กรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ชุดใหม่ เห็นพ้องโหวตเลือกดำรงตำแหน่งประธานด้วยมติเอกฉันท์ กระบวนการจากนี้ จะเสนอชื่อไปยังประธานวุฒิสภา นำขึ้นทูลเกล้าฯต่อไป
เกิด 8 กุมภาพันธ์ 2492 นิติศาสตรบัณฑิต มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (มธ.) เนติบัณฑิตไทย สำนักอบรมศึกษากฎหมายแห่งเนติบัณฑิตยสภา,รัฐศาสตรมหาบัณฑิต (บริหารรัฐกิจ) มธ.
ผ่านการดำรงตำแหน่งสำคัญ เช่น ผู้พิพากษาศาลจังหวัดอุตรดิตถ์, ผู้พิพากษาศาลแขวงพระนครใต้ ศาลแขวงพระนครเหนือ
ผู้พิพากษาหัวหน้าคณะในศาลอาญาธนบุรี, ผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา, รองอธิบดีผู้พิพากษาภาค 4 และภาค 2
ผู้พิพากษาหัวหน้าคณะในศาลอุทธรณ์ภาค 8 และภาค 4, ประธานแผนกคดีเยาวชนและครอบครัวในศาลอุทธรณ์ภาค 4, ผู้พิพากษาศาลฎีกา, ผู้พิพากษาหัวหน้าคณะในศาลฎีกา
ปี 2552 ประธานศาลอุทธรณ์ภาค 1 เทียบเท่ากับรองประธานศาลฎีกา ก่อนเกษียณอายุราชการและได้รับการแต่งตั้งเป็นผู้พิพากษาอาวุโสในศาลฎีกา
เป็น กต. ผู้ทรงคุณวุฒิในศาลฎีกาและชั้นศาลอุทธรณ์ พิจารณาเรื่องร้องเรียนโยกย้ายและวินัยผู้พิพากษา และเคยเป็น กต.ในชั้นศาลฎีกา
มาจากสายที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกา 136 คน เลือกเป็นผู้สมควรได้รับการเสนอชื่อเป็น กกต.ได้คะแนนเกินกึ่งหนึ่งคือ 70 คนเดียวเท่านั้นในการประชุมใหญ่ครั้งแรก
นอกจากนี้ ยังได้คะแนนเสียงเห็นชอบสูงสุด 105 เสียงจากวุฒิสภา จากจำนวนทั้งหมด 5 คนอีกด้วย
ยืนยันหลังได้รับเลือกเป็นว่าที่ประธาน กกต.ว่า จะปฏิบัติหน้าที่ตรงไปตรงมา ยึดตัวบทกฎหมายเป็นหลัก ถูกผิดว่าตามข้อเท็จจริง ไม่กลั่นแกล้งผู้ใด
พร้อมกับจัดการเลือกตั้งให้สุจริต โปร่งใส
เกิด 8 กุมภาพันธ์ 2492 นิติศาสตรบัณฑิต มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (มธ.) เนติบัณฑิตไทย สำนักอบรมศึกษากฎหมายแห่งเนติบัณฑิตยสภา,รัฐศาสตรมหาบัณฑิต (บริหารรัฐกิจ) มธ.
ผ่านการดำรงตำแหน่งสำคัญ เช่น ผู้พิพากษาศาลจังหวัดอุตรดิตถ์, ผู้พิพากษาศาลแขวงพระนครใต้ ศาลแขวงพระนครเหนือ
ผู้พิพากษาหัวหน้าคณะในศาลอาญาธนบุรี, ผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา, รองอธิบดีผู้พิพากษาภาค 4 และภาค 2
ผู้พิพากษาหัวหน้าคณะในศาลอุทธรณ์ภาค 8 และภาค 4, ประธานแผนกคดีเยาวชนและครอบครัวในศาลอุทธรณ์ภาค 4, ผู้พิพากษาศาลฎีกา, ผู้พิพากษาหัวหน้าคณะในศาลฎีกา
ปี 2552 ประธานศาลอุทธรณ์ภาค 1 เทียบเท่ากับรองประธานศาลฎีกา ก่อนเกษียณอายุราชการและได้รับการแต่งตั้งเป็นผู้พิพากษาอาวุโสในศาลฎีกา
เป็น กต. ผู้ทรงคุณวุฒิในศาลฎีกาและชั้นศาลอุทธรณ์ พิจารณาเรื่องร้องเรียนโยกย้ายและวินัยผู้พิพากษา และเคยเป็น กต.ในชั้นศาลฎีกา
มาจากสายที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกา 136 คน เลือกเป็นผู้สมควรได้รับการเสนอชื่อเป็น กกต.ได้คะแนนเกินกึ่งหนึ่งคือ 70 คนเดียวเท่านั้นในการประชุมใหญ่ครั้งแรก
นอกจากนี้ ยังได้คะแนนเสียงเห็นชอบสูงสุด 105 เสียงจากวุฒิสภา จากจำนวนทั้งหมด 5 คนอีกด้วย
ยืนยันหลังได้รับเลือกเป็นว่าที่ประธาน กกต.ว่า จะปฏิบัติหน้าที่ตรงไปตรงมา ยึดตัวบทกฎหมายเป็นหลัก ถูกผิดว่าตามข้อเท็จจริง ไม่กลั่นแกล้งผู้ใด
พร้อมกับจัดการเลือกตั้งให้สุจริต โปร่งใส
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น