PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันจันทร์ที่ 10 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

ไกล่เกลี่ยจบ! รถไฟยอมจ่ายสาวป.โท เหยื่อพนักงานหื่น 5.2 ล้าน


ศาลฎีกาไกล่เกลี่ย รฟท.ยอมจ่ายค่าสินไหมสาวป.โท เหยื่อพนักงานหื่นข่มขืนบนตู้นอนรถไฟเมื่อปี 44 เป็นเงิน 5 ล้าน 2 แสน หลังยืดเยื้อมานานกว่า 13 ปี ด้านผู้เสียหาย ชี้จำคุกผู้ก่อเหตุ 9 ปีน้อยไป ระบุทุกวันนี้ใช้ชีวิตลำบากต้องไปอยู่ตปท....

เมื่อวันที่ 10 พ.ย. นายเดชา อุบลพงษ์ เลขานุการศาลแพ่งกรุงเทพใต้ แถลงผลการไกล่เกลี่ย คดีอดีตนักศึกษาหญิงปริญญาโท ฟ้องแพ่งเรียกค่าเสียหาย การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) และอดีตลูกจ้างชั่วคราว ที่ข่มขืนบนตู้นอนรถไฟ สายสุไหงโกลก-กรุงเทพฯ เมื่อปี 2544

นายเดชา เปิดเผยว่า ศาลฎีกาได้ดำเนินการไกล่เกลี่ยข้อพิพาท ซึ่งคู่ความทั้ง 2 ฝ่ายสามารถตกลงกันได้ โดย รฟท. ยินยอมชำระเงินค่าสินไหมทดแทนแก่ผู้เสียหาย ถือว่าคดีเป็นอันยุติ และสิ้นสุดลง

ด้านหญิงสาวผู้เสียหาย ระบุว่า ได้ยื่นฟ้องเรียกค่าเสียหายไปทั้งสิ้น 18 ล้านบาท และเมื่อวันที่ 19 ธ.ค. 2551 ศาลแพ่งกรุงเทพใต้ มีคำพิพากษาให้ ชดใช้ค่าสินไหมทดแทนจำนวน 3 ล้านบาท แต่จนถึงปัจจุบัน รวมดอกเบี้ยที่ รฟท.ต้องชดใช้ค่าสินไหมทดแทน ประมาณ 10 ล้านบาท แต่มีการขอเจรจาไกล่เกลี่ย ซึ่งก็ยินยอม ตกลงให้ชดใช้ค่าสินไหมทดแทน เป็นเงิน 5 ล้าน 2 แสนบาท ส่วนเงินที่เหลือ อีกประมาณ 4 ล้าน 8 แสน ขอยกให้ รฟท.นำไปพัฒนาปรับปรุงการบริการให้ดีขึ้น

นอกจากนี้ ยังฝากถึง รฟท.ควรมีมาตรการคัดกรองพนักงานที่จะมาทำงาน เพื่อรักษาความปลอดภัยให้ผู้โดยสารมากกว่านี้ไม่ให้เกิดเหตุซ้ำอีก ส่วนคดีอาญา ตามที่ศาลฎีกา ได้พิพากษาไปเมื่อวันที่ 20 ส.ค. 2551 โดยพิพากษายืนตามศาลชั้นต้นและอุทธรณ์ ให้จำคุกอดีตลูกจ้างชั่วคราว ฐานข่มขืนกระทำชำเราหญิงอื่น ซึ่งมิใช่ภรรยาตน เป็นเวลา 9 ปี นั้นเห็นว่าโทษน้อยเกินไป

สำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแม้ผ่านมากว่า 13 ปี แต่ยังส่งผลต่อสุขภาพ ทั้งกาย และใจ รวมถึงการใช้ชีวิตที่ลำบาก ต้องไปใช้ชีวิตชีวิตอยู่ต่างประเทศ จึงฝากเตือน ผู้หญิงทุกคน ที่จะเดินทาง ให้ดูแลตัวเอง รวมถึงฝากเตือนองค์กรต่างๆ ที่จะส่งพนักงานไปปฏิบัติงานนอกสถานที่ให้คำนึงถึงความปลอดภัยของพนักงานด้วย ส่วนตนเองจากนี้ต้องพยายามดำเนินชีวิตต่อไปแม้จะเป็นไปด้วยความยากลำบากก็ตาม

อย่างไรก็ตามหญิงสาวผู้เสียหาย ได้เปิดเผยเพิ่มเติมกับ "ไทยรัฐออนไลน์" ว่า พอใจในระดับหนึ่งที่ รฟท. แสดงความรับผิดชอบ ซึ่งตอนแรกเรียกค่าเสียหายไป 10 ล้านบาท แต่ทาง รฟท.พิจารณาให้ 5 ล้าน 2 แสน ซึ่งไม่ได้คิดอะไรมาก

"ส่วนที่เหลือถึงแม้จะไม่ได้ แต่ดิฉันก็ขอมอบให้ทางการรถไฟฯ นำเงินกลับไปพัฒนารถไฟไทย ให้ได้มาตรฐาน และให้เกิดความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของผู้โดยสารมากกว่านี้ สิ่งที่ผ่านมามันเป็นฝันร้ายสำหรับดิฉัน และไม่ต้องการให้เกิดขึ้นกับคนอื่น ขอให้เรื่องนี้เป็นบทเรียนที่นำไปสู่การแก้ไข"
http://www.thairath.co.th/content/462518

ไม่มีความคิดเห็น: