PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันอังคารที่ 20 พฤศจิกายน พ.ศ. 2561

ประชาธิปไตยจำกัด

ไม่เชื่ออย่าลบหลู่ แค่นาทีแรก วิญญาณ “นักการเมืองอาชีพ” ก็เข้าสิงร่างนายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รมว.พาณิชย์ เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ แบบทันทีทันควัน

กับลีลาคุยคำโต “โวลั่น” จะกวาด ส.ส. 350 เสียง

เป็นอาการฮึกเหิม ทันทีที่นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ กับนายสมศักดิ์ เทพสุทิน นำทีมกลุ่ม “สามมิตร” กว่า 60-70 ชีวิต ถือฤกษ์วันอาทิตย์สลายร่างเข้าเป็นสมาชิกยี่ห้อ “พปชร.”

อารมณ์ “มือใหม่หัดขับ” กุมารน้อยการเมืองที่ตื่นตาตื่นใจกับตัวเลขที่เริ่มจับต้องสัมผัสได้

แต่ของจริง “โคตรเซียน” ทีมงานเบื้องหลัง “พลังประชารัฐ” ยังไม่กล้าประเมินเกมเข้าข้างตัวเอง

ตามสถานการณ์ที่ยังก้ำกึ่ง พรรคพลังประชารัฐจะว่าแข็งก็ยังไม่แข็ง จะว่าอ่อนก็ไม่อ่อน เพราะตัว “ผู้นำ” ยังมีแค่ทีม “รัฐมนตรี 4 กุมาร” ที่นำโดย “อุลตร้าแมนอุตตม” นายอุตตม สาวนายน รมว.อุตสาหกรรม หัวหน้าพรรค ก็เพิ่งไต่เพดานบินขึ้นมาในยุทธจักรนักการเมืองอาชีพ

เพิ่งรีบทำการเมืองแบบพาร์ตไทม์ตีคู่งานบริหาร ยังไม่เป็นที่รู้จักพอ

มันต้องรอคิวพระเอกคนสำคัญ จังหวะ “นายกฯลุงตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ เปิดตัวเป็น “นายกฯบัญชีพรรค”

นั่นแหละเครื่องยนต์หลัก “พลังประชารัฐ” จะเดินเครื่องแรงเต็มสูบ

ตามรูปการณ์เดิมพันที่เน้นมากกว่าผลทางการเมือง นั่นคือเงื่อนไขความมั่นคง

แกะรอยจากที่นายสุริยะเปิดอกพูดตรงๆ การรับงานเสริมทีมพลังประชารัฐ เพราะได้รับการต่อสายจากผู้ใหญ่ในรัฐบาลที่สนิทกันสมัยทำงานอยู่กับรัฐบาลไทยรักไทย

ไม่ได้เอ่ยนามว่าเป็นนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกฯ

นัยว่า ภายใต้เงื่อนไขสถานการณ์ที่เห็นนรกอยู่ข้างหน้า ถ้าการเมืองยังเป็น 2 ขั้ว แบ่งข้างรบกันระหว่างฝั่ง “ทักษิณ” กับ “ประชาธิปัตย์” วิกฤติความขัดแย้งก็หนีไม่พ้นวนซ้ำไปซ้ำมา

เลือกตั้งเดี๋ยวก็ลากม็อบออกมาตีกัน เผาบ้านเผาเมือง ปิดถนน ชัตดาวน์กรุงเทพฯกันวุ่นวาย

ถึงจุดนั้นประเทศไทยจะไม่มีใครเอาอยู่

นั่นคือที่มาของการตัดสินใจหวนคืนสนามการเมืองอีกคำรบ “สุริยะ” ต้องเสี่ยงเปิดเกมรบ “นายใหญ่”

แฝงเหลี่ยมแค้น ไฟต์ “หักดิบ” อดีตคนกันเอง

และตามโปรไฟล์อย่างที่รู้ “สมคิด-สุริยะ-สมศักดิ์” คือห้องเครื่องพรรคไทยรักไทยผู้มีส่วนสำคัญในการเป็นบันไดให้ “ทักษิณ” ไต่ขึ้นมายิ่งใหญ่ทางการเมือง

เรื่องลึกๆลับๆ เกมซับซ้อนซ่อนกล รู้ไต๋ รู้เชิงกันดี

“สมคิด-สุริยะ-สมศักดิ์” วัดกับ “ทักษิณ” มวยรอบจัด เหลี่ยมทันกันซะขนาดนี้ ปรากฏการณ์แบบที่ว่าจะชนะขาดแบบ“แลนด์สไลด์” หรือ “หิมะถล่ม” ในกติกาเลือกตั้งแบบจัดสรรปันส่วนผสมตามสมการ “มีชัย”

โอกาสความน่าจะเป็นทางคณิตศาสตร์แทบจะเหลือศูนย์

เอาเป็นว่า ณ ตรงนี้ วัดกันที่ทุน เปิดหน้าตัก เกกันตรงหน้า

แค่เงื่อนไขตรงชื่อ “สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ-สันติ พร้อมพัฒน์” สองหัวจ่ายศักยภาพสูง ยี่ห้อที่ทีมนกแลของ “ทักษิณ” รู้ศักยภาพดี สวิงไปอยู่กับพลังประชารัฐ

ถึงตรงนี้ “ทักษิณ” ยืมเงินเพื่อนแทงไฮโลไม่ได้

สภาพ “หัวจ่าย” โดนบล็อกหมด ในสถานการณ์จำเป็นต้องควักหน้าตักทุ่มทุนสร้างเอง ก็ยังต้องพะว้าพะวงกับเกมเสี่ยงทางยาว ในภาวะที่ยุทธศาสตร์แตกแบงก์พันเป็นแบงก์ร้อย ก็กลายเป็นกระตุ้นรอยร้าว

จากแตกปลอมกลายเป็นแตกจริง และแตกกันเละเทะ

“เจ๊” เขม่น “เจ๊” ลามเป็น “เจ๊” ฟัด “เฮีย” โซ้ยกันนัวเนีย

ปรากฏการณ์แบบที่ “เดอะอ๋อย” นายจาตุรนต์ ฉายแสง อดีตรักษาการหัวหน้าพรรคไทยรักไทย ที่คุมทัพสู้คดียุบพรรคภาคแรก เสี่ยงตายในสนามมาทุกสถานการณ์

ไปกันไม่ได้กับ “เจ๊หน่อย” คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์

เจ้าแม่เมืองกรุง ที่ถือธงนอมินีภาคสาม

ตามอาการเหยียบตาปลากันตั้งแต่ชั่วโมงแรกๆที่ “เดอะอ๋อย” ไม่สบอารมณ์ “เจ๊หน่อย” เคลมอำนาจการบริหารในพรรคสั่งการแบ่งงานผ่านสื่อ ต่อเนื่องถึงช็อต “เสี่ยไก่” นายวัฒนา เมืองสุข ที่รับบทเป็นตัวแทน “เจ๊หน่อย” ล็อกคอ “เดอะอ๋อย” ให้ลงสมัคร ส.ส.เขต เฝ้าถ้ำพื้นที่เมือง แปดริ้ว ฉะเชิงเทรา

ล่อเป้ากันเองจนถึงช็อตสุดท้าย ที่สุดนายจาตุรนต์ก็ต้องชิ่งพรรคเพื่อไทยมาใส่เสื้อทีมไทยรักษาชาติ

อู้อี้ๆอ้างกติการัฐธรรมนูญไม่เอื้อให้เหมือนยี่ห้อ “พลังประชารัฐ”

กัดฟันกลืนเลือดกบปาก กลบเกลื่อนฉากหน้าชื่นอกตรม

กับสภาพคนฟากประชาธิปไตยที่แฝงอยู่ในคราบ “บริษัทชินจำกัด”.

ทีมข่าวการเมือง

ไม่มีความคิดเห็น: