PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันพฤหัสบดีที่ 4 เมษายน พ.ศ. 2562

รายงาน : วิกฤต เลือกตั้ง วิกฤต โลกยุค ดิจิทัล วิถี ‘อนาล็อก’

รายงาน : วิกฤต เลือกตั้ง วิกฤต โลกยุค ดิจิทัล วิถี ‘อนาล็อก’



ต้องยอมรับว่า “ภูมิทัศน์” ทางการเมืองได้เปลี่ยนไป พลันที่ผ่านการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 24 มีนาคม สังคมประเทศไทยก็เป็นเหมือนกับการเปลี่ยนผ่านของฤดู

เมื่อฤดูมีการเปลี่ยน เสื้อผ้าอาภรณ์ก็ต้องเปลี่ยน

จากหน้าหนาวไปยังหน้าร้อนก็เป็นอย่างหนึ่ง ขณะเดียวกัน เมื่อร่องรอยแห่งฝนเริ่มตั้งเค้าก็ต้องมีการตระเตรียมร่มและเสื้อกันฝน

นี่เป็นธรรมดาของธรรมชาติ นี่เป็นธรรมดาของคน

กล่าวในทางการเมืองเด่นชัดยิ่งว่า การเลือกตั้งเมื่อวันที่ 24 มีนาคม ได้นำสิ่งใหม่และปัจจัยอันสะท้อนถึงการเปลี่ยนแปลงเป็นอย่างสูง

เพราะห่างเหินมา 8 ปี เพราะอยู่ในบรรยากาศอึดอัดมาเกือบ 5 ปี

อย่างน้อยบรรยากาศในห้วงแห่งการหาเสียงก็เป็นสัญญาณเตือน อย่างน้อยการปรากฏขึ้นของเทคโนโลยีใหม่ก็เป็นเครื่องบ่งบอกว่านี่คือการเลือกตั้งอันจะต้องก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลง

แต่ดูเหมือนว่าผ่านมา 7 วันหลายคนก็ยังอยู่กับโลกเก่า

ตัวอย่างอันบ่งชี้ให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงและการไม่ยอมรับกับการเปลี่ยนแปลงที่เด่นชัดเป็นอย่างมาก คือ กระบวนการของ กกต. และปฏิกิริยาอันเกิดจากความหงุดหงิดต่อ กกต.

เสียงจาก กกต.เหมือนกับยังจมนิ่งอยู่กับยุค “อนาล็อก”

เสียงอันดังมาจาก คสช. เสียงอันดังมาจาก ผบ.เหล่าทัพ ก็แทบไม่แตกต่างไปจาก กกต. แทบไม่แตกต่างไปจากคนที่ยังอยู่ในโลกเก่า

เป็นโลกหลังรัฐประหารเมื่อเดือนพฤษภาคม 2557

นั่นก็คือ ยังเห็นแต่ “คนหน้าเดิม” ในแบบจ่านิว หรือเอกชัย เท่านั้นที่ออกโรง กระทั่งมองข้ามสภาพที่เป็นจริงจาก “นิวโหวตเตอร์” กว่า 7 ล้านคน

นั่นก็คือ มองว่าคนเหล่านี้โยงไปยังพรรคการเมืองบางพรรค


ทั้งๆ ที่ในความเป็นจริง ปฏิกิริยาของคนเหล่านี้มิได้อยู่ที่สกายวอล์ก มิได้อยู่ที่แยกราชประสงค์ หากแต่อยู่ตามตึกของคณะต่างๆ ในมหาวิทยาลัย

ตรงนี้ต่างหากที่ คสช.และ ผบ.เหล่าทัพมองไม่เห็น หรือมองข้ามไป

เมื่อมองด้วยสายตาแบบเก่า มองด้วยสายตาที่หยุดนิ่ง ไม่ยอมรับต่อปัจจัยใหม่ในทางการเมืองอันเกิดขึ้นและสำแดงตัวในห้วงก่อนและหลังการเลือกตั้ง

จึงงัดเอา “วิธีการ” แบบเดิมๆ เข้ามาจัดการ

นั่นก็เห็นได้จากการส่งเจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจทั้งในและนอกเครื่องแบบเข้าสยบ นั่นก็เห็นได้จากการส่งเจ้าหน้าที่ไปป้องปรามตามบ้าน

หากไม่เจอเจ้าตัว ก็มุ่งไปยังพ่อแม่ ผู้ปกครอง

บทสรุปก็คือ มองเห็นว่าเป็นการเคลื่อนไหวของเด็กๆ ไร้เดียงสา อ่อนหัดในทางการเมือง ทั้งๆ ที่ตามกฎหมายพวกเขาเมื่อเข้าเรียนในมหาวิทยาลัยล้วนมีสิทธิในการออกเสียง ลงคะแนน

แม้กระทั่งที่พรรคอนาคตใหม่ได้มากกว่า 6 ล้านคะแนนก็ไม่รู้สึก

เมื่อมีบทสรุปที่ผิดพลาด คลาดเคลื่อนไปจากสภาพความเป็นจริงในทางการเมือง กรรมวิธีในการบริหารจัดการกับปัญหาจึงผิดพลาด คลาดเคลื่อนไปด้วย

ใช้วิธีการ “อนาล็อก” กับคนในยุคแห่ง “ดิจิทัล”

คําเตือนโบราณมีมาอย่างยาวนานแล้วตามหลักแห่งธรรมชาติ นั่นก็คือ เมื่อฤดูกาลเปลี่ยน เสื้อผ้าอาภรณ์ก็ต้องปรับเปลี่ยนให้เหมาะสมกับสภาพ

นั่นคือ เรื่องในทางกายภาพ

เมื่อสภาพการณ์ทางการเมืองอันเป็นผลสะเทือนจากการเลือกตั้งก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลง ย่อมเป็นการเปลี่ยนอย่างลึกซึ้งไปถึงรากฐานในทางความคิด

นี่ย่อมเป็นเรื่องทั้งในทางความคิดและในทางการเมือง

ไม่มีความคิดเห็น: