PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันศุกร์ที่ 26 ธันวาคม พ.ศ. 2557

สงครามข่าวลือ รบ.ประยุทธ

สงครามข่าวลือเขย่ารัฐบาล จาก ปฏิวัติซ้อน ถึง 112 จาก บ้านสี่เสาฯ ถึง ไวต์เฮ้าส์

วันที่ 26 ธันวาคม พ.ศ. 2557 เวลา 12:40:00 น.

รายงานพิเศษ

สงครามข่าวลือ สงคราม IO เขย่ารัฐบาล "บิ๊กตู่" จาก ปฏิวัติซ้อน ถึง 112 จาก บ้านสี่เสาฯ ถึง ไวต์เฮ้าส์ สมการอำนาจ "1 ป. กับ 3 ป."

มติชนสุดสัปดาห์ 19-15 ธันวาคม 2557


กล่าวกันมาเสมอว่า ความวุ่นวายทางการเมือง และสงครามแย่งชิงอำนาจทางการเมืองไทยนั้น นอกจากเกิดจากนักการเมืองแล้ว ยังเป็นการต่อสู้แย่งชิงอำนาจกันเองของทหารต่างขั้ว ต่างกลุ่ม เสมอ

จนเกิดวาทะที่ว่า ศึกสายเลือด จปร. จนมาสู่ ศึกสายเลือดเตรียมทหาร...

แม้แต่ยุคนี้ ที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ก่อการรัฐประหารยึดอำนาจรัฐได้สำเร็จ จนกระทั่งมาเป็นรัฐบาล คุมอำนาจในการบริหารประเทศเอง มีหัวหน้าคณะปฏิวัติ มาเป็นนายกรัฐมนตรีเอง ที่ทำให้มีอำนาจเบ็ดเสร็จก็ตาม

แม้จะไม่ได้เกิดการปฏิวัติซ้อน หรือการต่อต้านรัฐประหาร ในช่วง 24 ชั่วโมง หลังการรัฐประหาร หรือไม่มีความเคลื่อนไหวของกลุ่มทหารที่จะทำการต่อต้านภายใน 72 ชั่วโมง ที่ตามสูตรปฏิวัติแล้ว จะถือว่าการปฏิวัตินั้นสำเร็จ

แม้ในยุค คสช. ที่มี บิ๊กตู่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นหัวหน้า นี้จะไม่ได้ชิงนำคณะปฏิวัติเข้าเฝ้าฯ เพื่อยุติการต่อต้าน และเป็นการประกาศความสำเร็จ เช่นปฏิวัติครั้งก่อนก็ตาม แต่เขาก็เลือกในการทำหนังสือกราบบังคมทูลถวายรายงาน แทน พร้อมการขอพระราชทานพระบรมราชโองการ ในการแต่งตั้งให้ พล.อ.ประยุทธ์ เป็นหัวหน้า คสช. ที่ถือว่า การรัฐประหาร และการเข้ามาเป็นรัฏฐาธิปัตย์ที่สมบูรณ์

ถึงแม้ พล.อ.ประยุทธ์ จะสร้างประวัติศาสตร์ใหม่ ที่หัวหน้าคณะปฏิวัติ ได้รับการสนับสนุนให้เป็นนายกรัฐมนตรีเอง และมีช่วงฮันนีมูนที่ยาวนานก็ตาม

แต่ในที่สุด ปฏิบัติการเขย่ารัฐนาวาของ พล.อ.ประยุทธ์ ก็เริ่มต้นขึ้น หลังรัฐประหารมาได้ 6 เดือน และรัฐบาลของ พล.อ.ประยุทธ์ ทำงานมาเกือบ 3 เดือน ที่เชื่อกันว่า ช่วงฮันนีมูน ได้หมดลงแล้ว



แม้ พล.อ.ประยุทธ์ จะย้ำเสมอว่า ตนเองไม่ใช่นักการเมือง ไม่จำเป็นต้องหาเสียง หรือสร้างคะแนนนิยม แต่ทว่า หลายสิ่งอย่างที่รัฐบาล คสช. ทำไปนั้น ก็คือ ประชานิยม ในรูปแบบหนึ่ง ทั้งการคืนความสุข และการให้ของขวัญปีใหม่แก่ประชาชน

แต่ในเมื่ออำนาจของ พล.อ.ประยุทธ์ และ คสช. แข็งแกร่งเพราะ พล.อ.ประยุทธ์ ดึงบิ๊กๆ ทหารที่มีบารมี และอดีต ผบ.เหล่าทัพที่ร่วมกันปฏิวัติ มาร่วม ครม. ด้วย แถมทั้งในฐานะหัวหน้า คสช. ยังมีอำนาจครอบจักรวาล ตามมาตรา 44 แห่งรัฐธรรมนูญชั่วคราว ด้วยแล้ว ในหมู่ทหารนั้นรู้กันดีว่า วิธีการที่จะล้มรัฐบาลทหาร รัฐบาลคณะปฏิวัติ หรือแค่สั่นคลอนรัฐบาลทหารได้ ก็ต้องด้วยทหารด้วยกันเอง

จึงไม่แปลกที่การออกมาเตือน พล.อ.ประยุทธ์ ให้ระวังจะถูกปฏิวัติซ้อน ของ บิ๊กจิ๋ว พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ อดีตนายกรัฐมนตรี และอดีต ผบ.ทบ. จะถูกมองว่า เป็นปฏิบัติการเขย่ารัฐบาล

พร้อมๆ กับการปฏิบัติการทำสงครามข่าวสาร หรือที่ภาษาทหารเรียกว่า IO-Information Operation เพราะอย่าลืมว่า ต่างฝ่ายต่างก็เป็นทหาร ที่เรียนตำราเล่มเดียวกัน เรียนจากสถาบันเดียวกัน ย่อมทันกลทันเกมกัน

อันเป็นสงครามข่าวสาร ที่เป็นลักษณะของข่าวลือ ที่ในเวลานี้มีทั้งไลน์และโซเชียลมีเดีย เป็นเครื่องมือสำคัญ และพบว่า มีนักรบไซเบอร์ของฝ่ายต่อต้าน คสช. อยู่ไม่น้อย

และเป็นข่าวสารที่ทำให้เกิดความหวาดระแวงกันเองในหมู่ คสช. ด้วยกันเอง รวมทั้งระหว่าง พล.อ.ประยุทธ์ กับ ผบ.เหล่าทัพ และโดยเฉพาะกับ บิ๊กโด่ง พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร ผบ.ทบ. ซึ่งเป็น ผบ.เหล่าทัพ ที่มีอำนาจและกำลังรบมากที่สุดในการก่อรัฐประหารซ้อน

แต่อย่าลืมว่า พล.อ.ประยุทธ์ ได้ถอดสลักปฏิวัติซ้อน ตั้งแต่การตั้ง พล.อ.อุดมเดช มาร่วมคณะรัฐบาล ด้วยการให้เป็น รมช.กลาโหม แถมทั้งเป็นเลขาธิการ คสช. อีกด้วย รวมถึงการตั้ง ผบ.เหล่าทัพชุดใหม่ มาเป็นสมาชิก คสช.

จนส่งผลให้ พล.อ.ประยุทธ์ มั่นใจว่า "ไม่มีใครคิดที่จะปฏิวัติซ้อนหรอก" เพราะเรื่องปฏิวัติตัวเองนั้น บิ๊กตู่ บอกไปแล้วว่า ไม่คิดจะทำแน่นอน



แต่อย่าลืมว่า หลัง พล.อ.ชวลิต ออกมาเตือนเรื่องปฏิวัติซ้อนนั้น เคยทำให้หุ้นตกมาแล้ว แม้จะไม่ได้มากมาย

และก็ทำให้ฝ่าย พล.อ.ประยุทธ์ และ คสช. เกิดความสงสัย เมื่อเกิดปรากฏการณ์หุ้นตก เมื่อต้นสัปดาห์ที่ผ่านมาต่อเนื่องหลายวัน ว่าจะเกี่ยวข้องกับขบวนการเขย่ารัฐบาล คสช. หรือไม่

"มีความพยายามของพวกที่ปล่อยข่าว ปั้นข่าวในโซเชียลมีเดีย เพื่อทำให้เกิดกระแสข่าวลือต่างๆ" พล.อ.ประยุทธ์ ระบุ

โดยเฉพาะการปล่อยข่าวลือในตลาดหุ้นไทย ที่แม้ว่าสาเหตุหลักจะเกิดจากปัจจัยจากสถานการณ์โลก ราคาน้ำมัน และสงคราม และการก่อการร้าย รวมถึงหุ้นดาวน์โจนส์ของสหรัฐอเมริกา ตกลงด้วยก็ตาม แต่ก็มีการเติมกระแสข่าวลือ ที่หวังผลทางการเมืองใส่เข้าไปในตลาดหุ้นด้วย ที่ยิ่งทำให้หุ้นตกลงอีก

แต่คราวนี้เป็นข่าวลือหลายกระแส อันเป็นจังหวะที่เกิดกรณีคดีของ พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธุ์ อดีต ผบ.สอบสวนกลาง และอดีตบ้านอัครพงศ์ปรีชา จนมาถึง การขอพระราชทานพระบรมราชานุญาตในการลาออกจากฐานันดรศักดิ์ของ ท่านผู้หญิงศรีรัศมิ์ สุวะดี ด้วย

รวมถึงข่าวลืออันไม่เป็นมงคล ที่ทำให้ พล.อ.ประยุทธ์ ต้องออกมายืนยัน พร้อมกับเรียกร้องให้ทุกฝ่ายยุติการพูดเรื่องสถาบัน

ด้วยเพราะมีการอาศัยสถานการณ์ในเวลานี้มีการกล่าวพาดพิงสถาบันและการปล่อยข่าวลือที่พล.อ.ประยุทธ์ ใช้คำว่า "ข่าวลือส่งเดช" ออกมา จนทำให้มีการเตือนเรื่อง การทำผิดมาตรา 112

อีกทั้งในการประชุมร่วมของคณะรัฐมนตรีกับ คสช. เมื่อ 16 ธันวาคมที่ผ่านมานั้น พล.อ.ประยุทธ์ ที่สวมหมวกทั้งนายกฯ และหัวหน้า คสช. สั่งให้บังคับใช้กฎหมาย ด้วยการติดตามผู้กระทำผิด ล่วงละเมิดสถาบัน โดยเฉพาะมาตรา 112 ทั้งในประเทศ และในต่างประเทศ อย่างจริงจังด้วย



ไม่แค่นั้น ในตลาดหุ้น ก็ยังมีข่าวที่ทำให้เกิดความไม่มั่นใจในด้านการเงิน เช่น ข่าวลือที่ คสช. จะให้ยกเลิกธนบัตรฉบับละ 1 พันบาท โดยมีการนำไปโยงกับเรื่องสถาบัน และรวมไปถึงข่าวก่อนหน้านี้ที่ว่า เป็นอีกหนทางของ คสช. ในการดัดหลังนักการเมืองไทย ที่ชอบเก็บเงินสด ธนบัตรใบละพันบาทเป็นจำนวนมาก โดยไม่ได้นำเข้าสู่ระบบธนาคาร หรือระบบการเงิน เพื่อเอาไว้ใช้ในการเลือกตั้ง หรืออาจจะเกี่ยวข้องกับการฟอกเงิน

หลังการรัฐประหารของ คสช. แรกๆ เคยมีข่าวลือนี้ออกมาครั้งหนึ่ง จนทำให้ บิ๊กต๊อก พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา หัวหน้าฝ่ายกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม ในเวลานั้น ออกมาปฏิเสธข่าวว่า ไม่ได้เป็นเจ้าของแนวคิดในการยกเลิกธนบัตร

"ผมตัวเล็กนิดเดียว จะไปคิดเรื่องแบบนั้นได้ยังไง" แต่ทว่า ในเวลานั้น พล.อ.ไพบูลย์ ก็ไม่ได้ปฏิเสธว่า ไม่ได้มีแนวคิดเช่นนั้น หรือไม่ นอกเสียจากยืนยันว่า ไม่ใช่แนวคิดของเขาตามที่มีข่าวลือออกมาในเวลานั้น

จนที่สุดกระแสข่าวลือนี้ก็กลับมาอีกครั้งในตลาดหุ้นไทยว่ากันว่าแนวคิดนี้เคยมีผู้เสนอไปยังคสช. เพื่อที่จะเป็นการทำให้นักการเมืองต้องขยับขยายการเก็บซ่อนเงินออกมาเพื่อนำมากระจาย แล้วแลกธนบัตรแบบใหม่ ข่าวนี้เคยออกมา จนทำให้นักการเมืองหันไปสะสมแบงก์ดอลลาร์แทนไม่น้อย เพราะกลัวว่า คสช. จะทำจริง

แต่ในประเด็นนี้ พล.อ.ประยุทธ์ สยบข่าวลือแล้วว่า "มันง่ายนักหรือไง การยกเลิกธนบัตร ไม่เคยมีความคิด เรื่องอื่นมีเยอะแยะ แต่ถ้าทำนั้นทำได้ แต่ไม่ใช่เรื่อง ไม่ใช่เวลาที่จะมาทำ"



กระนั้น ก็ยังมีข่าวลือที่ยังไม่จบ เพราะยังคงมีเชื้อมาจากที่ พล.อ.ชวลิต เคยออกมาเตือนเรื่องปฏิวัติซ้ำ รัฐประหารซ้อน มาแล้ว

ทั้งข่าวลือความขัดแย้งใน คสช. เช่นคู่ของ พล.อ.อุดมเดช ผบ.ทบ. และเลขาธิการ คสช. และ รมช.กลาโหม กับ พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รอง ผบ.สส. และสมาชิก คสช. และ รมว.ยุติธรรม อันเป็นผลพวงจากการเป็นแคนดิเดตชิงเก้าอี้ ผบ.ทบ. ด้วยกันมา จนมาถึงกรณีที่ พล.อ.อุดมเดช จัดทัพหน่วยคุมกำลังระดับผู้บังคับการกรมใหม่ หลังขึ้นเป็น ผบ.ทบ. โดยย้ายนายทหารที่เป็นลูกน้องสายตรงของ พล.อ.ไพบูลย์ ออกจากการคุมกำลัง เพื่อกระชับอำนาจในมือ และปิดประตูการรัฐประหารซ้อน ที่เคยร่ำลือกันมาก่อนในเวลานั้น

แต่ทว่า เป้าหมายที่ พล.อ.ชวลิต หมายถึง ไม่ใช่บรรดา ผบ.เหล่าทัพ หรือ ผบ.ทบ. โดยตรง แต่หมายถึงกลุ่มนายทหารอีกกลุ่มหนึ่ง ที่ไม่ใช่ทหารแตงโม แต่ทว่า เป็นขั้วอำนาจเดียวกัน อาจจะไม่ใช่พวกเดียวกัน

โดยข่าวลือที่ออกมานั้น เล็งไปที่ความขัดแย้งของ "อำมาตย์เก่า" กับแผงอำนาจ คสช. ระหว่างขั้วอำนาจของ ป๋าเปรม พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ และนายทหารสาย "ลูกป๋า" กับแผงอำนาจ คสช. และบูรพาพยัคฆ์ ภายใต้การนำของ บิ๊กป้อม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม พี่ใหญ่แห่งบูรพาพยัคฆ์ และ พล.อ.ประยุทธ์ นายกรัฐมนตรี และหัวหน้า คสช. นั่นเอง

โดยมีการจับจุดที่เรื่องคาใจในอดีตของ พล.อ.ประวิตร กับ บิ๊กแอ้ด พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ องคมนตรี ลูกป๋า ตั้งแต่อยู่ใน ทบ. ที่ พล.อ.สุรยุทธ์ ตอนเป็น ผบ.ทบ. เคยสั่งเด้ง พล.อ.ประวิตร และเพื่อน ตท.6 ของ พล.อ.ประวิตร ที่กำลังขึ้นมามีบทบาทในเวลานี้ เข้ากรุ ทั้งๆ ที่ความจริงแล้ว พล.อ.ประวิตร กับ พล.อ.เปรม ไม่ได้มีเรื่องคาใจใดๆ กัน แต่เคารพ พล.อ.เปรม มาตลอด แต่กับ พล.อ.สุรยุทธ์ นั้น เรียกว่า ต่างคนต่างอยู่ แต่ไม่ได้ขัดแย้งกัน

แต่คาดกันว่า นายทหารเจ้าของฉายา "ขงเบ้งแห่งกองทัพ" อย่าง พล.อ.ชวลิต นี้นั้น เล็งไปที่กลุ่มนายทหารเก่า หรือ อำมาตย์เก่า ที่เคยครองอำนาจ ที่จะเป็นผู้รัฐประหารซ้อนมากกว่า

อย่าลืมว่า พล.อ.ชวลิต นั้นเคยเป็น "ลูกรัก" และทำงานกับ พล.อ.เปรม มายาวนาน จึงรู้สไตล์แห่งการบริหารอำนาจของ พล.อ.เปรม เป็นอย่างดี เพราะฉายา "นักฆ่าแห่งลุ่มน้ำเจ้าพระยา" ก็เป็นที่เลื่องลือในเวลานั้น

ทว่า ทั้งหมดนี้เป็น "ข่าวลือ" ที่มีการปล่อยในตลาดหุ้น เพื่อซ้ำเติมให้หุ้นตก เพื่อหวังผลทางการเมือง ที่ พล.อ.ประยุทธ์ เชื่อว่า มี "ไอ้โม่ง" อยู่เบื้องหลังข่าวลือต่างๆ ที่ออกมา จนทำให้เขาเผยว่า กำลังตรวจสอบทั้งในโซเชียล มีเดีย และการส่งข้อความต่อๆ กัน โดยไม่รู้ที่มากันในไลน์



แต่ต้องไม่ลืมว่ากระแสข่าวแผงบูรพาพยัคฆ์ของ 3 ป. "ป้อม-ป๊อก-ประยุทธ์" กับสายบ้านสี่เสาเทเวศร์ นั้นเคยเกิดขึ้นมาแล้ว จนเกิดการวัดบารมีและอำนาจระหว่าง บ้านสี่เสาฯ กับ ไวต์เฮ้าส์ ของ บิ๊กป้อม พล.อ.ประวิตร ที่มูลนิธิป่ารอยต่อ 5 จังหวัด ใน ร.1 รอ. ที่เปี่ยมอำนาจจนถูกเรียกขานว่าเป็น "ป๋าป้อม"

จนทำให้ พล.อ.ประยุทธ์ นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช. ต้องสยบข่าวลือทุกกระแส ด้วยการนำ ผบ.เหล่าทัพ ที่ไปร่วม ครม. เข้าพบ พล.อ.เปรม เพื่อขอรับคำแนะนำในฐานะที่ป๋าเปรมเป็นอดีตนายกรัฐมนตรีผู้เปี่ยมประสบการณ์ เมื่อ 30 กันยายน 2557

จากนั้น 1 ตุลาคม 2557 พล.อ.ประวิตร ในฐานะรองนายกฯ และ รมว.กลาโหม ก็นำปลัดกลาโหม ผบ.สส. และ ผบ.เหล่าทัพ เข้าพบ พล.อ.เปรม เพื่อสยบข่าวความขัดแย้ง หรือความเป็นคนละแผงอำนาจ มาแล้ว

แต่เชื้อข่าวลือนี้ ทำให้เกิดความหวาดวิตกว่า จะเกิดการงัดข้ออำนาจกันเอง หากว่า ฝ่ายบูรพาพยัคฆ์ มีอำนาจมากเกินไป จนทำให้บ้านสี่เสาฯ อับแสงลง

จนที่สุด ขั้วของลูกป๋า กับ บูรพาพยัคฆ์ อาจต้องมีปฏิบัติการในการแย่งชิงกำลังรบ โดยเฉพาะ ผบ.เหล่าทัพ กันเกิดขึ้น โดยเฉพาะ พล.อ.อุดมเดช ผบ.ทบ. ที่ถือว่าเป็นลูกรักของ พล.อ.เปรม ด้วยเช่นกัน

แต่ก็ต้องไม่ลืมด้วยเช่นกันว่า พล.อ.อุดมเดช ผบ.ทบ. ก็เป็นน้องรัก สายทหารเสือราชินี ของ 3 ป. โดยเฉพาะกับ พล.อ.ประยุทธ์ และ พล.อ.ประวิตร เช่นกัน



ส่วน ผบ.เหล่าทัพคนอื่น ก็ล้วนเป็นคนที่แกนนำ คสช. ที่เคยเป็นอดีต ผบ.เหล่าทัพ ได้แต่งตั้งเป็นทายาทอำนาจไว้ ทั้ง บิ๊กบี้ พล.อ.ศิริชัย ดิษฐกุล ปลัดกลาโหม ซึ่งไม่ได้คุมกำลังรบ นั้น เป็นน้องรัก แบบที่เรียกว่า เด็กในคาถาของ พล.อ.ประวิตร เลยทีเดียว

ส่วน บิ๊กตี๋ พล.อ.วรพงษ์ สง่าเนตร ผบ.สส. ก็เป็นเพื่อนเตรียมทหาร 12 ของ บิ๊กเจี๊ยบ พล.อ.ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร อดีต ผบ.สส. ที่มาร่วม ครม. เป็นรองนายกฯ และ รมว.ต่างประเทศ

ส่วน บิ๊กตั้ม พล.ร.อ.ไกรสร จันทร์สุวานิชย์ ผบ.ทร. ก็เป็นเพื่อนรักเตรียมทหาร 13 ของ บิ๊กเข้ พล.ร.อ.ณรงค์ พิพัฒนาศัย อดีต ผบ.ทร. ที่มาเป็น รมว.ศึกษาธิการ

ส่วน บิ๊กตู่ พล.อ.อ.ตรีทศ สนแจ้ง ผบ.ทอ. ก็เป็นน้องรักของ พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง อดีต ผบ.ทอ. ที่มาเป็น รมว.คมนาคม ในรัฐบาลของ พล.อ.ประยุทธ์

ดังนั้น จึงทำให้ พล.อ.ประยุทธ์ ยังคงมั่นใจกับอำนาจในมือ และมั่นใจในกองทัพ แม้บางเสี้ยววินาทีอาจหวั่นๆ ในความดุเงียบ เด็ดขาดของ พล.อ.อุดมเดช นักรบเหรียญรามา เหมือนกัน ที่ปฏิบัติการเชือดทหารเวียดนาม ในสมรภูมิเขาพนมปะ มาด้วยกัน ตั้งแต่เป็นร้อยเอก นั่นเองก็ตาม

"ยังแน่นปึ้ก พี่น้องกัน ไม่มีใครคิดแบบนั้นหรอก ใครจะทำ" พล.อ.ประยุทธ์ จึงไม่สะเทือนกับกระแสเสี้ยม จะถูกปฏิวัติซ้อน ล้มอำนาจ

แต่ทว่า มันเป็นการส่งสัญญาณ การทำสงคราม ข้อมูลข่าวสาร กับขบวนการเขย่ารัฐบาล ที่เป็นการร่วมกันของทั้งนักการเมือง และทหาร ทั้งทหารเก่า ทหารแก่ ทหารเด็ก ทหารประจำการ และทหารแตงโม รวมถึงทหารที่ถูกเขี่ยพ้นแผงอำนาจ

ที่ พล.อ.ประยุทธ์ ก็ไม่อาจประมาทได้เช่นกัน...

ไม่มีความคิดเห็น: