PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันอังคารที่ 6 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2561

ลำดับเหตุการณ์จับ”ปธ.อิตาเลียนไทย”ลักลอบล่าสัตว์


ประชาชาติธุรกิจออนไลน์
ลำดับเหตุการณ์จับปธ.อิตาเลียนไทยลักลอบล่าสัตว์
ลำดับเหตุการณ์ จับเปรมชัย เปรณสูตประธานบริหาร บริษัทอิตาเลียนไทย พร้อมพวก ลักลอบล่าสัตว์ป่า
โดยเมื่อวันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2561 นายเปรมชัย กรรณสูต ประธานบริหารบริษัทอิตาเลียนไทยเดเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) กับพวกรวม 4 คน เข้าไปท่องเที่ยวในเส้นทางสำนักงานเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวรด้านตะวันตก -หน่วยพิทักษ์ป่าทิคอง -หน่วยพิทักษ์ป่ามหาราช โดยกำหนดโปรแกรม 2 วัน 1 คืน (เส้นทางที่เปิดให้ท่องเที่ยวชื่อ ทินวย-ทิคอง-มหาราช ระยะทาง 30 กิโลเมตร)
ต่อมา วันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2561 ได้รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่หน่วยพิทักษ์ป่ามหาราชว่า คณะของนายเปรมชัย ลักลอบตั้งแคมป์พักแรมในจุดบริเวณห้วยปะชิ อยู่ระหว่างหน่วยฯ ทิคอง กับหน่วยฯ
มหาราช ค่าพิกัด 47 P 485821 E 1678956 N ซึ่งเป็นจุดที่ ขสป.ทุ่งใหญ่นเรศวรด้านตะวันไม่อนุญาตให้ตั้งแคมป์ จึงส่งเจ้าหน้าที่เข้าไปพิสูจน์ทราบ

ตรวจพบ อาวุธปืนยาวขนาด .22 จำนวน 1 กระบอก  / อาวุธปืนไรเฟิลติดลำกล้องจำนวน 1 กระบอก 3. อาวุธปืนลูกซองแฝด จำนวน 1 กระบอก และเครื่องกระสุนพร้อมใช้งานและพบซากไก่ฟ้าหลังเทากับเนื้อเก้ง จึงได้ควบคุมตัวนายเปรมชัย และคณะมาที่สำนักงานเขตฯ ถึงในเวลา 02.40 น.
จากนั้น ในช่วงเช้าของวันที่ 5 ก.พ.61 คณะพนักงานเจ้าหน้าที่ได้กลับไปตรวจสอบบริเวณแค้มป์ พักแรมซึ่งเป็นพื้นที่เกิดเหตุซ้ำ ตรวจพบสิ่งของและซากสัตว์ป่าเพิ่มเติม
จุดที่ 1 อยู่ห่างจากจุดที่ตั้งแค้มป์พักแรมไปทางทิศเหนือ ประมาณ 5 เมตร พบหนังเสือดำลักษณะเป็นผืนทั้งตัว โดยถูกชำแหละเนื้อออกไปแล้ว และผืนหนังเสือดำถูกถนอมซากด้วยการทาด้วยเกลือเพื่อมิให้เน่าเสีย วัดขนาดความยาวจากหัวถึงสะโพก 83 เซนติเมตร ความยาวจากหัวถึงหาง 148 เซนติเมตร รวมทั้งพบกะโหลกเสือดำ 1 หัว ชิ้นส่วนทั้งหมดถูกบรรจุอยู่ในถุงดำและมัดปากถุงด้วยเชือก ซุกซ่อนไว้ใต้พุ่มไม้

จุดที่ 2 อยู่ห่างจากแค้มป์พักแรมไปทางทิศเหนือประมาณ 5 เมตร พบกระเป๋าสะพายข้างสีแดงดำ ถูกซุกซ่อนโดยใช้เศษหญ้าแห้งปิดคลุม เมื่อเปิดดูภายในกระเป๋าพบกระสุนปืนลูกซองเบอร์ 12 ขนาด 2 แรงครึ่ง จำนวน 13 นัด / กระสุนปืนลูกซองเบอร์ 12 ขนาด 1 แรง จำนวน 5 นัด / เข็มขัดคาดเอวแบบมีช่องเก็บกระสุนปืนลูกซอง จำนวน 1 เส้น / กระสุนอาวุธปืนขนาด .22 จำนวน 50 นัด แยกเป็นกระสุนหัวระเบิด จำนวน 11 นัด และกระสุนหัวตะกั่ว จำนวน 39 นัด ทั้งหมดบรรจุอยู่ในกล่องกระสุน 1 กล่อง / นกหวีดแบบใช้เป่าล่อนก จำนวน 1 อัน / กระสุนอาวุธปืนไรเฟิล ยี่ห้อ WINCHESTER 30-06 SPRG จำนวน 3 นัด ซึ่งเป็นกระสุนแบบเดียวกันกับที่ตรวจพบในอาวุธปืนยาว (ปืนไรเฟิล) ยี่ห้อ STEYR-MANNLICHER-M หมายเลขตัวปืน 201820 ทะเบียนอาวุธปืน กท.2850473 / น้ำมันล้างปืน 1 ขวด / ไฟฉายสปอร์ตไลต์ยี่ห้อ Metro จำนวน 1 กระบอก / ช้อนส้อมแบบพับได้ 1 คู่ / มีดพับ 1 เล่ม

และจุดที่ 3 พบซากเสือดำ 1 ตัว ถูกชำแหละแล้ว รวมน้ำหนักซาก น้ำหนักกะโหลกและเครื่องในได้ 10.6 กิโลกรัม บรรจุอยู่ในถุงพลาสติกซุกซ่อนโดยใช้เศษหญ้าปิดคลุม
ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ได้แจ้ง 6 ข้อหา ฐานร่วมกันล่าสัตว์ป่าในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าโดยมิได้รับอนุญาต / ร่วมกันล่าสัตว์ป่าคุ้มครองโดยมิได้รับอนุญาต / ร่วมกันมีไว้ในครอบครองซึ่งซากของสัตว์ป่าคุ้มครองโดยมิได้รับอนุญาต / นำเครื่องมือสำหรับใช้ในการล่าสัตว์ป่าหรือจับสัตว์หรืออาวุธใดๆ เข้าไปในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าโดยไม่ได้รับอนุญาต / ร่วมกันเก็บหาของป่าในเขตป่าสงวนแห่งชาติโดยมิได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ / ความผิดต่อพระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน โดยถูกส่งดำเนินคดีที่ สภ.ทองผาภูมิ
//
สำหรับ นายเปรมชัย กรรณสูตร เป็นถึงประธานบริหาร บริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล็อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นบริษัทรับเหมาก่อสร้างแบบครบวงจร โดยนายเปรมชัย มีชื่อเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ ณ วันที่ 10 เมษายน 2556 จำนวน 820,484,470  หุ้น หรือคิดเป็นสัดส่วน     19.56% จากจำนวนผู้ถือหุ้นทั้งสิ้น 5 ราย 
ก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 26 พฤษภาคม 2557 นายเปรมชัย กรรณสูต ถูกคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เรียกไปรายงานตัว ทำให้เป็นที่จับตาว่า สาเหตุที่ถูกเรียกตัว อาจจะ เป็นท่อน้ำเลี้ยง ของพรรคเพื่อไทย เนื่องมาจาก บริษัทอิตาเลียนไทย มีชื่อเป็นผู้รับเหมาในโครงการใหญ่หลายโครงการในสมัยรัฐบาล นายทักษิณ ชินวัตร จนมาถึง ยุครัฐบาลพรรคเพื่อไทย โปรเจคใหญ่ๆไม่ว่าจะเป็นการก่อสร้างสนามบินสุวรรณภูมิ รถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน สีแดง สีม่วง  ท่าเรือน้ำลึกทวาย รวมถึงโครงการบริหารจัดการน้ำ 3 แสนล้านบาท แต่ภายหลังการเข้าพบ คสช.ในครั้งนั้น นายเปรมชัย ให้ข้อมูลว่า ถูกเชิญไปสอบถามเกี่ยวกับเรื่องธุรกิจทั่วๆไปเท่านั้น 
นอกจากนี้ บริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) ยังเป็นบริษัทผู้ก่อสร้าง โครงการก่อสร้างขยายถนนสาย 304 (กบินทร์บุรี-ปักธงชัย) ระยะทาง 15.5 กิโลเมตร ช่วงกิโลเมตรที่ 41-57 พร้อมกับก่อสร้างสะพานคู่และอุโมงค์ทางลอดสำหรับให้สัตว์เดินลอดข้าม เชื่อมผืนป่าระหว่างอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่กับทับลาน เพื่อให้สัตว์เดินข้ามด้านใต้ เนื่องจากอยู่ในพื้นที่รอยต่อระหว่างอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่และอุทยานแห่งชาติทับลาน ใน อ.นาดี จ.ปราจีนบุรี และเป็นส่วนหนึ่งของผืนป่าดงพญาเย็น-เขาใหญ่ ที่ได้รับการขึ้นบัญชีเป็นแหล่งมรดกโลกทางธรรมชาติเมื่อปี 2548 
//
ได้ใช้แล้วทางเชื่อมพื้นป่าแห่งแรก...
นายอภิชาต จันทรทรัพย์ รองอธิบดีกรมทางหลวง (ทล.) เปิดเผยว่า เมื่อวันที่3ก.พ.ที่ผ่านมา นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คมนาคมนำคณะผู้บริหารกระทรวงคมนาคมลงพื้นที่ตรวจโครงการก่อสร้างทางเชื่อมผืนป่าและการขยายทางหลวงหมายเลข 304 (จ.ปราจีนบุรี-จ.นครราชสีมา) ของทล. ขณะนี้โครงการมีความคืบหน้าภาพรวมกว่า80 % ประกอบด้วยโครงการย่อยระยะทางรวม 18.959 กม.งบประมาณ 2,908.822 ล้านบาท ดังนี้1.โครงการก่อสร้างสายอ.กบินทร์บุรี-อ.ปักธงชัย(ทางเชื่อมพื้นป่า) จ.ปราจีนบุรี จุดเริ่มต้นตั้งแต่กม.191+860-195+310 ระยะทาง 3.450 กม.รับผิดชอบก่อสร้างโดยบริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด(มหาชน) คืบหน้า75% 2. โครงการก่อสร้างขยายถนนหมายเลข 304 สายอ.กบินทร์บุรี-อ.วังน้ำเขียว ตอนที่จ.นครราชสีมา จ.ปราจีนบุรี (ส่วนที่1) ขนาดช่องจราจร (ขยายจากช่อง) ตั้งแต่กม.207+760 - กม.216+560 ระยะทาง 8.800 กม. โดยบริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด(มหาชน) คืบหน้า 34% และ 3.โครงการก่อสร้างขยายถนนสายอ.กบินทร์บุรี-อ.วังน้ำเขียว ตอนที่3 (จ.นครราชสีมา จ.ปราจีนบุรี ส่วนที่2)ขนาดช่อง ตั้งแต่กม. 216+560- กม.223+269 ระยะทาง 8.800 กม. โดยบริษัทธนะสินพัฒนา(1999 )จำกัด คืบหน้า21% ทั้งโครงการ คาดว่าจะเสร็จตามสัญญาภายในปีนี้ และเปิดให้ประชาชนใช้ได้อย่างเต็มรูปแบบต้นปี62

นายอภิชาต กล่าวต่อว่าในการก่อสร้างทางเชื่อมผืนป่าถือเป็นแห่งแรกของประเทสไทยมีทั้งอุโมงค์และสะพานทางยกระดับขนาด 4 ช่อง ช่วงที่เป็นสะพานจะให้รถยนต์ใช้สะพานและให้สัตว์เดินลอดใต้สะพาน ส่วนช่วงอุโมงค์จะให้รถยนต์ใช้อุโมงค์และสัตว์เดินข้ามบนหลังคาอุโมงค์ได้แบบธรรมชาติลดการเกิดอุบัติเหตุรถยนต์เฉี่ยวชนสัตว์ป่าที่เดินข้ามทางเชื่อมผืนป่าดงพญาเย็น-เขาใหญ่ให้เป็นสมบัติของชาวไทยและชาวโลก สำหรับอุโมงค์ 2จุด รวมระยะทาง 430 เมตร ขณะนี้ติดตั้งผนังเสร็จเรียบร้อยแล้วอยู่ระหว่างติดตั้งระบบไฟฟ้า หลังจากนี้จะถมดินด้านบนอุโมงค์โดยนำดินท้องถิ่นที่อยู่ในเกณฑ์คุณภาพดีมาถมอัดให้แน่นและปลูกต้นไม้ด้านบนจะหารือกรมอุทยานฯช่วยคัดสรรพันธุ์ไม้ ส่วนบริเวณที่เป็นทางยกระดับลักษณะสะพาน 2 สะพานคู่กัน รถวิ่งได้ฝั่งละ 2 ช่อง รวม ระยะทาง570เมตร ใต้ทางยกระดับที่เป็นทางเดินของสัตว์ป่า ขณะนี้ ได้เปิดใช้เป็นช่องจราจรชั่วคราว ฝั่งขาเข้ากรุงเทพฯแล้ว 2 ช่องให้รถวิ่งสวนทางกัน ส่วนขาออกอยู่ระหว่างเก็บรายละเอียดงาน คาดว่าก่อสร้างแล้วเสร็จทั้งอุโมงค์ และสะพานยกระดับปลายปีนี้ เพื่อเปิดใช้ต่อไป. ส่วนโครงการที่เหลือจะทยอยแล้วเสร็จพร้อมกันในปี 62

ด้านนายสุจิณ มั่งนิมิตร ผู้อำนวยการสำนักอำนวยความปลอดภัย ทล.กล่าวว่า อุโมงค์เชื่อมผืนป่าถือเป็นไฮไลต์ของโครงการเนื่องจากเป็นอุโมงค์ยาวประมาณ 250 เมตร ทล.จะนำระบบไฟไฮเทคโนโลยีมากกว่าอุโมงค์ปกติทั่วไปโดยจะปรับระดับแสงส่องสว่างภายในอุโมงค์ให้เท่าความสว่างของแสงภายนอกไม่ว่าจะเป็นกลางวันหรือกลางคืนเพื่อป้องกันการเกิดตาพล่ามัว หรือวูบกับแสงเวลาผู้ขับขี่ออกจากอุโมงค์ ทั้งนี้นายอาคมได้สั่งการให้ตรวจสอบระบบไฟฟ้า ระบบลม และเฝ้าระวังการเกิดอุบัติเหตุหลังเปิดใช้เพื่อความปลอดภัยของประชาชนด้วย
https://www.dailynews.co.th/economic/625403
22
รับเหมาแบ่งเค้กรถไฟฟ้า

ยักษ์รับเหมาจ้องตาเป็นมัน เค้กก้อนใหญ่รถไฟฟ้าสารพัดสี หลังครม.ประยุทธ์กดปุ่มเร่งเดินหน้า “.การช่าง/อิตาเลียนไทย/ซิโน-ไทย” เชื่อทุกรายรับกันถ้วนหน้า ปลัดคมนาคมแย้ม 1-2 เดือนได้ลุ้นประมูลสายสีส้ม แถมสายสีแดง และแอร์พอร์ตลิงค์ส่วนต่อขยาย พญาไท-บางซื่อ-ดอนเมือง และรถไฟทางคู่จิระ-ขอนแก่นที่จ่อครมด้านรฟม.เผยเตรียมแบ่งงานก่อสร้างไว้พร้อมแล้ว

หลังจากที่ ครม.ประยุทธ์กดปุ่มเดินหน้าเมกะโปรเจ็กต์โครงข่ายระบบรางโดยเฉพาะรถไฟฟ้าหลากสีทั้งในเขตกรุงเทพฯและปริมณฑล  เพื่อหวังกระตุ้นเศรษฐกิจ สร้างบรรยากาศการลงทุนในประเทศ  ทันทีที่รัฐบาลเร่งให้ทุกอย่างเดินหน้าเต็มที  มีความเคลื่อนไหวหนึ่งที่น่าติดตาม เมื่อบรรดายักษ์รับเหมาระดับท็อปของวงการไม่ว่าจะเป็นช.การช่าง หรือบมจ.อิตาเลียนไทยและซิโน-ไทย ถึงจะมีงานล้นทะลักหน้าตัก แต่ก็ยังหมายมั่นหวังชิงเค้กก้อนใหญ่นี้กันอย่างคึกคัก ค่อนข้างจะมั่นใจว่าจะคว้างานมาได้อย่างน้อย 25-30% ของโครงการใหม่ที่จะออกประมูลทั้งหมด

++”ไอทีดีอั้นแค่ 1.5 แสนล้าน


นายเปรมชัย  กรรณสูต  ประธานกรรมการ  บริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) หรือไอทีดี  กล่าวในที่ประชุมผู้ถือหุ้นเมื่อเร็วๆนี้ถึงการประมูลงานโครงการใหญ่ที่คาดว่าปีนี้จะมีอีกหลายโครงการทยอยกันออกมาไม่ว่าจะเป็นโครงการรถไฟฟ้าสายสีต่างๆของการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) อาทิ สายสีส้ม ชมพู เหลือง โครงการมอเตอร์เวย์ และโครงการรถไฟรางคู่ของการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.)อีก 5 สาย คาดจะมีงบประมาณร่วม 5 แสนล้านบาท ซึ่งบริษัทมีกำลังรับงานได้เพียง 1.5 แสนล้านบาทเท่านั้น ที่สามารถทำงานได้

นอกจากนี้นายเปรมชัยยังระบุอีกว่า ถ้าเกินกว่านี้ไม่สามารถรับงานได้ หรือเท่ากับ 2 หรือ 3 สัญญาเท่านั้น เพราะแต่ละโครงการมีมูลค่าสูงมาก เพราะต้องเก็บความสามารถเอาไว้รองรับงานอย่างอื่น โดยเฉพาะโครงการรถไฟไทย-จีน มูลค่าร่วม 4 แสนล้านบาท ที่คาดว่าสัญญาแรกจะมีมูลค่าถึง 2 แสนล้านบาท ที่น่าจะทำได้ก่อน และจำเป็นต้องใช้บริษัทของคนไทยมาเป็นซับคอนแทร็กซ์ ในการก่อสร้าง  ส่วนจีนคงจะเป็นฝ่ายควบคุมหลักเท่านั้น และมั่นใจว่ารถไฟความเร็ว 180กิโลเมตรต่อชั่วโมงซึ่งเกิดจากความร่วมมือระหว่างรัฐบาลไทยกับจีนในเส้นทาง กรุงเทพฯ-หนองคายย่อมเกิดได้แน่นอนภายในปีนี้

อย่างไรก็ดีในส่วนของความร่วมมือรถไฟไทย-จีนนั้นได้มีหารือผ่าน 2 รัฐวิสาหกิจของจีนทั้ง คือซีอาร์อีซีและซีอาร์ซีซี  ส่วนความร่วมมือรถไฟไทย-ญี่ปุ่นเราก็สนใจแต่คาดว่าจะใช้เวลาอีก 3ปี  โดยหวังงานยาก ๆ  และเชื่อว่าคนเก่งทางด้านไหนก็คงจะประมูลงานด้านนั้น

สำหรับเงินลงทุนที่จะต้องใช้ในการขยายงานนั้น นายเปรมชัยกล่าวว่างานประมูลรัฐไม่จำเป็นต้องใช้เงินทุนเพราะสามารถเบิกเงินล่วงหน้า 15 % เป็นเงินทุนอยู่แล้ว ด้านปัญหาแรงงานนั้น คงจะต้องใช้แรงงานเพิ่มมากขึ้น ซึ่งส่วนใหญ่ ไอทีดีใช้แรงงานจากเมียนมาร์ ซึ่งเวลานี้ประเทศไทยเปิดทางให้ใช้แรงงานต่างชาติจาก ลาว กัมพูชาและเมียนมาร์ ส่วนแรงงานบังกลาเทศนั้นค่าแรงแพงกว่าไทย

ส่วนแผนการทำกำไรนั้น นายเปรมชัย ชี้แจงว่าเป็นความตั้งใจของผู้บริหารที่จะแสวงหากำไรเพิ่มมากขึ้นและเห็นว่างานราชการได้กำไรน้อย ส่วนงานภาคเอกชนก็จะถูกต่อรองมาก แต่งานราชการจำเป็นต้องทำเพราะเป็นงานส่วนใหญ่ของประเทศ ทำให้มีเงินหมุนเวียนมาเลี้ยงพนักงาน และองค์กร

เรามั่นใจว่าระยะยาวอัตราผลตอบแทนกำไรจะมากกว่า 1 % โดยในปี 2557 บริษัทมีรายได้ 4.9 หมื่นล้านบาท ปี 2558 คาดว่าจะมีรายได้ 5-6 หมื่นล้าน โดยมีงานที่รอเซ็นสัญญาอีก 1.7 แสนล้านบาท ในไตรมาสที่ 2 ของปีนี้จาก 8 โครงการ คาดจะมีแบ็กล็อกในมือ 3.5 แสนล้านบาท


++ช.การช่างตั้งเป้าได้งานอีก25%


นายพงษ์สฤษดิ์ ตันติสุวณิชกุล ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานพัฒนาธุรกิจ บริษัท ช.การช่าง จำกัด(มหาชน) หรือ CK  กล่าวว่าปีนี้ ช.การช่างยังใช้งบลงทุนตามปกติประมาณ10-15% ของปริมาณงานในมือหรือแบ็กล็อกที่ปัจจุบันมีอยู่ประมาณ 9.3 หมื่นล้านบาท และยังคาดว่าจะสามารถรับงานอย่างต่อเนื่องกันไปโดยมีเป้าหมายที่จะรับงานได้ปีนี้อีกราว 25% ของปริมาณการประมูลงานของรัฐบาล

การร่วมประมูลเดินรถสายสีชมพูและสายสีเหลืองก่อนที่จะก่อสร้างนั้นเราไม่พลาดร่วมแข่งขันอย่างแน่นอนเนื่องจากมีบริษัทลูกอย่างบีเอ็มซีแอลพร้อมดำเนินการอีกทั้งยังมีพันธมิตรจากอีกหลายประเทศพร้อมให้การสนับสนุน เท่านั้นยังไม่พออุปกรณ์และบุคลากรก่อสร้างยังสามารถรับงานได้อีกมาก เช่นเดียวกับความพร้อมด้านการร่วมลงทุนนั้นยังเห็นว่าเป็นสิ่งที่รัฐควรเร่งดำเนินการ ส่วนภาคเอกชนมีความพร้อมอย่างเต็มที่โดยเฉพาะบริษัทชั้นนำของไทย ขอเพียงรัฐบาลแสดงความชัดเจนแต่ละโครงการเท่านั้น เช่น การเดินรถไฟฟ้า มอเตอร์เวย์ 2 เส้นทาง โครงการท่าเรือน้ำลึก เป็นต้น


++ซิโน-ไทยเชื่อแบ็กล็อกปีนี้ 5 หมื่นล.


เช่นเดียวกับนายภาคภูมิ  ศรีชำนิ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซิโน-ไทย เอ็นจิเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด(มหาชน) หรือ STEC  ที่กล่าวยืนยันว่าเตรียมพร้อมประมูลอยู่แล้วทุกเส้นทาง และอยากให้มีโครงการออกมาอย่างเป็นรูปธรรมโดยเร็ว  ล่าสุดสายสีเขียวทางซิโน-ไทยก็ได้มา 2 สัญญา ส่วนอีก 5-6  เส้นทางคือสายสีส้ม สายสีชมพู สายสีเหลือง สายสีแดงมิสซิ่งลิงค์และแอร์พอร์ตลิงค์ส่วนต่อขยายนั้นที่คาดว่าจะเปิดประมูลในปีนี้เราก็พร้อมดำเนินการ โดยซิโน-ไทยยังมีการเตรียมความพร้อมทางด้านเทคโนโลยีการก่อสร้าง มีการแสวงหาเครื่องมือตลอดจนอุปกรณ์ก่อสร้างพร้อมทั้งหาวิธีการในการก่อสร้างใหม่เพื่อนำมาช่วยลดการใช้แรงงานและเป็นการช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานด้วย

สำหรับความเห็นด้านการร่วมลงทุนนั้นพร้อมร่วมงาน ทั้งนี้ รัฐควรเร่งดำเนินการ เพราะภาคเอกชนเตรียมการมานานแล้ว โดยเฉพาะบริษัทชั้นนำของไทย ขอเพียงรัฐบาลเร่งผลักดันออกมาโดยเร็วเท่านั้น  เช่น ร่วมการลงทุนเดินรถไฟฟ้า  โครงการก่อสร้างมอเตอร์เวย์ 2 เส้นทางคือ บางใหญ่-กาญจนบุรี และบางปะอิน-นครราชสีมา หรือโครงการท่าเรือน้ำลึก 3-4 แห่งของกรมเจ้าท่า เป็นต้น

รายได้ในปีนี้คาดการณ์ว่าจะทำได้ประมาณ  2 หมื่นล้านบาท  ส่วนแบ็กล็อกประมาณ 5 หมื่นล้านบาท คาดว่าจะสามารถรับงานได้เรื่อยๆแต่ปีนี้ตั้งเป้าที่จะได้งานไว้ 3 หมื่นล้านบาท ล่าสุดได้สายสีเขียวเหนือ หมอชิต-สะพานใหม่-คูคต 2 สัญญา กว่า 6 พันล้านบาท


++ลุ้นสายสีส้มเปิดประมูล1-2เดือนนี้


นางสร้อยทิพย์ ไตรสุทธิ์ ปลัดกระทรวงคมนาคม เปิดเผย ฐานเศรษฐกิจถึงความคืบหน้าโครงการรถไฟ-รถไฟฟ้าเส้นทางต่างๆที่อยู่ระหว่างการเร่งผลักดันว่า เมื่อวันที่ 9 เมษายนที่ผ่านมาได้มีการประชุมหารือกรณีที่จะนำรถไฟฟ้าสายสีส้ม ช่วงพระราม 9-มีนบุรีเสนอให้คณะกรรมการจัดระบบการจราจรทางบก(คจร.)พิจารณากรณีที่ได้ปรับเปลี่ยนแนวเส้นทางจากเดิมกำหนดผ่านชุมชนประชาสงเคราะห์ ย่านดินแดง-ห้วยขวางนั้น แต่เนื่องจากประชาชนต่อต้านพร้อมเสนอให้ปรับเปลี่ยนแนวมาเป็นเชื่อมโยงแยกพระราม 9 แทนเพื่อเลี่ยงผลกระทบต่อชุมชนดังกล่าว

เบื้องต้นนี้มีความเป็นไปได้อย่างมากที่สายสีส้มจะสามารถเปิดประมูลได้ใน 1-2 เดือนนี้ซึ่งอาจต่อเนื่องไปกับโครงการระบบรถไฟชานเมืองสายสีแดงอ่อน ช่วงบางซื่อ-พญาไท-มักกะสัน-หัวหมาก และสายสีแดงเข้ม ช่วงบางซื่อ-หัวลำโพง หรือเรียกว่าช่วงมิสซิ่งลิงค์ ระยะทางประมาณ 26 กิโลเมตร มูลค่า 3.3 หมื่นล้านบาท และส่วนต่อขยายแอร์พอร์ตลิงค์ ช่วงพญาไท-บางซื่อ-ดอนเมือง วงเงิน 2.8 หมื่นล้านบาทที่นำเสนอเลขาธิการคณะรัฐมนตรี(ครม.)ไปแล้ว


++สีชมพู-สีเหลืองปลายปีนี้จะชัดเจน


ด้านนายธีรพันธ์ เตชะศิรินุกูล รองผู้ว่าการกลยุทธ์และแผน การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย(รฟม.) กล่าวถึงความคืบหน้าสายสีชมพู(แคราย-มีนบุรี) และสายสีเหลือง(ลาดพร้าว-สำโรง) ที่จะใช้รูปแบบการเดินรถแบบโมโนเรลนั้น ขณะนี้เรื่องดังกล่าวอยู่ระหว่างการเร่งสรุปรูปแบบการร่วมลงทุน PPPs NetCross ของระบบเดินรถและซีวิลเวิร์กให้สอดคล้องกับการก่อสร้างโครงการดังกล่าว

เรื่องนี้เสนอกระทรวงคมนาคมมาแล้วครั้งหนึ่ง  แต่ได้ให้กลับไปพิจารณาทบทวนรูปแบบการเดินรถ จากนั้นจึงนำไปสู่การออกแบบก่อสร้าง โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการยื่นขออนุมัติดำเนินโครงการรูปแบบการร่วมลงทุน PPPs NetCross  กับระบบเดินรถและซีวิลเวิร์ก ล่าสุดบอร์ดรฟม.ได้อนุมัติให้ดำเนินการแล้วเมื่อวันที่ 3 เมษายนที่ผ่านมา คาดว่าในอีก 2 สัปดาห์จะเร่งนำเสนอไปยังสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร(สนข.) กระทรวงคมนาคม  และคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ(คตร.) พิจารณา ก่อนนำเสนอครม.อนุมัติให้ดำเนินการโดยเร็วต่อไป ซึ่งคาดว่าปลายปีนี้จะชัดเจนด้านการเปิดประมูลเพื่อหาผู้รับการดำเนินการด้านระบบเดินรถและการก่อสร้างงานโยธาควบคู่กันไป


++เตรียมแบ่งงานสายสีส้ม 3-6สัญญา


นายพีระยุทธ  สิงห์พัฒนากุล ผู้ว่าการรฟม. กล่าวว่า กรณีรถไฟฟ้าสายสีส้ม ช่วงพระราม 9-มีนบุรี จะแบ่งสัญญาการก่อสร้างทั้งใต้ดินและยกระดับ โดยใต้ดินอาจแบ่งออกเป็น 1-2 สัญญารูปแบบดีไซน์แอนด์บิลต์  ส่วนยกระดับประมาณ 1-2 สัญญา นอกจากนั้นยังมีสัญญางานระบบไฟฟ้า อาณัติสัญญาณ และระบบราง 1-2 สัญญา

ล่าสุดรถไฟฟ้าสายสีส้ม(ตะวันออก) ช่วงพระราม 9-รามคำแหง-มีนบุรีได้มีการหารือร่วมกับกระทรวงคมนาคมและสนข.แล้ว เพื่อนำเสนอเข้าสู่การเห็นชอบของคณะกรรมการจัดระบบการจราจรทางบก(คจร.)ต่อไป


++สายสีแดง/แอร์พอร์ตลิงค์ ซอย 6-8 สัญญา


ด้านนายจเร รุ่งฐานีย วิศวกรใหญ่ฝ่ายโครงการพิเศษและก่อสร้างร.ฟ.ท.กล่าวว่า กรณีสายสีแดงอาจแบ่งออกเป็น 3-4 สัญญารวมงานระบบด้วย ส่วนแอร์พอร์ตลิงค์ส่วนต่อขยายจะแบ่งออกเป็น 2-3สัญญาคืองานโยธาช่วงพญาไท-บางซื่อ 1 สัญญา  ช่วงบางซื่อ-ดอนเมือง 1 สัญญา และงานระบบอีก 1สัญญา  นอกจากนั้นยังมีโครงการรถไฟทางคู่ เส้นทางจิระ-ขอนแก่น อยู่อีก 1 เส้นทาง  วงเงิน 2.6 หมื่นล้านบาทที่นำเสนอครม.ไปแล้ว

++ยักษ์รับเหมาตุนหน้าตักไว้เพียบ


สำหรับการประมูลงานก่อสร้างโครงการรถไฟฟ้าที่ผ่านมา จากการรวบรวมของฐานเศรษฐกิจซึ่งประกอบด้วยสายสีม่วง ช่วงบางซื่อ-บางใหญ่ สายสีน้ำเงิน ช่วงหัวลำโพง-บางแค และบางซื่อ-ท่าพระ สายสีเขียว ช่วงแบริ่ง-สมุทรปราการ สายม่วง ช่วงบางซื่อ-บางใหญ่ และสายสีเขียว ช่วงหมอชิต-คูคต นั้น ปรากฏว่ามีเพียงบริษัทก่อสร้างชั้นนำเท่านั้นที่แบ่งเค้กไปตามๆกัน  โดย บมจ. อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ หรือ ITD ชนะประมูลงานก่อสร้างรวมแล้วกว่า 8.2 หมื่นล้านบาท โดยงานที่มีมูลค่าสูงสุดคือ งานก่อสร้างเส้นทาง รถไฟฟ้าสายสีเขียว ช่วงหมอชิต-คูคตกว่า 1.5 หมื่นล้านบาท และงานก่อสร้างเส้นทางใต้ดิน ช่วงหัวลำโพง-สนามชัย สำหรับรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน วงเงินกว่า 1.1 หมื่นล้านบาท เป็นต้น

ตามด้วยบมจ.ซิโน-ไทย ได้งานก่อสร้างรวมกว่า 3.3 หมื่นล้านบาท มีงานก่อสร้างทางยกระดับช่วงท่าพระ-หลักสอง และสร้างศูนย์ซ่อมบำรุง กับอาคารจอดรถ 2 แห่ง ในโครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน และงานโครงสร้างยกระดับ ช่วงสะพานพระนั่งเกล้า-คลองบางไผ่ และก่อสร้างสะพานข้ามแม่น้ำเจ้าพระยา ในโครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วง วงเงินกว่า 1.3 หมื่นล้านบาท

ส่วน บมจ.ช.การช่าง ชนะการประมูลงานก่อสร้างรถไฟฟ้าสายต่างๆเป็นวงเงินเกือบ 3 หมื่นล้านบาท ที่เด่นๆคือ สายสีเขียวช่วงแบริ่ง-สมุทรปราการ ได้งานเกือบทั้งหมด มีงานก่อสร้างทางยกระดับ สร้างสะพานข้ามคลองสำโรง ก่อสร้างศูนย์ซ่อมบำรุงและอาคารจอดรถ เป็นวงเงินรวม 1.4 หมื่นล้านบาท
///
''เปรมชัย'' แห่งอิตาเลียนไทย ไขปริศนา ทำไมถูกเรียกตัว...ที่แท้คุยเรื่องน้ำ
ออกมาเคลียร์กันให้ชัด ๆ อีกครั้ง สำหรับ "เปรมชัย กรรณสูต" บิ๊กรับเหมาค่ายมหาชน "บมจ.อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์" เบอร์หนึ่งของเมืองไทย หลังมีชื่อติดโผกลุ่มนักธุรกิจที่ "คสช.-คณะรักษาความสงบแห่งชาติ" เรียกไปรายงานตัวเมื่อวันที่ 26 พฤษภาคมที่ผ่านมา
ทำให้หลายคนวิเคราะห์ไปไกลว่า สาเหตุที่ทำให้ "เปรมชัย" ถูกเรียกตัวกะทันหัน เพราะเป็นท่อน้ำเลี้ยงของเพื่อไทย อาจจะเป็นเพราะชื่อของ "อิตาเลียนไทย" ได้ประทับตราโครงการขนาดใหญ่หลายโครงการในยุค พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เรื่อยมาจนถึงยุครัฐบาลเพื่อไทย ไม่ว่าจะเป็นสนามบินสุวรรณภูมิ รถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน สีม่วง สีแดง โปรเจ็กต์บริหารจัดการน้ำ 3 แสนล้านบาท และท่าเรือน้ำลึกทวาย
ขณะ ที่ "เปรมชัย" บอกกับ "ประชาชาติธุรกิจ" ว่า วันนั้นมีนักธุรกิจถูกเชิญไป 6 คน ในส่วนของตนทาง คสช.เชิญไปสอบถามเรื่องธุรกิจทั่ว ๆ ไป เช่น โครงการบริหารจัดการน้ำ รถไฟฟ้า รถไฟทางคู่ โครงการทวาย โดยถามว่าควรจะเดินหน้ายังไงและมีความคิดเห็นยังไงในฐานะนักธุรกิจ เพื่อจะขับเคลื่อนเศรษฐกิจและการลงทุนของประเทศให้เดินหน้าต่อไปได้ ไม่ได้มีอะไรเลย (หัวเราะ)
"ผมก็อธิบายไปว่ามันเป็นโลจิกส์ ยังไงก็ต้องเดินหน้าต่อ ผมว่าก็เป็นสิ่งที่ดีนะ เพราะเริ่มเห็นทางออก รู้สึกเขาจริงใจและแอ็กทีฟแก้ปัญหามาก โดยมาปลดล็อกการลงทุนให้ไปต่อได้ ก็เป็นผลดีต่อธุรกิจก่อสร้าง"
สำหรับอิตาเลียนไทย "เปรมชัย" บอกว่า ก็รอดูว่าทาง คสช.จะทำได้ตามที่มีนโยบายออกมาหรือไม่ ปัจจุบันบริษัทรอยื่นเสนอราคาโครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีเขียว จากหมอชิต-สะพานใหม่-คูคต ค่าก่อสร้างกว่า 2.6 หมื่นล้านบาท และรถไฟทางคู่สายฉะเชิงเทรา-คลองสิบเก้า-แก่งคอย ค่าก่อสร้างกว่า 1.1 หมื่นล้าน ซึ่งทั้ง 2 โครงการบริษัทยื่นประมูลเดี่ยวไม่ได้จอยต์เวนเจอร์กับบริษัทอื่น เนื่องจากมีศักยภาพมากพอที่จะยื่นประมูลได้
ส่วนโครงการบริหาร จัดการน้ำ "บิ๊กอิตาเลียนไทย" ระบุว่า ทาง คสช.จะไม่ยกเลิกแต่จะนำทุกโครงการมารีวิวใหม่ เพื่อนำโครงการที่พร้อมก่อสร้างมาเดินหน้าต่อไป มีความเป็นไปได้ว่าจะไม่ดำเนินการทั้งโครงการ จะเลือกเฉพาะโครงการที่พร้อมจริง ๆ
"บริษัทประมูลได้ 5 โมดูล มูลค่างาน 106,846 ล้านบาท เช่น อ่างเก็บน้ำ ปรับปรุงลำน้ำสายหลัก ส่วนใหญ่ไม่ค่อยมีปัญหา ทั้งหมดก็ผ่านเวทีประชาพิจารณ์ตามที่ศาลปกครองมีคำสั่งแล้ว เหลือรับฟังความคิดเห็นใน 2 พื้นที่คือกรุงเทพฯและนครปฐม เพราะยุบสภาเสียก่อน จึงต้องหยุดกิจกรรมไว้ แนวโน้มโครงการที่จะมีปัญหาคือฟลัดเวย์เพราะค้านเยอะ"
ทั้งนี้ จากนโยบายของ "พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา" หัวหน้า คสช.จะเร่งขุดลอกคูลอกแม่น้ำเป็นลำดับแรกนั้น "เปรมชัย" บอกว่า ยิ่งดีเพราะเป็นโครงการที่บริษัทประมูลได้ในโมดูล A4 อยู่แล้ว เป็นงานปรับปรุงสภาพลำน้ำสายหลักและป้องกันการกัดเซาะตลิ่งริมแม่น้ำใน พื้นที่แม่น้ำยม น่าน และเจ้าพระยา
หลังมีคนมาขันนอตให้ทุกอย่าง เดินหน้าแบบนี้ ทำให้ "อิตาเลียนไทย" เริ่มเห็นแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์ เมื่อโครงการที่หมายตากำลังเริ่มรุดหน้า ไม่ได้ถูกแช่แข็งทำให้เรี่ยวแรงที่ดูเหมือนจะอ่อนล้า กลับมามีชีวิตชีวามากขึ้น ส่วนจะไปได้มากน้อยแค่ไหน ก็ต้องลุ้นต่อไป
//

เปรมชัย กรรณสูต จากCEOอิตาเลี่ยนไทย สู่นักล่าแห่งป่าทุ่งใหญ่ ขุมทรัพย์4หมื่นล้าน จับตาซุปเปอร์คอนเนคชั่น:กับบ่วงข้อหา-กับดักกรรม???

จากกรณีเฟซบุ๊กเพจคนอนุรักษ์ ได้เผยแพร่ภาพพร้อมข้อความที่ระบุถึง กรณีเจ้าหน้าที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร ด้านตะวันตก รับแจ้งว่าพบนักท่องเที่ยวกลุ่มหนึ่ง ตั้งแคมป์พักในบริเวณจุดห้ามตั้ง เข้าตรวจสอบจึงพบว่า นักท่องเที่ยวหนึ่งในกลุ่มนี้ คือ นายเปรมชัย กรรณสูตร ประธานบริหารและ กรรมการ บมจ.อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ บริษัทมหาชน ตรวจสอบบริเวณเต๊นท์พัก พบซากสัตว์ป่าคุ้มครอง คือ ไก่ฟ้าหลังเทา ซากเนื้อเก้ง

ทั้งนี้เจ้าหน้าที่แจ้งข้อหา 1. ฐานร่วมกันล่าสัตว์ป่าในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าโดยมิได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ ตามมาตรา 36 และมาตรา 53 แห่งพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2535  2. ฐานร่ 3. ฐานร่วมกันมีไว้ในครอบครองซึ่งซากของสัตว์ป่าคุ้มครองโดยมิได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ ตามมาตรา 19 และมาตรา 47 แห่งพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2535

4. ฐานนำเครื่องมือสำหรับใช้ในการล่าสัตว์ป่าหรือจับสัตว์หรืออาวุธใดๆ เข้าไปในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าโดยไม่ได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ ตามข้อ 1 (1) ของกฎกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ฉบับที่ 7 (พ.ศ. 2538) ออกตามความตามมาตรา 37 แห่งพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2535

5. ฐานรวมกันเก็บหาของป่าในเขตป่าสงวนแห่งชาติโดยมิได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ ตามมาตรา 14 แห่งพระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ. 2507

6. สำหรับความผิดต่อพระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ. 2490 ขอให้พนักงานสอบสวนดำเนินการแจ้งความกล่าวโทษตามฐานความผิดต่อไป
วมกันล่าสัตว์ป่าคุ้มครองโดยมิได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ ตามมาตรา 16 และมาตรา 47 แห่งพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2535
สำหนับผู้ต้องหา ประกอบด้วย

1.) นายเปรมชัย กรรณสูต อายุ 63 ปี อยู่บ้านเลขที่ 12/3 ซอยศูนย์วิจัย 3 แขวงบางกะปิ เขตห้วยขวาง กรุงเทพมหานคร  ประธานบริหารและ กรรมการ บมจ.อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ บริษัทมหาชน

2.) นายยงค์ โดดเครือ อายุ 65 ปี อยู่บ้านเลขที่ 84 หมู่ที่ 8 ตำบลคุ้งพยอม อำเภอบ้านโป่ง จังหวัดราชบุรี

3.) นางนที เรียมแสน อยู่บ้านเลขที่ 102 หมู่ที่ 1 ตำบลทุ่งสว่าง อำเภอประทาย จังหวัดนครราชสีมา

4.) นายธานี ทุมมาศ อายุ 56 ปี อยู่บ้านเลขที่ 47 หมู่ที่ 3 ตำบลช่องสะเดา อำเภอเมืองกาญจนบุรี จังหวัดกาญจนบุรี

ย้อนไปสำหรับนายเปรมชัย กรรณสูต เป็นลูกชายคนสุดท้องของหมอชัยยุทธ กรรณสูต ผู้ร่วมกันก่อตั้งกลุ่มบริษัทอิตัลไทย โดยเปรมชัย ก้าวขึ้นเป็นกรรมการผู้จัดการบริษัทอิตาเลียนไทยตั้งแต่อายุยังน้อย จบปริญญาตรี MINING ENGINEERING จากCOLORADO SCHOOL และ MBA จาก UNIVERSITY OF SOUTHERN CALIFORNIA  ขณะที่ผู้เป็นพ่อ คือหมอชัยยุทธได้วางคอนเนคชั่นกับนักการเมืองรัฐบาลอย่างแนบแน่น และนายเปรมชัยเองก็เริ่มสร้างสัมพันธ์กับนักการเมืองรุ่นใหม่ขณะนั้น ด้วยเช่นกัน ซึ่งว่ากันว่ามีทั้งพรรคประชาธิปปัตย์และพรรคชาติไทย

อย่างไรก็ตามนายเปรมชัย เปรียบเหมือนลูกไม้ใต้ต้นของหมอชัยยุทธ ซึ่งครั้งหนึ่งสื่อผู้จัดการได้เปิดเผยถึงบุคลิกของนายเปรมชัยไว้อย่างน่าสนใจว่าบางทีดูน่าเกรงขามกว่าผู้เป็นพ่อ ในบางครั้งก็ดูสุภาพอ่อนน้อม ก่อนที่สื่อดังกล่าวจะทิ้งท้ายไว้เมื่อหลายสิบปีก่อนว่า วันข้างหน้าช่างท้าทายความสามารถของคนหนุ่มอย่างเปรมชัยได้เป็นอย่างดี จะเป็นตัวตายตัวแทนที่สมบูรณ์แบบคงได้รู้กันในไม่ช้า
ผู้ถือหุ้นรายใหญ่ 10 อันดับแรก  ITD บริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) ซึ่งปีที่ผ่านมามีตัวเลขทางธุรกิจเป็นรายได้กว่า 4 หมื่นล้าน ( ณ 31 มี.ค. 2560 )จำนวนหุ้น %

1. นาย เปรมชัย กรรณสูต 785,494,526 14.88
2. นาง นิจพร จรณะจิตต์ 371,698,140 7.04
3. นาย วิชัย วชิรพงศ์ 228,148,600 4.32
4. บริษัท ไทยเอ็นวีดีอาร์ จำกัด 180,272,538 3.41
5. นาย เจษฎา เลิศนันทปัญญา 144,865,500 2.74
6. นาย ประวิตร พันธ์สายเชื้อ 80,452,400 1.52
7. นาย ทวีฉัตร จุฬางกูร 69,000,000 1.31
8. STATE STREET BANK AND TRUST COMPANY 63,262,733 1.20
9. นาง วลัยพร สมภักดี 60,570,700 1.15
10. CHASE NOMINEES LIMITED 52,635,515 1.00




ไม่มีความคิดเห็น: