เปิดกึ๋นมาถูกทางแล้ว
โดย ทีมข่าวการเมือง 12 พ.ย. 2557 05:01
“ไม่เสียของ” แล้ว
ว่ากันตามแนวโน้มที่สมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) เริ่มต้นระดมกึ๋น เปิดไอเดีย โชว์แนวทางปฏิรูปใหญ่ด้วยการลุยรื้อโครงสร้างประเทศกันใหม่
ตีธงโละ “ทุนนิยม” มุ่งไปสู่ “สังคมนิยมเสรี”
และก็นั่นก็มีเสียงสะท้อนจากนักคิดนักปฏิบัติมืออาชีพตรงกัน โมเดลนี้แหละเป็นการแก้ปัญหาได้ตรงโจทย์ พอจะกระตุกความคาดหวังของประชาชนคนไทยที่ลุ้นให้
การปฏิรูปช่วยพ้นจากวังวนวิกฤติเดิมๆ
ยกธงเชียร์ สปช.เริ่มต้นมาถูกทาง
อย่างน้อยก็ใจชื้นว่า การปฏิรูปตามเงื่อนไขในการยึดอำนาจการบริหารประเทศภายใต้การนำของ “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี หัวหน้า คสช.
ส่อได้น้ำได้เนื้อมากกว่าจะเหนื่อย โดนด่าฟรี
ทั้งนี้ทั้งนั้น ถ้าไม่มัวแต่พะวงลูกติดพัน หลงอยู่ในกงกรรมการเมือง ตามท้องเรื่องที่มีการศึกษากันอย่างถ่องแท้แล้ว ปัญหาพื้นฐานจริงๆที่นำมาซึ่งวิกฤติความแตกแยกในประเทศไทย มันอยู่ที่ความ
เหลื่อมล้ำ โอกาสในการเข้าถึงทรัพยากรที่ไม่เท่าเทียมกัน
ช่องว่างระหว่างคนรวยกับคนจนห่างกันจนเหมือนฟ้ากับเหว
และผลจากความล้มเหลวของระบบสังคมและระบบเศรษฐกิจมันจึงลามไปกระทบระบบการเมือง
เรื่องของเรื่อง “ระบอบทักษิณ” ก็แค่ปลายเหตุของปัญหา ฉะนั้น การปฏิรูปที่ถูกต้องควรมุ่งไปที่การฟื้นคุณภาพชีวิตของประชาชนคนไทย ก้าวข้ามหน้าเหลี่ยมไปได้เลย
ณ วันนี้ ก็ชัดแล้วว่า สปช.มีคนคิดเป็น
โดยเฉพาะที่เห็นเป็นรูปธรรมมากที่สุดก็คือการงัดมาตรการภาษี เล็งขจัดกลุ่มยึดครองที่ดิน
เงื่อนปมใหญ่ของความเหลื่อมล้ำที่ไม่มีใครกล้าแตะมานาน
ตามสภาพการณ์แบบที่เห็นกันจนเป็นเรื่องปกติของคนรวย ที่ดินส่วนใหญ่ตกอยู่ในมือ “แลนด์ลอร์ด” ตระกูลเศรษฐีถือครองกันคนละหลักแสนไร่ หมื่นไร่ ทั้งในกรุงเทพฯและต่างจังหวัด อย่างที่
เห็นสองข้างทางที่ดินเปล่าปล่อยรกร้างเต็มไปหมดไม่ได้ทำอะไร รอถนนตัดผ่านที่ดินปั่นราคาพุ่ง
โอกาสตกอยู่กับคนรวย แนวโน้มมีแต่จะรวยขึ้น
ในขณะที่คนชั้นกลางไปถึงคนยากจนก็ยิ่งลำบาก แค่บ้าน 50–60 ตารางวา ยังผ่อนกันเลือดตาแทบกระเด็น ไม่ต้องพูดถึงที่ดินทำกิน ปลูกผัก ปลูกข้าว
แนวโน้มเด็กไทยเกิดใหม่ต้องอยู่บนอากาศ อาศัยอยู่บนแฟลต คอนโดมิเนียม
ในอนาคตอีกไม่กี่สิบปีข้างหน้า ถ้าสภาพการณ์ยังเป็นอยู่อย่างนี้ หนีไม่พ้นที่ดินเกือบทั้งหมดของประเทศไทยตกอยู่กับตระกูลเศรษฐี คนจนไม่มีแม้แต่ที่ซุกหัวนอน
นึกไม่ออกว่าประเทศไทยจะอยู่กันอย่างไร
มันจึงเป็นไฟต์บังคับ ต้องปฏิรูปเรื่องที่ดินเพื่อให้เกิดความสมดุลในประเทศ
ขณะเดียวกัน มันยังเป็นยุทธศาสตร์แฝงที่ลึกล้ำไปกว่านั้น กับการเคลียร์แลนด์ลอร์ด ดัดหลังมหาเศรษฐี ด้วยมาตรการล็อกให้คนไทยถือครองที่ดินได้ในจำนวนจำกัด
ในอีกมุมหนึ่งมันก็เท่ากับกำจัด “ความอยากสะสม”
ตัดปัญหาเรื่องของการเสาะแสวงหา แบบที่เศรษฐีในกรุงเทพฯไปกว้านซื้อที่ดินในต่างจังหวัด ขณะที่ชาวบ้านก็ขายไร่ขายนาอพยพมาหางานทำ แออัดอยู่ในเมืองใหญ่
ในสภาพที่เรียกกว่า “รวยกระจุก จนกระจาย”
ทั้งหมดทั้งปวงเลย คำตอบสุดท้ายมันอยู่ตรงที่ว่า เมื่อเก็บทรัพย์สมบัติในรูปที่ดินไม่ได้ เงินหรือทรัพย์สินก็ต้องถูกนำไปเข้าระบบธนาคาร ซึ่งสามารถตรวจสอบได้ทั้งในและต่างประเทศ
เงินขาว เงินฟอกเทา เห็นหมด
ตามเงื่อนไขที่ล็อกไว้ ทำให้การสะสมที่ดิน ทรัพย์สมบัติกลายเป็นเรื่องทั้งเหนื่อยทั้งเสี่ยง
โดยปัจจัยที่แปรผันตรงน่าจะส่งผลให้การฉ้อฉลของธุรกิจการเมือง การเอาเปรียบสังคมจากธุรกิจผูกขาด เพื่อฟาดกำไรไปใส่กงสีของตระกูล ลดน้อยลงไปโดยอัตโนมัติ
ตัดไฟ “คอร์รัปชัน” ลด “โกง” ตามตรรกะง่ายๆเลย.
ทีมข่าวการเมือง
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น