.....ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พิพากษาว่า นางสาวยิ่งลักษณ์ ช้นวัตร มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๑๕๗ และพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. ๒๕๔๒ มาตรา ๑๒๓/๑ ให้ลงโทษจำคุก ๕ ปี
.....การที่ศาลฎีกาฯ พิพากษาให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. ๒๕๔๒ มาตรา ๑๒๓/๑ มีผลให้นำมาตรา ๗๔/๑ มาใช้บังคับแก่นางสาวยิ่งลักษณ์ได้ด้วย
.....มาตรา ๗๔/๑ บัญญัติว่า ในการดําเนินคดีอาญาตามหมวดนี้ ถ้าผู้ถูกกล่าวหาหรือจําเลยหลบหนีไป ในระหว่างถูกดําเนินคดีหรือระหว่างการพิจารณาของศาล มิให้นับระยะเวลาที่ผู้ถูกกล่าวหาหรือจําเลยหลบหนีรวมเป็นส่วนหน่ึงของอายุความ และเมื่อได้มีคําพิพากษาถึงท่ีสุดให้ลงโทษจําเลย ถ้าจําเลยหลบหนีไปในระหว่างต้องคําพิพากษาถึงที่สุดให้ลงโทษ มิให้นําบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๙๘ มาใช้บังคับ
.....ตามบทบัญญัติของมาตรา ๗๔/๑ หมายความว่า เมื่อศาลลงโทษจำคุกนางสาวยิ่งลักษณ์ ๕ ปี การที่นางสาวยิ่งลักษณ์หลบหนี มิให้นำบทบัญญัติตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๙๘ ซึ่งเป็นบทบัญญัติเกี่ยวกับอายุความการลงโทษ เช่น ถ้าจำเลยถูกลงโทษจำคุก ๕ ปี ถ้าไม่ได้ตัวจำเลยมาจำคุกภายใน ๑๐ ปี ก็เป็นอันล่วงเลยการลงโทษ จะลงโทษจำเลยคนนั้นไม่ได้อีก
.....แต่เมื่อมาตรา ๗๔/๑ บัญญัติไม่ให้นำมาตรา ๙๘ มาใช้บังคับ จึงหมายความว่า กรณีของนางสาวยิ่งลักษณ์ไม่ว่าจะหลบหนีไปกี่ปี เช่น ๑๐ ปี ๑๕ ปี หรือ ๒๐ ปี ก็ไม่ล่วงเลยการลงโทษ คือได้ตัวนางสาวยิ่งลักษณ์มาเมื่อใดก็สามารถนำตัวมาลงโทษจำคุกตามคำพิพากษาได้
.....สรุปว่า นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ต้องหลบหนีไปตลอดชีวิต ถ้ายังมีชีวิตอยู่ไม่อาจเดินทางเข้ามาในประเทศไทยได้อีก เพราะถ้าเข้ามาก็ต้องถูกจับกุมนำตัวไปคุมขังในเรือนจำ ๕ ปี ตามคำพิพากษาของศาลฎีกาฯ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น