PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันอังคารที่ 18 มีนาคม พ.ศ. 2557

MH370ซับซ้อนดั่งภาพยนตร์ สลัดอากาศ

กรณี MH370หายจากการติดต่อก่อนเจอในมหาสมุทรอีก7ชม.ต่อมา ไม่ธรรมดาดูจาก การรายงานนี้แล้ว เหมือนกับในภาพยนตร์เลยทีเดียว

เรื่องมันเป็นอย่างนี้ค่ะ.....
ก่อนที่ความจริงของเที่ยวบิน MH370 จะถูกเปิดเผย มีหน่วยข่าวสำคัญของประเทศฝ่ายตรงข้ามกับอเมริกา คาดคะเนเหตุการณ์จากข้อเท็จจริง ซึ่งมีหลักฐานชัดเจนตามที่ปรากฏเป็นข่าว และความจริงจากดาวเทียมที่บังเอิญรับสัญญาณสุดท้ายจาก MH370 ได้ ดังนี้ค่ะ 
1. Transponder และ ACARS ตั้งใจปิดจากใครบางคน ในห้องนักบิน เพื่อไม่ให้จับตำแหน่งของ MH 370 ตอนประมาณ 1721 z (หลัง takeoff 40 นาที)
2. เครื่องเปลี่ยนทิศบินมาทางตะวันตก 
3. มีการไต่ระดับขึ้นสู่ความสูง 45,000ฟุตซึ่งเกิน Limitation ของ B777 หลังจากนั้นได้ลดระดับมาที่ 23,000 ฟุต
4. เครื่องไม่ตกกระแทก เพราะ ELT ไม่ส่งสัญญาณฉุกเฉิน
5. เครื่องไม่ตกน้ำ (ในช่วงแรก) เพราะ Black box ไม่ส่งสัญญาณฉุกเฉิน
6. ดาวเทียม 1 ดวง รับรู้สัญญาณจาก MH370 เวลาประมาณ 0011z หลังจากเหตุในข้อ 1 แล้ว เกือบ 7 ชั่วโมง
7. มีผู้โดยสาร 2 คนใช้ passport ปลอม
เรื่องเริ่มจากชาวอิหร่าน 2 นายที่ใช้ passport ปลอม ถูกอุ้ม โดยมือพระกาฬจากหน่วยงานลับของอเมริกัน ปลอมตัวเดินทางมากับ MH370 ซึ่งต้องการ "ของบางอย่าง" จาก "ใครบางคน" บนเครื่องนี้ ที่จะอันตรายต่อสหรัฐเป็นอย่างยิ่ง
มีลูกเรือคนหนึ่ง อยู่ในทีมนี้ด้วย ทำให้สามารถ Hijack เครื่องได้โดยง่าย หลัง Takeoff มาสัก 40 นาที นักบินมาเลย์ทั้งสองถูกทำให้สลบในพริบตา จากฝีมือทีมพระกาฬที่เชี่ยวชาญด้านจารกรรม ทั้งอาวุธและมือเปล่า 
Transponder ถูกปิดลง ตามมาด้วย ACARS โดย hijacker มือพระกาฬ ซึ่ง ATC มาเลย์ทวงถามว่า ตอนนี้รับตำแหน่งไม่ได้แล้ว เครื่องมีปัญหาอะไรหรือไม่ ซึ่ง Hijacker ตอบกลับว่า อยู่ในการควบคุมของเวียดนามแล้ว ไม่ต้องเป็นห่วง " All right Good night" เป็นข้อความสุดท้ายที่ส่งมาจากมือพระกาฬ หนึ่งในสองคนนี้

MH370 ถูกบังคับเลี้ยวด้วย hi bank angle มาทาง ทิศตะวันตก ไต่ขึ้น 45,000 ฟุต เพื่อหลบการชนกันกับเครื่องอื่นๆ ที่มีมากมายในบริเวณนี้ นอกจากนั้นทำให้ระบบ pressurization เกิด CABIN ALTITUDE warning ซึ่งผู้โดยสารและลูกเรือทั้งหมดต้องนั่งกับที่ ใส่หน้ากากอ๊อกซิเจน ไฟฟ้าในห้องโดยสาร ติดสว่างอย่างอัตโนมัติ จากนั้น Hijacker ตัดระบบอ๊อกซิเจนของผู้โดยสารออก แล้วบังคับ outflow valve แบบ manual ให้ fully OPEN ปล่อยให้ cabin altitude ขึ้นไป 45,000 ฟุต ทำให้ผู้โดยสารทั้งหมดเสียชีวิตภายในไม่กี่วินาที ยกเว้นทีมพระกาฬ 3 คน ควบคุมเครื่องบินได้อย่างอิสระ จากนั้น ลดระดับลงมาที่ 23,000ฟุต เดินทางต่อมาอีก 4 ชั่วโมง เหนือมหาสมุทรที่ radar จับไม่ได้ จนถึงเกาะแห่งหนึ่งในมหาสมุทรอินเดีย
กองกำลังลับ อีกจำนวนหนึ่งรอรับอยู่ ณ เกาะแห่งนี้ เมื่อได้ของที่ต้องการแล้ว ทีมช่างที่เตรียมไว้ ได้ถอด ทั้ง ELT , Flight recorder และ voice recorder ออกทั้งหมด ต่อจากนั้นเครื่องบินถูกติดเครื่องอีกครั้งหนึ่ง ใช้นักบินคนเดียวที่ใส่ชุดเตรียมพร้อมเพื่อจมเครื่องลำนี้ใต้มหาสมุทรลึก เป็นการอุ้มที่สมบูรณ์แบบ สะท้านโลกในยุค 2014

ปฏิบัติการสมบูรณ์แบบตามแผน เครื่องถูก takeoff จากเกาะแห่งนั้น แล้วบินต่ออีกประมาณ 2 ชั่งโมง จนน้ำมันหมด ไม่มีร่องลอยจากน้ำมันที่กระจายตัวให้เห็น เมื่อเครื่ิองและผู้โดยสารอีก 236 คน ถูกจมลงใต้มหาสมุทรลึก

***แต่วินาทีสุดท้ายที่ไฟฟ้าดับลง เข้าสู่ระบบ แบตเตอรี่สำรอง ปรากฏว่า GPS ของเครื่องกลับมาทำงาน ping สัญญาณ กับดาวเทียมดวงหนึ่ง (อย่างไม่ตั้งใจ) ทำให้รู้ว่าเครื่องบินทั้งลำถูกอุ้ม และหายไป หลังออกเดินทางจาก กัวลาลัมเปอร์ แล้ว 7 ชั่งโมง***

คอยดูเหตุการณ์นี้กันค่ะว่าใครจะเป็น แ พ ะ

ไม่มีความคิดเห็น: