PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันอังคารที่ 27 มิถุนายน พ.ศ. 2560

รายชื่อกก.ปฏิรูปตำรวจ สังคมต้องยอมรับ-เชื่อมั่น

26/5/60 ไทยโพสต์
กระบวนการปฏิรูปตำรวจที่เป็นหนึ่งในประเด็นที่มีการบัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบัน เริ่มมีความชัดเจนมากขึ้น ถึงความคืบหน้าในทางปฏิบัติ หลังนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวไว้ว่า การที่คณะรัฐมนตรีเห็นชอบให้โยกย้ายนายชาญเชาวน์ ไชยานุกิจ จากปลัดกระทรวงยุติธรรมไปดำรงตำแหน่งผู้ตรวจการพิเศษประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นเพราะรัฐบาลมีภารกิจที่ต้องให้นายชาญเชาวน์ดำเนินการ คืองานการปฏิรูปกฎหมาย กระบวนการยุติธรรม รวมถึงการปฏิรูปตำรวจ จึงโยกย้ายนายชาญเชาวน์ให้มารองรับงานดังกล่าวอยู่ที่สำนักนายกรัฐมนตรี
จากท่าทีดังกล่าวข้างต้น ทำให้คาดได้ว่า นายชาญเชาวน์ น่าจะเป็นหนึ่งในคณะกรรมการปฏิรูปตำรวจ ที่เป็นกรรมการใหญ่สุดที่จะมาทำเรื่องปฏิรูปตำรวจอย่างเป็นทางการตามรัฐธรรมนูญ เพราะรัฐธรรมนูญให้อำนาจหน้าที่ไว้โดยตรง พร้อมกับกำหนดระยะเวลาไว้ว่าต้องดำเนินการศึกษาและจัดทำแผนปฏิรูปให้แล้วเสร็จภายในหนึ่งปีนับแต่รัฐธรรมนูญประกาศใช้ ที่ก็คือไม่เกิน 6 เมษายน 2561
ที่ผ่านมา แม้จะมีการตั้งกรรมการศึกษาเรื่องการปฏิรูปตำรวจมาหลายชุดหลายรัฐบาล เช่น สมัยรัฐบาลอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ก็เคยตั้ง พล.ต.อ.วสิษฐ เดชกุญชร อดีตรองอธิบดีกรมตำรวจ ศึกษาเรื่องนี้ หรือในยุค คสช. ทั้งสภานิติบัญญัติแห่งชาติ สภาปฏิรูปแห่งชาติ สภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ ก็มีการตั้งกรรมาธิการ อนุกรรมาธิการ หลายคณะพิจารณาศึกษาเรื่องการปฏิรูปตำรวจมากมาย จนมีผลการศึกษาออกมาหลายแนวทาง เช่นล่าสุดกับผลการศึกษาของอนุกรรมาธิการเฉพาะกิจในคณะกรรมการประสานงานร่วมระหว่าง สนช.กับ สปท. ที่เสนอให้โอนสำนักงานตำรวจแห่งชาติไปขึ้นตรงกับ รมว.ยุติธรรมแทนที่จะขึ้นตรงกับนายกรัฐมนตรีแบบในปัจจุบัน แต่คณะกรรมการปฏิรูปตำรวจตาม รธน.ฉบับปัจจุบัน จะมีความสำคัญมากกว่ากรรมการทุกชุดที่เคยแต่งตั้งศึกษาเรื่องนี้กันมา เพราะเป็นกรรมการที่ตั้งขึ้นตามรัฐธรรมนูญ จึงทำให้หลายฝ่ายเริ่มจับตามองการทำงานของกรรมการที่จะตั้งขึ้นตามมติคณะรัฐมนตรีในเร็วๆ นี้ หลังมีการดึงอดีตปลัดกระทรวงยุติธรรม ไปนั่งแท่นเตรียมรอเป็นกรรมการชุดดังกล่าวแล้ว ซึ่งก็ยังไม่เป็นที่ชัดเจนว่าจะให้เป็นประธานเลยหรือไม่
ทั้งนี้ เรื่องการปฏิรูปตำรวจ ถูกเขียนไว้ใน รธน. ที่เชื่อมโยงกับหลายมาตรา เช่น มาตรา 258 ที่บัญญัติว่า ให้ดําเนินการปฏิรูปประเทศอย่างน้อยในด้านต่างๆ ให้เกิดผล โดยในส่วนของเรื่องการปฏิรูปตำรวจ อยู่ใน (ง.) ด้านกระบวนการยุติธรรม ที่ รธน.มาตราดังกล่าว บัญญัติไว้ตอนหนึ่งว่า ให้ดําเนินการบังคับใช้กฎหมายอย่างมีประสิทธิภาพ โดยแก้ไขปรับปรุงกฎหมายเกี่ยวกับ หน้าที่ อํานาจ และภารกิจของตํารวจให้เหมาะสม และแก้ไขปรับปรุงกฎหมายเกี่ยวกับการบริหารงานบุคคล ของข้าราชการตํารวจให้เกิดประสิทธิภาพ มีหลักประกันว่าข้าราชการตํารวจจะได้รับค่าตอบแทนที่เหมาะสม ได้รับความเป็นธรรมในการแต่งตั้ง และโยกย้าย และการพิจารณาบําเหน็จความชอบตามระบบคุณธรรม ที่ชัดเจน ซึ่งในการพิจารณาแต่งตั้งและโยกย้ายต้องคํานึงถึงอาวุโสและความรู้ความสามารถประกอบกัน เพื่อให้ข้าราชการตํารวจสามารถปฏิบัติหน้าที่ได้อย่างมีอิสระ ไม่ตกอยู่ใต้อาณัติของบุคคลใด มีประสิทธิภาพ และภาคภูมิใจในการปฏิบัติหน้าที่ของตน
และมาตรา 260 ที่เขียนต่อมาว่า ในการแก้ไขปรับปรุงกฎหมายตามมาตรา 258 ด้านกระบวนการยุติธรรมให้มีคณะกรรมการคณะหนึ่งซึ่งคณะรัฐมนตรีแต่งตั้ง ประกอบด้วย (1) ผู้ทรงคุณวุฒิซึ่งมีความรู้ความซื่อสัตย์สุจริตและเที่ยงธรรมเป็นที่ประจักษ์และไม่เคยเป็นข้าราชการตํารวจมาก่อน เป็นประธาน (2) ผู้เป็นหรือเคยเป็นข้าราชการตํารวจ ซึ่งอย่างน้อยต้องมีผู้บัญชาการตํารวจแห่งชาติรวมอยู่ด้วย มีจํานวนตามที่คณะรัฐมนตรีกําหนด เป็นกรรมการ (3) ผู้ทรงคุณวุฒิซึ่งมีความรู้ความซื่อสัตย์สุจริตและเที่ยงธรรมเป็นที่ประจักษ์และไม่เคยเป็น ข้าราชการตํารวจมาก่อน มีจํานวนเท่ากับกรรมการตาม (2) เป็นกรรมการ (4) ปลัดกระทรวงการคลัง ปลัดกระทรวงมหาดไทย ปลัดกระทรวงยุติธรรม เลขาธิการสํานักงาน ศาลยุติธรรม และอัยการสูงสุด เป็นกรรมการ โดย รธน.บัญญัติให้คณะกรรมการดําเนินการให้แล้วเสร็จภายในหนึ่งปีนับแต่วันประกาศใช้รัฐธรรมนูญนี้ ถ้าการแก้ไขปรับปรุงกฎหมายดังกล่าวยังไม่แล้วเสร็จ ให้การแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการตํารวจดําเนินการตามหลักอาวุโสตามหลักเกณฑ์ที่คณะรัฐมนตรีกําหนด
ก้าวย่างของการปฏิรูปตำรวจต่อจากนี้ จึงคาดหวังไว้ว่า คณะรัฐมนตรี จะตั้งคนมาเป็นกรรมการปฏิรูปตำรวจ ทั้งตัวประธานและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ที่เมื่อประกาศออกมาแล้ว ต้องเป็นบุคคลที่สังคมในวงกว้างให้การยอมรับ เพื่อให้การปฏิรูปตำรวจที่จะออกมา สังคมเชื่อมั่นตั้งแต่ก้าวแรก ว่าการปฏิรูปตำรวจจะเกิดขึ้นจริง ไม่ใช่การซื้อเวลาแบบที่ผ่านมา.

ไม่มีความคิดเห็น: