษิณอีกแล้ว มันไม่ใช่การถกเถียงด้วยเหตุผลทางกฎหมายซักหน่อย มันแค่ใครเกลียดทักกี้ก็เห็นด้วยกับการใช้ “อภินิหารทางกฎหมาย” เท่านั้นเอง
Miracle Thakkie จริงๆ นะ ขนาด คสช. “ปรองดอง” ก็ยังมีคนจับจ้อง จะเกี้ยเซี้ยทักษิณหรือเปล่า แค่มีข่าวอนุทิน ชาญวีรกูล เป็น “โซ่ข้อกลาง” ก็ยังสกัดดาวรุ่ง แฉว่าเคยพาบิ๊กบังไปหาทักษิณที่ดูไบ
เลิกพูดไปเลย คำว่า “ก้าวข้ามทักษิณ” ต่อให้ทักษิณ เป็นมะเร็งตาย ตราบใดที่ตระกูลชินวัตรไม่อพยพออกจากประเทศไทย ก็ยังเกลียดกลัวกันได้อีกร้อยปี
พูดอย่างนี้ต้องมีคนย้อนถาม อ้าว แล้วไอ้พวกนักประชาธิปไตยล่ะ ก้าวข้ามทักษิณหรือยัง ก้าวไม่ข้ามหรอกครับ ตราบใดที่ยังปลุกผีกันอยู่
ขี้เกียจพูดครั้งที่ล้าน ว่าคนรักประชาธิปไตยส่วนใหญ่ก็คัดค้านทักษิณอำนาจนิยมมาทั้งนั้น แค่ไม่เห็นด้วยกับรัฐประหารตุลาการภิวัตน์ ตอนแรกก็เป็นฝ่าย “สองไม่เอา” แต่สุดท้ายไม่มีที่ยืน เพราะใครคัดค้านการใช้อำนาจทำลายประชาธิปไตย ทำลายหลักนิติรัฐ ถูกผลักเป็นพวกทักษิณเสียหมด
เป็นก็เป็นสิวะ เพราะไปๆ มาๆ มวลชนเสื้อแดงกลับซึมซับหลักการประชาธิปไตยมากกว่า “สลิ่ม” แม้ส่วนใหญ่ยังผูกพันทักษิณ แต่ก็มีความเติบโตเป็นตัวของตัวเองเพราะถูกกระทำ
แต่ทักษิณก็ยังเป็นทักษิณ คือเป็นอะไรได้ทุกอย่าง เป็นไม่ได้อย่างเดียว นักต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย ทักษิณจึงกดปุ่ม delete ตัวเองด้วย “นิรโทษสุดซอย ลักหลับตอนตีสี่”
ทักษิณเสื่อมตั้งแต่วันนั้นแล้วครับ พรรคเพื่อไทยก็เสื่อม เพียงแต่อีกฝ่ายเสื่อมกว่า ปิดเมืองปิดสถานที่ราชการขัดขวางเลือกตั้ง กระทั่งเกิดรัฐประหาร ใช้อำนาจเข้มข้นบังคับสังคมอยู่ในความสงบ กลายเป็นความขัดแย้งใหม่ เป็นปัญหาเฉพาะหน้า ที่ทำให้ “ความผิด” ของทักษิณ เพื่อไทย ถูกละไว้ชั่วคราว ประกอบกับบทบาทในการเรียกร้องประชาธิปไตยเปลี่ยนมาอยู่ที่นักศึกษา นักวิชาการ ไม่ใช่พรรคการเมือง (มวลชนส่วนหนึ่งยังบ่นว่าทักกี้ไม่สู้ด้วยซ้ำไป)
แต่เมื่อไหร่มีการเลือกตั้ง พรรคการเมืองกลับมามีบทบาท ถามว่าจะยังไว้วางใจพรรคเพื่อไทยกันอยู่ไหม ไม่แล้วครับ ถ้าจะสู้ร่วมกันต่อไป พรรคเพื่อไทยก็ต้องปฏิรูปครั้งใหญ่ ใครจะไว้วางใจพรรคการเมืองที่คนคนเดียวโทร.สั่งซ้ายหันขวาหันได้ตอนตีสี่ แล้วคนคนนั้นก็ไม่เคยเลิกนิสัยสู้ไป ดีลไป โดนแค่ไหนก็ไม่เคยเข็ด ยังพร้อมจะต่อรองเสมอ
แล้วถามจริง พรรคเพื่อไทยปฏิรูปได้ไหม อมพระมาพูดก็เชื่อไม่ได้ ตั้งพรรคใหม่เริ่มต้นจากศูนย์ซะยังดีกว่า เพียงแต่ต้องหาจังหวะ สมมติเช่น พรรคเพื่อไทย “ปรองดอง” กับทหารเมื่อไหร่ พรรคใหม่ก็เกิดได้ทันที
แต่ที่พูดมาทั้งหมดนี้เป็นนิยายครับ เป็นเรื่องในจินตนาการของนักอุดมคติที่เป็นไปไม่ได้ในโลกแห่งความเป็นจริง ไม่ต่างจากความเพ้อฝันว่าสักวัน เหลืองแดงจะรวมกันได้ ในโลกแห่งความเป็นจริงคือชาติหน้าตอนบ่ายๆ (พูดแบบคนไม่เชื่อว่ามีชาติหน้าเสียด้วย)
ในโลกแห่งความเป็นจริง ประวัติศาสตร์ก็ยังซ้ำรอย ทักษิณอำนาจนิยม ถูกโค่นล้มด้วยรัฐประหาร ถูกกระทำอย่างไม่ยุติธรรม เรียกความเห็นใจจากมวลชนที่ได้ประโยชน์จากนโยบายประชานิยม ขณะที่คนอีกฝ่ายเกลียดจนคลุ้มคลั่ง ชนะเลือกตั้ง ก็ถูกม็อบยึดทำเนียบยึดสนามบินขับไล่ ศาลรัฐธรรมนูญยุบพรรค ผิดคนเดียวตายยกเข่ง ฯลฯ
ครั้งนี้ก็ไม่ต่างกัน ทักษิณสุดซอย ถูกไล่ด้วยม็อบสุดโต่ง เกิดรัฐประหาร ยิ่งลักษณ์ถูกดำเนินคดี ถูกเรียกค่าเสียหาย 3.5 หมื่นล้าน เดินสายถ่ายเซลฟีกับชาวบ้าน เกิดอภินิหารทางกฎหมายย้อนเก็บภาษี 1.2 หมื่นล้าน ขณะที่ร่างรัฐธรรมนูญยิ่งถอยหลัง ไม่เหลือความเป็นประชาธิปไตย
เลิกพูดเรื่องก้าวข้ามไปเลย ปลงเสียเถอะ เวียนว่ายตายเกิดอยู่กับทักกี้นี่แหละ

"ทักษิณ..โกตี๋..ทีนิวส์"



"ทักษิณ..โกตี๋..ทีนิวส์"
ผมอยากให้ท่านนายกทักษิณมอบอำนาจให้ทนายความ ไปแจ้งความดำเนินคดีกับนายสนธิญาณและสำนักข่าวทีนิวส์ที่กล่าวหาว่า "ถ้าไม่มีทักษิณขบวนการเหล่านี้ก็เดินต่อไม่ได้" อันเป็นการจงใจใส่ความนายกทักษิณว่าอยู่เบื้องหลังโกตี๋ ที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นเจ้าของอาวุธสงครามและอยู่ในขบวนการล้มเจ้า ซึ่งไม่เป็นความจริงเพราะนายกทักษิณและพวกผมแม้จะไม่ชอบเผด็จการ แต่ไม่เคยมีความคิดที่จะใช้ความรุนแรง ส่วนเรื่องล้มเจ้าไม่เคยอยู่ในความคิด
ระยะนี้ท่านนายกทักษิณงานเข้ามากเป็นพิเศษ เช่น ภาษีหุ้นชินคอร์ปที่เรื่องจบไปนานแล้วแต่รัฐบาลจะใช้อภินิหารเรียกเก็บให้ได้ หรือเหตุการณ์ที่วัดพระธรรมกายที่ท่านผู้นำเคยมีคำถามว่าเป็นพุทธแท้หรือพุทธเทียม ในขณะที่ผมออกมาต่อสู้เพราะเห็นว่าการที่สาธุชนเข้าวัดเพื่อปฏิบัติธรรมย่อมดีกว่าออกมาเพ่นพ่านบนถนนหรือยกพวกไปปิดสถานที่ราชการ ล่าสุดคือการจับกุมอาวุธที่อ้างว่าเป็นของโกตี๋ที่หลายฝ่ายเห็นว่าเป็นการจัดฉาก ทั้งสองเรื่องก็ถูกลากโยงมาที่นายกทักษิณทั้งที่ท่านไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง ความจริงท่านวางเฉยมานานแล้วเพราะต้องการให้บ้านเมืองเดินหน้าต่อไปได้ แต่เผด็จการกลับหาเรื่องเอาท่านเป็นข้ออ้างเพื่อจะได้อยู่ในอำนาจต่อไป เราจึงเห็นกลุ่มคนเหล่านี้แบ่งหน้าที่กันทำ โดยหัวหน้ากลุ่มการเมืองข้างถนนออกมาเสนอให้เลื่อนการเลือกตั้งออกไปจนกว่าจะปฏิรูปสำเร็จ ฝ่ายสื่อก็ช่วยออกมาปลุกผีใส่ร้ายท่านว่าอยู่เบื้องหลังขบวนการล้มเจ้า ส่วนท่านผู้นำก็สนุกกับการใช้อำนาจพิเศษที่ขัดต่อหลักนิติธรรมและนำมาซึ่งความขัดแย้ง ที่น่าแปลกคือเผด็จการที่เพลิดเพลินกับการจัดการฝ่ายตรงข้ามแต่กลัวถูกคิดบัญชี ความจริงคำว่าคิดบัญชีของผมคือเอาอำนาจกลับคืนให้กับประชาชนเท่านั้นเอง ช่างขวัญอ่อนเสียเหลือเกิน แล้วบอกเป็นชายชาติทหาร
วัฒนา เมืองสุข
พรรคเพื่อไทย
24 มีนาคม 2560

วันอังคารที่ 21 มีนาคม พ.ศ. 2560

"HBD บิ๊กตู่"..."ผมก็เป็นนายกฯ ในแบบของผม"

"HBD บิ๊กตู่"..."ผมก็เป็นนายกฯ ในแบบของผม"
นักข่าวทำเนียบฯ ร่วมกันเขียนการ์ดอวยพรวันเกิด นายกฯHappy Birthday To You มอบให้ วันเกิดวันนี้ ครบ63 ปี บิ๊กตู่ ขอบคุณ วอนสื่อเข้าใจ ต่างคนต่างทำหน้าที่ ที่ผ่านมาอาจมีแรงไปบ้าง อะไรบ้างเครียด เพราะงาน ขอโทษด้วย เพราะต้องทำให้สำเร็จ หลายอย่างสำเร็จแล้ว บางอย่างเพิ่งเริ่ม หลายอย่างยังไม่สำเร็จ ก็ต้องช่วยกัน ปีนี้ ผมเป็นนายกฯเป็นที่3 แล้ว
นายกฯแต่ละคนอาจไม่เหมือนกัน ผมก็เป็นแบบของผม ยันปรารถนาดีต่อชาติ ประชาชน เร่งทำงานให้สำเร็จ ขอบคุณทุกคำอวยพรวันเกิดวันนึ้ เรามีใจให้กันอยู่แล้ว จะเร่งทำงานให้สำเร็จ พอใจมีการเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้น แต่หลายเรื่องยังไม่สำเร็จ พันกันทั้งอดีต-ปัจจุบัน และอนาคต ขอสื่อช่วยในการเสนอข่าวที่ดีด้วย ข่าวที่ไม่ดี ก็เสนอได้บ้าง เพื่อประเทศชาติ
ส่วน อ.น้อง ก็อวยพรวันเกิด เรามีความรักให้กันทุกวันอยู่แล้ว

อุทธรณ์ยืนคุก4ปีกีร์และพวกบุกที่ประชุมอาเซียน

21 มี.ค.60 ที่ศาลจังหวัดพัทยา จ.ชลบุรี ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายอริสมันต์ พงศ์เรืองรอง หรือกี้ร์ อดีต ส.ส.พรรคเพื่อไทย และแกนนำกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) พร้อมพวก รวม 13 คน เดินทางมาเพื่อฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ในคดีที่เป็นแกนนำพากลุ่ม นปช.บุกปิดล้อมโรงแรมรอยัลคลิฟ บีช รีสอร์ท พัทยา และล้มการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียน หรืออาเซียนซัมมิท ที่ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพ เมื่อปี 52
โดยภายหลังเจ้าพนักงานอัยการจังหวัดพัทยา เป็นโจทย์ ยื่นฟ้อง นายอริสมันต์ กับพวก ซึ่งประกอบด้วย นายนิสิต สินธุไพร , นายพายัพ ปั้นเกตุ , นายวรชัย เหมะ , นายวันชนะ เกิดดี , นายพิเชฐ สุขจินดาทอง , นายศักดิ์ดา นพสิทธิ์ , พ.ต.ท.ไวพจน์ อาภารัตน์ , นายนพพร นามเชียงใต้ , นายสำเริง ประจำเรือ , นายสมยศ พรหมมา , นพ.วัลลภ ยังตรง และนายสิงทอง บัวชุม ในข้อหาร่วมกันขัดขืนคำสั่งเจ้าพนักงานที่ไม่ให้มีการชุมนุมเกินกว่า 10 คน ขึ้นไป และผิด พ.ร.บ.จราจร พ.ศ.2522
คดีนี้ เมื่อวันที่ 5 มี.ค.58 ศาลชั้นต้นได้พิพากษาตัดสินจำคุกนายอริสมันต์ กับพวก เป็นเวลา 4 ปี โดยไม่รอลงอาญา และไม่อนุญาตให้ประกันตัว ต่อมาวันที่ 9 มี.ค.58 ทนายความได้ยื่นหลักทรัพย์ขอประกันตัวอีกครั้ง ซึ่งศาลก็ได้อนุญาตให้นายอริสมันต์ ประกันตัว ในวงเงิน 2 ล้านบาท ส่วนอีก 12 คน ศาลให้ประกันตัว ในวงเงิน 8 แสนบาท
ทั้งนี้ ในวันนี้ นายอริสมันต์ กับพวก เดินทางมายังศาลด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม และไม่มีท่าทางวิตกกังวลใดๆ โดยมีบรรดาญาติๆ ตามมาให้กำลังใจ
ต่อมา นายชาญชัย ศิริพร ผู้พิพากษาศาลอุทธรณ์ ได้ขึ้นนั่งบัลลังก์พิจารณาคดี และอ่านคำพิพากษายืนตามศาลชั้นต้น ตัดสินจำคุก นายอริสมันต์ กับพวก เป็นเวลา 4 ปี โดยไม่รอลงอาญา ซึ่งภายหลังฟังคำพิพากษาทางญาติได้ยื่นคำร้องขอประกันตัวผู้ต้องหา โดยในส่วนของนายอริสมันต์ ได้ยื่นหลักทรัพย์ 2 ล้านบาท ส่วนคนอื่นๆ อีก 12 คน ยื่นหลักทรัพย์คนละ 1 ล้านบาท เพื่อขอประกันตัว ซึ่งขณะนี้ยังอยู่ในระหว่างการพิจารณาของศาลว่าจะให้ประกันตัวหรือไม่

วันศุกร์ที่ 17 มีนาคม พ.ศ. 2560

เราขอสนับสนุน พลเอกประยุทธ์ ในทุกมิติ นำไปสู่ การปฏิรูปประเทศ ก่อนมีการเลือกตั้ง

"เราขอสนับสนุน พลเอกประยุทธ์ ในทุกมิติ นำไปสู่ การปฏิรูปประเทศ ก่อนมีการเลือกตั้ง"
หลังเข้าแสดงความเห็นกับคณะอนุกรรมการรับฟังความเห็นของกลาโหม
"นาย สุเทพ เทือกสุบรรณ" แถลง หนุนรัฐบาล "พล.อ.ประยุทธ์" ให้ทำการปฏิรูปให้เรียบร้อยก่อน เดินหน้า ไปตามระบอบปชต. เพราะสิ่งที่รัฐบาลนี้ทำตรงกับที่ประชาชน คิด ตรงใจประชาชน แต่มีหลายเริ่อง ที่ต้องทำให้สำเร็จ "เราขอสนับสนุน พลเอกประยุทธ์ ในทุกมิติ นำไปสู่ การปฏิรูปประเทศ"
เสนอตั้ง ปฏิรูปการเมือง ให้เป็นของ ประชาชน โดยประชาชน และเพื่อประชาชน อย่างแท้จริง จากที่ผ่านมาการเมือง เป็นของ นักการเมือง และของผู้มีอำนาจ ไม่ใช่ของ ปชช โดยตัอง ทำพรรคการเมือง ให้เป็นของ ปชช
โดยยึดอุดมการณ์ การปกครอง ที่มีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ไม่ใช่แบบสาธารณรัฐ
พร้อม เสนอ primary vote และ ยกเลิก กกต จังหวัด โดยให้มีแต่ กกต.กลาง
ที่มี คุณสมบัติพิเศษ 77 คน

ชัดๆไม่มีกั๊กจาก"ลุงกำนัน"ผมสนับสนุน"ลุงตู่"

ชัดๆ ไปเลย....
"ลุงกำนัน" บอก "ผมพูดเลย ผมสนับสนุน พลเอกประยุทธ์ แบบชัดเจน เปิดเผย ไม่มีแอบ หรือปิดบังอะไร สนับสนุน ให้ท่านอยู่ต่อ ในการปฏิรูปประเทศ ให้สำเร็จ แต่อยู่ต่อ แบบต้องทำงาน นะ ไม่ใช่ อยู่แล้ว ไม่ทำงาน ไม่ได้นะ"
ชี้ ประชาชนไม่ได้รีบเลือกตั้ง มีแต่อยากให้ปฏิรูปก่อน
แต่ไม่ตอบ ว่า จะมีอะไรชี้วัดว่า การปฏิรูปจะสำเร็จ เพราะตอนนั้นก็จะเห็นเอง ไม่มีใครอยากจะให้เลือกตั้ง ตามโรดแมพ เลย
‪แต่ไม่ตอบ ว่า หากมีเลือกตั้งตามโรดแมพ คสช. แล้ว จะยอมรับผลเลือกตั้งหรือไม่ หากพรรคเพื่อไทย ชนะเลือกตั้ง บอกยังไม่ถึงเวลา ปัดตอบจะยอมรับ"ร่างสัญญาประชาคม" ชี้มันยังไม่ชัดเจน‬

"กปปส.ไม่มีปัญหา ถ้า จะไม่เลือกตั้ง ตามโรดแมพ ปีหน้า"

"สุเทพ เทือกสุบรรณ" ประธาน กปปส. ชี้ ประชาชนไม่ได้รีบเลือกตั้ง มีแต่อยากให้ปฏิรูปก่อน เลือกตั้ง ถ้าจะไม่เลือกตั้งตามโรดแมพ กลางปี2561 ทางผมและกปปส. ก็ไม่มีปัญหา เพราะจุดยืนเรา อยากให้ปฏิรูปก่อนเลือกตั้ง อยู่แล้ว
"ผมพูดเลย ผมสนับสนุน พลเอกประยุทธ์ แบบชัดเจน เปิดเผย ไม่มีแอบ หรือปิดบังอะไร สนับสนุน ให้ท่านอยู่ต่อ ในการปฏิรูปประเทศ ให้สำเร็จ แต่อยู่ต่อ แบบต้องทำงาน นะ ไม่ใช่ อยู่แล้ว ไม่ทำงาน ไม่ได้นะ" นายสุเทพ กล่าว เมื่อ ถูกถามว่า ถูกวิจารณ์ว่า เป็น กลุ่มที่ สนับสนุนรัฐบาลทหาร
แต่ไม่ตอบว่า จะมีอะไรชี้วัดว่า การปฏิรูปจะสำเร็จ เพราะตอนนั้นก็จะเห็นเอง ไม่มีใครอยากจะให้เลือกตั้ง ตามโรดแมพ เลย
แต่ไม่ตอบ ว่า หากมีเลือกตั้งตามโรดแมพ คสช. แล้ว จะยอมรับผลเลือกตั้งหรือไม่ หากพรรคเพื่อไทย ชนะเลือกตั้ง บอกยังไม่ถึงเวลา ปัดตอบจะยอมรับ"ร่างสัญญาประชาคม" ชี้มันยังไม่ชัดเจน

ที่แท้วางแผนฆ่า! นายกหมึกสารภาพ โทร.ลวง”เปิ้ล”มาให้มือปืนยิงในรถ ค่าเด็ดหัว 2 แสน!!

ที่แท้วางแผนฆ่า! นายกหมึกสารภาพ โทร.ลวง”เปิ้ล”มาให้มือปืนยิงในรถ ค่าเด็ดหัว 2 แสน!!

หลังจากตำรวจกองปราบฯร่วมกับตำรวจภูธรภาค 1 และตำรวจสืบสวนจังหวัดปทุมธานี จับกุมตัวนายทวีวงศ์ ทองยืน หรือนายกหมึก อดีตนายก อบต.พานทอง จ.ชลบุรี ผู้จ้างวานฆ่า น.ส.วีรญาภา หรือเปิ้ล งามวิลัย หัวหน้าฝ่าบนโยบาย อบต.บึงซำอ้อ จ.ปทุมธานี โดยจับกุมได้ในบ้านพักในไร่พื้นที่ อ.ท่าม่วง จ.กาญจนบุรี เมื่อกลางดึกที่ผ่านมา
เมื่อวันที่ 17 มี.ค.ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากการสอบสวนเบื้องต้นนายกหมึกให้การรับสารภาพว่า ได้วางแผนสังหารน.ส.วรีญาภา โดยว่าจ้างมือปืนที่กำลังหลบหนีเป็นผู้ลงมือฆ่าผู้ตาย เพราะหึงหวงที่ขอเลิก และไปแต่งงานใหม่กับกำนันที่จ.ระยอง โดยจ่ายค่าจ้างให้กับ นายโจ คนรับงานราคา 200,000 บาท ซึ่งขณะที่มือปืนยิงผู้ตายนั้น ตนเองได้อยู่บนรถยนต์คันเกิดเหตุด้วย เพราะเป็นคนโทร.ล่อหลอกผู้ตายให้ออกมาพบ ก่อนให้มือปืนลั่นไกยิง
มีรายงานว่า พล.ต.ต.สุทิน ทรัพย์พ่วง ผู้บังคับการกองปราบฯ เดินทางไปสอบปากคำ นายโจ คนรับงานด้วยตัวเอง หลังจากกองปราบฯตามรวบตัวไว้ได้ในอ.บ้านบึง จ.ชลบุรี เพื่อขยายผลจับกุมมือปืนให้ได้ เบื้องต้นทราบว่ามือปืนได้รับค่าจ้าง 30,000 บาท ขณะที่ตัวนายทวีวงศ์ หรือนายกหมึก ยังถูกควบคุมตัวอยู่ที่กองบังคับการสืบสวนภูธรภาค 1

วันพฤหัสบดีที่ 16 มีนาคม พ.ศ. 2560

ชาวบ้านล้มเวที ค.1 'ปากบารา'

สำนักข่าวสิ่งแวดล้อม GreenNews
1 ชม.
ชุลมุน! ชาวบ้านล้มเวที ค.1 'ปากบารา'
ทหารตบเท้าคุมพื้นที่ - ปะทะวุ่นไร้เจ็บ
----------------------------------------
เวทีรับฟังความคิดเห็น ค.1 โครงการก่อสร้างท่าเรือน้ำลึกปากบาราล้มไม่เป็นท่า เหตุชาวบ้านบุกยึดพื้นที่จัดงานกลางดึก ด้าน ผอ.กอ.รมน.จ.สตูล นำทัพขอคืนพื้นที่ ปะทะวุ่นไร้เจ็บ
บรรยากาศการชุมนุมคัดค้านการจัดเวทีรับฟังความคิดเห็นในการกำหนดขอบเขตและแนวทางการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ (Public Scoping) หรือ เวทีค.1 โครงการก่อสร้างท่าเรือน้ำลึกปากบารา จ.สตูล ตั้งแต่ช่วงเช้าของวันที่ 16 มี.ค.2560 เป็นไปอย่างคึกคัก ภายหลังชาวบ้านและภาคีเครือข่ายอนุรักษ์เข้าควบคุมพื้นที่โรงเรียนปากบาง อ.ละงู ซึ่งใช้เป็นสถานที่จัดเวที ค.1 ได้ตั้งแต่กลางดึกของวันที่ 15 มี.ค.2560
เหตุการณ์ภายในโรงเรียนปากบางเป็นไปอย่างสงบ ชาวบ้านได้รวมตัวกันพักค้างคืนเพื่อเฝ้าสถานที่จัดงาน จนกระทั่งเวลาประมาณ 11.00 น. กำลังเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคง ทหาร ตำรวจ ชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน ประมาณ 150 นาย ซึ่งจัดแถวอยู่ภายในค่ายลูกเสือปากบาง ห่างจากโรงเรียนปากบางเพียง 1 กิโลเมตร ได้เดินขบวนเข้ามาในพื้นที่ของโรงเรียนเพื่อเปิดปฏิบัติการขอคืนพื้นที่จากกลุ่มผู้ชุมนุม
ทั้งนี้ ทันทีที่กำลังเจ้าหน้าที่เดินทางเข้าสู่โรงเรียนได้เผชิญหน้ากับตัวแทนชาวบ้านประมาณ 50 ราย ส่งผลให้สถานการณ์ตึงเครียดขึ้น ก่อนจะเกิดเหตุชุลมุน ผลักดันกันไปมา และกระทบกระทั่งกัน แต่ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บแต่อย่างไร
พล.ต.เจตน์พัฒน์ ศรีวงค์ รองผู้อำนวยการกองอำนวยการรักษาความสงบภายในจังหวัดสตูล ในฐานะประธานการจัดเวที ค.1 และผู้บัญชาการเหตุการณ์ และนายณัฐ จับใจ รองอธิบดีกรมเจ้าท่า ได้เจรจากับชาวบ้านและยื่นข้อเสนอให้ผู้คัดค้านส่งตัวแทน 10 ราย มาเจรจากันนอกรอบ และจะไม่นับเป็นเวที ค.1
ขณะเดียวกันมีชาวบ้านกลุ่มสนับสนุนโครงการท่าเรือปากบาราเดินทางมารวมตัวกันนอกโรงเรียนปากบางและเรียกร้องขอเข้าไปร่วมฟังการประชุม ซึ่ง พล.ต.เจตน์พัฒน์ ได้แสดงความกังวลว่าไม่อยากให้เกิดเหตุชาวบ้านเผชิญหน้ากันเอง จึงยื่นข้อเสนอให้ส่งตัวแทนเข้ามาร่วมเจรจานอกรอบเช่นเดียวกัน
อย่างไรก็ตาม นายสมบูรณ์ คำแหง เครือข่ายติดตามแผนพัฒนาจังหวัดสตูล ในฐานะแกนนำชาวบ้านฝ่ายคัดค้านโครงการท่าเรือน้ำลึกปากบางรา ได้หารือร่วมกับผู้ชุมนุมและได้ข้อสรุปว่าจะปฏิเสธข้อเสนอดังกล่าว พร้อมยืนยันว่าชาวบ้านจะยุติการชุมนุมทันที หากเจ้าหน้าที่ประกาศอย่างเป็นทางการว่าจะยกเลิกการจัดเวที ค.1
นายไกรวุฒิ ชูสกุล แกนนำชาวบ้านปากบารา กล่าวว่า หากทหารยกเลิกจัดเวที ค.1 และนำกำลังกลับ ชาวบ้านก็จะยุติการชุมนุมและจบเรื่องราวเหตุการณ์นี้เช่นกัน ย้ำว่าสิ่งที่ชาวบ้านต้องการคือให้ยกเลิกเวที ค.1 เท่านั้น เนื่องจากภาครัฐไม่มีความจริงใจที่จะรับฟังความเห็นว่าคนในพื้นที่และจังหวัดอื่นๆ ได้รับผลกระทบจากโครงการท่าเรือน้ำลึกปากบาราหรือไ
“หากยังไม่มีความชัดเจน ชาวบ้านก็จะปักหลักอยู่ดูสถานการณ์ไปตลอดทั้งวัน” นายไกรวุฒิ กล่าว
ด้าน พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวในการประชุมคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ (กก.วล.) เน้นย้ำให้เร่งสร้างความเข้าใจกับประชาชนทุกโครงการที่มีผลกระทบกับสิ่งแวดล้อม เนื่องจากมีหลายเรื่องเป็นวาระสำคัญด้านสิ่งแวดล้อมและเป็นเรื่องใหญ่ โดยเฉพาะเรื่องพลังงานคือโรงไฟฟ้าถ่านหิน จ.กระบี่ รวมถึงโครงการท่าเทียบเรือปากบารา จ.สตูล ที่จะต้องเร่งทำความเข้าใจหลังเมื่อคืนที่ผ่านมากลุ่มผู้คัดค้านโครงการได้ล้มเวทีประชาพิจารณ์ในวันที่ 15 มี.ค.แล้ว
----------------------------------------
https://greennews.agency/?p=13583
--------------
ประสาท มีแต้ม
ปัญหาท่าเรือน้ำลึกปากบารา-สงขลา 2 สิ่งที่รัฐบาลไทยไม่เคยทบทวน เช่น
(1) ท่าเรือน้ำลึกสงขลา 1 ยังใช้ไม่เต็มที่ ค่าระวางก็แพงกว่าท่าเรือปีนัง พ่อค้าไทยจึงนิยมไปใช้ท่าเรือปีนังมากกว่า
(2) ท่าเรือน้ำลึกระนอง (ฝั่งอันดามัน) ก็สร้างเสร็จแล้ว แต่ไม่มีผู้ใช้ กลายเป็นท่าเรือร้าง ท่าเรือปากบาราก็อ้างเหตุผลเดียวกันกับท่าเรือระนอง เช่น ส่งสินค้าไปอินเดีย แอฟริกา ฯลฯ
(3) ท่าเรือน้ำลึกภูเก็ต (อันดามัน) ก็ใช้เป็นท่าเรือท่องเที่ยว ไม่ใช่ขนส่งสินค้า
(4) การทำอีไอเอ ที่เจ้าของโครงการเป็นผู้ว่าจ้าง มันไม่ยุติธรรม โดยธรรมชาติ เพราะถ้าเขียนอย่างตรงไปตรงมา ผู้ว่าจ้างจะไม่จ่ายเงิน
การทำอีไอเอจึงเป็นแค่พิธีกรรมเท่านั้นเอง

////

ยื่นคำขาด 3 ชม. รัฐบาลต้องตัดสินใจ
‘ชาวปากบารา’ พร้อมลุยคืนนี้ หากไม่เลิกเวที ค.1
--------------------------------------
ชาวสตูล และเครือข่ายฯ ขีดเส้น 3 ชั่วโมง รัฐบาลต้องตัดสินใจล้มเลิกจัดเวทีรับฟังความคิดเห็นโครงการท่าเรือน้ำลึกปากบารา หากไร้คำตอบพร้อมจัดทัพลุยคืนนี้

ตัวแทนชาวบ้าน จ.สตูล และแกนนำภาคีเครือข่ายอนุรักษ์ ร่วมกันประกาศจุดยืนคัดค้านโครงการก่อสร้างท่าเรือน้ำลึกปากบารา เมื่อช่วงเย็นของวันที่ 15 มี.ค.2560 ด้วยการยื่นคำขาดต่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และบุคคลในรัฐบาล รวมถึงผู้ที่เกี่ยวข้อง ให้มีคำสั่งยกเลิกจัดเวทีรับฟังความคิดเห็นในการกำหนดขอบเขตและแนวทางการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ (Public Scoping) หรือเวที ค.1 ซึ่งกำลังจะมีขึ้นในวันที่ 16 มี.ค.นี้ โดยให้เวลาตัดสินใจภายใน 3 ชั่วโมงเท่านั้น
ทั้งนี้ หากยังไม่มีหนังสือสั่งการเป็นทางการตอบกลับมาภายใน 21.00 น. ของวันที่ 15 มี.ค.2560 จะมีการเคลื่อนขบวนประชาชนกว่า 1,000 ราย ไปยังโรงเรียนปากบาง ต.ละงู อ.ละงู จ.สตูล ซึ่งเป็นสถานที่จัดเวที ค.1 ในเวลา 21.30 น. เพื่อเข้าควบคุมพื้นที่และปักหลักแสดงจุดยืนต่อไป
นายวิโชคศักดิ์ รณรงค์ไพรี ตัวแทนเครือข่ายฯ กล่าวว่า ทราบว่ามีนายทหารยศพลตรีใกล้เกษียณอายุราชการได้เสนอตัวเป็นประธานจัดเวที ค.1 ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้ผู้ว่าราชการจังหวัด รองผู้ว่าราชการจังหวัด ได้ปฏิเสธการจัดเวทีดังกล่าว ยืนยันว่าชาวสตูลไม่ยินยอม ฉะนั้นจึงไม่มีความจำเป็นต้องมาศึกษาผลกระทบ
“เราจะเอาให้จบในคืนนี้ ไม่รอถึงวันพรุ่งนี้” นายวิโชคศักดิ์ กล่าว
นายสมบูรณ์ คำแหง ตัวแทนเครือข่ายประชาชนติดตามแผนพัฒนา จ.สตูล กล่าวว่า รัฐบาลต้องตัดสินใจยกเลิกเวที ค.1 โดยยืนยันการตัดสินใจมาเป็นเอกสาร และต้องมีการลงลายมือชื่อของนายทหารที่จะมาเป็นประธาน หรือผู้มีอำนาจในการยกเลิกจัดเวที
นายสมบูรณ์ กล่าวอีกว่า รัฐบาลอย่าโกหกว่าโครงการมีแต่ท่าเรือน้ำลึกอย่างเดียว และเป็นท่าเรือสะอาดสีเขียว เป็นวาทกรรมโกหกเหมือนกับถ่านหินสะอาด เพราะที่ผ่านมา พล.อ.ประยุทธ์ พูดไม่ต่ำกว่า 3 ครั้ง ว่ากำลังจะเปิดเส้นทางการค้าคมนาคมระหว่างฝั่งอันดามันกับอ่าวไทย
“สิ่งที่บอกไม่หมดคือท่าเรือเป็นหนึ่งในชุดโครงการขนาดใหญ่ที่เรียกว่าแลนด์บริดจ์สงขลา-สตูล ที่จะกระทบกับทุกคน และต้องมากันในวันนี้ ฉะนั้นไม่ใช่เรื่องเฉพาะคนสตูลอีกแล้ว แต่เป็นคนใต้และคนไทยทั้งประเทศ และจะต้องประกาศให้ชัดเจนว่าโครงการนี้ไม่ควรเกิดขึ้น”นายสมบูรณ์ กล่าว
--------------------------------------
https://greennews.agency/?p=13580

ทำเนียบฯ เข้ม! ติดตั้งเครื่องเซ็นเซอร์ (Remote Sensing)รอบรั้ว สกัดคนปีนกำแพง

ทำเนียบฯ เข้ม! ติดตั้งเครื่องเซ็นเซอร์ (Remote Sensing)รอบรั้ว สกัดคนปีนกำแพง
ผู้สื่อข่าวรายงานจากทำเนียบรัฐบาล ว่าเมื่อวันที่ 15-16 มีนาคม 2560 เจ้าหน้าที่ประจำทำเนียบรัฐบาลได้ดำเนินการติดตั้งเครื่องเซ็นเซอร์ (Remote Sensing) บริเวณทางเข้า-ออกทำเนียบรัฐบาลทุกประตู จำนวน 18 เครื่อง โดยมีรายงานข่าวแจ้งว่า การติดตั้งเครื่องเซ็นเซอร์ดังกล่าว เพื่อเป็นการป้องกันหากมีผู้ที่ไม่ประสงค์ดี ปีนกำแพงรั้วเข้ามาภายในทำเนียบรัฐบาลโดยเฉพาะในยามวิกาล เครื่องดังกล่าวจะดักจับและส่งสัญญาณไปยังป้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพื่อแจ้งเตือนว่ามีคนบุกรุกเข้ามา เจ้าหน้าที่จะได้ เตรียมการป้องกันและรับมืออย่างทันท่วงทีทั้งนี้ มีการตั้งข้อสังเกตว่า การติดตั้งเครื่องเซ็นเซอร์ สืบเนื่องจากก่อนหน้านี้กลุ่มผู้ชุมนุมต่อต้านการก่อสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินจ.กระบี่ และกรณีนายเฉลิม สอนนนฐี ชาวจ.น่าน ปีนกำแพงบริเวณประตู4 ทำเนียบฯ แล้วปีนขึ้นดาดฟ้าธนาคารรออมสิน เพื่อเรียกร้องขอพบนายกรัฐมนตรีให้ช่วยเหลือเรื่องเดือดร้อน
อย่างไรก็ตาม รายงานข่าวแจ้งว่า การติดตั้งเครื่องดังกล่าว เพื่อใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่เข้ามาเสริมการทำงานดูแลความปลอดภัยสถานที่ของเจ้าหน้าที่ เพราะนอกจากตำรวจและทหาร ที่เดินเวรยามภายในทำเนียบฯ ยังถือว่าไม่เพียงพอเท่าที่ควร
ถือว่าไม่เพียงพอเท่าที่ควร

หลานทหารที่ถูกซ้อมเสียชีวิตขอความเป็นธรรมอสส.



10.00 น.วันนี้น้องเมย์ นริศราวัลถ์ แก้วนพรัตน์ หลานพลทหารวิเชียร เผือกสม จะยื่นหนังสือขอความเป็นธรรมให้พลทหารวิเชียร และตนเองที่สำนักงานอัยการสูงสุด
นริศราวัลถ์ หลานพลฯวิเชียร เตรียมเข้ายื่นหนังสือขอความเป็นธรรมต่ออัยการสูงสุด ครั้งที่สอง พรุ่งนี้ กรณีถูกดำเนินคดีในความผิดฐานหมิ่นประมาทฯ และความผิด พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ หลังโพสต์โวยน้าชายถูกซ้อมจนเสียชีวิตเมื่อปี 54 ที่หน่วยฝึกค่ายกรมหลวงนราธิวาสราชนคริทร์
ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งจากมูลนิธิผสานวัฒนธรรมว่า ในวันพรุ่งนี้ (16 มี.ค.2560) เวลา 10.00 น. นริศราวัลถ์ แก้วนพรัตน์ หรือ เมย์ พร้อมทีมทนายความ จะเดินทางไปยื่นหนังสือขอความเป็นธรรมต่ออัยการสูงสุด ณ สำนักงานอัยการสูงสุด ศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะ (อาคาร A) ในกรณีที่ นริศราวัลถ์ ถูกแจ้งความดำเนินคดีในความผิดข้อหาหมิ่นประมาท และความผิด พรบ.คอมพิวเตอร์ ตกเป็นผู้ต้องหาในคดี อาญาที่ 773/2558 สภ.เมืองนราธิวาส จนถูกจับกุมตามหมายจับศาลจังหวัดนราธิวาสเมื่อวันที่ 26 ก.ค.2559 ที่ผ่านมา จากสถานที่ทำงานที่กระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กรุงเทพมหานคร และได้รับการปล่อยตัวชั่วคราวในเวลาต่อมา
รายงานข่าวแจ้งด้วยว่า 14 มี.ค. 2560 นริศราวัลถ์ ได้รับทราบจากรองผู้บัญชาการตำรวจจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศตช.) ว่าได้มีความเห็นแย้งกับพนักงานอัยการ โดยทาง ศตช.เห็นควรส่งฟ้องศาลฐาน “หมิ่นประมาทโดยการโฆษณาและเผยแพร่หรือส่งต่อข้อมูลคอมพิวเตอร์โดยรู้อยู่แล้วว่าเป็นข้อมูลคอมพิวเตอร์ปลอมในประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน ควรให้สอบสวนเพิ่มเติม 5 ประเด็น และส่งสำนวนให้อัยการสูงสุดชี้ขาด”
คดีดังกล่าวสืบเนื่องจากการที่พลทหารวิเชียร เผือกสม น้าชายของ นิรศราวัลภ์ ถูกซ้อมจนเสียชีวิตเมื่อปี 2554 ที่หน่วยฝึกค่ายกรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ อ.เจาะไอร้อง จ.นราธิวาส โดย นริศราวัลถ์ ได้เป็นตัวแทนของครอบครัวเรียกร้องความเป็นธรรม จนกระทั่งจากการสืบสวนสอบสวนของเจ้าหน้าที่และ ปปท. ซึ่งใช้เวลานานถึง 5 ปี จึงพบว่า ร.อ.ภูริ เพิกโสภณ เกี่ยวข้องกับการกระทำผิดดังกล่าว
เมื่อวันที่ 18 ธ.ค. 2558 ร.อ.ภูริ โสภณ ได้แจ้งความร้องทุกข์ต่อกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ปอท.) กล่าวหาว่า นริศราวัลถ์ แก้วนพรัตน์ ใช้เฟซบุ๊กโพสต์และแชร์รูปพร้อมข้อความหมิ่นประมาท ร.ท.ภูริ เป็นเหตุให้ได้รับความเสียหาย เสียชื่อเสียง โดยพนักงานสอบสวน สภ.เมืองนราธิวาส ได้ตั้งข้อหา “หมิ่นประมาทโดยการโฆษณาด้วยเอกสาร และนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ปลอม ไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน และเผยแพร่หรือส่งต่อซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ โดยรู้อยู่แล้วว่าเป็นข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ” และพนักงานสอบสวนได้มีความเห็นเสนออัยการว่าควรสั่งฟ้องทั้งสองข้อหา
ต่อมาเมื่อวันที่ 5 ต.ค. 2559 อัยการจังหวัดนราธิวาสได้มีความเห็นสั่งไม่ฟ้อง นริศราวัลถ์ ทุกข้อกล่าวหา จึงต้องส่งไปให้ผู้บัญชาการตำรวจจังหวัดชายแดนภาคใต้พิจารณาตามคำสั่ง คสช. ฉบับที่ 115/2557
นริศราวัลถ์ จะเดินทางเข้ายื่นหนังสือร้องขอความเป็นธรรมต่ออัยการสูงสุด ในวันที่ 16 มี.ค. 2560 เวลาประมาณ 10.00 น. ณ สำนักงานอัยการสูงสุด ศูนย์ราชการ อาคารราชบุรีดิเรกฤทธิ์ (อาคารA) ชั้น 2 ถนนแจ้งวัฒนะ เขตหลักสี่ กรุงเทพมหานคร พร้อมนำพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้องมอบให้อัยการสูงสุดใช้ประกอบการพิจารณาและสั่งคดีเพื่อความเป็นธรรมต่อไป
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมด้วยว่า เมื่อปลายปีที่ผ่านมา มีการแก้ไข พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ โดยมาตรา 14(1) เรื่องการนำข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอม เข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ มีการแก้ไขใจความสำคัญโดยเพิ่มองค์ประกอบว่า เป็นการนำเข้า "โดยทุจริต หรือโดยหลอกลวง" และเพิ่มข้อความ "อันมิใช่การกระทำความผิดฐานหมิ่นประมาทตามประมวลกฎหมายอาญา" และคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.คอมฯ ของ สนช. ย้ำหลายครั้งในต่างกรรมต่างวาระว่า มาตรา 14(1) ไม่เกี่ยวกับการหมิ่นประมาท ร่างแก้ไข พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ดังกล่าวผ่านความเห็นชอบของ สนช.แล้ว และประกาศในราชกิจจานุเบกษาเมื่อวันที่ 24 ม.ค. โดยจะมีผลบังคับใช้ในเดือน พ.ค.นี้ (120 วันหลังประกาศในราชกิจจานุเบกษา)
Cr.ข่าว:ประชาไท :http://prachatai.org/journal/2017/03/70587
ภาพ:มูลนิธิผสานวัฒนธรรม