PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันพุธที่ 12 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

แฉ..เบื้องลึกสุดลับ แก็งค์สภาท่าพระเสาร์ เขาเป็นใครกันแน่ ? (ตอน 2)

วันที่ 12 พ.ย.57 แฉ..เบื้องลึกสุดลับ แก็งค์สภาท่าพระเสาร์ เขาเป็นใครกันแน่ ? (ตอน 2)
Cr:แฉ..ความลับ @ เสธ นํ้าเงิน
ช่วงนี้ แก็งค์แก็งค์สภาท่าพระเสาร์ มีการโจมตีอัดผู้นำรัฐบาล ถี่ยิบ มีการพาดหัวพุ่งเป้าโจมตีบิ๊กตู่ เรื่องให้สำรวจแหล่งพลังงานใหม่ แบบไม่เว้นแต่ละวัน และใเครือข่ายออกมาค่อนขอดโจมตี การซื้อขายที่ดินเขตบางบอน กรุงเทพฯ จำนวน 50 ไร่ มูลค่า 600 ล้านบาท ซึ่งบิดาบิ๊กตู่ ที่อายุกว่า 90 ปีแล้ว ขายให้กับบริษัท แห่งหนึ่งด้วย
ที่ดินแห่งนี้ตั้งอยู่บนถนนบางบอน 3 ที่ผืนนี้ปัจจุบันไม่มีการใช้ประโยชน์ ด้านหน้าติดกับถนนสายหลัก คือ บางบอน 3 ด้านหลังติดกับหมู่บ้านจัดสรร ฝั่งซ้าย และขวา รัศมีไม่เกิน 500 เมตร ก็เป็นหมู่บ้านจัดสรรเช่นกัน จึงเป็นที่ดินไข่แดงความเจริญ
ที่ดินผืนนี้ บิดาบิ๊กตู่ทำงานเป็นทหารมาทั้งชีวิต เป็นผู้ครอบครองเดิม เคยเปิดให้ชาวบ้านแถวนั้นเช่าถูกๆ ทำสวนดอกรัก ย้อนกลับไปช่วงปี 2543-2544 รัฐบาลสมัยนั้น มีโครงการขุดคลองเจ้าพระยา 2 ซึ่งจะตัดผ่านที่ดินแห่งนี้ จึงได้ออกประกาศขอเวนคืนที่ดิน ทำให้ชาวบ้านรีบขายที่ดินทิ้ง ราคาสูงถึงไร่ละ 10-12 ล้านบาท
รัฐบาลยุคต่อมา ยกเลิกโครงการนี้ พื้นที่บางบอนจึงถูกหมายปองจากทุกคนอีกครั้ง เนื่องจากราคาถูกกว่าย่านอื่น เช่น เมื่อเทียบกับที่ดินย่านถนนกัลปพฤกษ์ ซึ่งอยู่ใกล้กัน แต่ราคากลับสูงถึงไร่ละ 30-40 ล้านบาท
ช่วงประมาณปลายปี 2549-2550 บริษัทอสังหาริมทรัพย์ ได้เข้ามาสร้างหมู่บ้านจัดสรรย่านนี้จำนวนมาก มีการขยายถนนเป็น 4 ช่องทาง ทำให้ราคาที่ดินถีบตัวสูงขึ้นจนปัจจุบันอยู่ที่ไร่ละ 18-20 ล้านบาท
ต่อมาสมัยปูข้าวเน่า ได้บริหารผิดพลาดจนเกิดน้ำท่วมใหญ่ปี พ.ศ.2554 บิดาบิ๊กตู่ จึงได้ประกาศขายที่ดิน คนในพื้นที่ต่างก็ทราบข่าวการประกาศขายช่วงปลายปี 2554 ถึงต้นปี 2555 กันเป็นอย่างดี
จนเมื่อวันที่ 9 พ.ค. 2556 มีบริษัท อสังหาริมทรัพย์ มาซื้อที่ดินแปลงนี้จำนวน 50 ไร่ ของบิดา บิ๊กตู่ มูลค่า 600 ล้านบาท (เฉลี่ยไร่ละ 12 ล้านบาท) ราคาที่ขายจึงไม่ได้สูงเกินจริง อย่างที่พวกเสี้ยมทั้งหลายใส่ไฟ
โดยกฎหมายกำหนดไว้ว่า ถ้าซื้อขายที่ดินต่ำกว่าราคาประเมิน จะคิดภาษีที่ราคาประเมิน แต่ถ้าขายสูงกว่าราคาประเมิน จะคิดภาษีที่ราคาซื้อขาย ดังนั้นการซื้อขายที่ดินนี้ในราคาไร่ละ 12 ล้านบาท จึงต่ำกว่าความเป็นจริงถึงไร่ละ 8 ล้านบาท ซึ่งไม่ผิดปกติใดๆ
จากข้อมูลของ กรมธนารักษ์ ระบุว่า ที่ดินแปลงดังกล่าวมีราคาประเมินอยู่ที่ตารางวาละ 2 หมื่นบาท หรือไร่ละ 8 ล้านบาท การขายที่ไร่ละ 12 ล้านบาท จึงถือว่าไม่แพง หรือสูงกว่าราคาประเมินมากเกินเกตุ เพราะเป็นที่ดินย่านนั้นที่มีความเจริญมากแล้ว
ข้อมูล จากศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย บริษัท เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส ประเมินไว้เมื่อวันที่ 4 พ.ย.56 ที่ผ่านมาว่า การซื้อขายที่ ราคาไร่ละประมาณ 12 ล้านบาท ใกล้เคียงกับมูลค่าตลาด โดยราคาที่ดินแปลงเล็กประมาณ 5-10 ไร่ ติดถนนบางบอน 3 มีราคาตามการสำรวจ ไร่ละ 15-18 ล้านบาท
คนที่ทำธุรกิจ อสังหาริมทรัพย์ ก็ประเมินว่า ทำเลทองบริเวณถนนบางบอน มีราคาสูงถึงตารางวาละ 4-5 หมื่นบาท หรือกว่าไร่ละ 16 ล้านบาท ดังนั้นบิดาของบิ๊กตู่ ที่เป็นทหารมาทั้งชีวิต และไม่ได้ใช้จ่ายสุหรุ่ยสุร่ายใด จนบัดนี้อายุกว่า 90 ปีแล้ว จะมีที่ดินสัก 50 ไร่ ย่อมไม่เกินวิสัย
และการขายที่ดิน เพื่อเป็นมรดกให้บุตร ก็ทำได้ตามกฎหมาย ก็เหมือนคนไทยทุกคน ที่สามารถขยายมรดกตนเองที่ทำมาหากินมาโดยสุจริตตั้งแต่หนุ่ม แล้วก็ให้เงินนั้นแบ่งกับลูกๆ ไม่เห็นจะเกี่ยวกับการทำหน้าที่ของบิ๊กตู่ตรงไหน แก็งค์สภาท่าพระเสาร์ และเครือข่ายสื่อแดง ก็ค่อนขอด กระแนะกระแหนะ อิจฉาตาร้อน
อีกทั้ง ป.ป.ช. ก็ได้ออกมาแถลงแล้วว่า เจ้าหน้าที่ของสำนักตรวจสอบทรัพย์สินภาคการเมืองได้รายงานการตรวจสอบให้ทราบแล้วว่า ทรัพย์สินของบิ๊กตู่ ที่ยื่นมาแล้วถึงความถูกต้องและไม่พบว่ามีสิ่งผิดปกติ ส่วนที่ดินย่าน บางบอนซึ่งเป็นมรดกของบิดาบิ๊กตู่ นั้น ทรัพย์สินที่ยื่นมาก็ถูกต้อง..จบข่าวเรื่องนี้ สารพัดแก็งค์ทั้งหลายหน้าแตกเพล้งๆ
---------------->
ที่เพจนี้มีเป้าหมายเดิมที่ยึดมั่น ที่ไม่เคยเปลี่ยนแปลงแม้เวลาเปลี่ยนไป คือ " การปฏิรูปประเทศไทยต้องสำเร็จ " การที่มีขบวนการมาทำดินถล่มทางรถไฟสายปฏิรูป จึงต้องมี “ ใครสักคนที่ลงไปโกยดินนั้นเอาออกจากรางรถไฟ” ไป ให้รถไฟสายปฏิรูปเคลื่อนต่อไปได้
งั้นลองมาดูปริศนา ชาติกำเนิด หัวหน้าแก็งค์สภาท่าพระเสาร์ บ้างว่าจะเป็น The X File โปร่งใสขนาดไหน เรื่องนี้เคยมีการนำมาเผยแพร่บ้างแล้ว แต่อาจจำกัดวงเล็กๆ เพื่อไขปริศนาประโยชน์ต่อสาธารณะ จึงจะพาไปตามรอยลึกลับนี้อีกครั้ง
เขาเคยใช้คำว่า “ กู้ชาติ " ในการก่อม็อบหลายครั้ง ความหมายของคำว่า " ชาติ" จึงมีความหมายที่ลึกลงไปในจิตวิญญาณของคนเผ่าไทยทุกคน ที่มีความรักชาติ รักแผ่นดินตนเอง อันเป็นสามัญวิสัยของคนไทยตลอดมา แต่ความหมายของคำว่า " ชาติ " ของสภาท่าพระเสาร์ คืออะไร หมายถึง " ประเทศไทย " หรือเปล่า ?? ลองอ่านข้อมูลเบื้องลึกสุดซับซ้อนนี้ ท่านคงอึ้งถึงกับฉี่ไม่ออก
จากตอนที่แล้วที่เล่าว่าปี พ.ศ.2492 การเมืองภายในของจีนแตกออกเป็นสองเสี่ยง เกิดการสู้รบกันเองของฝ่ายนายพล เจียงไคเช็ค พรรคก๊กมินตั๋ง และ ฝ่ายคอมมิวนิสต์ ภายใต้การนำของ เหมาเจ๋อตง จนมีกองพล 93 ของเจียงไคเช็ค เข้ามาอยู่ในดินแดนไทย
** เรื่องเดิมตอนที่แล้วที่https://www.facebook.com/topsecretthai/posts/285678731622161
ตามข้อมูลที่เล่ามาจะเห็นได้ว่า ชาวจีนอพยพ กองพล 93 เพิ่งจะได้รับอนุญาตให้มีบัตรประชาชนไทยถาวรได้ในปี พ.ศ.2529 นี่เอง เพราะช่วงปี 2514 - 2521 ยังเป็นช่วงของการอนุญาตให้แปลงสัญชาติเป็นไทย แต่ทางการไทยยังไม่ออกบัตรประชาชนให้
บิดา ของสภาท่าพระเสาร์ ชื่อ วิเชียร มารดาชื่อ ไชย้ง เป็นอดีตสมาชิกพรรคก๊กมินตั๋ง และมีการอ้างว่าพ่อเป็นผู้บังคับการโรงเรียนนายร้อยหว่างฟู่ ของจีน บางอันอ้างว่าเรียนจบจากโรงเรียนนายร้องหว่างฟู่ โรงเรียนนายร้อยแห่งนี้ จอมพลเจียงไคเช็ค แห่งพรรคก๊กมินตั๋ง เป็นผู้บังคับการโรงเรียน
โรงเรียนนายร้อยฝึกทหารหว่างฟู่ ของจีน ไม่ใช่มีแต่นักเรียนที่เป็นชาวจีนเท่านั้น แต่มีคนไทยเข้ารับการศึกษาด้วย เช่น คนไทยแถวราชบุรี ฯลฯ ดังนั้นการสืบค้นข้อมูลของบิดาแก็งค์สภาท่าพระเสาร์ จึงทำได้อย่างง่ายดาย โดยมีประวัติดังนี้
บิดา เขาได้แต่งงานกับ มารดาเขา เมื่อมาทำงานโรงพิมพ์ และหนังสือพิมพ์จีนในกรุงเทพฯ ทั้งมารดาและมารดา ทำกิจการโรงพิมพ์ และออกหนังสือพิมพ์จีน จำหน่ายให้กับชาวจีนที่อาศัยอยู่ในกรุงเทพฯ เขาเกิดที่จังหวัดสุโขทัย มีชื่อว่า ตั๊บ ชื่อเล่นชื่อ โต
พ่อมองว่า เขาเป็นเด็กมีปัญหา เลี้ยงเขามาเพื่อเป็นตามที่พ่อต้องการ ไม่ใช่ตามที่ตัวเขาอยากจะเป็น พ่อชอบบังคับ เขาจึงขาดความรัก ความอบอุ่น จากครอบครัวในวัยเด็ก จึงโกรธแค้น เกลียดชัง พ่อ และอาจรวมถึงแม่ด้วยในส่วนลึก และเขาแก้แค้นโดยการตอบโต้ด้วยวิธีต่างๆ เช่น การพูดโกหก ฯลฯ
เขาไม่ได้อยู่กับพ่อแม่ในวัยเด็ก ถูกส่งไปอยู่โรงเรียนประจำ ที่อัสสัมชัญศรีราชา ขณะที่เด็กโรงเรียนประจำ มักจะขาดความรัก แต่ เขาจะอาการหนักหน่อย ทำให้ผลการเรียนค่อนข้างแย่ ขณะเรียนได้คะแนน 49.5% (สอบตกไม่ผ่าน) แต่รองอธิการฯ ไปคุยกับอธิการให้ช่วยปัดเศษเพิ่มขึ้นอีก 0.5% จนได้คะแนน 50% ทำให้เขาจบชั้น ม.7 จากที่นั่น
ต่อมาเขาได้ ย้ายไปอยู่ที่โรงเรียนอำนวยศิลป์ จบ ม.8 ด้วยคะแนนติดบอร์ด พ่อบังคับให้เขาเรียนหมอ เขาจึงตอบโต้ด้วยการโกหกว่า “สอบข้อเขียนได้แต่สอบตกสัมภาษณ์” ทั้งที่จริงๆ แล้วเขาไม่ได้ไปสอบสัมภาษณ์...เขามีนิสัยโกหกมาแต่เด็ก ขนาดพ่อก็ไม่เว้น
พ่อจึงจัดการให้เขาปเรียนที่ต่อไต้หวัน ในวิชาวิศวกรรมเครื่องกล ตามความต้องการของพ่อ เมื่อถูกบังคับให้ไปเรียน แต่ขาดเป้าหมายของตนเอง แต่เขาไม่ต้องการทำเพื่อพ่อแม่ หรือ ใคร ขณะที่เรียนไต้หวัน 1 ปี ไม่ได้อะไรเลย นอกจากภาษาพูด และ การท่องราตรี
เขาจึงเที่ยวกลางคืน เพื่อเติมในสิ่งที่ขาด ที่เติมไม่เคยไม่เต็ม แม้ว่าเขาจะโกรธเกลียดในนิสัยของพ่อตัวเอง แต่ว่าเขาก็ถอดแบบนิสัยพ่อ ที่เขาเกลียดนั้นมาเป็นตัวเขา เขากบฏกับทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นระบบของสังคม กติกาของครอบครัว หรือ กรอบของการปฏิบัติตน
คือ ฝ่าฝืนกฎเกณฑ์ของสังคมทุกเรื่อง เขารู้สึกสะใจเมื่อสร้างความทุกข์ให้พ่อแม่ได้สำเร็จ การโกรธนี้ลามมาถึง การโกรธสังคมด้วย การทำร้ายสังคมได้เลวร้ายขึ้น ตามความรู้ความสามารถที่เพิ่มขึ้นของเขา
เขาได้ฝึกวิชาชีพ กับ นายพร หรือ นายพอล เขาสนิทกับเจ้านายมาก และ ได้รับอิทธิพลการทำงานแบบโกงเงินชาติมาจากเจ้านาย..เมื่อประมาณ 30 ปีที่แล้ว พอล โกงเงินธนาคาร 2,000 ล้านบาท แล้วหลบหนีไปอยู่อเมริกา แล้วโอนชื่อกิจการที่เหลือทั้งหมดให้กับเขา
----------------------->
ไม่ได้อยากจะโจมตีใคร ให้ร้ายใคร เมื่อสภาท่าพระเสาร์ อยากจะตรวจสอบคนอื่น ก็ต้องยุติธรรมใจกว้างยอมรับการตรวจสอบจากคนอื่นด้วยเช่นกัน อยากให้คิดตาม “จากหลักฐาน” ไม่เอาความชอบส่วนตน เพราะ มีข้อแปลกประหลาด The X File เกี่ยวกับเขาและเป็นปริศนา ถึงทุกวันนี้ คือ
1. แก็งค์สภาท่าพระเสาร์ ที่อ้างว่าบิดาตนเป็นนายทหารกองร้อยหว่างฟู่ สังกัดกองพล 93
จากรายงานพบว่า บิดาของเขาได้ " หลบหนีทหาร “ จากกองพล 93 ก่อน พ.ศ.2514 ซึ่งเป็นระยะก่อนที่รัฐบาลไทย จะมีคำสั่งอนุญาตให้กองพล 93 แปลงสัญชาติเป็นไทยได้ นั่นหมายถึง ซึ่งบิดาเขา เป็นคนจีนหลบหนีเข้าเมืองอย่างผิดกฏหมาย จึงไม่สามารถได้รับสิทธิในการแปลงสัญชาติเป็นไทย เหมือนกับบุคคลที่อยู่ในกองพล 93 ตามคำสั่งของกองบัญชาการทหารสูงสุด
2. เมื่อบิดาของแก็งค์สภาท่าพระเสาร์ ไม่ได้สัญชาติไทย มีฐานะทางกฏหมายเป็นผู้กระทำความผิด ฐานเป็นคนต่างด้าวหลบหนีเข้าเมือง แต่เหตุใด ตัวหัวหน้าแก็งค์ฯ เองจึงมีสัญชาติเป็นไทยได้..แปลก ?
3. ตามบัตรประชาชน ซึ่งเคยหลักฐานปรากฏหมายจับของแก็งค์สภาท่าพระเสาร์ ระบุว่าเขา " เชื้อชาติไทย" คำว่า เชื้อชาติ นั้นหมายถึง "ผู้ที่เกิดในประเทศไทย" แต่เขาระบุว่าเกิดปี พ.ศ.2490 ซึ่ง เป็นระยะเวลาก่อน ที่กองพล 93 จะรบกับกองทัพปลดแอกของเหมาเจอตุง ในปี พ.ศ. 2492
ก่อนที่กองพล 93 จะพ่ายแพ้ และหลบหนีเข้ามายังเมืองเชียงตุงของพม่า และก่อนเวลาที่รัฐบาลไทยจะรับกองพล 93 เข้ามาตั้งหมู่บ้านเป็นกันชนคอมมิวนิสต์ ดังนั้นขั้นตอนนี้ แก็งค์สภาท่าพระเสาร์ จะไม่ใช่เชื้อชาติไทย แน่นอนร้อยเปอร์เซ็นต์...แต่บัตรประชาชนเขาเป็นแบบนั้นได้อย่างไร ??
4. ในช่วงเวลา พ.ศ.2514 - 2520 ผู้ที่อยู่ชายแดนแถบพม่า จะทราบดีว่าการเดินทางระหว่างเชียงราย มาลำปาง กินเวลานานเป็นวัน ๆ เพราะถนนไม่ดี สายเอเชียยังไม่สร้าง นั่งรถขี้เป็นเลือด..เพราะไม่มีเบาะมีแต่กระดานไม้ ยิ่งจังหวัดสุโขทัย ซึ่งอยู่ห่างไกลกับพื้นที่ตั้งของจังหวัดเชียงราย ซึ่งกองพล 93 อยู่ บิดาของแก็งค์สภาท่าพระเสาร์ มามีภรรยาที่สุโขทัยได้อย่างไร ?
5. ข้อที่สำคัญ คือ เมื่อเทียบตามระยะเวลาจากบัตรประชาชนของเขา กับ วันเวลาที่ทางราชการ อนุมัติให้ผู้ที่อยู่ในปกครองของ กองพล 93 แปลงสัญชาติได้นั้น พ.ศ.2514 เขาจะบรรลุนิติภาวะแล้ว และมีอายุ ถึง 24 ปี ดังนั้นเขาจะเป็นได้เพียงแค่ “สัญชาติไทย” แต่ไม่ใช่ “เชื้อชาติไทย” ตามหลักฐาน
กองพล 93 เข้าประเทศไทยปี 2504 แสดงว่า แก็งค์สภาท่าพระเสาร์ เกิดก่อนที่บิดาของตนซึ่งอยู่ที่เมืองจีน จะพบกับแม่ของตน ซึ่งอยู่จังหวัดสุโขทัย ของประเทศไทย...อ้าว?? นั่นหมายถึงบิดาของนายเขา มาพบ และแต่งงานกับมารดาเขา จึงจะตั้งท้องและคลอดเป็นเขาได้ อย่าน้อยก็ต้องเป็นปี พ.ศ.2505 ขึ้นไป
แต่จากหลักฐานปรากฏว่าในปี 2504...เขาอายุปาเข้าไปได้ 14 ปีแล้ว.. จึงเป็นไปไม่ได้ว่าเขาจะ “ เกิดก่อนพ่อแม่แต่งงานกัน” หรือว่าเขาเกิดมาจาก...รูกระบอกไม้ไผ่..?? แต่คนจะเกิดจากกระบอกไม่ไผ่ก็คงไม่ได้อีก อ้าว แล้วเขาเป็นลูกใครหว่า ??...
6. จากปีเกิดของแก็งค์สภาท่าพระเสาร์ พ.ศ.2490 ช่วงนั้นเป็นช่วงระยะเวลา ก่อนที่เจียงไคเชค จะตั้งกองพล 93 สู้รบกับกองทัพเหมาเจ๋อตุง เพราะเพิ่งรบกันเมื่อ พ.ศ.2492 นั่นหมายถึง เขาผู้มีที่เกิดปริศนานี้ มีอายุได้ 2 ขวบแล้ว..อ้าว ไปกันใหญ่ !!
แล้ว ณ เวลานั้น มารดาของเขาเป็นใคร ? เขาเกิดที่ไหน ? เมื่อไร ? และดันมาได้เชื้อชาติไทย และ สัญชาติไทย มาได้อย่างไร ? เอกสารบัตรประจำตัวประชาชนแก็งค์สภาท่าพระเสาร์ จึงถูกปลอมแปลงขึ้นนั่นเอง
ข้อมูล เชิงลึก ในกรณีอาชีพของบิดาเขาซึ่งหนีราชการทหาร ก่อน พ.ศ.2514 แต่กลับมีเงินตั้งโรงพิมพ์ ไปเอาเงินมาจากไหน..ประกอบอาชีพอะไรจึงร่ำรวย และเหตุใดจึงถูกฆ่าล้างครัวที่กรุงเทพฯ...ปริศนา ??
5. แก็งค์สภาท่าพระเสาร์ มี passport เป็นของจีนไต้หวันอีกฉบับด้วย แสดงว่าเขาได้รับ passport สองประเทศ คือ ไทย และ จีนไต้หวัน การได้รับ passport นั้น แสดงว่า เขาเป็นบุคคลสัญชาติของประเทศนั้น หรือถ้า พ่อเขาเป็นคนจีนไต้หวัน เขาจึงได้รับ passport ไต้หวัน แล้วจะมามี “เชื้อชาติไทย” ได้อย่างไร ?
----------------------->
ดังนั้นการอ้างว่า " กู้ชาติไทย " จึงเป็นไปไม่ได้ในข้อเท็จจริง เพราะเขาไม่ใช่คนไทยมาแต่กำเนิด เขาไม่ได้มีสัญชาติไทย หรือ เชื้อชาติไทย โดยสถานะทางกฏหมายถูกต้องแต่แรก แต่ ณ เวลาปัจจุบันสถานะทางกฏหมาย เขาควรเป็น " บุคคลไร้สัญชาติ "
ที่ผ่านมาเขาจึงมีลักษณะคล้ายเป็นนักท่องเที่ยว เข้ามาในประเทศไทย หรือ หลบหนีเข้าเมือง แล้วมาปลุกระดมให้ประชาชนไทยเจ้าของประเทศ เกิดความแตกแยกทางความคิด โดยอ้างคำว่า " กู้ชาติ หรือ เพื่อชาติ " เป็นเครื่องบังหน้าเท่านั้น
ประวัติเขาขาดความรัก ความอบอุ่นแต่วัยเด็ก กบฏกับทุกอย่าง ระบบ กติกา ฝ่าฝืนกฎเกณฑ์ของสังคมทุกเรื่อง เขารู้สึกสะใจเมื่อสร้างความทุกข์ให้ผู้อื่น และลามไปถึงสังคมด้วย เขาติดนิสัยโกหก และ ฉ้อโกงตามนายเก่าของเขา พิสูจน์ได้จากเขาถูกศาลสังจำคุกถึง 85 ปี คดี ปลอมแปลงเอกสารถึง 17 ครั้งเมื่อปี 2540 เพื่อฉ้อโกงเงินธนาคาร เป็นเงินกว่า 1,000 ล้านบาท
ตอนนี้สภาท่าพระเสาร์ของเขา มั่วเผยแพร่ข้อมูลให้ร้าย ผบ.นครบาล ทำให้ถูกสังคมเข้าใจผิด ว่ามีคนเอาอะไรไปให้ที่ทำงาน พอพิสูจน์ทราบความจริงมาแล้วว่าขบวนการเขากล่าวเท็จ ไม่มีใครไปสักคน ผู้เสียหายเขาก็ต้องดำเนินคดีตามกฎหมายอาญากับสภาท่าพระเสาร์ นี่คือหลักฐานมโนโกหกใส่ความคนอื่นมั่วๆ อีกคดีล่าสุดอีกแล้ว
ตราบเท่าที่ความเป็นเด็กที่ขาดในตัวเขา ยังไม่ได้รับการเติมเต็ม เขาจะต่อต้านชิงชังสังคมทุกอย่าง ไม่มีใครถูกในสายตาของเขา ทุกคนต้องผิด เขาต้องถูก นี่คือการไขปมปริศนาในตัวตนของเขา ว่าทำไมเขาถึงชอบเอาชนะ และเห็นคนรอบกายผิดไปหมด ข้าถูกแต่เพียงผู้เดียว
ที่ผ่านมาเขาจึงสามารถเป็นมิตรกับใครระยะหนึ่ง ต่อมาก็พร้อมจะเป็นศรัตรูฟาดฟันกันได้โดยไม่กระดากเขิน แต่หาใช่กระทำโดยสุจริต แต่กระทำเพราะ “ต้องการเอาชนะ “ และ “ ขี้อิจฉา” นั่นเพราะเกิดจากปมในวัยเด็กของเขาที่ยังไม่ได้รับการเติมเต็มนั่นเอง
เขาสามารถเป็นมิตรกับเจิมศักดิ์ อัญชลี และอีกหลายคนได้..และต่อมาก็ด่าทอทะเลาะแตกกันได้ , เขาสามารถเป็นเพื่อนรักกับคนแดนไกลได้..และต่อมาก็มาขับไล่ได้ และตอนนี้ก็มารักอย่างเดิมก็ได้ , เขาเคยเป็นเพื่อนช่วยเหลือเป็ดเหลิมตอนตกอับ ต่อมาก็ทะเลาะกันอย่างหนักแตกกันช่วงเป็ดเหลิมเป็นรัฐมนตรีคลองหลอด
เขาสามารถโกรธไล่พระกำนันสมัยเป็นรัฐบาล..แต่มาก็มาร่วมกันได้สมัย กปปส...และมาตอนนี้ก็กลับลำมาด่าว่าอีกก็ได้ ทั้งๆ ที่เวลาเพียงไม่กี่เดือน และพระกำนันก็ไม่ได้ทำอะไรเลย เพียงรักษาศีล และเทศนา ให้ประชาชนร่วมมือกับรัฐบาลในการปฏิรูปประเทศไทย..ก็เท่านั้น
ก็เป้าหมายของ กปปส.คือปฏิรูปประเทศไทย แล้วพระกำนันก็สนับสนุน เป็นสิ่งที่ตรงกับประชาชนหลายสิบล้านคนวางเป้าหมายไว้เดิม ซึ่งรัฐบาลก็มารับช่วงสานต่อ ให้เป็นระบบ และให้มีผลในทางกฎหมายเท่านั้น ส่วนสาวกที่นับถือเขาเป็นศาสดานั้นก็ไม่มีอะไรมาก..ก็สุดแต่ศาสดาจะชี้นำ !!
รู้ว่าจะมีหลายคนโต้แย้งว่า “ถ้าไม่มีเขาสมัยนั้นมาเดินนำ จะมีใครมาไล่คนแดนไกล” นั่นแสดงว่าพลาดแล้ว เพราะเนื้อหาตอนนี้ “คนละช่วงวัย” กัน ตอนนี้เอาหลักฐานราชการความจริงวัยเยาว์เขามาตีแผ่ ต้องแยกความรู้สึกนั้นออกจากกันก่อน อย่าเพิ่งคอมเม้นท์ในประเด็นไล่ช่วงวัยโต
เพราะเบื้องหลังที่ไล่คนแดนไกล เนื้อหาจะไปอยู่ในตอนหน้า จะแฉ ความจริงประกอบหลักฐานว่า มันใช่ตามที่สังคมรับรู้มาตลอดหรือไม่ เมื่อเขาโจมตีคนอื่นได้ ความจริงที่เป็นมุมมืดเก็บงำไว้ตลอดมานั้น ก็ควรถูกตรวจสอบนำมาตีแผ่ได้ด้วยเช่นกัน ให้สังคมเปรียบเทียบพิจารณาเอง
เมื่อเขาตรวจสอบคนอื่นได้ เพื่อความยุติธรรม ก็ต้องใจกว้างให้เปิดปูมหลังให้สังคมตรวจสอบเขาบ้างไม่ใช่หรือ ?? ทองแท้ก็ต้องไม่ลอก ไม่ต้องกลัวความจริงในอดีต เผยความลับดำมืดออกมาให้หมด แล้วให้สังคมพิจารณาใช้ปัญญาตัดสินเอง
ตอนนี้แค่ตอนสตาร์ทหัวเทียน ตอนต่อไปจะแฉ ต่อหลายเรื่อง เช่น ใครคือผู้ทำการยุยงจนเกิดเหตุการณ์รุนแรงปี 2519 , ใครคือผู้สนับสนุนทุนจ่ายเช็คก้อนใหญ่ จนเกิดเหตุการณ์รุนแรงปี 2535 , พิษต้มยำกุ้งทำเขาเจ๊งไปกว่า 2 หมื่นล้านบาท เขาไปขอเงินค่าโฆษณาจากใครกว่า 6 พันล้านบาท พอเขาไม่ให้ต่อ ก็ต้องออกมาก่อม็อบไล่
แล้วไปขัดกันอีกท่าไหน เรื่องอะไร ถึงออกมาไล่กันเอง โดยอ้างคำว่ากู้ชาติ ตอนต่อไปหัวเทียนสปาร์คไฟแล่บแน่..บอกแล้วไม่ฟัง ว่าอย่ามาแหย่เสือหลับ (^_^)
@ เสธ น้ำเงิน2
https://www.facebook.com/topsecretthai

ไม่มีความคิดเห็น: