(16ธ.ค.2556)นายมนตรี สินธวิชัย หรือครูยุ่น ผู้ก่อตั้งและเลขาธิการมูลนิธิคุ้มครองเด็ก กล่าวถึงกรณีนายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการ กปปส. ปราศรัยพาดพิงน้องไปป์ ว่า คำปราศรัยดังกล่าวแสดงออกอย่างชัดเจนว่าถ้าน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีไม่ยอมลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีรักษาการ น้องไปป์ ก็อยู่ในประเทศไทยไม่ได้ การเอาลูกมาข่มขู่แม่นั้นถือเป็นการเอาจุดอ่อนของคนเป็นแม่มาพูด ซึ่งการปราศรัยดังกล่าวมีความต้องการให้เกลียดชังตระกูลชินวัตร ไม่เว้นแม้แต่เด็ก โดยการหน้านี้น้องไปป์ได้รับผลกระทบจากเหุตการณ์ทางการเมืองมาแล้ว 3 ครั้ง คือ การที่น.ส.ยิ่งลักษณ์ ถูกกดดันทางการเมืองอย่างหนัก การที่ถูกเป่านกหวีดใส่ และการที่ถูกปราศรัยพาดพิง ถือเป็นผลกระทบโดยตรงต่อตัวเด็ก
“การขึ้นพูดให้คนจำนวนมากฟังอาจทำให้เกิดความเกลียดชังเด็กอย่างไม่มีสาเหตุขึ้นมาได้ ทั้งที่จริงเด็กควรได้รับการคุ้มครอง ที่สำคัญไม่ควรนำเด็กมายุ่งเกี่ยวกับเกมการเมืองไม่ว่าในสถานการณ์หรือกรณีใดๆ อีกแง่ที่ต้องคิดคือการที่คนฟังรับเรื่องอย่างนี้ได้ โดยไม่คำนึงถึงอะไรทั้งสิ้นถือว่าเป็นเรื่องน่ากลัว และถ้าเรายังปล่อยให้เรื่องการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้องกับเด็กโดยไม่ที่เรายังฟังได้โดยไม่ตั้งคำถาม ต่อจากนี้ไปการแสดงทัศนคติของผู้ใหญ่ต่อเด็กก็ไม่ต้องคำนึงถึงความเหมาะสมอะไรแล้ว ซึ่งผมคิดว่าอันตราย” ครูยุ่น กล่าว
“การขึ้นพูดให้คนจำนวนมากฟังอาจทำให้เกิดความเกลียดชังเด็กอย่างไม่มีสาเหตุขึ้นมาได้ ทั้งที่จริงเด็กควรได้รับการคุ้มครอง ที่สำคัญไม่ควรนำเด็กมายุ่งเกี่ยวกับเกมการเมืองไม่ว่าในสถานการณ์หรือกรณีใดๆ อีกแง่ที่ต้องคิดคือการที่คนฟังรับเรื่องอย่างนี้ได้ โดยไม่คำนึงถึงอะไรทั้งสิ้นถือว่าเป็นเรื่องน่ากลัว และถ้าเรายังปล่อยให้เรื่องการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้องกับเด็กโดยไม่ที่เรายังฟังได้โดยไม่ตั้งคำถาม ต่อจากนี้ไปการแสดงทัศนคติของผู้ใหญ่ต่อเด็กก็ไม่ต้องคำนึงถึงความเหมาะสมอะไรแล้ว ซึ่งผมคิดว่าอันตราย” ครูยุ่น กล่าว
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น