PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันจันทร์ที่ 4 มีนาคม พ.ศ. 2562

จุดตัดสินใจกาบัตร

การคาดการณ์กันว่า ตัวเลขพรรคที่จะได้คะแนนสูงสุดอยู่ที่ 130 เสียงเท่านั้น เลือกตั้งระบบใหม่คือปัจจัยหนึ่ง ที่คุยว่าจะกวาดหมดคงเป็นเรื่องยากเสียแล้ว

ข่าว “เขย่าขวด” สุดสัปดาห์นี้อีกเพียงไม่กี่วันการเลือกตั้งก็จะเกิดขึ้นคือ 24 มี.ค.62 นั่นเท่ากับว่าจากนี้ไปทุกพรรคการเมืองจึงต้องระดมหาเสียงกันอย่างเข้มข้น

ใครมีอะไรก็ต้องงัดออกมาแสดงให้ประจักษ์ว่ากันว่าพรรคการเมืองใหญ่ต่างก็จะควัก “ทีเด็ด” ที่เตรียมการเอาไว้เพื่อกระตุ้นความนิยมแบบเต็มสูบ

ก็ต้องดูกันต่อไปจะ “ซื้อใจ” กันได้มากน้อยแค่ไหน?

แต่ที่ไม่ค่อยแฮปปี้เท่าใดนักคือไทยรักษาชาติ (ทษช.) ที่อ่อนเปลี้ยไปตาม ลำดับเมื่อศาลรัฐธรรมนูญได้นัดออกคำพิพากษา “ยุบพรรค”

7 มี.ค.62 คือวันตัดสินชะตา...

ถ้าถูก “ยุบ” ก็เท่ากับพรรคเครือข่าย “แบงก์พัน” จะหายไปจากจอการเมืองทันที ซึ่งจะส่งผลโดยตรงต่อแนวทางแยกกันเดินรวมกันตีทันที

ไม่ว่าจะคิดมุมไหนก็เป็นเรื่องยากลำบากที่หวังจะได้คะแนนมาบวกเพิ่มที่พรรคเพื่อไทย เพื่อชาติ

ยอดรวมจึงไม่น่าจะมีคะแนนมาเทให้ นอกจากจะลดต่ำลงเท่านั้น

ว่ากันว่าก่อนจะเข้าโค้งสุดท้ายนั้นมีการคาดการณ์ตัวเลขของพรรคการเมืองที่จะได้ ส.ส.โดยรวมสูงสุด

น่าจะอยู่ที่ตัวเลข 130 เสียง...

ด้วยเหตุผลที่ว่าเนื่องจากการเลือกตั้งครั้งนี้เป็นรูปแบบใหม่คือจัดสรรปันส่วนผสม ทุกคะแนนล้วนมีค่า

ทำให้มีพรรคการเมืองเพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมากทั้งพรรคใหญ่ พรรคขนาดกลาง พรรคเล็ก ซึ่งต่างเชื่อมั่นว่าจะได้ ส.ส.แน่ๆ จะมากจะน้อยเป็นอีกเรื่องหนึ่ง

3 พรรคการเมืองใหญ่มีโอกาสที่จะก้าวไปถึงจุดนั้น

คือเพื่อไทย ประชาธิปัตย์ พลังประชารัฐ

ซึ่งจะไปในลักษณะพรรคไหนได้มากก็จะดึงตัวเลขของอีก 2 พรรคให้ลดลงเนื่องจากมีความสัมพันธ์ที่แยกกันไม่ออก

ขนาดพูดกันว่าพรรคที่หัวหน้าพรรคเคยประกาศว่าหากได้ไม่เกิน 100 เสียงจะลาออกจากตำแหน่งหัวหน้าพรรคทันที

ลึกๆ แล้วมีโอกาสที่จะเป็นไปเช่นนั้นเสียด้วย

หรือพรรคที่ประกาศว่าจะได้ถึง 300 เสียง หรือจะได้เสียงมากสุดก็ต้องกลับไปคิดตัวเลขที่เคยโม้เอาไว้นั้น

เพราะจะกลายเป็นฝันลมๆแล้งๆ

ไม่ใช่ฝันหวาน เพราะสถานการณ์การเมืองในยุคสมัยนี้มีการพัฒนาเปลี่ยนแปลงไปมาก

วันนี้กระแสการขับเคลื่อนเพื่อเข้าสู่ประเด็นในการต่อสู้กันอย่างที่บอกว่าเป็นการต่อสู้ระหว่างประชาธิปไตยกับเผด็จการ

ล่าสุดมีกระแสใหม่ที่บอกว่าจะเอา “ทักษิณ หรือประเทศไทย”

เป็นกระแสที่แรงสุดมากกว่ากระแสประชาธิปไตยเผด็จการ มากกว่าตัดงบทหาร มากกว่ายุติการเกณฑ์ทหาร มากกว่ายิ้มเพราะโง่

ที่ว่าอย่างนี้น่าจะมาจากความจริงทางการเมืองที่ต้องเรียนรู้ว่าเหตุการณ์ต่างๆที่ผ่านมาจนเป็นผลให้เกิดปัญหาความขัดแย้งที่ยาวนาน

การตัดสินใจกาบัตรจึงมีตัวแปรที่ชัดเจน

ว่าอะไรเป็นอะไร ใครเป็นใคร สาเหตุมาจากอะไร ที่สำคัญก็คือคนไทยไม่ต้องการที่จะให้บ้านเมืองกลับไปสู่วงจรอุบาทว์นั้นอีก

เป็นความจริงทางการเมืองที่จะได้เห็นกัน!!!

“ลิขิต จงสกุล”

ไม่มีความคิดเห็น: