PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันศุกร์ที่ 29 กันยายน พ.ศ. 2560

จุดแตกหักระหว่างอเมริกากับรัสเซีย ?

ข่าวระทึกที่สุดในขณะนี้ :
พลโทวาเลอรี อาซาปอฟ (Valery Asapov) หัวหน้าหน่วยเสนาธิการทหารรัสเซียที่ไปปฏิบัติการในซีเรีย ถูกกระสุนปืนใหญ่จากฝ่ายไอสิสมาตกถึงฐานที่แดร์ เอซซอร์เสียชีวิต รัสเซียจึงใช้ดาวเทียมติดตามจุดพิกัดที่ยิงออกมา ปรากฎว่าเป็นจุดที่กลุ่มชาวเคิร์ด ไอสิสและทหารอเมริกันตั้งฐานอยู่ และในความเป็นจริง อาวุธปืนใหญ่ที่ทันสมัย สามารถกำหนดพิกัดค่ายทหารรัสเซียด้วยระบบ GPS ได้อย่างแม่นยำขนาดนี้ก็มีแต่ได้มาจากอเมริกาเท่านั้น
รัสเซียได้คำรามออกมาแล้วว่าในไม่ช้าของวันนี้ จะตอบโต้ด้วยขีปนาวุธทั้งจากกองทัพเรือ กองทัพบกและกองทัพอากาศพร้อมๆ กัน อาจจะเป็นจุดแตกหักระหว่างอเมริกากับรัสเซีย ต้องดูว่าทหารมะกันจะ *ถอยห่าง* (distance) จากกลุ่มติดอาวุธชาวเคิร์ดและกลุ่มติดอาวุธไอสิสซึ่งจะเป็นเป้าของกองทัพรัสเซียและซีเรียหรือไม่? ผมเดาว่ากองทัพรัสเซียจะถล่มไม่เลี้ยงและไม่ไว้หน้า *หัวหน้าแก๊งอันธพาลโลก* อย่างสหรัฐอเมริกาแน่
ขอให้นักรบผู้กล้าท่านนี้ ไปสู่สุคติครับ ผมคิดว่าชีวิตเขามีค่ากว่ากองทัพอเมริกาทั้งหมดในซีเรียซึ่งเข้าเมืองอย่างผิดกฎหมายและหนำซ้ำยังช่วยกลุ่มก่อการร้ายเสียอีก
ดร.ปฐมพงษ์ โพธิ์ประสิทธินันท์
๒๕ กันยายน ๒๕๖๐
(ภาพประกอบจากอินเตอร์เน็ต)

ใครรุกรานใคร: 'อเมริกาหรือเกาหลีเหนือ?'

ใครรุกรานใคร: 'อเมริกาหรือเกาหลีเหนือ?'

ใครที่เพิ่งเข้ามาอ่าน ยังไม่ทราบรายละเอียด ขออธิบายอีกรอบครับ

รัฐบาลมะกันบอกว่าที่ข่มขู่เกาหลีเหนือทุกอย่างก็เพื่อปกป้องตัวเอง ข้อเท็จจริงก็คือ

 ๑.อเมริกาเคยยกกองทัพไปถล่มเกาหลีเหนือ ฆ่าประชาชนเกาหลีเหนือไม่น้อยกว่า ๒๐-๓๐% เกาหลีเหนือต้องการแก้แค้นจึงพยายามสร้างอาวุธนิวเคลียร์ขึ้นมา 

๒.อเมริกาหวาดกลัวว่าเกาหลีเหนือจะเติบโตมาจนตัวเองควบคุมไม่อยู่จึงดำเนินมาตรการทุกอย่างเพื่อกดดันเกาหลีเหนือ สรุปแล้วที่อเมริกาข่มขู่และกดดันเกาหลีเหนือทั้งหมดก็เป็นปัญหาส่วนตัวเท่านั้น ไม่ได้เกี่ยวกับชาติอื่นเลย เกาหลีเหนือไม่ได้เป็นภัยคุกคามแก่ใคร 

๓.เพื่อเป็นการป้องกันตัวเอง อเมริกายกกองทัพเรือไปประชิดเกาหลีเหนือที่คาบสมุทรเกาหลีเหนือ ล่าสุดขณะนี้ อเมริกาส่งทหารของตนไป ๒๘,๕๐๐ นายไปเกาหลีใต้และไปตั้งค่ายอยู่ประชิดพรมแดนเกาหลีเหนืออีกต่างหาก

สรุปว่าอเมริกาหวาดกลัวว่าเกาหลีเหนือจะแก้แค้น เอาองค์การสหประชาชาติและประเทศอื่นๆ มาช่วยกดดันเกาหลีเหนือตลอดเวลา ศึกนี้ เป็นศึกระหว่างชาตินักล่าอาณานิคมที่ไร้ศีลธรรม วันๆ คิดแต่จะหาผลประโยชน์จากชาติอื่นเข้าตัวอย่างอเมริกา เคยยกทัพไปถล่มเกาหลีเหนือและเกาหลีเหนือที่ไม่ยอมสยบต่ออำนาจนิยมที่อเมริกาทำตัวเป็นอันธพาลโลก อยากพัฒนานิวเคลียร์ขึนมาเพื่อปกป้องตัวเอง
เชียร์อเมริกาคือเชียร์รัฐบาลอันธพาลโลกที่เบียดเบียฬบีฑาชาติเล็กอื่นๆ อยู่เรื่อยๆ เหมือนส่งเสริมรัฐบาลที่ทำตัวเป็นเจ้าพ่อให้เหิมเกริมอาละวาดไปทั่ว ไม่รู้จักหยุดหย่อน
๒๙ กันยายน ๒๕๖๐
(ภาพประกอบจากอินเตอร์เน็ต)

"อนุสติ" ในประชาธิปไตยกินเมือง"

"การหนี" คนที่ทุกข์ร้อน "ไม่ใช่เรา"................
"ยิ่งลักษณ์" เองนั่นแหละ ที่ต้องทั้งทุกข์-ทั้งร้อน
การหนีคดีไปอยู่นอกประเทศของเธอ เท่ากับชีวิตที่เหลือทั้งหมด นับต่อแต่นี้ เป็นการเหลือที่ร่านทุรนดุจใน "ขุมนรก"!
ไม่เกี่ยวกับกฎหมายใหม่ "พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง" ที่ประกาศใช้เมื่อวาน (๒๘ ก.ย.๖๐)
หากแต่ด้วยความผิดตาม พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วย ป.ป.ช. มาตรา ๑๒๓/๑ ที่ศาลใช้ลงโทษ ซึ่งมีอยู่แล้ว
มีผลให้ต้องนำ มาตรา ๗๔/๑ มาบังคับใช้ด้วย!
คือ "ถ้าจําเลยหลบหนีไป ในระหว่างถูกดําเนินคดีหรือระหว่างการพิจารณาของศาล
มิให้นับระยะเวลาที่ผู้ถูกกล่าวหาหรือจําเลยหลบหนีรวมเป็นส่วนหนึ่งของอายุความ"
สรุป เมื่อหนี "คดีก็ไม่มีอายุความ" ให้นับ ต้องหนีไปจนตายจาก
ถ้าอยากกลับเมืองไทย ก็กลับได้.......
แต่ต้อง "ยอมเข้าคุก" ก่อนเท่านั้น!
ประเด็นที่แอบจิต-แอบหวังกันว่า "อำนาจเก่าคืนกลับ" เมื่อไหร่ ที่ผิดก็จะกลับเป็นถูก-ที่ถูกก็จะกลับเป็นผิดได้ เมื่อนั้น
อยากบอกชนผู้มืดบอดว่า ยังไม่สาย "คิดผิด-คิดใหม่" ยังทัน!
ไม่มีอย่าง "ที่ชิน-ที่หวัง" อีกแล้ว...........
นอกจาก "เขียนรูป-ปั้นหุ่น" บังสุกุลเชิดแทนตัวเป็นๆ เพื่อทึกทักหวังในลม-ในแล้ง แล้วแห้งตายกันไปในอนาคตอันใกล้เท่านั้น
ที่อยากบอกให้เข้าใจกัน ก็มีเท่านี้
สำหรับเรื่องราวที่คนนั้นพูดอย่างนี้ที-คนนี้พูดอย่างนั้นที เกี่ยวกับคดี ก็ไม่ต้องสับสนจนคอเคล็ดไปตามเขาอีก
มันมีเท่านี้ และเป็นเช่นนี้...........
ตถตาน่ะ "เป็นอย่างที่มันต้องเป็นอย่างนั้น" เข้าใจตรงกันแล้วนะ!
อยากอยู่เมืองไทย ต้องยอมติดคุก ๕ ปี
ถ้าต้องการเป็นอภิสิทธิ์ชน อยู่เหนือกฎหมายไทย โน่น...จะไปอยู่บ้านไหน-เมืองไหน ก็ไปเลย!
ฉะนั้น เราอย่าเป็นคนที่ "ใจ" ไม่เคยมีอะไร "พอ" เลย
คำว่า "เพอร์เฟ็กต์" น่ะ.......
มีแค่ในดิกชันนารีเท่านั้น ในโลกเป็นจริง ใครเคยเห็นอะไรบ้างล่ะที่ "เลิศเลอเพอร์เฟ็กต์" ครบทุกสิ่ง!
กรณี "ยิ่งลักษณ์-ทักษิณ" เช่นกัน ด้วยเงื่อนไขสังคมบางส่วนคราก ในกาลเวลาหนึ่ง แค่ไม่มีตัวเป็นๆ อยู่ในประเทศ
ก็ "เหลือหลาย".........
ในสิ่งที่ "ไม่มีอะไรเพอร์เฟ็กต์" ไปทั้งหมดนั่นแหละ!
คำพิพากษาคดียิ่งลักษณ์ของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาฯ นี้ อยากบอกว่า
นักการเมืองทุกคน ไม่ว่าจากเลือกตั้ง-แต่งตั้ง รวมทั้งผู้มีความเร่าร้อนอยากเข้าสู่อำนาจการเมืองทุกระบบ จงไปหาอ่านทีละตัวอักษร
และยึดเป็น "คาถากันติดคุก" ไว้เลย!
เพราะในคำพิพากษา ศาลแจกแจงเป็นคัมภีร์ปฏิบัติ ตามกรอบรับผิดชอบในหลัก ๓ อำนาจไว้ชัดเจน
ตรงไหน-แบบไหน-อย่างไร ที่ศาลจะเข้าไปตรวจสอบฝ่ายบริหารไม่ได้ เป็นหน้าที่ "สภาผู้แทน-รัฐสภา" เป็นผู้ตรวจสอบ
และตรงไหน-แบบไหน-อย่างไร ที่ศาลเข้าไปตรวจสอบฝ่ายบริหารคือรัฐบาลได้
นโยบายรัฐบาล ดี-ไม่ดี, ผิดหรือถูก, เหมาะสม-ไม่เหมาะสมอย่างไร ศาลไม่มีอำนาจเข้าไปวินิจฉัย
แต่การที่รัฐบาลนำนโยบายนั้นไปทำหรือดำเนินการทางปกครอง ตรงนั้นแหละ
องค์กรตุลาการหรือศาลเข้าไปตรวจสอบได้ ทั้งทางแพ่ง-ทางอาญา
ไปอ่านให้ชัดนะ............
เขาฟ้องยิ่งลักษณ์ด้วยความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ ไม่ได้ฟ้องเพราะยิ่งลักษณ์ดำเนินนโยบายผิดพลาด
เรื่องนโยบายนั้น
จะเขียนยังไง แถลงสภาฯ ยังไง รับซื้อข้าวเกวียนละ ๕ หมื่น ๕ แสน ได้ทั้งนั้น เป็นเรื่องของรัฐบาลกับสภาฯ จะไปว่ากัน
แต่ขั้นตอนเอานโยบายนั้นไปปฏิบัตินั่นแหละ ถ้ามีการกระทำตรงไหนที่เรียกว่า "ขัดต่อบทบัญญัติของกฎหมาย"
กระบวนการยุติธรรมเข้าไปตรวจสอบได้ทันที!
ตามคำพิพากษา จะเห็นว่า ขั้นตอนอื่นๆ ในโครงการรับจำนำข้าว ยิ่งลักษณ์เอาตัวรอดได้
ก็จำกันไว้ ถ้าไปเป็นนายกฯ-เป็นรัฐมนตรี ถ้ามีความเสียหายใดเกิดขึ้นในโครงการ ในฐานะผู้บริหาร ตั้งกรรมการตรวจสอบไว้ก่อน
แล้วจะปลอดภัยจากข้อหา...........
"ปฏิบัติหรือละเว้นปฏิบัติหน้าที่เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต หรือใช้อำนาจในตำแหน่งหรือหน้าที่โดยมิชอบ"
เพราะถือว่า ความเสียหายที่เกิดขึ้นนั้น ...........
เกิดขึ้นจากฝ่ายปฏิบัติ
ไม่ได้เกิดจากฝ่ายนโยบาย!
แต่ตรงที่ยิ่งลักษณ์ "รู้-ทั้งรู้" ว่าสัญญาขายข้าวแบบจีทูจีนั้น ไม่ชอบด้วยกฎหมาย
เธอในฐานะนายกฯ.........
กลับไม่ระงับยับยั้ง ปล่อยให้มีการส่งมอบข้าวกัน
ตรงนั้นแหละ.........
เป็นการแสวงหาประโยชน์ที่มิควรได้โดยชอบด้วยกฎหมายสำหรับผู้อื่น เป็นการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต
ผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๑๕๗ และ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วย ป.ป.ช. มาตรา ๑๒๓/๑ จำคุก ๕ ปี"
เนี่ย...จำไว้เลย
เป็นนักการเมืองบ้าไมค์ เห็นไมค์เป็นโดดใส่ จ้อไปเรื่อย จริงมั่ง-เท็จมั่ง
พอมีเรื่อง เสร็จเลย...ไอ้ที่โม้ออกจอ ย้อนเป็นหลักฐาน "มัดคอ" ตัวเองตายคาเขียง
อย่างยิ่งลักษณ์ นักข่าวถาม เห็นสัญญาซื้อขายจีทูจีหรือยัง?
จีบปาก-จีบคอทันที............
"เห็นค่ะ เป็นเอ็มโอยูค่ะ เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องทราบค่ะ”!
จีทูเจี๊ยะแท้ๆ รู้-ทั้งรู้ แม่กลับหน้าบานเป็นซาลาเปา ยืนยันว่าซื้อขายแบบจีทูจีกันจริงๆ
เนี่ย..จะว่า "ตายน้ำตื้น" ก็ได้
เพราะพอหมอวรงค์-ประชาธิปัตย์ อภิปรายไม่ไว้วางใจในสภาฯ แฉเอกสาร-หลักฐานจะจะ ว่าเจ๊ทูเจี๊ยะ ไม่ใช่จีทูจี
จนแต้ม ก็ตั้งกรรมการสอบประเด็นจีทูจีเก๊ แต่การสอบของเธอศาลระบุ
"ไม่ตั้งใจตรวจสอบอย่างจริงจัง"
คือเอาผู้ใต้บังคับบัญชามาตรวจสอบรัฐมนตรี แถมไม่ตรงตามประเด็นที่ประชาธิปัตย์เปิดเผยข้อมูลในสภาฯ
เลยจอดไม่ต้องแจว!
เรื่องนี้ผมว่า พระสยามเทวาธิราชมีจริง แม่พระโพสพมีจริง ถ้าผีไม่เจาะปากให้พูด
คงตายแค่บุญทรงกับพวกปฏิบัติการ ยิ่งลักษณ์ฝ่ายนโยบายคงไม่ตายคาประชาธิปไตยแม้วอย่างนี้!?
สำหรับเธอ ขณะนี้อยู่ไหน คงหายคันใจกันแล้วนะ
เพราะเมื่อวาน "รองนายกฯ ประวิตร" บอกชัดเจน ยิ่งลักษณ์หนีออกนอกประเทศไปอยู่ดูไบ!
ท่านแย้มยิ้มพริ้มพราย บอกว่า........
"ทางดูไบได้แจ้งมายังกระทรวงการต่างประเทศ ว่าจะไม่ให้นางสาวยิ่งลักษณ์เคลื่อนไหวทางการเมืองอีก ส่วนจะเชื่อใจนางสาวยิ่งลักษณ์ได้หรือไม่ ผมไม่รู้..........
ผมว่า ทางดูไบแจ้งมาแต่แรกแล้ว แต่ด้วยเหตุผลที่ไม่จำเป็นต้องอธิบาย รัฐบาลเพิ่งเปิด เมื่อศาลอ่านคำพิพากษาเรียบร้อยแล้ว
ตอนหนีไป ไปตั้งหลักอยู่กับพี่ชายที่ดูไบ
แต่ตอนนี้ ก็เดือนกว่าแล้ว เธอจะเดินทางจากดูไปไปช็อปปิ้งที่อังกฤษหรือไหน-ต่อไหน ตามประสาคนเงินจุกอก ยิ่งลักษณ์ทำได้!
ก็ยังยืนยันในความเห็นผม
ยิ่งลักษณ์-ทักษิณ ไปซะให้พ้นประเทศนั่นแหละ ดีแล้ว
รัฐบาลไม่ต้องไปยี่เก-ดรามา เรื่องขอให้ประเทศโน่น-นี้ ส่ง "นางเอก-ผู้ร้าย" ข้ามดง-ข้ามแดน ให้โลกหัวเราะ
ไม่มีประเทศไหนเขาส่งให้หรอก............
อีกอย่าง ขืนเต้นตามพวกไม้บรรทัดวัดโลก ให้อินเตอร์โพลตามจับนั้น
"มากเรื่องก็มากความ" และไม่ได้ความอะไรหรอก!
ก็อย่างที่คุยกันแต่ต้น คนที่เดือดร้อนประเด็นยิ่งลักษณ์หนีไปอยู่นอกประเทศมากที่สุด
คือตัว "ยิ่งลักษณ์" เอง และพวกชายกระโปรง
ส่วนชาวบ้านทั่วไป ๕๐-๖๐ กว่าล้านน่ะ จะจุดธูป "ขอบคุณพระจันทร์" กันในคืนเดือนหงายนี่แหละ.

บทใหม่ การเมือง บทเรียน “รัฐประหาร” จำคุก “ยิ่งลักษณ์”

บทใหม่ การเมือง บทเรียน “รัฐประหาร” จำคุก “ยิ่งลักษณ์”


ไม่ว่าจะเป็นวันที่ 25 สิงหาคม ไม่ว่าจะเป็นวันที่ 27 กันยายน นี่คือ “จุดตัด” อันมีลักษณะหักเลี้ยวอย่างสำคัญของการเมือง

1 คือ การหายตัวไปของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร

ขณะเดียวกัน 1 คือ คำพิพากษาจำคุก นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ และ นายภูมิ สารผล ตามมาด้วยคำพิพากษาจำคุก น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร

การหายตัวไปของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร คือ สัญญาณ

หากสอบลึกลงไปใน “รายละเอียด” ของการหายตัวซึ่งมีจุดเริ่มตั้งแต่ตอนค่ำของคืนวันที่ 23 สิงหาคม ก็จะมองเห็น

มองเห็นว่าเป็นการตัดสินใจอย่างมีการตระเตรียม วางแผน

เหมือนกับตอนค่ำของคืนวันที่ 23 สิงหาคม เป็นการตัดสินใจและเป็นการเริ่ม “ปฏิบัติการ” ทั้งๆ ที่ในความเป็นจริงทำมาก่อนหน้านี้แล้ว

บางคนเห็นว่าน่าจะเริ่มจากวันที่ 21 กรกฎาคม บนยอด “ภูเขาทอง”

แต่บางคนเห็นว่า น่าจะมีการวางแผน “สร้างภาพ” สร้างเงื่อนไขแวดล้อมเพื่อให้เกิดความชอบธรรมตั้งแต่หลังรัฐประหารเมื่อเดือนพฤษภาคม 2557 ด้วยซ้ำไป

นั่นก็มอง “ไกล” จนดูเหมือนล้ำเกิน แต่ก็อาจจริง

สภาพการณ์ของฝ่าย นายทักษิณ ชินวัตร ก็เหมือนกับเมื่อตอนหลังรัฐประหารเดือนกันยายน 2549 คือ มีทั้งต่อสู้ มีทั้งการเจรจา

เจรจาเพื่อผ่อนคลายความตึงเครียด

ต่อสู้เพื่อสร้างเงื่อนไขใหม่ และอาศัยเงื่อนไขใหม่ เพื่อกดดันและทำให้การเจรจาบรรลุผลตามเป้าหมาย
จะเห็นได้ว่าเครื่องมือที่เปิดเผย คือ การเลือกตั้ง

แต่เมื่อการเลือกตั้งประสบชัยชนะแต่ถูกสกัดขัดขวางอย่างในกรณีการชุมนุมเมื่อเดือนพฤษภาคม 2551
กระทั่งนำไปสู่การบีบ ครม.ให้อย่างน้อย 2 คนคือ นายนพดล ปัทมะ และ นายจักรภพ เพ็ญแข ถูกปลดออก

และที่สุด นายสมัคร สุนทรเวช ก็ต้องไป และที่สุดพรรคพลังประชาชนก็ถูกยุบ

ตอนนี้กองหน้าในการต่อสู้คือ นปช.คนเสื้อแดง เห็นได้จากการชุมนุมเดือนเมษายน 2552 และการชุมนุมเดือนเมษายน พฤษภาคม 2553

แต่ก็ทำอะไรรัฐบาล นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ไม่ได้

ต่อเมื่อพรรคประชาธิปัตย์และพันธมิตรเกิดความชะล่าใจ คิดว่าการสลายการชุมนุมในเดือนเมษายน พฤษภาคม 2553 คือจุดจบจึงยุบสภาและเปิดให้มีการเลือกตั้ง

แต่ก็ต้องพ่ายแพ้ไปในเดือนกรกฎาคม 2554

ความพ่ายแพ้จากการคาดสถานการณ์ “พลาด” นำไปสู่การรื้อฟื้นกระบวนการขึ้นมาใหม่เหมือนก่อนรัฐประหารเดือนกันยายน 2549

หนแรก ในเดือนพฤศจิกายน 2555 เป็นความพยายาม “แช่แข็ง”

เมื่อความพยายามที่นำโดย พล.อ.บุญเลิศ แก้วประดิษฐ์ ไม่เวิร์ก จึงต้องเป็นภาระของ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ กระทั่งเกิด กปปส.ขึ้นในเดือนตุลาคม 2556

ประเมินกันว่าฝ่ายของ นายทักษิณ ชินวัตร ถูกหลอก

ถูกหลอกเหมือนกับว่าได้รับไฟเขียวให้เดินหน้าเสนอร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมสุดซอย แต่แล้วเรื่องนี้ก็กลายเป็นสายล่อฟ้า ขยายจากต่อต้าน “นิรโทษกรรม” ไปยังต่อต้าน “การเลือกตั้ง”

ที่สุดเมื่อสถานการณ์สุกงอมก็นำไปสู่การรัฐประหารเมื่อเดือนพฤษภาคม 2557 ซึ่งมาพร้อมกับบทเพลง
เราจะทำตามสัญญา ขอเวลาอีกไม่นาน

เวลาอีกไม่นานในที่นี้ก็คือ การแก้ไขความผิดพลาดจากรัฐประหารเมื่อเดือนกันยายน 2549 ที่ถูกประเมินว่าเป็นรัฐประหาร“เสียของ” การเดินหน้ารุกไล่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร และพรรคเพื่อไทยจึงเข้มข้น
การยกประเด็นว่าด้วยโครงการรับจำนำข้าวมาเป็นหัวข้อใหญ่ ไม่เพียงแต่นำไปสู่การถอดถอนหากแต่ยังนำไปสู่คำพิพากษาจำคุก น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร

เกมการเมืองจึงแรง แนวโน้มการตอบโต้ก็ย่อมจะแรง

นับจากกรณี 25 สิงหาคมเป็นต้นมา การเล่น “เกมแรง” จึงเท่ากับเปิดหน้าใหม่ทางการเมือง

5 ปีตลอดไป

5 ปีตลอดไป

คำตัดสินศาลฎีกาแผนก คดีอาญานักการเมือง เป็นไปตามที่คาดไว้ โป๊ะเชะทุกประการ

อดีตนายกฯยิ่งลักษณ์ ชินวัตร โดนลงโทษจำคุก 5 ปี ไม่รอลงอาญา

หมายความว่า ศาลฎีกาอ่านคำพิพากษาเสร็จปุ๊บ ก็ล็อกตัวเข้าคุกทันที

แต่ในเมื่อ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ไม่ได้เดินทางไปรายงานตัวในฐานะจำเลย ศาลก็จะออกหมายบังคับคดี และสั่งให้เจ้าหน้าที่ติดตามจับกุมตัวมารับโทษตามกติกา

ปิดฉากแล้ว...แต่ยังปิดไม่สนิท 100 เปอร์เซ็นต์

เพราะรัฐธรรมนูญใหม่ยังเปิดช่องให้ ยื่นอุทธรณ์คำพิพากษาได้ภายใน 30 วัน

แต่จำเลยต้องมายื่นอุทธรณ์ด้วยตัวเอง

“แม่ลูกจันทร์” เชื่อว่า อดีตนายกฯปู จะไม่ใช้สิทธิยื่นอุทธรณ์คดี

เพราะเมื่อหลบหนีไปต่างประเทศแล้ว คงไม่ยื่นอุทธรณ์ให้วุ่นวายขายปลาช่อนอีกต่อไป

ข้อสำคัญ...น.ส.ยิ่งลักษณ์ไม่ได้โดนเช็กบิลคดีเดียว

ยังมีคดีปลีกย่อยน้อยใหญ่ที่ ป.ป.ช.จองกฐินไว้ล่วงหน้าอีกกว่า 10 คดี

ถึงหลุดคดีนี้ ก็จะมีคดีงอกเพิ่มตามมาอีกเป็นพรวน

อ้อ...แถมอีกข้อ ก.ม.ป.ป.ช.ฉบับใหม่ ไม่นับอายุความสำหรับคดีอาญานักการเมือง

หมายความว่าใครหลบหนีคดีที่ศาลตัดสินแล้ว หากกลับมาเมื่อไหร่...ก็โดนซิว!!

อย่างไรก็ดี แม้บัดนี้ น.ส.ยิ่งลักษณ์จะติดปีกบินหนีเหมือนโนรีจากคอนไม่ย้อนคืนกรง

ยังมีคำสั่งทางปกครองที่รัฐบาล คสช.เรียกค่าเสียหายอดีตนายกฯยิ่งลักษณ์อีก 35,000 ล้านบาท
รอเชือดซํ้าอีกกระทง

ปัญหาคือ ทรัพย์สินของอดีตนายกฯ ปู ที่แจ้งบัญชีไว้กับ ป.ป.ช.มีมูลค่า 586 ล้านบาท ไม่พอชดเชยค่าเสียหายที่รัฐบาล คสช.ตั้งราคาไว้ 35,000 ล้าน บาทแน่นอน

สุดท้ายคงต้องโดนยึดเป็นของหลวงหมดเกลี้ยงไม่เหลือแม้แต่สลึงเดียว

“แม่ลูกจันทร์” สรุปว่า วิบากกรรม การเมืองของอดีตนายกฯหญิงคนแรก และอดีตนายกฯ คนที่ 28 ของประเทศไทย จึงไม่แตกต่างจากพี่ชายสุดที่รักของเธอ

เพราะเมื่อ 7 ปีก่อน อดีตนายกฯทักษิณ ชินวัตร ต้องโดนยึดทรัพย์ 46,000 ล้านบาท ให้ตกเป็นของแผ่นดิน

ทั้งสองพี่น้องต่างโดนปฏิวัติโค่นล้ม รัฐบาลเหมือนกัน

และต้องหลบหนีไปอยู่ต่างแดนเหมือนกัน

เท่ากับ 2 พี่น้องตระกูลชินวัตร ถูกใส่กุญแจล็อกตายไม่ให้กลับมามีบทบาททางการเมืองอย่างสิ้นเชิง
“แม่ลูกจันทร์” ยํ้าว่า คำตัดสินศาลฎีกาลงโทษจำคุกอดีตนายกฯยิ่งลักษณ์ 5 ปีไม่รอลงอาญา

จะเป็นบรรทัดฐานสำหรับนายกรัฐมนตรีทุกคน

หากพบโครงการใดเกิดความเสียหาย หรือเกิดทุจริตแล้วไม่รีบแก้ไขป้องกัน หรือไม่ระงับยับยั้งความเสียหายโดยเร็ว

จะเข้าข่ายความผิดฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่...

ต้องติดคุกสถานเดียว

ขอเตือนไว้ล่วงหน้า...เดี๋ยวจะหาว่าไม่เตือน.

“แม่ลูกจันทร์”

เข้าจุดต้องชั่งน้ำหนัก

เข้าจุดต้องชั่งน้ำหนัก

“อยู่ดูไบ”

และแล้ว “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและหัวหน้า คสช. ก็เอ่ยปากเฉลยแหล่งกบดานของ “อดีตนายกฯยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” หลังศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง มีคำพิพากษาคดีจำนำข้าว

จำคุกอดีตนายกฯหญิง 5 ปี โดยไม่รอลงอาญา

ไม่ได้ใช้ “สายลับ” ใดๆ แต่คิวนี้ “เชอร์ล็อกตู่” บอกสืบง่าย จากข้อมูลที่รายงานจากกระทรวงการต่างประเทศ สอดคล้องกับรายงานข่าวจากสำนักข่าวต่างประเทศ ทั้งเอพี เอเอฟพี รอยเตอร์

และแน่นอน ในฐานะผู้นำประเทศ เจ้าหน้าที่ของรัฐ “บิ๊กตู่” ระบุถึงคิวด่วนลำดับถัดไป จะต้องตามตัวอดีตนายกฯกลับมาตามหมายจับ โดยให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินการเป็นขั้นตอน “มันยากตรงนี้แหละ”

รับกันดื้อๆ จับ “ยิ่งลักษณ์” ไม่หมู

และที่คืบหน้าไปอีกนิด “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯและ รมว.กลาโหม ที่เด้งรับการข่าวของผู้นำ แถมแสดงความมั่นใจ ถึงแม้ว่า “ยิ่งลักษณ์” จะเดินตามรอยพี่ชาย

เผ่นไปปักหลักอยู่ที่นครรัฐดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ที่ไม่มีสนธิสัญญาส่งผู้ร้ายข้ามแดนกับไทย

“เขาจะไม่ยุ่งการเมือง-ประเทศที่เขาไปอยู่บอกมา”

รองนายกฯฝ่ายความมั่นคงให้หน่วยงานประสานแล้ว เชื่อว่าไม่น่าจะมีแรงกระเพื่อมตามมา

นั่นก็เป็นปฏิกิริยาหลังรู้คำพิพากษา “จำคุกปู” ที่นอกจากฝ่ายผู้คุมอำนาจรัฐ เจ้าหน้าที่ตำรวจจะดำเนินการตามหมายจับ ตั้งแต่ประกาศสืบจับ ประสานตำรวจสากล สืบเสาะสืบจับ

เช่นเดียวกับที่กำลังเร่งเคลียร์ของร้อน สืบสวนสอบสวนกระบวนการหลบหนี

ทั้งสอบปากคำ 3 เจ้าหน้าที่ตำรวจ คลายปมรถยนต์ เช็กดีเอ็นเอ ตรวจค้นบ้าน “ยิ่งลักษณ์” รวมทั้งคิวเพิกถอนหนังสือเดินทาง

งานเคลียร์คิว “ปูเผ่น” ทำเอา “งานงอก” ทั้ง สตช.และกระทรวงการต่างประเทศ

นั่นก็วุ่นไม่แพ้กัน คิวชำแหละข้อกฎหมาย ไม่ว่าจะเป็นกระบวนการยื่นอุทธรณ์คำพิพากษา ที่จำเลยต้องยื่นภายใน 30 วัน มีเงื่อนไขระบุ “ยิ่งลักษณ์” ต้องมาแสดงตนต่อเจ้าพนักงานเอง

รวมทั้งประเด็นคดีจำนำข้าวของ “ยิ่งลักษณ์” มีอายุความ 10 ปี หรือไม่นับอายุความระหว่างหลบหนี

ห้วงคาบเกี่ยวรัฐธรรมนูญเก่า-ใหม่ ยังมีเงื่อนไข พ.ร.บ.หลายฉบับ ทั้งกฎหมายวิธีพิจารณาคดีอาญา
กฎหมาย ป.ป.ช. และกฎหมายวิธีพิจารณาคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองที่เพิ่งมีผลบังคับใช้
ต้องรอองค์กรที่เกี่ยวข้องชี้ชัดต่อไป

แต่สำหรับทิศทางบ้านเมืองเริ่มเข้าจังหวะฝ่ายคุมอำนาจรัฐ ได้เบาใจระดับหนึ่งเมื่อหมดเสี้ยนหนาม แรงเสียดทานจากขั้วนายใหญ่เบาลงชั่วคราว ส่วนป้อมค่ายการเมืองอื่นๆไม่มีอะไรกระทบ เพียงคอยจับสัญญาณขยับลงสนาม

ที่ปั่นป่วนจริงๆน่าจะอยู่ภายใน “เครือข่ายนายใหญ่”

จุดศูนย์กลางแห่งความวุ่นฝุ่นตลบที่มีมาตั้งแต่ “ยิ่งลักษณ์เผ่น” ยามที่พรรคเพื่อไทยและเครือข่าย
เหมือนไร้หัว ไม่มีตัวแทนนายห้างคอยคุมเกม

ชนิดที่ผ่านมา “ทักษิณ” ต้องแสดงตัวแสดงตนผ่านโซเชีียลมีเดีย นอกจากปรามขู่เกมรุกไล่
อีกทางก็ได้กระตุกลูกข่าย ยังฮึดได้ ไม่ถึงจุด “แพแตก”

และอีกไม่นาน ไม่ “ทักษิณ” ก็ “ยิ่งลักษณ์” คงต้องโผล่ประคองสถานการณ์ และแรงหวั่นไหวของลูกทัพอีกแน่

กระนั้นก็ดี ในจังหวะเกมที่ต้องถอยสุดกู่ ที่ไม่รู้สุดว่าไล่กันสุดทางสุดเกมแล้วหรือยัง กับคิวที่ ปปง.ส่งเรื่องให้ดีเอสไอ

ดำเนินคดีฟอกเงินเกี่ยวโยงกับ “โอ๊ค” พานทองแท้ ชินวัตร บุตรชายหัวแก้วหัวแหวนนายใหญ่

“ไข่จงอาง” จ่อโดนทุบ

จนล่าสุดต้องส่งทีมกฎหมายไปยื่นหนังสือ ยื้อจังหวะเร่งดีเอสไอ

ถึงห้วง “ทักษิณ” ต้องคิดหนัก จะยอมศิโรราบ แล้วลุ้นสัญญาณเยียวยา หรือหาช่องพลิกเกมสู้อีกครั้ง
กับจุดเสี่ยงสุดในชีวิต เพราะอาจเป็นเดิมพันทั้ง “ตระกูลชินฯ”.

ทีมข่าวการเมือง

วันพฤหัสบดีที่ 28 กันยายน พ.ศ. 2560

"ผบ.สูงสุด"นำ380นายพล ทบ.อำลา จปร. ลั่น กองทัพ หล่อหลอม

"ผบ.สูงสุด"นำ380นายพล ทบ.อำลา จปร. ลั่น กองทัพ หล่อหลอม ให้เป็นสุภาพบุรุษ ชายชาติทหารที่มีเกียรติ มีศักดิ์ศรี เข้มแข็ง ยัน จิตวิญญาณทหาร ไม่มีวันเสื่อมคลาย แม้เกษียณ จะยึดอุดมการณ์ชายชาติทหาร
ที่ รร.นายร้อยจปร. ...พล.อ.เฉลิมชัย สิทธิสาท ผบทบ. กล่าวสดุดีนายทหารชั้นนายพลที่อำลาชีวิตราชการทหาร ในตอนหนึ่งว่า การปฏิบัติหน้าที่ด้วยความมุ่งมั่นทางทหารมาตลอดอายุราชการจนสำเร็จ ซึ่งทุกท่านสร้างคุณูปการต่อกองทัพ และ วางรากฐานให้มั่นคง ตลอดจนเสียสละกาย กำลังใจ เพื่อประโยชน์ส่วนรวม ปฏิบัติหน้าที่เต็มกำลังความสามารถ เพื่อพิทักษ์ผลประโยชน์ส่วนรวมของประเทศชาติ
โดยเฉพาะห้วงเวลาบ้านเมืองเผชิญภัยคุกคามหลายๆ ด้าน ส่งกระทบต่อความมั่นคง และความสงบเรียบร้อย ทุกท่านมีส่วนร่วมบทบาทแก้ไขปัญหา เพื่อเสริมสร้างความมั่นคงชาติ บ้านเมืองปกติสุข ปลอดภัย
จึงเป็นเกียรติประวัติภาคภูมิใจ และเป็นศักดิ์ศรีกองทัพ ทำให้สง่างาม เป็นสถาบันที่น่าเชื่อถือ พร้อมทั้งเป็นนายทหารอาชีพที่สืบสานนำพากองทัพไทยให้เจริญรุ่งเรือง มีศักยภาพค้ำจุนสถาบันชาติ ศาสน์ กษัตริย์ และประชาชนให้ผาสุกตลอดไป
พล.อ.สุรพงษ์ สุวรรณอัตถ์ ผบ.ทหารสูงสุด เป็นผู้แทนนายทหารชั้นนายพลอาวุโส อัตราจอมพล กล่าวคำอำลาว่า ตลอดชีวิตรับราชการ เป็นช่วงเวลาที่พวกเราภาคภูมิใจเป็นอย่างยิ่ง ที่ได้ทำงานรับใช้ประเทศชาติและบ้านเมืองและเป็นส่วนหนึ่งของกองทัพ ที่หล่อหลอมให้เป็นสุภาพบุรุษและเป็นชายชาติทหารที่มีเกียรติ มีศักดิ์ศรี มีความเข้มแข็ง ทั้งร่างกายและจิตใจ มีความภาคภูมิใจในการปฏิบัติหน้าที่ของทหาร
และพร้อมต่อ การปฏิบัติงานตามความรับผิดชอบ อย่างเต็มขีดความสามารถ ท่ามกลางปัญหาอุปสรรคนานัปการ เพื่อให้สัมฤทธิ์ผลตามความมุ่งหมายในการสร้างความมั่นคงสงบสุขให้กับชาติบ้านเมืองและพิทักษ์ปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ด้วยความจงรักภักดีอันสูงสุด
พล.อ.สุรพงษ์ กล่าวว่า สิ่งเหล่านี้จะคงอยู่ในจิตวิญญาณของพวกเราไม่มีวันเสื่อมคลาย แม้ว่าการทำหน้าที่จะสิ้นสุดไม่กี่วันข้างหน้านี้ แต่ความรักความผูกพันและอุดมการณ์ของชายชาติทหารที่มีต่อกองทัพ สถาบันชาติ ศาสนาพระมหากษัตริย์ของพวกเราจะไม่มีวันเปลี่ยนแปลงและพร้อมเสมอที่จะมีส่วนร่วมและให้การสนับสนุนการปฏิบัติงานของกองทัพด้วยความเต็มใจในทุกโอกาส
พร้อมกันนี้พวกเราเชื่อมั่นว่าทุกท่านที่ยังอยู่ในราชการจะทำหน้าที่อย่างดีที่สุดด้วยความทุ่มเท เสียสละรับผิดชอบและมุ่งมั่นต่อภารกิจบนพื้นฐานของความรู้รักสามัคคี มีน้ำหนึ่งใจเดียวกันเพื่อพัฒนากองทัพ ให้มีความเจริญก้าวหน้าดำรงไว้ซึ่งการเป็นสถาบันหลักด้านความมั่นคงของประเทศชาติ

"บิ๊กตู่ "บอกแล้ว "ยิ่งลักษณ์" อยู่ "ดูไบ"

"บิ๊กตู่ "บอกแล้ว "ยิ่งลักษณ์" อยู่ "ดูไบ" เผย กระทรวงต่างประเทศ รายงาน ชี้ไม่ใช่สายลับอะไร เผย อยู่ระหว่างการดำเนินการ ตามตัว และถอนพาสปอร์ต
ติงสื่อ อย่าไปขยายให้เขาสิ หาก"ยิ่งลักษณ์" เคลื่อนไหวจากดูไบ โวย ถ้าขยายไป ก็ทำให้บ้านเมืองเสียหายแล้วเกิดความวุ่นวายขึ้นมา ก็ประณาม ด้วย
พล.อ ประยุทธ์ จันทรโอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคสช.กล่าวว่า ไม่รู้สึกอะไร หลัง ศาลตัดสิน จำคุก5ปี"อดีตนายกฯยิ่งลักษณ์" เพราะก็เหมือนกับทุกคดี ผมไม่รู้สึกอะไร ไม่ว่าจะก่อนหรือหลัง
"ก่อนหรือหลัง ผมก็ไม่รู้สึกอะไร มันไม่ใช่เรื่องของผม มันเป็นเรื่องของศาล เป็นเรื่องของแต่ละบุคคล เหมือนคดีทุกคดี" นายกฯกล่าว
ทั้งนี้ เพราะคือการตัดสินของศาล ที่ใช้กม. อำนวยความเท่าเทียมให้ทุกคนอยู่ภายใต้กม.เดียวกัน ไม่ว่า จะใคร พ่อค้า ปชช. นักการเมือง ที่มี กม.นักการเมือง เพิ่มอีก
ส่วน ทหาร ตำรวจ ก็มีวินัยทหาร ตำรวจ ข้าราชการเพิ่มเติม เพราะฉะนั้นทุกคนใช้กฎหมายเดียวกันซึ่งมีอยู่หลายพันหลายหมื่นฉบับที่เกี่ยวข้องไปถึงกฎกระทรวง ที่จะเป็นการอำนวยความเท่าเทียม และตนสนใจติดตามคดีนี้อยู่ แต่เมื่อตัดสินไปแล้วก็จบ เพราะมีคดีอื่นอีกมากที่จะต้องดำเนินการต่อไป เป็นเรื่องของศาล และ กระบวนการยุติธรรม เราต้องเชื่อมั่นในกระบวนการยุติธรรมไทย และเป็นเรื่องที่ผู้ต้องหาต้องไปต่อสู้คดีเอา ขั้นตอนการต่อสู้มีเยอะเเยะ
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า รัฐบาล จะดำเนินการกับ น.ส ยิ่งลักษณ์ หลังมีคำพิพากษา นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เดี๋ยวก็ทำ ต้องทำต่อ คดีทั่วไปก็เป็นแบบนี้ เมื่อไหร่ก็ตามที่มีการตัดสินคดีแล้ว มีการออกหมายจับ ถ้าตัวผู้ต้องหาไม่อยู่ต้องออกหมายจับ
ถ้าเจอต้องจับมา ถ้าอยู่ในต่างประเทศต้องขอตัวกลับมา ถ้าเขาให้ก็ได้ ถ้าไม่ให้ก็ไม่ได้ จะไปยากตรงไหนก็แค่นี้
ซึ่งขั้นตอนต่อจากนี้เป็นเรื่องที่เจ้าหน้าที่ตำรวจจะดำเนินการต่อไป เมื่อมีการออกหมายจับเจ้าหน้าที่ตำรวจต้องทำงานต่อ และขั้นตอนต่อไป เป็นกระทรวงต่างประเทศ และไปยังInterpol ขอให้เวลาเจ้าหน้าที่ทำงาน
ส่วนเรื่องการเพิกถอนพาสปอร์ตนั้น นายกฯกล่าวว่า เรื่องนี้กระทรวงต่างประเทศชี้แจงไปแล้ว ให้เค้าทำงานไปขั้นตอนต่างๆมีอยู่
เมื่อถามถึงกรณีที่นายกฯเผยว่า มีสายลับ บอกว่า คุณยิ่งลักษณ์ อยู่ไหนนั้น นายกฯ กล่าวว่า ผมพูดไปอย่างนั้น ไม่มีหรอกสายลับ อะไร ผมก็พูดไปยังงั้นล่ะ
"ไม่ต้องมาถามมาก ถามมา3วันแล้วถามให้ได้อะไรขึ้นมา เขากำลังติดตามอยู่ กำลังจะบอกอยู่นี่"
"ผมทราบข่าวจากกระทรวงต่างประเทศอย่างไม่เป็นทางการ ว่า ขณะนี้ไปอยู่ที่ดูไบ"
โดยเมื่อนายกรัฐมนตรีกล่าวจบ ก็เดินขึ้นตึกไทยคู่ฟ้าทันที
ผู้สื่อข่าวถามว่า ถ้าคุณยิ่งลักษณ์ อยู่ดูไบ แล้วเคลื่อนไหว ปลุกระดม จะทำอย่างไร นายกฯ กล่าวว่า สื่อก็อย่าไปขยายความ ถ้าไปขยาย และทำให้บ้านเมืองขัดแย้ง วุ่นวาย ก็ต้องโดนประณาม

เมื่อ"บิ๊กป้อม" เผย "ปู"อยู่"ดูไบ"รับปาก ไม่ยุ่งการเมือง...แล้วอะไรจะตามมา

Deal Deal Deal??
เมื่อ"บิ๊กป้อม" เผย "ปู"อยู่"ดูไบ"รับปาก ไม่ยุ่งการเมือง...แล้วอะไรจะตามมา
พลเอกประวิตร ปัดตอบ เชื่อใจ"ยิ่งลักษณ์"ได้หรือไม่ ว่าจะไม่เคลื่อนไหวทางการเมือง จริง /เปรย "ดีแล้ว ไปอยู่ ดูไบ" แต่ไม่มี สัญญาส่งผู้ร้ายข้ามแดน
‪พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯและรมว.กลาโหม กล่าวถึงการที่นายกฯเผยว่า อดีตนายกฯ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อยู่ ดูไบ UAE นั้นว่า "ก็ดีแล้ว ไปอยู่ ดูไบ "
เมื่อถามว่า กลัว ซ้ำรอย "ทักษิณ"มั้ย บิ๊กป้อม เผยว่า "ยิ่งลักษณ์" อยู่"ดูไบ" รับปากแล้วว่า ไม่ยุ่งการเมือง
เมื่อถามว่า รู้ได้ยังไง ว่ายิ่งลักษณ์ จะไม่ยุ่งการเมือง พลเอกประวิตร กล่าวว่า ทางการ ดูไบ UAE บอก กระทรวงการต่างประเทศ ไทย มาแล้วว่า ยิ่งลักษณ์ จะไม่ยุ่งไม่เคลื่อนไหวทางการเมือง ทาง ดูไบ รับปาก กต.ว่าจะดูแลไม่ให้เคลื่อนไหวทางการเมืองจากดูไบ ก็ว่ากันไปตามระบบ
ทั้งนี้ เราไม่มีสนธิสัญญาส่งผู้ร้ายข้ามแดน กับดูไบ
ส่วนจะเชื่อใจ "ยิ่งลักษณ์" หรือไม่ว่า จะไม่เคลื่อนไหว บิ๊กป้อม บอก "ไม่รู้"
ท่ามกลางการถูกจับตามองว่า การที่นางสาวยิ่งลักษณ์ ประกาศจะไม่ยุ่งการเมืองนั้น จะจริงๆหรือไม่ และเป็นเพราะมี "Deal" เช่นที่ร่ำลือกันมาตลอด หลังหนีออกนอกประเทศ แล้วทำให้คสช. กลายเป็นจำเลยสังคมว่า สมยอม หรือเปิดทางให้หนี
แม้ว่า พลเอกประยุทธ์ บิ๊กป้อม และแกนนำคสช. จะยืนยันว่าไม่มดีล ไม่มีสมยอมคุณยิ่งลักษณ์ หนีไปด้วยศักยภาพของตัวเอง ที่เป็นถึงอดีตนายก

"บิ๊กป้อม" บอก ก็ดีแล้ว "ปู"ไปอยู่ "ดูไบ"

"บิ๊กป้อม" บอก ก็ดีแล้ว "ปู"ไปอยู่ "ดูไบ"
บิ๊กป้อม"เผย "ปู"อยู่"ดูไบ" ก็ "ดีแล้ว ไปอยู่ ดูไบ" แต่ไม่มี สัญญาส่งผู้ร้ายข้ามแดน
‪พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯและรมว.กลาโหม กล่าวถึงการที่นายกฯเผยว่า อดีตนายกฯ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อยู่ นครดูไบ UAE นั้นว่า ก็ดีแล้ว อยู่ ดูไบ
เมื่อถามว่า กลัว ซ้ำรอย "ทักษิณ"มั้ย บิ๊กป้อม เผยว่า "ยิ่งลักษณ์" อยู่"ดูไบ" รับปากแล้วว่า ไม่ยุ่งการเมือง
เมื่อถามว่า รู้ได้ยังไง ว่ายิ่งลักษณ์ จะไม่ยุ่งการเมือง พลเอกประวิตร กล่าวว่า ทางการ ดูไบ UAE บอก กระทรวงการต่างประเทศ ไทย มาแล้วว่า ยิ่งลักษณ์ จะไม่ยุ่งไม่เคลื่อนไหวทางการเมือง ทาง ดูไบ รับปาก กต.ว่าจะดูแลไม่ให้เคลื่อนไหวทางการเมืองจากดูไบ ก็ว่ากันไปตามระบบ
ทั้งนี้ เราไม่มีสนธิสัญญาส่งผู้ร้ายข้ามแดน กับดูไบ
ส่วนจะเชื่อใจ "ยิ่งลักษณ์" หรือไม่ว่า จะไม่เคลื่อนไหว บิ๊กป้อม บอก "ไม่รู้"

กระทรวงการต่างประเทศ นี่แหล่ะ รายงาน นายกฯบิ้กตู่ ว่า"ยิ่งลักษณ์" อยู่ "ดูไบ"

ไม่มีหรอก"สายลับ"
กระทรวงการต่างประเทศ นี่แหล่ะ รายงาน นายกฯบิ้กตู่ ว่า"ยิ่งลักษณ์" อยู่ "ดูไบ"
พลเอกประยุทธ์ อ้าง กต."บอก "ยิ่งลักษณ์" อยู่ "ดูไบ" ชี้ไม่ใช่สายลับอะไร ผมก็พูดไปยังงั้นล่ะ ระบุ รายงานอย่างไม่เป็นทางการ เผย อยู่ระหว่างการดำเนินการ ตามตัว และถอนพาสปอร์ต
พล.อ ประยุทธ์ จันทรโอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคสช.กล่าวว่า ไม่รู้สึกอะไร หลัง ศาลตัดสิน จำคุก5ปี"อดีตนายกฯยิ่งลักษณ์" เพราะก็เหมือนกับทุกคดี ผมไม่รู้สึกอะไร ไม่ว่าจะก่อนหรือหลัง
"ก่อนหรือหลัง ผมไม่รู้สึกอะไร มันไม่ใช่เรื่องของผม มันเป็นเรื่องของศาล เป็นเรื่องของแต่ละบุคคล เหมือนคดีทุกคดี" นายกฯกล่าว
ทั้งนี้ เพราะคือการตัดสินของศาล ที่ใช้กม. อำนวยความเท่าเทียมให้ทุกคนอยู่ภายใต้กม.เดียวกัน ไม่ว่า จะใคร พ่อค้า ปชช. นักการเมือง ที่มี กม.นักการเมือง เพิ่มอีก
ส่วน ทหาร ตำรวจ ก็มีวินัยทหาร ตำรวจ ข้าราชการเพิ่มเติม เพราะฉะนั้นทุกคนใช้กฎหมายเดียวกันซึ่งมีอยู่หลายพันหลายหมื่นฉบับที่เกี่ยวข้องไปถึงกฎกระทรวง ที่จะเป็นการอำนวยความเท่าเทียม และตนสนใจติดตามคดีนี้อยู่ แต่เมื่อตัดสินไปแล้วก็จบ เพราะมีคดีอื่นอีกมากที่จะต้องดำเนินการต่อไป เป็นเรื่องของศาล และ กระบวนการยุติธรรม เราต้องเชื่อมั่นในกระบวนการยุติธรรมไทย และเป็นเรื่องที่ผู้ต้องหาต้องไปต่อสู้คดีเอา ขั้นตอนการต่อสู้มีเยอะเเยะ
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า รัฐบาล จะดำเนินการกับ น.ส ยิ่งลักษณ์ หลังมีคำพิพากษา นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เดี๋ยวก็ทำ ต้องทำต่อ คดีทั่วไปก็เป็นแบบนี้ เมื่อไหร่ก็ตามที่มีการตัดสินคดีแล้ว มีการออกหมายจับ ถ้าตัวผู้ต้องหาไม่อยู่ต้องออกหมายจับ
ถ้าเจอต้องจับมา ถ้าอยู่ในต่างประเทศต้องขอตัวกลับมา ถ้าเค้าให้ก็ได้ ถ้าไม่ให้ก็ไม่ได้ จะไปยากตรงไหนก็แค่นี้
ซึ่งขั้นตอนต่อจากนี้เป็นเรื่องที่เจ้าหน้าที่ตำรวจจะดำเนินการต่อไป เมื่อมีการออกหมายจับเจ้าหน้าที่ตำรวจต้องทำงานต่อ และขั้นตอนต่อไป เป็นกระทรวงต่างประเทศ และไปยังInterpol ขอให้เวลาเจ้าหน้าที่ทำงาน
ส่วนเรื่องการเพิกถอนพาสปอร์ตนั้น นายกฯกล่าวว่า เรื่องนี้กระทรวงต่างประเทศชี้แจงไปแล้ว ให้เขาทำงานไปขั้นตอนต่างๆมีอยู่
เมื่อถามถึงกรณีที่นายกฯเผยว่า มีสายลับ บอกว่า คุณยิ่งลักษณ์ อยู่ไหนนั้น นายกฯ กล่าวว่า ผมพูดไปอย่างนั้น ไม่มีหรอกสายลับ อะไร ผมก็พูดไปยังงั้นล่ะ
"ไม่ต้องมาถามมาก ถามมา3วันแล้วถามให้ได้อะไรขึ้นมา เขากำลังติดตามอยู่ กำลังจะบอกอยู่นี่"
"ผมทราบข่าวจากกระทรวงต่างประเทศอย่างไม่เป็นทางการ ว่า ขณะนี้ไปอยู่ที่ดูไบ"
โดยเมื่อนายกรัฐมนตรีกล่าวจบ ก็เดินขึ้นตึกไทยคู่ฟ้าทันที
ผู้สื่อข่าวถามว่า ถ้าคุณยิ่งลักษณ์ อยู่ดูไบ แล้วเคลื่อนไหว ปลุกระดม จะทำอย่างไร นายกฯ กล่าวว่า สื่อก็อย่าไปขยายความ ถ้าไปขยาย และทำให้บ้านเมืองขัดแย้ง วุ่นวาย ก็ต้องโดนประณาม
_///

จำคุก ‘ปู’ 5 ปี บทเรียนการบริหาร ที่ต้อง’ศึกษา’

จำคุก ‘ปู’ 5 ปี บทเรียนการบริหาร ที่ต้อง’ศึกษา’


27 กันยายน ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองมีคำพิพากษา
คดีหมายเลขดำที่ อม.22/2558

ระหว่าง อัยการสูงสุด โจทก์ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี จำเลย

คดีความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ ความผิดต่อ พ.ร.ป.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต กรณีละเลยไม่ดำเนินการระงับยับยั้งโครงการรับจำนำข้าว ทำให้รัฐเสียหายกว่า 5 แสนล้านบาทในโครงการจำนำข้าว

ศาลได้อ่านคำพิพากษา โดยให้จำคุก น.ส.ยิ่งลักษณ์ เป็นเวลา 5 ปี ไม่รอลงอาญา

และให้ออกหมายบังคับ เพื่อนำตัวมารับโทษ

การนัดฟังคำพิพากษาครั้งนี้ ถือเป็นครั้งที่ 2 เพราะเมื่อวันที่ 25 สิงหาคมที่ผ่านมา ศาลฎีกาฯเคยนัด น.ส.ยิ่งลักษณ์มาฟังคำพิพากษาคดีแล้ว

แต่วันนั้น น.ส.ยิ่งลักษณ์ไม่มา ทนายความแจ้งว่า ป่วยเป็นโรคน้ำในหูไม่เท่ากัน

ศาลพิเคราะห์เห็นว่าไม่น่าเชื่อ จึงออกหมายจับ

นับตั้งแต่วันนั้นจนถึงวันนี้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ยังไม่ปรากฏตัว

มีเพียงแค่การสืบสวนสอบสวน และควบคุมตัวเจ้าหน้าที่ตำรวจ 3 นาย

และให้การยอมรับว่า วันที่ 23 สิงหาคม ได้ขับรถนำ น.ส.ยิ่งลักษณ์ไปที่ อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว
ไปส่งห่างจากสถานีรถไฟอำเภออรัญประเทศ 1 กิโลเมตร และเห็นมีรถกระบะมารับช่วงต่อ

จากนั้นตำรวจที่ไปส่ง ได้ขับรถกลับกรุงเทพฯและไม่รู้ว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์อยู่ไหน

ขณะที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เปิดเผยก่อนวันนัดฟังคำพิพากษาครั้งที่ 2 ว่า รู้ที่อยู่ของ น.ส.ยิ่งลักษณ์แต่ขออุบไว้ก่อน อาจจะบอกหลังวันที่ 27 กันยายน ซึ่งก็คือวันที่ศาลนัดฟังคำตัดสินอีกรอบ

และผลการตัดสินก็ออกมาแล้วว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์มีความผิดตามฟ้อง

ลงโทษจำคุก 5 ปี ไม่รอลงอาญา

ผลจากคำตัดสิน จะทำให้เกิดความชัดเจนทางการเมือง

หนึ่ง เกิดความชัดเจนว่า พรรคเพื่อไทยต้องพบกับปัญหาผู้นำพรรคแน่นอน

เพราะจุดขายแรก ทักษิณ ชินวัตร ต้องหนีคดีไปอยู่ต่างประเทศ

ผู้นำที่โดดเด่นอีกคนคือ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ก็ต้องหนีคดี

พรรคเพื่อไทยจึงต้องทบทวน และควานหาผู้นำพรรค เพื่อเป็นจุดขายของพรรคก่อนที่การเลือกตั้งจะมีขึ้น

สอง ผลของคำตัดสินนี้มีความหมายต่อการบริหารราชการแผ่นดิน

ชัดเจนว่านโยบายพรรคการเมืองอย่างเช่นนโยบายจำนำข้าวนั้นยังสามารถกระทำได้

และชัดเจนเช่นกันว่าการบริหารนโยบายอาจก่อเกิดความผิดขึ้นได้

และผู้ต้องรับผิดชอบอาจมีตำแหน่งสูงถึงระดับนายกรัฐมนตรี

ผลจากคดี แม้ยังไม่ถึงที่สุด แต่อาจกลายเป็นมาตรฐานในการบริหารนโยบายของรัฐบาล

โดยเฉพาะรัฐบาลปัจจุบันและในอนาคต

อย่าลืมว่า รัฐบาลชุดไหนๆ ก็ต้องบริหารประเทศ

ต้องมีนโยบาย ต้องบริหารนโยบาย และรับความเสี่ยงจากการบริหาร

ในเมื่อคดีนี้ นายกรัฐมนตรีบริหารงานและเกิดปัญหาในการบริหาร

จนเป็นการปล่อยปละละเลยให้เกิดการทุจริต

จึงเป็นคดีที่ผู้ทำหน้าที่ฝ่ายบริหารต้องศึกษา

เพื่อหลีกเลี่ยงการเดินซ้ำรอยเดิม


ยิ่งลักษณ์ 'ไปแล้วก็ต้องไปลับ'

คนเรานี่ก็แปลก...........?
ตอนแม่ดอกลำโพงอยู่ก็ไล่ ยังกะเห็นเป็นเสนียดจัญไรแผ่นดินอย่างนั้นแหละ
ครั้นเธอไปจริงๆ...........
เมื่อวาน (๒๗ ก.ย.๖๐) ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง อ่านคำตัดสินลับหลังจำเลย
ยังไม่ทันจบ ในคดีว่าด้วยอดีตนายกฯ ยิ่งลักษณ์ปล่อยปละละเลยโครงการรับจำนำข้าวทำให้เกิดการทุจริตเสียหายหลายแสนล้าน
"นอกศาล" เซ็งแซ่แต่เสียงถาม.........
"ยิ่งลักษณ์หนีไปอยู่ไหน...ยิ่งลักษณ์หนีไปอยู่ไหน?"
เธอจะไปซุกหัวอยู่ไหน ก็เป็นทางที่เธอเลือกแล้ว จะต้องไปอาลัย-อาวรณ์อะไรกันนักหนา
อยากให้อยู่เป็นขวัญถุงประเทศมากนักหรือไง?
เราเคยคุยกันไปแล้วว่า.......
เมื่อเธอไม่ไปตามที่ศาลนัดเมื่อ ๒๕ สิงหา และศาลนัดใหม่ ให้มาฟังคำตัดสินคดีอีกครั้งเมื่อวาน (๒๗ ก.ย.) แต่เธอก็หายจ้อย นั้น
ช่วงก่อนถึง ๒๗ กันยา เธอจะต้องเป็นปูมุดรูอย่างเดียว ไม่ยอมโผล่ให้ใครรู้ว่าอยู่ไหนแน่นอน
มันเป็นเชิงกลทางประเมิน "เผื่อรุก-เผื่อถอย" น่ะ
แต่เมื่อศาลอ่านคำตัดสิน รู้ผลเป็นที่เบ็ดเสร็จ "คุก ๕ ปี" และศาลออกหมายจับ!
นั่นถือว่า อนาคตและชีวิตเธอ ต่อจากนี้ ถึงเวลาต้องขีดเส้นแดง ๒ เส้น ใต้ "คำตอบชีวิต" แล้ว
จะกลับมาเป็น "ขวัญใจเจ้าทุย".........
หรือไม่กลับ หนึ่งริ-หนึ่งยำ เอาเงินที่โกงไม่เป็นไร หาซื้อเกาะร้างซักเกาะ แถวๆ แอฟริกา
แล้วตั้งประเทศ "ชินจนตาย" อยู่กันที่นั่น!?
ไปต้องไปเซ้าซี้นายกฯ ตู่ รองนายกฯ ป้อม ให้เป็นที่จั๊กจี้หัวใจคนแก่หรอกว่า ยิ่งลักษณ์อยู่ไหน
นอนหลับ-ฝันดีอยู่กะบ้านกันนั่นแหละ
เดี๋ยว..ไม่เจ้าตัวยิ่งลักษณ์ ก็เจ้าตัวพี่ชาย หรือนังตัวหลาน โผล่หน้า มาทวีต สไกป์ หรือไม่ก็ โพสต์เฟซ
"ยู้ฮู..ยู้ฮู..ปูสู้ตายคารูประชาธิปไตยอยู่นี่ไงคะ จุ๊บ..จุ๊บ"!
คือไม่ว่าเธอจะตัดสินใจแบบไหน?
กลับมาตายบ้าน หรือหนีไปจนตาย มันถึงเวลาที่เธอต้องโผล่ออกมาล่อหน้า-ล่อตา ทั้งกับลุงตู่ ปู่ป้อม และคนไทย ว่าปูอยู่นี่ไง
เหมือนครั้งเจ้าพี่ชาย .........
หนีแล้ว ทั้งพ่อ-แม่-ลูก ไปชักแถวเรียงหนึ่งกลางถนนลอนดอน แล้วถ่ายลงรูปเฟซเย้ย!
ยิ่งลักษณ์ก็จะไม่พ้นแนวนี้ จะที่อังกฤษ ที่ดูไบ หรือที่ประเทศไหนก็ช่างมัน สำหรับผม "ยินดี" สถานเดียว
ถ้าสถานที่นั้น ไม่ใช่ประเทศไทย!
ตามรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบัน เธออุทธรณ์คำตัดสินศาลฎีกาฯ นี้ได้ แต่ตัวเธอจะต้องมายื่นอุทธรณ์เอง
ด้วยลีลานี้ เธอน่าจะปล่อยให้คดีถึงที่สุด คือภายใน ๓๐ วันที่ให้อุทธรณ์ เธอไม่มาแน่
เมื่อไม่มา คดีเป็นอันสิ้นสุด ก็ถามกันว่า ด้วยโทษคุก ๕ ปี ยิ่งลักษณ์ต้องหนีกี่ปี คดีถึงจะหมดอายุความ?
ตรงนี้สับสนกันมาก เพราะตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๙๘ บอก โทษคุก ๑-๗ ปี มีอายุความ ๑๐ ปี
คือ อย่างยิ่งลักษณ์ หนีไป ๑๐ ปี คดีหมดอายุความไปเอง!
ก็เข้าใจกันอย่างนี้.........
เพราะตอนนี้ กฎหมายลูกว่าด้วยศาลฎีกาแผนกคดีอาญานักการเมือง ที่ว่า "หนี..ไม่นับอายุความ" ยังไม่ประกาศใช้
โปรดเข้าใจกันใหม่ให้ถูกต้อง
ก่อนอื่น ต้องดูให้ชัดว่า ที่ศาลตัดสินจำคุกยิ่งลักษณ์ ๕ ปี ด้วยความผิดตามมาตราไหน?
เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๑๕๗ (เดิม) และ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วย ป.ป.ช. พ.ศ.๒๕๔๒ มาตรา ๑๒๓/๑
ด้วยความผิดตาม พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วย ป.ป.ช.มาตรา ๑๒๓/๑
ตรงนี้แหละ..........
ที่เข้าใจกันว่ามีอายุความ ๑๐ ปี "ไม่มีแล้วครับ" ถ้าจะหนี ยิ่งลักษณ์ต้อง "หนีไปจนตาย"!
เพราะด้วยมาตรา ๑๒๓/๑ ตาม พ.ร.บ.นี้ โทษ "ไม่นับอายุความ"
กลับเข้ามาวันไหน จะ "กี่ปี-กี่ชาติ" ก็ตาม ต้อง "เข้าคุก" วันนั้น
ผมพูดเอง ไม่น่าเชื่อถือ
ท่าน "ชูชาติ ศรีแสง" อดีตผู้พิพากษาศาลฎีกา โพสต์ fb เป็นวิทยาทานไว้เมื่อวาน จะยกมาให้เป็นที่ "สิ้นสงสัย" กัน ดังนี้
Chuchart Srisaeng
.....ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พิพากษาว่า นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร
มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๑๕๗ และพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.๒๕๔๒ มาตรา ๑๒๓/๑ ให้ลงโทษจำคุก ๕ ปี
.....การที่ศาลฎีกาฯ พิพากษาให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.๒๕๔๒ มาตรา ๑๒๓/๑
มีผลให้นำมาตรา ๗๔/๑ มาใช้บังคับแก่นางสาวยิ่งลักษณ์ได้ด้วย
.....มาตรา ๗๔/๑ บัญญัติว่า
ในการดําเนินคดีอาญาตามหมวดนี้ ถ้าผู้ถูกกล่าวหาหรือจําเลยหลบหนีไป ในระหว่างถูกดําเนินคดีหรือระหว่างการพิจารณาของศาล
มิให้นับระยะเวลาที่ผู้ถูกกล่าวหาหรือจําเลยหลบหนีรวมเป็นส่วนหนึ่งของอายุความ
และเมื่อได้มีคําพิพากษาถึงที่สุดให้ลงโทษจําเลย ถ้าจําเลยหลบหนีไปในระหว่างต้องคําพิพากษาถึงที่สุดให้ลงโทษ
มิให้นําบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๙๘ มาใช้บังคับ
.....ตามบทบัญญัติของมาตรา ๗๔/๑ หมายความว่า
เมื่อศาลลงโทษจำคุกนางสาวยิ่งลักษณ์ ๕ ปี การที่นางสาวยิ่งลักษณ์หลบหนี
มิให้นำบทบัญญัติตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๙๘ ซึ่งเป็นบทบัญญัติเกี่ยวกับอายุความการลงโทษ
เช่น ถ้าจำเลยถูกลงโทษจำคุก ๕ ปี ถ้าไม่ได้ตัวจำเลยมาจำคุกภายใน ๑๐ ปี ก็เป็นอันล่วงเลยการลงโทษ จะลงโทษจำเลยคนนั้นไม่ได้อีก
.....แต่เมื่อมาตรา ๗๔/๑ บัญญัติไม่ให้นำมาตรา ๙๘ มาใช้บังคับ จึงหมายความว่า
กรณีของนางสาวยิ่งลักษณ์ ไม่ว่าจะหลบหนีไปกี่ปี เช่น ๑๐ ปี ๑๕ ปี หรือ ๒๐ ปี ก็ไม่ล่วงเลยการลงโทษ
คือได้ตัวนางสาวยิ่งลักษณ์มาเมื่อใด ก็สามารถนำตัวมาลงโทษจำคุกตามคำพิพากษาได้
.....สรุปว่า นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ต้องหลบหนีไปตลอดชีวิต ถ้ายังมีชีวิตอยู่ ไม่อาจเดินทางเข้ามาในประเทศไทยได้อีก
เพราะถ้าเข้ามา ก็ต้องถูกจับกุม นำตัวไปคุมขังในเรือนจำ ๕ ปี ตามคำพิพากษาของศาลฎีกาฯ"
ถ้าปูหรือใคร ยังข้องใจ........
เปิด พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วย ป.ป.ช.ฉบับที่ ๒ ปี ๒๕๕๔ อ่านดู เพราะมีแก้ไข-เพิ่มเติมเป็นลำดับ!
อาจอยากทราบกัน ที่ยิ่งลักษณ์ติดคุก ๕ ปี นั้น ผิดประเด็นไหน?
ก่อนอื่น ต้องบอกว่า "ศาลฎีกาแผนกคดีอาญานักการเมือง" ยุคนี้ เป็นยุคดิจิทัล ๔.๐ จริงๆ
ตัดสินปุ๊บ นอกจากเผยแพร่คำพิพากษาเป็นเอกสารข่าว "ศาลฎีกาฯ" ปั๊บแล้ว
กองการนิเทศและประชาสัมพันธ์ สำนักงานศาลยุติธรรม ยัง PRESS RELEASE คำพิพากษาเป็นภาษาอังกฤษ
แจกจ่ายไทย-เทศ ไปทั่ว!
ไม่รู้ CNN, BBC เอาไปอ่านออกจอหรือยัง น่าจะอ่านแล้วนะ ถ้าอ่าน ผมก็สบายใจ สองศรีพี่น้องคงได้นอนดูเพลินไปแล้ว
ขอสรุปจากข่าวศาลฎีกาฯ ประเด็นใดผิด-ไม่ผิดไว้นิด ดังนี้
การดำเนินการโครงการรับจำนำข้าวเปลือกทั้ง ๕ ฤดูกาลผลิต แม้พบความเสียหาย เช่น สวมสิทธิ์การรับจำนำข้าว นำข้าวจากประเทศเพื่อนบ้านมาสวมสิทธิ์
ข้าวสูญหาย ออกใบประทวนเป็นเท็จ ใช้เอกสารปลอม โกงความชื้นและน้ำหนักเพื่อกดราคารับซื้อจากชาวนา ข้าวสูญหายจากโกดัง ข้าวเสื่อมสภาพ ข้าวเน่า ข้าวไม่ตรงตามมาตรฐานกระทรวงพาณิชย์
เป็นความเสียหายที่เกิดจากฝ่ายปฏิบัติ
ยิ่งลักษณ์ในฐานะประธาน กขช.กำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการเพื่อป้องกันความเสียหายไว้ตั้งแต่ตอนเริ่มโครงการ
อีกทั้งเมื่อพบความเสียหาย ก็ปรับปรุงหลักเกณฑ์และวิธีปฏิบัติเป็นระยะๆ เพื่อป้องกันความเสียหายแล้ว
กรณี ความเสียหายในส่วนนี้...........
"ยังฟังไม่ได้ว่าจำเลยปฏิบัติหรือละเว้นปฏิบัติหน้าที่เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใดหรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต หรือใช้อำนาจในตำแหน่งหรือหน้าที่โดยมิชอบ"
ประเด็นระบายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ มีคำวินิจฉัยว่า
"ตามพฤติการณ์แสดงให้เห็นว่า จำเลยทราบว่าสัญญาขายข้าวแบบรัฐต่อรัฐไม่ชอบด้วยกฎหมาย แต่ไม่ระงับยับยั้ง ปล่อยให้มีการส่งมอบข้าวตามสัญญาให้รัฐวิสาหกิจจีนต่อไปอีก อันเป็นการแสวงหาประโยชน์ที่มิควรได้โดยชอบด้วยกฎหมายสำหรับผู้อื่น
การกระทำของยิ่งลักษณ์จึงเป็นการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๑๕๗ (เดิม) และพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ พ.ศ.๒๕๔๒ มาตรา ๑๒๓/๑ ลงโทษจำคุก ๕ ปี"
หนีไปเถอะนะคนดี ชาติหน้าถ้ามี ก็ไม่ต้องกลับมา.
เปลว สีเงิน
http://www.thaipost.net/?q=node/36130