Jab06Jan15
สปช./กมธ.ยกร่าง
"เทียนฉาย" นัดสมาชิกประชุมสภาปฏิรูปแห่งชาติ เพื่อพิจารณาวาระสำคัญในโครงการปฏิรูปเร็ว 2 เรื่อง
นายเทียนฉาย กีระนันทน์ ประธานสภาปฏิรูปแห่งชาติ นัดสมาชิกประชุมในเวลา 09.30 น. โดยมีระเบียบวาระการประชุม จำนวน 2 เรื่อง ซึ่งเป็นรายงานศึกษาในโครงการปฏิรูปเร็วโดยไม่ต้องรอรัฐ
ธรรมนูญ คือ รายงานพิจารณาศึกษาเรื่อง การกำหนดอัตราค่าบริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ตามระยะเวลา การใช้งานที่เป็นจริงโดยคิดเป็นวินาที ที่คณะกรรมาธิการปฏิรูปการคุ้มครองผู้บริโภค พิจารณาเสร็จแล้ว และรายงานพิจารณาศึกษาเรื่อง สมัชชาคุณธรรมแห่งชาติกับการปฏิรูปคุณธรรม จริยธรรม และธรรมาภิบาลของประเทศ ในระยะเปลี่ยนผ่านของคณะกรรมการการปฏิรูปคุณธรรม จริยธรรม และธรรมาภิบาล ที่คณะกรรมาธิการกิจการสภาปฏิรูปแห่งชาติ พิจารณาเสร็จแล้วเช่นกัน
อย่างไรก็ตาม สมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติคนใดประสงค์จะขอปรึกษาหารือให้แจ้งความจำนงต่อเจ้าหน้าที่ในห้องประชุมได้ ตั้งแต่เวลา 08.00-09.00 น. ซึ่งเจ้าหน้าที่จะจัดเรียงลำดับ ตามเวลาการยื่น
โดยสมาชิกมีเวลาการปรึกษาหารือ ท่านละไม่เกิน 2 นาที
---------------
"อลงกรณ์" ระบุเร็วเกินไปที่จะประเมินว่าข้อเสนอ สปช. ถูกบัญญัติไว้ใน รธน.ใหม่อย่างไรบ้าง รอดูรายละเอียดหลัง 12 ม.ค.
นายอลงกรณ์ พลบุตร สมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) ในฐานะเลขานุการกรรมาธิการกิจการ สปช. (วิป สปช.) เปิดเผยกับสำนักข่าว ไอ.เอ็น.เอ็น. ว่า ในวันที่ 8 มกราคมนี้ จะมีการประชุมของคณะกรรมการประสานงาน ที่เป็นประธานของคณะกรรมาธิการแต่ละคณะ เพื่อกำหนดทิศทางในการทำงานตลอดปี 2558 รวมถึงเตรียมจัดสัมมนาประชุมเชิงปฏิบัติการวิสัยทัศน์ครั้งที่ 2 ที่ต่อเนื่องจากการวางวิสัยทัศน์ 20 ปี ของประเทศ ให้มีความสอดคล้องกับการปฏิรูปเร็ว และการปฏิรูปใน 1 ปี และการจัดทำพิมพ์เขียวปฏิรูปประเทศต่อไป
พร้อมกันนี้ นายอลงกรณ์ ยังกล่าวด้วยว่า ยังเร็วเกินไปที่จะประเมิน หรือสรุปว่าข้อเสนอของ สปช. จะถูกบรรจุอยู่ในรัฐธรรมนูญฉบับใหม่อย่างไรบ้าง แต่ยืนยันว่า สปช. และ กมธ.ยกร่างรัฐธรรมนูญนั้นทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิด ส่วนเรื่องข้อเสนอจะถูกบรรจุอยู่ในส่วนใดบ้างนั้น คงต้องรอหลังวันที่ 12 มกราคมไปแล้ว ที่จะมีการพิจารณารายมาตรา รวมถึงย้ำว่า รธน.ฉบับใหม่นี้ แตกต่างจากทุก ๆ ฉบับในอดีต เพราะจะมีหมวดของการปฏิรูปและปรองดองถูกบัญญัติไว้อย่างชัดเจน เพื่อแก้ปัญหาเฉพาะหน้าของประเทศ
----------------
สปช. ทยอยเดินทางประชุม ขณะ "เจตน์" ยังไม่ยืนยัน "ยิ่งลักษณ์" แถลงเปิดคดีด้วยตนเอง คาด วิป สนช. พิจารณาคดีถอดถอน 38 อดีต ส.ว. บ่ายนี้
บรรยากาศก่อนการประชุมสภาปฏิรูปแห่งชาติ ล่าสุด สมาชิก สปช. เริ่มทยอยเตรียมตัวประชุมที่จะเริ่มขึ้นในเวลา 09.30 น. โดยจะพิจารณะวาระสำคัญ 2 เรื่อง ขณะเดียวกันในช่วงบ่ายมีประชุมคณะกรรมาธิการวิสามัญกิจการสภานิติบัญญัติแห่งชาติ หรือ วิป สนช. โดย นายแพทย์เจตน์ ศิรธรานนท์ สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ในฐานะโฆษกวิป สนช. เปิดเผยว่า สำนวนคดีถอดถอนอดีต 38 ส.ว. กรณีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ประเด็นที่มาของ ส.ว. ที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ฉบับสมบูรณ์ได้ส่งมาทาง สนช. แล้ว คาดว่า จะนำเข้าพิจารณาในช่วงบ่ายวันนี้
นอกจากนี้ นายแพทย์เจตน์ ยังกล่าวว่า ยังไม่ได้รับการยืนยันจาก น.ส.ยิ่งลักษ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ว่าจะมาชี้แจงข้อกล่าวหาด้วยตนเองหรือไม่ ซึ่งต้องรอให้ทาง น.ส.ยิ่งลักษ์ แจ้งมาก่อน
-------------------
สปช. เริ่มประชุมแล้ว พิจารณารายงานการกำหนดอัตราค่าบริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ ของ กมธ.ปฏิรูปคุ้มครองผู้บริโภค
บรรยากาศการประชุมสภาปฏิรูปแห่งชาติ ล่าสุด เปิดการประชุมแล้ว เพื่อพิจารณาวาระที่กรรมาธิการพิจารณาแล้วเสร็จ จำนวน 2 เรื่อง โดยเฉพาะรายงานพิจารณาศึกษาการกำหนดอัตราค่าบริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ตามระยะเวลาการใช้งานที่เป็นจริง โดยคิดเป็นวินาที ตามที่คณะกรรมาธิการปฏิรูปการคุ้มครองผู้บริโภค สภาปฏิรูปแห่งชาติพิจารณาแล้วเสร็จ เนื่องจากในปัจจุบันผู้ประกอบการธุรกิจให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่จะกำหนดอัตราค่าบริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ในอัตราที่ไม่เป็นธรรมกับผู้ให้บริการ โดยผู้ใช้บริการจะถูกเก็บค่าบริการเป็นนาที แม้จะใช้งานจริงต่อครั้งไม่ถึงนาที ส่งผลให้ผู้บริโภคมีค่าใช้จ่ายส่วนเกินที่ไม่ได้ใช้งาน จึงสมควรที่ต้องกำหนดมาตรการคุ้มครองสิทธิ์ให้กับผู้ใช้บริการโดยต้องจ่ายค่าบริการตามจริง
------------------
"สารี" ชี้แจงที่ประชุมพิจารณากำหนดอัตราค่าบริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ ชี้หากคิดตามจริงเป็นวินาทีประหยัดเงิน 40,392 ล้านบาท/ปี
บรรยากาศการประชุมสภาปฏิรูปแห่งชาติ ที่มี นางสาวทัศนา บุญทอง ทำหน้าที่ประธานการประชุม ล่าสุด เข้าสู่การพิจารณารายงานพิจารณาศึกษาการกำหนดอัตราค่าบริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ตามที่ระยะเวลาการใช้งานที่เป็นจริง โดยคิดเป็นวินาที ตามที่คณะกรรมาธิการปฏิรูปการคุ้มครองผู้บริโภค สภาปฏิรูปแห่งชาติ พิจารณาแล้วเสร็จ โดย นางสาวสารี อ๋องสมหวัง ประธานกรรมาธิการ ได้ชี้แจงหลักการและเหตุผลว่า ประชากรไทยรวม 67.9 ล้านคน แต่มีผู้ใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่ถึง 94.3 ล้านคน มีการชำระค่าบริการล่วงหน้าแบบเติมเงิน 82.3 ล้านคน และชำระแบบรายเดือน 11 ล้านคน
ทั้งนี้ ในปัจจุบัน ประเทศไทยใช้บริการเครือข่าย 3 ค่ายหลัก คือ เครือข่ายเอไอเอส เครือข่ายดีแทค และเครือข่ายทรู ขณะเดียวกัน ได้เปรียบเทียบตัวอย่างในอินเดียที่คิดเป็นวินาที จะได้รับการยืนยันทางข้อความ หรือเอสเอ็มเอส ในระบบเติมเงินว่า มียอดเงินคงเหลือเท่าไหร่ อย่างไรก็ตาม การคิดค่าบริการโดยคิดตามจริงเป็นวินาที จะสามารถประหยัดค่าใช้จ่าย 40,392 ล้านบาทต่อปี
--------------------
การประชุมสภาปฏิรูปแห่งชาติ วันนี้ พิจารณารายงานในโครงการปฏิรูปเร็ว 2 เรื่อง โดยไม่ต้องรอรัฐธรรมนูญ โดยภาคเช้าที่ประชุมเห็นชอบรายงานที่คณะกรรมาธิการปฏิรูปการคุ้มครองผู้บริโภค
เสนอ คือ การกำหนดอัตราค่าบริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ตามระยะเวลาการใช้งานที่เป็นจริงโดยคิดเป็นวินาที
บรรยากาศการประชุมสภาปฏิรูปแห่งชาติ ที่มีนางสาวทัศนา บุญทอง ทำหน้าที่ประธานการประชุม โดยมีระเบียบวาระการประชุม จำนวน 2 เรื่อง ซึ่งเป็นรายงานศึกษาในโครงการปฏิรูปเร็ว โดยไม่ต้องรอรัฐธรรมนูญ คือ รายงานพิจารณาศึกษาเรื่อง การกำหนดอัตราค่าบริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ตามระยะเวลา การใช้งานที่เป็นจริงโดยคิดเป็นวินาที และรายงานพิจารณาศึกษาเรื่อง สมัชชาคุณธรรมแห่งชาติกับการปฏิรูปคุณธรรม จริยธรรมและ ธรรมาภิบาลของประเทศ ในระยะเปลี่ยนผ่าน
จากนั้น นางสาวสารี อ๋องสมสหวัง ประธานกรรมาธิการปฏิรูปการคุ้มครองผู้บริโภค สภาปฏิรูปแห่งชาติ ชี้แจงรายงานพิจารณาศึกษาการกำหนดอัตราค่าบริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ตามระยะเวลาการใช้งานที่เป็นจริงโดยคิดเป็นวินาที ต่อที่ประชุมสภาปฏิรูปแห่งชาติ เนื่องจากในปัจจุบันผู้ประกอบการธุรกิจให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่จะกำหนดอัตราค่าบริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ในอัตราที่ไม่เป็นธรรมกับผู้ให้บริการ
ดังนั้น เพื่อเป็นการคุ้มครองผู้บริโภคที่เป็นผู้ใข้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ประเภทเสียงให้ได้รับความเป็นธรรม จึงมีข้อเสนอให้สามารถดำเนินการได้โดยเร็ว หรือ QUICK WIN โดยขอให้ สปช. ให้ความเห็นชอบในหลักการของรายงานศึกษา พร้อมขอให้ส่งเรื่องไปยังคณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช. รวมถึงการส่งความเห็นไปยัง กสทช. ด้วย ขณะที่สมาชิก สปช. อภิปรายสนับสนุนหลักการและแนวคิดดังกล่าว และสิ่งสำคัญต้องปฏิรูป กสทช. เนื่องจากที่ผ่านมา ปล่อยให้มีการเอาเปรียบผู้บริโภคอย่างกว้างขวาง
----------------------
สปช. เห็นชอบรายงานศึกษาการกำหนดอัตราค่าบริการโทรศัพท์เคลื่อนที่คิดตามจริงเป็นวินาที 211 ต่อ 3 เสียง พิจารณาต่อสมัชชาคุณธรรมแห่งชาติ
บรรยากาศการประชุมสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) ล่าสุด ให้วามเห็นชอบรายงานพิจารณาศึกษาการกำหนดอัตราค่าบริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ตามระยะเวลาการใช้งานที่เป็นจริงโดยคิดเป็นวินาทีของคณะกรรมาธิการปฏิรูปการคุ้มครองผู้บริโภค ด้วยคะแนน 211:3 เสียง งดออกเสียง 7 เสียง รวมถึงเห็นขอบข้อสังเกตของสมาชิก สปช. ที่แสดงความจำนงอภิปรายด้วยคะแนน 213:1 เสียง งดออกเสียง 3 เสียง จากนั้นที่ประชุมพิจารณารายงานพิจารณาศึกษาเรื่องสมัชชาคุณธรรมแห่งชาติกับการปฏิรูปคุณธรรม จริยธรรม และธรรมาภิบาลของประเทศในระยะเปลี่ยนผ่านของคณะกรรมการการปฏิรูปคุณธรรม จริยธรรม และธรรมาภิบาล ซึ่งคณะกรรมาธิการวิสามัญกิจการสภาปฏิรูปแห่งชาติ พิจารณาเสร็จแล้วต่อทันทีโดยสาระสำคัญเพื่อให้มีการจัดตั้งสมัชชาคุณธรรมแห่งชาติ ให้เป็นองค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญ และเป็นกลไกที่มีประสิทธิภาพในการเสริมสร้างความเข้มแข็งของหลักนิติธรรมและการส่งเสริมการสร้างคุณธรรม จริยธรรม และธรรมาภิบาลในทุกภาคส่วนและทุกระดับในระยะยาว
------------------
กมธ.ยกร่าง รธน.ชุดใหญ่ รอฝ่ายเลขาฯ ยกร่างเบื้องต้น ก่อนนำเข้าที่ประชุม พิจารณารายมาตรา 12 ม.ค. นี้ มั่นใจ เสร็จตามกรอบ
นายสุจิต บุญบงการ รองประธานคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ คนที่ 3 เปิดเผยกับ สำนักข่าว INN ว่า การทำงานยกร่างรัฐธรรมนูญในขณะนี้ อยู่ในขั้นตอนของการให้ฝ่ายเลขานุการของ กมธ. ดำเนินการยกร่างเบื้องต้น ตามกรอบที่ กมธ. ได้มีมติไปแล้ว และนำเข้าสู่ที่ประชุมใหญ่ เพื่อพิจารณาในรายมาตรา ตั้งแต่วันที่ 12 ม.ค. เป็นต้นไป และมั่นใจว่าจะสามารถดำเนินการได้เสร็จทันตามกรอบก่อนส่งกรานต์อย่างแน่นอน
ทั้งนี้ นายสุจิต ย้ำว่า ในการพิจารณารายมาตรานั้นจะมีความละเอียดรอบคอบเป็นอย่างมาก และจะมีการนำความเห็นจากภาคส่วนต่าง ๆ ที่นำเสนอมาเข้ามาพิจารณาเพิ่มเติมด้วย โดยเบื้องต้นจะเริ่มจากหมดพระมหากษัตริย์ และหมวดสิทธิหน้าที่ของประชาชน
---------------------
คณะรัฐบุคคล เสนอ การยกร่าง รธน. ควรคำนึงถึงการหาทางแก้วิกฤติของประเทศ เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาเหมือนช่วงที่ผ่านมา
พล.อ.สายหยุด เกิดผล อดีตผู้บัญชาการทหารสูงสุด ในฐานะประธานคณะรัฐบุคคล ได้แถลงข่าวเรื่อง "เสนอให้ใช้บทเรียนจากของจริงเพื่อการปฏิรูปให้สามารถแก้ไขวิกฤติทางการเมืองได้" ณ ห้องสมุดชั้น 8 อาคารเรสซิเดนซ์ เพลส สยามอินเตอร์คอนติเนนตัล โดยทางคณะรัฐบุคคล มีความเป็นห่วงว่า การร่างรัฐธรรมนูญ เพื่อการปฏิรูปที่กำลังดำเนินการอยู่นั้น ควรคิดถึงว่าเมื่อเกิดวิกฤติทางการเมืองสูงสุดอย่างที่ผ่านมา ที่ฝ่ายบริหาร นิติบัญญัติ และตุลาการ มีความขัดแย้งกัน สถาบันที่จะเป็นที่พึ่งของประชาชน คือ สถาบันพระประมุข และกองทัพของจอมทัพ ดังนั้น จึงเสนอให้มีการบัญญัติให้ชัดเจนว่า องค์พระประมุข จะต้องปฏิบัติอย่างไร เมื่อเกิดความขัดแย้งในบ้านเมืองขึ้น โดยได้เสนอให้ใช้สถาบันกองทัพ หรือรัฐบุรุษ เป็นผู้รับสนองพระบรมราชโองการเพื่อให้เป็นไปในหลักจารีตประเพณีฯ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการรัฐประหาร และฉีกรัฐธรรมนูญ เหมือนที่ผ่านมาอีก
----------------------
นายกฯ มอบ "วิษณุ-สุวพันธุ์" ประสาน สนช. - สปช. หลังพบ 2 ฝ่าย มีข้อมูล ปฏิรูปประเทศ ไม่เพียงพอ
พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี ว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ได้สั่งการโดยมอบหมายให้ นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรีด้านกฎหมาย และ นายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นผู้พูดคุยประสานงานกับสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) และสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) เนื่องจากภายหลังจากการติดตามการทำงานพบว่า ในหลายกรณีทั้งสองฝ่าย มีข้อมูลที่ไม่เพียงพอในการปฏิรูปประเทศ จึงต้องมีการให้ข้อมูลเพิ่มเติมและแลกเปลี่ยนข้อมูลบรรทัดฐานในการปฏิรูป ให้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน
/////////////////
ปปช.ภอดถอน
ป.ป.ช. ถกเตรียมความพร้อมแถลงเปิดคดีถอดถอน "ยิ่งลักษณ์" พร้อมเตรียมออกแถลงการณ์โต้ "สุรพงษ์-นรวิชญ์"
ที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) มีการประชุมประจำสัปดาห์ของคณะกรรมการ ป.ป.ช. โดยมีวาระสำคัญเพื่อหารือสำหรับเตรียมตัวไปแถลงเปิดคดีถอดถอน น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) กรณีไม่ระงับยับยั้งความเสียหายในโครงการรับจำนำข้าว เนื่องจากเป็นเรื่องที่คณะกรรมการ ป.ป.ช. ให้ความสำคัญ จึงต้องพูดคุยให้ชัดเจนทั้งในประเด็นข้อกฎหมายและพยานหลักฐานต่าง ๆ
นอกจากนี้ สำนักงาน ป.ป.ช. ยังเตรียมออกแถลงการณ์ตอบโต้ นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล อดีตรองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศ ที่ระบุว่า คณะกรรมการ ป.ป.ช. 3 คน คือ พล.ต.อ.สถาพร หลาวทอง นายณรงค์ รัฐอมฤต และ นายปรีชา เลิศกมลมาศ ขาดคุณสมบัติ รวมไปถึงออกแถลงการณ์ตอบโต้ นายนรวิชญ์ หล้าแหล่ง ทนายความผู้รับมอบอำนาจจาก น.ส.ยิ่งลักษณ์ ต่อสู้คดีโครงการรับจำนำข้าว ที่เตรียมยื่นหนังสือขอความเป็นธรรมต่ออัยการสูงสุด (อสส.) ให้สอบข้อไม่สมบูรณ์เพิ่มในสำนวนจนครบถ้วนอีกด้วย
--------------------
อดีต ส.ส.ปชป. ยื่นหนังสือถึง ประธาน สนช. ตรวจสอบพฤติกรรมเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ชี้ ละเลยตรวจสอบทุจริตในสภา
นายวิลาศ จันทร์พิทักษ์ อดีต ส.ส.กทม. พรรคประชาธิปัตย์ ยื่นหนังสือถึง นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ หรือ สนช. เพื่อขอให้ตรวจสอบการทำหน้าที่ของ นายจเร พันธุ์
เปรื่อง เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร เนื่องจากปฏิบัติหน้าที่ขาดประสิทธิภาพ กรณีตรวจสอบเรื่องโครงการทุจริตการจัดซื้อจัดจ้างของสภาผู้แทนราษฎรที่ไม่มีความคืบหน้า ทำให้บุคคลที่มีส่วนเกี่ยว
ข้องในการทุจริตโครงการต่าง ๆ ยังปฏิบัติหน้าที่ตามปกติ
ทั้งนี้ เพื่อเป็นการปฏิรูปสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร จึงขอเรียกร้องให้ประธาน สนช. ตั้งคณะกรรมการสอบสวนนายจเร ว่ามีความบกพร่องหรือไม่ และควรเปลี่ยนผู้มาดำรงตำแหน่งเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรหรือไม่
อย่างไรก็ตาม นายพรเพชร กล่าวว่า หลังจากนี้จะต้องให้นายเจรเข้ามาชี้แจงความคืบหน้าเรื่องดังกล่าวทุกเดือน
---------------
"สุรชัย" แจงได้รับประสาน "ยิ่งลักษณ์" แล้ว ยันเข้าแถลงเปิดคดีด้วยตนเอง เตรียมตั้ง กมธ.ซักถาม 2 ชุด มั่นใจ จบในเดือนนี้
นายสุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย รองประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติคนที่ 1 เปิดเผยก่อนการประชุมคณะกรรมาธิการวิสามัญกิจการสภานิติบัญญัติแห่งชาติ หรือ วิป สนช. ว่า ได้รับการประสานงานจาก น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ว่า จะมาชี้แจงในวันแถลงเปิดคดีด้วยตนเอง พร้อมทนายส่วนตัว โดยในวันนั้น ทาง สนช. ให้เวลาทั้งผู้กล่าวหาและผู้ถูกกล่าวหาอย่างเต็มที่
ทั้งนี้ เรื่องการตั้งคณะกรรมาธิการซักถาม นายสุรชัย กล่าวว่า ข้อบังคับกำหนดไว้ไม่เกิน 21 คน แต่ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับมติที่ประชุมวิป สนช. ซึ่งเบื้องต้นจะตั้งกรรมาธิการซักถาม 2 ชุด คือ กรณี นายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ และ นายนิคม ไวยรัชพานิช เนื่องจากมีข้อกล่าวหาคล้ายกัน และตั้งอีกหนึ่งชุดสำหรับกรณีของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ที่เป็นการถอดถอนคนละข้อกล่าวหานอกจากนี้ นายสุรชัย กล่าวอีกว่า การคัดบุคคลที่เหมาะสมโดยปกติ จะให้มีตัวแทนจากคณะกรรมาธิการวิสามัญแต่ละคณะ ตัวแทนจาก วิป สนช. และตัวแทนจากที่ประชุมใหญ่
อย่างไรก็ตาม กรรมาธิการซักถาม ไม่สามารถถามนอกประเด็นได้ จึงไม่ต้องกังวลเรื่องความเป็นกลางในการทำหน้าที่ และคาดว่ากระบวนการต่าง ๆ น่าจะแล้วเสร็จ และรู้ผลภายในเดือนนี้
---------------------
ทีมทนายยิ่งลักษณ์ ยื่นหนังสือคัดค้านการถอดถอน ย้ำ ยิ่งลักษณ์ ชี้แจงด้วยตนเอง-นิวัฒน์ธำรง, ยรรยง, กิตติรัตน์,วราเทพ ร่วมแถลงด้วย
นายนรวิทย์ หล้าแหล่ง ทีมทนาย น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เข้ายื่นหนังสือต่อ นางสาวจินดา กองแก้ว ผู้บังคับบัญชากลุ่มงานถอดถอนและตรวจสอบ ซึ่งเป็นเอกสารคำแถลงเปิดคดีประกอบการคัดค้านเป็นลายลักษณ์อักษร จำนวน 150 ชุด ทั้งนี้ ย้ำว่า ไม่ใช่เอกสารประกอบการพิจารณา
นอกจากนี้ การเดินทางมาชี้แจงด้วยตนเองของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ นั้น เนื่องจากเห็นว่าโครงการรับจำนำข้าวเป็นโครงการขนาดใหญ่และเป็นประโยชน์ต่อประชาชน และหวังว่าการชี้แจงข้อเท็จจริงครั้งนี้ จะมีการถ่ายทอดสด เพราะเป็นการชี้แจงครั้งแรกหลังจากถูกกล่าวหา
อย่างไรก็ตาม นายนรวิทย์ ยืนยันว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ไม่กังกล และยินดีที่ได้มีโอกาสชี้แจงต่อสังคม พร้อมหวังว่าจะได้รับความเป็นธรรม และในวันแถลงเปิดคดีนอกจากทีมทนายแล้ว ยังมี นายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล, นายยรรยง พวงราช,นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง และ นายวราเทพ รัตนากร มาร่วมแถลงเปิดคดีด้วย
//////////////////
นายกฯปรับครม.
นายกฯ มีกำหนดประชุม ครม. นัดแรก ประจำปี 2558 ด้าน พล.อ.ประวิตร นัดถก คกก.ป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ช่วงบ่าย
ความเคลื่อนไหวของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช. วันนี้ ในเวลาประมาณ 09.00 น. พล.อ.ประยุทธ์ จะเป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรีที่ห้องประชุม 501 ตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบรัฐบาล ซึ่งถือว่าเป็นการประชุมคณะรัฐมนตรีครั้งแรกในปี 2558
ส่วนความเคลื่อนไหวอื่น ๆ ที่น่าสนใจในทำเนียบรัฐบาลนั้น ในเวลาประมาณ 14.00 น. พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม จะเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ ครั้งที่ 1/2558 ณ ตึกสันติไมตรี (หลังใน) ทำเนียบรัฐบาล
------------------
พล.อ.อุดมเดช ไม่ทราบเรื่อง 3 นายทหารระดับสูง จะลาออกก่อนเกษียณ ขออย่าพยายามปล่อยข่าวลือ ย้ำ รบ. จะทำตามขั้นตอนเพื่อคุมสถานการณ์ให้ได้
พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร ผู้บัญชาการทหารบก ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีกระแสข่าว การลาออกก่อนเกษียณอายุราชการของนายทหารระดับสูง 3 นาย คือ พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รองผู้บัญชาการทหารบก และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รองผู้บัญชาการทหารสูงสุด และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม และ พล.อ.สุรเชษฐ์ ชัยวงศ์ หัวหน้าคณะนายทหารฝ่ายเสธนาธิการประจำกองบัญชาการ และรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ว่า ไม่ทราบเรื่องดังกล่าวออกมาได้อย่างไร เพราะที่ผ่านมาทุกท่านสามารถแบ่งเวลาในการปฏิบัติหน้าที่ได้โดยไม่เป็นปัญหา จึงขอให้บุคคลที่พยายามปล่อยข่าวหยุดการกระทำดังกล่าวได้แล้ว ทั้งนี้ ส่วนตัวมองว่ากระแสข่าวดังกล่าวไม่เป็นการกดดันตนเอง เพราะส่วนตัวนั้นสามารถทำหน้าที่ใดก็ได้ตามที่ได้รับมอบหมาย
นอกจากนี้ ขณะนี้รัฐบาลได้ดำเนินการตามขั้นตอนที่ถูกต้องทุกประการ เพื่อควบคุมสถานการณ์ให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย รวมถึงต่างชาติก็ให้การยอมรับ ดังนั้นขอให้ประชาชนเข้าใจ โดยรัฐบาลจะพยายามทำงานให้เป็นไปตามโรดแมปเพื่อเข้าสู่การเลือกตั้งอย่างสมบูรณ์
---------------------
"พล.อ.ไพบูลย์" ไม่ขอตอบกระแสข่าวลาออก ขอให้จบแค่นี้ ย้ำไม่รู้เรื่อง ไม่ถามผู้บังคับบัญชาเด็ดขาด
พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รองผู้บัญชาการทหารสูงสุด และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เปิดเผยกับสำนักข่าว ไอ.เอ็น.เอ็น. ว่า ไม่อยากตอบคำถามเกี่ยวกับกระแสข่าว 3 นายทหารจะลาออกก่อนเกษียณอายุราชการอีกแล้ว เพราะได้ตอบไปมากแล้ว ย้ำไม่รู้เรื่องว่ามีข่าวได้อย่างไร อยากปล่อยให้เรื่องดังกล่าวจบ ๆ ลงไป และจะไม่มีการไปถามเรื่องดังกล่าวกับผู้บังคับบัญชา แต่อย่างใดด้วย
พร้อมกันนี้ พล.อ.ไพบูลย์ ยังกล่าวด้วยว่า การขับเคลื่อนงานในกระทรวงยุติธรรม ที่แบ่งเป็น 5 กลุ่มนั้น เดินหน้าไปได้ด้วยดี และขอขอบคุณข้าราชการในกระทรวงเป็นอย่างมาก ที่ทำงานร่วมกันอย่างหนัก รวมถึงหน่วยงานกระทรวงอื่น ๆ ที่ทำงานร่วมกันด้วย โดยเฉพาะในเรื่องของการแก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำ และการปราบปรามยาเสพย์ติด ซึ่งในเบื้องต้น ได้พยายามปรับปรุงกฎหมาย ให้มีความทันสมัย และเกิดความยุติธรรมที่สุด รวมถึงจะต้องบูรณาการร่วมกับฝ่ายความมั่นคง โดยเฉพาะในพื้นที่ 3 จ.ชายแดนใต้ และคดีความเกี่ยวการเมือง รวมถึงร่างกฎหมายเกี่ยวกับการชุมนุมทางการเมือง และความผิด ใน ม.112 ซึ่งจะนัดประชุมหน่วยงานต่าง ๆ เพื่อหารือในวันที่ 9 มกราคมนี้
-------------------------
พล.อ.ประยุทธ์ ทักทายสื่อก่อนเข้าประชุม ครม. จับตาการเสนอมาตรการต่ออายุรถเมล์-รถไฟฟรี อีก 6 เดือน ขณะ กมธ.ยกร่าง เตรียมสรุปผลการปฏิบัติงาน
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรีแล้ว โดยได้ทักทายกับสื่อมวลชนก่อนเข้าประชุม ทั้งนี้ คาดว่าวาระที่น่าสนใจที่จะมีการพิจารณาในวันนี้ อาทิ กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาจะเสนอการพิจารณาแนวทางการแปรรูปยางธรรมชาติเพื่อนำไปสร้างลู่-]านกรีฑา และลานอเนกประสงค์ หลังจากที่รัฐบาล ประกาศเพิ่มการใช้ยางพาราในการแปรรูปเพื่อใช้ในประเทศให้เพิ่มมากขึ้น
ส่วนวาระอื่นที่น่าสนใจ เช่น คณะกรรมาธิการและคณะอนุกรรมการสภาปฏิรูปแห่งชาติ หรือ สปช. รวมถึงกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญเตรียมสรุปรายงานผลการปฏิบัติงานให้คณะรัฐมนตรีรับทราบ ขณะเดียวกันคาดว่าจะมีการเสนอมาตรการต่ออายุรถเมล์-รถไฟฟรี ออกไปอีก 6 เดือน
--------------------------
นายกฯ ยัน ยังไม่ปรับ ครม. ย้ำ 3 นายพล ไม่มีใครลาออก ขณะปรับย้าย ผบ.เหล่าทัพ เป็นไปตามขั้นตอน ไร้คลื่นใต้น้ำ
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวว่า ยังไม่มีการปรับคณะรัฐมนตรี ในช่วงนี้ ส่วนกระแสข่าวเรื่อง การให้ 3 รัฐมนตรี ที่เป็นข้าราชการทหารยศ พลเอก ลาออกจากตำแหน่งข้าราชการก่อนเกษียณนั้น ยืนยันว่า ไม่ได้มีการให้ลาออกแต่อย่างใด ส่วนการปรับย้ายผู้บัญชาการเหล่าทัพ เป็นตามกระบวนการปกติของเหล่าทัพ ซึ่งโดยปกติฤดูกาลปรับย้ายจะอยู่ในช่วงของปลายปี ซึ่งจะยึดตามอาวุโสและการยอมรับ ดังนั้น ขออย่ากังวลกับเรื่องดังกล่าว
ขณะเดียวกัน พล.อ.ประยุทธ์ ยังระบุว่า ไม่มีเคลื่อนใต้น้ำ และย้ำว่า ตนไม่ใช้อำนาจในทางที่ผิด พร้อมเชื่อใจทุกคนว่า ไม่มีใครทำนอกกรอบอย่างแน่นอน เนื่องจากตนเข้ามาทำงานเพื่อประเทศชาติ
และประชาชน
---------------------
นายกฯ ชี้ ถอดถอนนักการเมือง เป็นเรื่องของ สนช. ระบุต้องเป็นไปตามกระบวนการ ไม่ยุ่งโยกย้ายตำรวจ ยึดกฎหมาย เร่งสอบสติ๊กเกอร์ ค่านิยม 12 ประการ
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช. กล่าวถึงกรณีที่สภานิติบัญญัติแห่งชาติ หรือ สนช. จะมีการประชุมเพื่อพิจารณาถอดถอนนักการเมืองว่า เป็นหน้าที่ของฝ่ายที่เกี่ยวข้อง โดยต้องว่ากันไปตามกระบวนการโดยยึดตามหลักของกฎหมาย ทั้งนี้ ส่วนตัวมองว่า การสร้างความปรองดอง ไม่ใช่การยกเว้นความผิด อย่างไรก็ตาม ยืนยันว่า จะไม่ยอมให้เกิดการประท้วงหรือเคลื่อนไหวทางการเมืองในเรื่องนี้ เกิดขึ้นอย่างแน่นอน
นอกจากนี้ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวถึงกระแสข่าวที่ ทางผู้บัญชาการตำรวจนครบาล จะมีการโยกย้ายนายตำรวจระดับผู้กำกับการในกรุงเทพมหานคร กว่า 67 คน ว่า เป็นเรื่องของทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ และต้องว่ากันไปตามกฎหมาย โดยต้องดูว่ามีความผิดจริงหรือไม่ ซึ่งทางผู้บัญชาการตำรวจนครบาล เป็นผู้ดำเนินการ ส่วนเรื่องกระแสข่าวที่มีการวิจารณ์เรื่องการจัดทำสติ๊กเกอร์ไลน์ ส่งเสริมค่านิยม 12 ประการ มีราคาแพงนั้น กำลังมีการตรวจสอบในเรื่องนี้อยู่ อย่างไรก็ตาม ต้องดูที่เจตนาและความคุ้มค่าด้วย
------------------
พล.อ.ประยุทธ์ เผย นายกฯ มาเลเซีย เข้าพบช่วงปีใหม่ หารือความสงบชายแดนใต้ - ย้ำ กต. แจงต่างชาติ ส่งตัวผู้ทำผิด ม.112
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช. เปิดเผยว่า เมื่อช่วงปีใหม่ที่ผ่านมา นายราจิบ นาซัค นายกรัฐมนตรีของมาเลเซีย ได้มาเข้าพบเป็นการส่วนตัว โดยได้ขอบคุณที่ไทยให้ความช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยของมาเลเซีย โดยมอบข้าวสารให้ 500 ตัน ขณะเดียวกันมีการพูดคุยเรื่องปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ โดย ทางมาเลเซีย กำลังเร่งรัดประสานกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบเพื่อเริ่มกระบวนการพูดคุยสันติสุข ทั้งนี้ ส่วนตัวขอยืนยันว่า ภาครัฐพร้อมพูดคุยกับกลุ่มก่อความสงบทุกเวลา
นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรี ยังระบุว่า ได้ให้กระทรวงการต่างประเทศ ทำหนังสือไปยังประเทศต่างๆ ที่มีผู้กระทำความผิดตามกฎหมาย โดยเฉพาะมาตรา 112 หลบหนีไปอาศัยอยู่ เพื่อชี้แจงว่าบุคคลเหล่านั้นกระทำความผิดตามกฎหมายอาญาของไทย ไม่เกี่ยวข้องกับการเมือง แต่ทั้งนี้ยอมรับว่า มีโอกาสน้อยที่ประเทศต่างๆ จะส่งตัวผู้กระทำผิดกลับมาที่ประเทศไทย
---------------------
นายกฯ เผย ประชุม ครม. เร่งรัดแผนตามโรดแมป 1 ปี พร้อมวางแนวทางกระตุ้นการท่องเที่ยวหลังยอดเพิ่มขึ้นกว่า 7.2%
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้แถลงภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี ในวันนี้ว่า การประชุมนัดแรกในปีใหม่นี้ รัฐบาลได้มีการเร่งรัดแผนยุทธศาสตร์ต่างๆ ของรัฐบาล เพื่อให้เป็น
ไปตามแผนโรดแมปที่วางไว้ในรอบ 1 ปี นอกจากนี้ ด้านเศรษฐกิจภาคการท่องเที่ยวนั้น ถือว่าในช่วงปีใหม่ที่ผ่านมา มีนักท่องเที่ยวเพิ่มมากขึ้น ขณะที่ นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่เข้ามายังประเทศ
ไทยนั้น ถือว่าปรับตัวดีขึ้นและเพิ่มขึ้นกว่าร้อยละ 7.2 หากเทียบกับปีที่ผ่านมา ขณะที่นักท่องเที่ยวไทยนั้น เดินทางออกนอกประเทศลดลงร้อยละ 3 นอกจากนี้ ทางภาครัฐยังได้วางแนวทางในการ
ท่องเที่ยว และกำหนดทิศทางการท่องเที่ยวในปี 2558 โดยเฉพาะมีการกำหนดกลุ่ม 12 กลุ่ม ที่เข้ามาเที่ยวในเมืองไทย เพื่อเชื่อมโยงประเทศต่างๆ และควบคุมมัคคุเทศก์ รวมไปถึงความปลอดภัย
เพิ่มขึ้น เพื่อสร้างคุณค่าในการท่องเที่ยวในประเทศไทยให้มากขึ้น และสร้างรายได้ให้กับประเทศในอนาคตต่อไป
-----------------------
นายกฯ ยันไม่กังวลไทยถูกถอดสิทธิ์ GSP เร่งหาตลาดใหม่ทดแทนตลาด EU พร้อมผลักดันกฎหมายตั้งกระทรวงดิจิตอลให้ทันในปีนี้
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้แถลงภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี ในวันนี้ว่า ที่ประชุมได้มีการรายงานถึงการถูกยกเลิกในส่วนของตลาดยุโรป หรือ EU ในการยกเว้นภาษีตาม
GSP ที่ไทยถูกจัดอันดับโดยธนาคารโลก หลังเป็นประเทศที่มีรายได้ปากกลางถึงค่อนข้างร่ำรวย ซึ่งติดกัน 3 ปี ทำให้ถูกถอดสิทธิ์ดังกล่าว
โดยยืนยันว่าในเรื่องดังกล่าวนั้นไม่เป็นเรื่องที่น่ากังวลเนื่องจากเชื่อว่าจะกระทบภาคการส่งออกไทยไม่มากนัก ทั้งนี้ ได้กำชับให้ทางกระทรวงการต่างประเทศรวมไปถึงกระทรวงพาณิชย์ เร่งหา
ตลาดใหม่ในการเข้ามาทดแทน เพื่อช่วยเหลือผู้ส่งออก
พร้อมกันนี้ ยังวางแนวทางในการปรับลดต้นทุนในการผลิตเพื่อให้เหมาะสมและสามารถแข่งขันกับประเทศอื่น ๆ ได้ นอกจากนี้ในส่วนที่ประชุมยังมีการอนุมัติแนวทาง 9 กฎหมายในการผลักดัน
จัดตั้งกระทรวงดิจิตอลแทนกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศ หรือ ICT ซึ่งคาดว่าจะจัดทำให้แล้วเสร็จภายในปีนี้ พร้อมยกระดับการทำงานของรัฐวิสาหกิจ ทั้ง TOT รวมไปถึง CAT Telecom
เพื่อเพิ่มรายได้เข้ารัฐให้มากขึ้น หลังจากต้องมีการนำเงินและงบประมาณมาผลักดันเศรษฐกิจพื่อไม่ให้ซบเซา
//////////////////
ย้ายตำรวจ
พล.อ.ประวิตร ยัน ก.ตร. ให้ความเป็นธรรมย้ายนายตำรวจเต็มที่ ชี้ ฟ้องศาลได้หากเห็นว่ามิชอบ
พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เปิดเผยก่อนการประชุมคณะกรรมการปราบปรามการค้ามนุษย์ ครั้งที่ 1/2558 ถึงกรณีที่มีกระแสข่าวการเสนอ
บัญชีโยกย้ายนายตำรวจระดับผู้กำกับการจำนวนมาก ในพื้นที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล ออกนอกหน่วย หลังพบเกี่ยวพันกับความผิดเรื่องป้ายโฆษณาบนป้อมจราจร ว่า ตนยังไม่ได้รับรายงาน
เรื่องดังกล่าว และเชื่อว่า ทางผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ จะมีการตรวจสอบ ซึ่งหากมีการกระทำผิดจริงจะต้องมีการโยกย้ายและดำเนินการตามกระบวนการทางกฎหมาย และหากไม่มีความผิดผู้
ถูกกล่าวหาสามารถยื่นฟ้องต่อศาลปกครองเพื่อแสดงความบริสุทธิ์
ขณะเดียวกันทางคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ หรือ ก.ตร. จะต้องตรวจสอบเรื่องดังกล่าว เพราะการโยกย้ายจะต้องมีขั้นตอนและเป็นไปตามกระบวนการ ซึ่งสร้างความเป็นธรรมให้กับทุกฝ่าย
ส่วนการกำหนดเวลาในการตรวจสอบนั้น ทาง คณะกรรมการ ก.ตร. ได้กำหนดไว้แล้ว ซึ่งที่ประชุม ก.ตร. ในวันพรุ่งนี้ จะนำเรื่องดังกล่าวเข้าหารือในที่ประชุมเพื่อให้เป็นไปตามขั้นตอน
นอกจากนี้ พล.อ.ประวิตร ยังกล่าวถึงการก่อสร้างโรงพักตำรวจทั่วประเทศ ว่า ส่วนตัวไม่จำเป็นต้องมอบนโยบายในการสานต่อ เพราะทุกอย่างดำเนินไปตามกฎหมาย เมื่อได้งบประมาณมา ก็จะต้อง
เร่งดำเนินการ พร้อมยืนยันว่า การก่อสร้างไม่มีการฮั้วอย่างแน่นอน แต่หากเกิดขึ้น ก็จะต้องเป็นไปตามกระบวนการของกฎหมาย
------------------------
ผบช.น. ตั้งกรรมการสอบ 2 นายตำรวจเอี่ยวสถานบริการไม่ได้รับอนุญาต ให้ พล.ต.ต.จิตติ เป็นประธานสอบ
พ.ต.ท.ไพโรจน์ ไตรธรรม รองผู้กำกับปราบปราม สน.เพชรเกษม และผู้ใช้ชื่อว่าตำรวจ สน.เพชรเกษม ได้ทำหนังสือร้องเรียนต่อ ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ว่า พ.ต.อ.อนุชา อุ่มเจริญ รอง ผบก.น.5
และ พ.ต.อ.บุญส่ง นามกรณ์ รอง ผบก.น.9 เกี่ยวข้องกับสถานบริการร้านสบายดี 99 และร้านเบสแลนด์ ซึ่งเปิดสถานบริการโดยไม่ได้รับอนุญาต เป็นเหตุให้ตำรวจไม่กล้าเข้าทำการจับกุม
ทางกองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) จึงได้สั่งการ ให้ฝ่ายสืบสวนนครบาล เข้าทำการสืบสวนและจับกุม นางโสภา มียันต์ อายุ 45 ปี โดยจับได้ที่สถานบริการร้านเบสแลนด์ ถ.เพชรเกษม เขตบางแค เมื่อวันที่ 27 ธ.ค. ที่ผ่านมา
จากการตรวจสอบเบื้องต้นพบว่า มีเจ้าหน้าที่ตำรวจที่มีพฤติการณ์เกี่ยวข้อง โดย พ.ต.อ.อนุชา และ พ.ต.อ.บุญส่ง ได้โทรศัพท์หานางโสภาเพื่อขอพูดคุยกับตำรวจชุดจับกุม และให้เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมดูแลอำนวยความสะดวกให้กับของเจ้าของร้าน จากนั้น พ.ต.ท.ชนะเทพ สวนแก้ว สารวัตรสืบสวนตำรวจท่องเที่ยว (สว.ส.ทท.) ได้สั่งการให้ ด.ต.อำพร ศรชัย ไปติดต่อชุดจับกุมเพื่อเปลี่ยนตัวผู้ต้องหา แต่ชุดจับกุมไม่ยินยอม
จากการสอบสวนนางโสภา ให้การว่า พ.ต.อ.บุญส่ง เป็นเพื่อนสนิทของเสี่ยสอง เจ้าของร้านเบสแลนด์ และมีสมาชิกมาใช้บริการประจำ ส่วน พ.ต.อ.อนุชา เคยเป็น ผกก.สน.เพชรเกษม มีความสัมพันธ์อันดีกับเสี่ยสอง ส่วน พ.ต.ท.ชนะเทพ เป็นผู้ดูแลร้าน เนื่องจากสนิทสนมกับ พ.ต.อ.อนุชา
ดังนั้น กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) จึงสั่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนทางวินัย โดยแต่งตั้งให้ พล.ต.ต.จิตติ รอดบางยาง รอง ผบช.น. เป็นประธานสอบสวนข้อเท็จจริงเรื่องดังกล่าว
-----------------------
สตช.ถกร่วมหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เรื่อง แก้ไขปัญหาติดตั้งป้ายโฆษณาป้อมจราจร พร้อมยัน การโยกย้าย ตร. ไม่เป็นการกลั่นแกล้ง
พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เป็นประธานการประชุมร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อแก้ไขปัญหาการติดตั้งป้ายโฆษณาบนป้อมจราจรในพื้นที่ทั่วประเทศ
โดยเปิดเผยว่า ล่าสุดทางกรมธนารักษ์ได้มีข้อสรุปมายังสำนักงานตำรวจแห่งชาติแล้วว่าพื้นที่ดังกล่าวเป็นของราชพัสดุทั้งหมด ซึ่งการพิจารณาเห็นควรให้มีการดำเนินติดตั้งต่อไปหรือไม่นั้นเป็น
ดุลพินิจของราชพัสดุโดยตรง รวมถึงจะต้องตรวจสอบสัญญาที่ทางบริษัทเอกชนได้ทำร่วมกับกองบัญชาการตำรวจนครบาล และกองบัญชาการภาคต่าง ๆ ทั่วประเทศว่ามีกำหนดระยะเวลาการติด
ตั้งเมื่อไหร่
ขณะเดียวกันทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติได้มอบหมายให้กองบัญชาการตำรวจนครบาลรับผิดชอบ พร้อมสรุปสำนวนรายละเอียดชี้แจ้งกรณีดังกล่าวที่เกิดขึ้น รวมถึงให้ดำเนินการตรวจสอบเจ้า
หน้าที่ตำรวจเป็นรายบุคคลว่ามีใครเกี่ยวข้องบ้าง หากพบการกระทำความผิดก็ให้ดำเนินการลงโทษตามวินัยอาญาร้ายแรง และทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติจะสรุปสำนวนชี้แจ้งต่อกรมธนารักษ์
อีกครั้ง โดยการดำเนินการขอติดตั้งป้ายแต่ละครั้งนั้นจะต้องผ่านความเห็นชอบจากผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ จากนั้นจะส่งเรื่องต่อไปยังกรมธนารักษ์เพื่ออนุมัติความเห็นต่อไป
อย่างไรก็ตาม ยืนยันว่าการโยกย้ายข้าราชการตำรวจระดับผู้กำกับการ ถึงผู้บังคับการนั้น ไม่มีความเกี่ยวข้องการกรณีการติดตั้งป้ายโฆษณาบนป้อมตำรวจแต่อย่างใด พร้อมยืนยันว่าไม่มีการเร่งรัด
ให้มีการโยกย้ายข้าราชการตำรวจเร็วกว่ากำหนดเพื่อกลั่นแกล้งอย่างแน่นอน
-------------------------
ผบช.น. ชี้ ตร.2 นายที่โดนตั้งกรรมการสอบยังไม่ให้พักราชการ รอสอบเพิ่ม ด้านการโยกย้าย ผกก.59 นายอยู่ที่ ก.ตร.แล้ว
พล.ต.ท.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล เปิดเผยถึงความคืบหน้ากรณีการออกคำสั่งตั้งกรรมการสอบสวน พ.ต.อ.อนุชา อุ่มเจริญ รอง ผบก.น.5 และ พ.ต.อ.บุญส่ง นามกรณ์ รอง
ผบก.น.9 ที่มีส่วนวิ่งเต้นให้กับสถานบริการร้านสบายดี 99 และร้านเบสแลนด์ ซึ่งเปิดสถานบริการโดยไม่ได้รับอนุญาต ว่า เบื้องต้นยังไม่มีคำสั่งให้พักราชการแต่อย่างใด ต้องรอการสอบสวนอย่าง
ละเอียดอีกครั้ง ซึ่งจะมีผลใน 60 วันหลังออกคำสั่ง ยืนยันมีผลกระทบบางส่วนของการโยกย้ายตำแหน่ง ด้านผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องอื่น ๆ นั้นก็ต้องสอบสวนเช่นกัน ส่วน พ.ต.ท.ชนะเทพ สวนแก้ว
สารวัตรตำรวจท่องเที่ยว (สว.ส.ทท) จะต้องรายงานไปยังผู้บังคับบัญชาอีกครั้งเพื่อตรวจสอบต่อไป
โดย พล.ต.ท.ศรีวราห์ ยังกล่าวถึงกรณีการโยกย้ายผู้กำกับการของพื้นที่นครบาลจำนวน 59 นาย ว่า ขณะนี้ได้ยื่นเรื่องไปที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติเพื่อพิจารณา ซึ่งทั้งหมดอยู่ในสำนวนแล้ว ต้องรอ
ผลการพิจารณาอีกครั้งซึ่งก็ไม่ยืนยันว่าจะรู้ผลเมื่อใด ขึ้นอยู่กับการประชุมของสำนักงานคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ หรือ ก.ตร.
ซึ่งก็ขอยืนยันอีกครั้งว่า การโยกย้ายครั้งนี้ไม่เกี่ยวกับเรื่องป้ายโฆษณาทั้งหมด บางพื้นที่ก็สามารถบริหารจัดการได้ดีแล้ว แต่อาจจะมีเรื่องของการปกครอง ดูแลต่าง ๆ ด้านการร้องเรียนของ ผกก. ที่
โดนโยกย้ายนั้นยังไม่มี ถ้ามีก็พร้อมที่จะพูดคุย ส่วนในอนาคตทาง ผกก. จะมีการฟ้องศาลหรือไม่อย่างไรนั้นก็เป็นสิทธิส่วนบุคคลต่อไป
--------------------
ผบ.ตร. เผย ไม่แทรกแซงเรื่องการโยกย้าย ตร. พร้อมให้ความเป็นธรรมเรื่องป้ายโฆษณา ปัดตอบเรื่องจับกุมผู้ร้ายข้ามแดนชาวอินเดีย
พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยถึงการโยกย้ายข้าราชการตำรวจในระดับสารวัตรถึงรองผู้บังคับการทั่วประเทศ ซึ่งจะมีวาระการประชุมวาระคณะกรรมข้าราชการ
ตำรวจในวันพรุ่งนี้ว่า การโยกย้ายตำแหน่งดังกล่าวเป็นอำนาจการโยกย้ายที่จะพิจารณาและเห็นสมควร แต่ต้องชี้แจ้งเหตุผลในการโยกย้ายเพื่อให้ความเป็นธรรมกับผู้อยู่ใต้บังคับบัญชา โดยทางผู้
บังคับบัญชาระดับสูงของ ตร. จะไม่เข้าไปแทรกแซงในการสั่งโยกย้ายแต่อย่างใด
ส่วนกรณีป้ายโฆษณาที่ติดตั้งบนป้อมจราจรที่มีตำรวจบางนายร้องเรียนว่ามีการติดตั้งป้ายก่อนที่จะเข้ามารับตำแหน่งนั้น ผบ.ตร. เปิดเผยว่า เป็นเรื่องทางพนักงานสอบสวนสืบหาข้อเท็จจริงถึงเรื่อง
ดังกล่าว พร้อมยืนยันจะให้ความเป็นธรรมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจทุกนาย ส่วนเรื่องเงินที่เป็นส่วนแบ่งจากการติดตั้งป้ายนั้นจะต้องสืบสวนต่อไปว่าเงินนั้นไปอยู่ตรงไหน
อย่างไรก็ตาม ตนเองมั่นใจว่าจะไม่เป็นผลกระทบต่อผู้ใต้บังคับบัญชา
ในขณะที่กรณีที่เจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมตัว นายเกอร์มีท ซิงค์ อายุ 47 ชาวปากีสถาน ผู้ต้องหาในคดีที่วางระเบิดในเมืองปันยาด ประเทศอินเดีย ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 17 คน ซึ่งได้หนีเข้ามากบดานใน
ประเทศไทย และถูกเจ้าหน้าที่จับกุมได้เมื่อคืนที่ผ่านมา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ไม่ขอตอบในประเด็นนี้เพราะเกี่ยวข้องในเรื่องของความมั่นคงระหว่างประเทศและเป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อน
/////////////
คดีพงศ์พัฒน์
รรท.ผกก.พหลโยธิน เผย อดีต สว.โยงเครือข่ายพงศ์พัฒน์มอบตัวอีก 1 นาย คดีบ่อนพนันบอล ส่วน ผกก.ปอศ. มอบตัวเช่นกัน ฝากขังพรุ่งนี้
พ.ต.อ.นิพนธ์ เจริญศิลป์ รักษาราชการแทนผู้กำกับการ สน.พหลโยธิน เปิดเผยว่า เมื่อวานที่ผ่านมา พ.ต.ท.พิพัฒน์ เฉวงราษฏร์ อดีตสารวัตรกลุ่มงานสนับสนุนเทคโนโลยี กองบังคับการปราบปราม
การกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี หรือ บก.ปอท. ได้เดินทางเข้ามอบตัวกับพนักงานสอบสวน สน.พหลโยธิน เพื่อรับทราบข้อกล่าวหาร่วมกันเรียกรับผลประโยชน์ กรณีส่วย
บ่อนการพนันฟุตบอลออนไลน์อาบูบาก้าตั้งแต่เมื่อวานที่ผ่านมา
ส่วน พ.ต.อ.วรพจน์ พืชผล อดีตผู้กำกับการ 1 กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ หรือ ปอศ. ได้เดินทางเข้ามอบตัวกับสถานีตำรวจในพื้นที่ จ.สุราษฎร์
ธานี และตำรวจที่สุราษฎร์ธานีได้คุมตัวนำส่งที่ สน.พหลโยธิน เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา
ซึ่งจากการสอบปากคำทั้ง 2 คนให้การปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา โดยทางตำรวจ สน.พหลโยธิน ได้ยื่นคำร้องต่อศาลเพื่อขอหมายค้นบ้านพักของ พ.ต.อ.วรพจน์ ที่ฝั่งธนบุรี ก่อนจะคุมตัวทั้ง 2 คนฝากขัง
ต่อศาลอาญาในวันพรุ่งนี้
////////////
ทหาร
พล.อ.อุดมเดช เน้นย้ำ กอ.รมน. ทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ ให้ความสำคัญกับการปฏิรูป ปรองดอง ขณะพูดคุยสันติสุข เป็นไปตามขั้นตอน
พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร ผู้บัญชาการทหารบก เปิดเผยว่า ได้เน้นย้ำการปฏิบัติงานของกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) ให้มีประสิทธิภาพ พร้อมให้น้ำหนักถึงการให้
ความสำคัญในการปฏิรูป การปรองดอง และได้สั่งการไปยังผู้ว่าราชการจังหวัดให้ทำหน้าที่เกี่ยวกับงานปรองดองสมานฉันท์ โดยจะต้องมีความเข้าใจในงานปฏิรูป รวบรวมข้อคิดเห็นมาให้รัฐบาล
ใช้ประโยชน์ต่อไป รวมถึงยังเน้นย้ำเรื่องยาเสพติด โดยได้วางโครงข่ายติดตามงานกับส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ขณะเดียวกันในส่วนของปัญหาจังหวัดชายแดนใต้ปีงบประมาณใหม่นี้ นายกรัฐมนตรี
ได้มีคำสั่งให้ทำงานอย่างบูรณาการ และต้องเข้าใจในแผนการทำงาน โดยมีกอ.รมน.ภาค 4ส่วนหน้าเป็นหลักในการขับเคลื่อน และพร้อมทำความเข้าใจกับผู้ที่มีความเห็นต่าง โดยเชื่อว่าหากมีความ
เข้าใจทุกอย่างจะดีขึ้น
ส่วนความคืบหน้าเรื่องการเจรจาสันติสุข ขณะนี้ได้มีการแต่งตั้งคณะกรรมการไปแล้ว โดยทุกอย่างดำเนินไปตามขั้นตอน และไม่มีการหยุดนิ่งในการทำงาน
///////////////////
ลาดกระบังพันล้าน
กองปราบประชุมติดตามความคืบหน้าคดียักยอกเงิน เทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง 1,600 ล้านบาท
พ.ต.อ.ณษ เศวตเลข รองผู้บังคับการกองปราบปราม ประชุมร่วมพนักงานสอบสวน ติดตามความคืบหน้าคดียักยอกเงินของสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง จนทำให้เกิด
ความเสียหาย มูลค่า 1,600 ล้านบาท ทั้งนี้ มีรายงานว่าในที่ประชุมจะมีการตรวจสอบสถานบันเทิงแห่งหนึ่ง ย่านเทพารักษ์ จ.สมุทรปราการ หลังตำรวจสืบสวนพบว่าเป็น 1 ในสถานที่ใช้
ฟอกเงิน และพบว่า 1 ในผู้ประกอบการเป็นเพื่อนสนิทกับ นายกิตติศักดิ์ มัทธุจัด ผู้ต้องหาที่หลบหนีไปต่างประเทศ ได้ว่าจ้างให้ผู้อื่นดำเนินกิจการแทนอีก 4 คน เป็นชาย 3 คน หญิง 1 คน
และมีรายงานอีกว่าตำรวจอยู่ระหว่างตรวจสอบเส้นทางการทำธุรกรรม ทางการเงินที่เกี่ยวข้องกับเครือข่ายการยักยอกทรัพย์ของ สจล. นอกจากนี้ ยังมีเจ้าหน้าที่ของ สจล. นำเอกสารการเงินจำนวน 1
ลัง หรือ 4 แฟ้ม มามอบให้กับพนักงานสอบสวนเพื่อรวบรวมพยานหลักฐานเพิ่มเติม
อย่างไรก็ตาม รองผู้บังคับการปราบปราบปราม จะเป็นผู้เปิดเผยรายละเอียดภายหลังการประชุมอีกครั้ง
----------------
ตร.กองปราบฯ ยัน พิงกี้ สาวิกา จะเข้าพบในกรณีอาจเอี่ยวคดียักยอกเงิน เทคโนฯ ลาดกระบัง พรุ่งนี้ ลั่น เตรียมออกหมายเรียกอีกเพียบ
พ.ต.อ.ณษ เศวตเลข รองผู้บังคับการกองปราบปราม ฝ่ายสอบสวน พร้อมด้วย พ.ต.อ.กรไชย คล้ายคลึง รองผู้บังคับการปราบปราม ฝ่ายสืบสวน ประชุมร่วมพนักงานสอบสวน ติดตามความคืบหน้า
คดียักยอกเงินของสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง จนทำให้เกิดความเสียหาย 1,600 ล้านบาท
โดย พ.ต.อ.กรไชย ระบุว่า ได้ประสาน นางสาวสาวิกา ไชยเดช หรือ พิ้งกี้ ดารานักแสดง หลังเดินทางกลับจากประเทศญี่ปุ่นและเดินทางถึงประเทศไทยเมื่อคืนที่ผ่านมา เข้าให้ข้อมูลกับตำรวจวัน
พรุ่งนี้ (7 มกราคม) หลังปรากฏชื่อเป็นผู้ถือหุ้น 1 ในบริษัทของนายกิตติศักดิ์ มัทธุจัด ผู้ต้องหาที่ถูกออกหมายจับและหลบหนีไปยังฮ่องกง
ซึ่งขณะนี้ นายกิตติศักดิ์ ยังไม่มีการติดต่อเข้ามอบตัว และคณะพนักงานสอบสวนได้ทำการอายัดทรัพย์สินของนายกิตติศักดิ์ ไว้ประมาณ 38 รายการ อาทิ บ้าน ที่ดิน รถยนต์ และเงินสด มูลค่ากว่า
500 ล้านบาท ส่งคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน หรือ ปปง. ดำเนินการตรวจสอบ แต่ขณะนี้ ป.ป.ง. ยังไม่มีหนังสือตอบกลับมาแต่อย่างใด และอยู่ระหว่างการตรวจสอบเส้นทาง
การเงินว่ามีการโอนย้ายเงินออกนอกประเทศหรือไม่
นอกจากนี้ ตำรวจเตรียมออกหมายเรียกผู้ต้องสงสัยซึ่งเป็นเจ้าของบัญชีรับโอนเงินจากผู้ต้องหาจำนวน 20 ล้านบาท อีกหลายคน มาให้ปากคำกับพนักงานสอบสวนว่ามีความเกี่ยวข้องกับการกระทำ
ความผิดหรือไม่
--------------------------
รอง ผบก.ป. ส่ง ตร.ประกบสมบัติกับลูกสาว หลังไม่เข้าพบโกงเงินเทคโนฯ ลาดกระบัง จ่อออกหมายเรียก ผจก.ร้านสตรีทผับ
พ.ต.อ.กรไชย คล้ายคลึง รองผู้บังคับการกองปราบปราม กล่าวถึงความคืบหน้าคดียักยอกเงินของสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง จนทำให้เกิดความเสียหาย 1,600 ล้านบาท
ว่า นางสมบัติ โสประดิษฐ์ กับลูกสาว ที่ถูกออกหมายจับได้ประสานว่าจะติดต่อขอเข้ามอบตัวตั้งแต่เมื่อวานที่ผ่านมา จนถึงขณะนี้ยังไม่มาพบพนักงานสอบสวน ซึ่งตำรวจได้ส่งฝ่ายสืบสวนประกบ
ตัวไว้แล้ว
ส่วนเจ้าของสถานบันเทิงสตรีทผับในจังหวัดสมุทรปราการ ซึ่งเป็นของ นายกิตติศักดิ์ มัทธุจัด ผู้ต้องหาที่ยังหลบหนี พนักงานสอบสวนเตรียมจะออกหมายเรียกผู้จัดการร้าน เข้าให้ข้อมูลกับ
พนักงานสอบสวนด้วย
ทั้งนี้ พ.ต.อ.ณษ เศวตเลข ระบุว่า ขณะนี้มีปัญหาเรื่องการตรวจสอบเส้นทางการเงินของผู้ต้องหา เพราะไม่ได้รับความร่วมมือจากธนาคารเท่าที่ควรในการส่งมอบเอกสารต่าง ๆ เพราะธนาคารอาจ
เกรงว่าจะถูกฟ้องร้อง ทางตำรวจจึงขอให้ธนาคารส่งเอกสารให้กับพนักงานสอบสวนด้วย เพื่อความกระจ่างของสังคม
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ นายถวิล พึ่งมา อดีตอธิการบดี สจล. และพยานอีก 2 ปาก ได้เดินทางเข้าให้ข้อมูลเพิ่มเติมกับพนักงานสอบสวนกองปราบปราม
//////////////////////////
ส่งผู้ร้ายข้ามแดน
โฆษกอัยการสูงสุดเผยถึงขั้นตอนของการดำเนินส่งผู้ร้ายข้ามแดน ลั่น เป็นสนธิสัญญาระหว่างประเทศ ไม่เกี่ยวการเมืองและทหาร
นายวันชัย รุจนวงศ์ โฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด เปิดเผยถึงขั้นตอนดำเนินการส่งผู้ร้ายข้ามแดนว่า เมื่อมีผู้ต้องหาหลบหนีเข้ามาในประเทศไทย และทางการไทยได้รับการประสานจากประเทศที่มี
สนธิสัญญาส่งผู้ร้ายข้ามแดน อัยการจะเป็นผู้ยื่นคำร้องต่อศาลเพื่อขอออกหมายจับ เมื่อศาลออกหมายจับมาแล้วก็จะส่งหมายให้ตำรวจติดตามจับกุมตัวผู้ต้องหา เมื่อตำรวจจับกุมผู้ต้องหาได้แล้ว ก็จะ
ต้องดำเนินการสอบสวนในเบื้องต้นก่อนจะส่งตัวผู้ต้องหาไปฝากขังที่ศาลอาญา ให้อยู่ในอำนาจของศาลในการควบคุมตัว และศาลจะสอบถามผู้ต้องหาว่าจะยินยอมกลับไปถูกดำเนินคดีที่ประเทศ
ต้นทางที่ร้องขอตัวเป็นผู้ร้ายข้ามแดนหรือไม่ หากผู้ต้องหายินยอมก็จะส่งตัวกลับไปทันที หากไม่ยินยอม ผู้ต้องหาก็มีสิทธิแต่งตั้งทนายความเพื่อร้องขออยู่ในประเทศไทยต่อไป
ส่วนอัยการจะรวบรวมพยานหลักฐานแสดงต่อศาลว่าได้มีการประสานขอส่งตัวผู้ต้องหาเป็นผู้ร้ายข้ามแดนเพราะได้กระทำผิดในประเทศนั้น ๆ ไว้ และต้องแสดงให้ศาลเห็นว่าการส่งผู้ร้ายข้ามแดน
ดังกล่าวอยู่ในสนธิสัญญาส่งผู้ร้ายข้ามแดนระหว่างประเทศ ซึ่งไม่ได้เป็นเรื่องทางการเมืองและไม่เกี่ยวข้องกับทางทหาร
////////////////////////
7 วันอันตราย
ปลัด มท. แถลงตัวเลข 7 วันอันตราย รวมเกิดอุบัติเหตุรวม 2,997 ครั้ง ตาย 341 ราย บาดเจ็บ 3,117 คน
นายวิบูลย์ สงวนพงศ์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย ประธานแถลงข่าวสรุปผลการดำเนินงานลดอุบัติเหตุทางถนน ช่วงเทศกาลปีใหม่ 2558 เปิดเผยว่า ศูนย์อำนวยการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนน (
ศปภ.) ได้สรุปอุบัติเหตุทางถนนสะสม 7 วัน ตั้งแต่วันที่ (30 ธันวาคม 57 - 5 มกราคม 58) เกิดอุบัติเหตุรวม 2,997 ครั้ง มีผู้เสียชีวิตรวม 341 ราย และผู้บาดเจ็บรวม 3,117 คน
นายวิบูลย์ กล่าวอีกว่า ตลอดเวลาที่ผ่านมาทุกภาคส่วนได้ปฏิบัติตามนโยบายรัฐบาลในการทำงานเพื่อลดอุบัติเหตุในท้องถนน ซึ่งแม้ในปีนี้ไม่ได้มีการตั้งเป้าไว้ แต่สถิติยอดผู้บาดเจ็บและชีวิตลดลง
เมื่อเปรียบเทียบกับปีที่ผ่านมา ซึ่งถือว่าเป็นที่น่าพอใจ อย่างไรก็ตาม จากนี้ทุกภาคส่วนจะยังคงเดินหน้าทำงานต่อไปเพื่อลดอุบัติเหตุอย่างต่อเนื่อง ทั้งเรื่องการยังคับใช้กฎหมาย และการส้ร
างจิตสำนึกให้แก่ประชาชนตระหนักถึงการงดดื่มแอลกอฮอล์ขณะขับขี่ยานพาหนะ และการปล่อยโคมลอยซึ่งจะมีผลกระทบต่อการสัญจรทางอากาศ
/////////////////
เนชั่น ทุกคุกคาม
สุทธิชัย หยุ่นยื่นหนังสือประธานกมธ.สื่อ หลังSLCซื้อหุ้นเนชั่น หวั่นเทคโอเวอร์-กังวลครอบงำสื่อ
นายสุทธิชัย หยุ่น ประธานกรรม บริษัท เนชั่น มัลติมีเดีย กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) พร้อมคณะ มายื่นหนังสือต่อ นายจุมพล รอดคำดี ประธานคณะกรรมาธิการปฏิรูปการสื่อสารมวลชนและเทคโนโลยี
สารสนเทศ ภายหลังจากกรณีที่บริษัท โซลูชั่น คอนเนอร์ (1998) จำกัด หรือ SLC ได้เข้าซื้อหุ้นบริษัท เนชั่น มัลติมีเดีย กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ว่า ตามที่บริษัทดังกล่าว ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของบริษัท
สปริงนิวส์ เทเลวิชั่น จำกัด ได้เข้าซื้อหุ้นในบริษัท เนชั่น มัลติมีเดีย กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ในลักษณะที่เข้าข่ายเป็นการเทคโอเวอร์อย่างไม่เป็นมิตรนั้น ทางเนชั่น กรุ๊ป ขอให้ทางคณะกรรมาธิการฯ
ได้หยิบยกประเด็นดังกล่าวมาพิจารณาเป็นการเร่งด่วน เพราะพฤติกรรมของกลุ่มทุนดังกล่าว มีกลุ่มทุนผู้อยู่เบื้องหลัง ได้นำซึ่งความกังวลที่ จะก่อให้เกิดการครอบงำสื่อ ส่งผลต่อการทำหน้าที่สื่อ
มวลชน
ทั้งนี้ นายจุมพล กล่าวว่า จะนำเรื่องดังกล่าวเข้าหารือในคณะกรรมาธิการฯ อย่างเร่งด่วน
////////////////////
เศรษฐกิจ
ตัดสิทธิ์GSPไทย
นายกฯ ยันไม่กังวลไทยถูกถอดสิทธิ์ GSP เร่งหาตลาดใหม่ทดแทนตลาด EU พร้อมผลักดันกฎหมายตั้งกระทรวงดิจิตอลให้ทันในปีนี้
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้แถลงภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี ในวันนี้ว่า ที่ประชุมได้มีการรายงานถึงการถูกยกเลิกในส่วนของตลาดยุโรป หรือ EU ในการยกเว้นภาษีตาม
GSP ที่ไทยถูกจัดอันดับโดยธนาคารโลก หลังเป็นประเทศที่มีรายได้ปากกลางถึงค่อนข้างร่ำรวย ซึ่งติดกัน 3 ปี ทำให้ถูกถอดสิทธิ์ดังกล่าว
โดยยืนยันว่าในเรื่องดังกล่าวนั้นไม่เป็นเรื่องที่น่ากังวลเนื่องจากเชื่อว่าจะกระทบภาคการส่งออกไทยไม่มากนัก ทั้งนี้ ได้กำชับให้ทางกระทรวงการต่างประเทศรวมไปถึงกระทรวงพาณิชย์ เร่งหา
ตลาดใหม่ในการเข้ามาทดแทน เพื่อช่วยเหลือผู้ส่งออก
พร้อมกันนี้ ยังวางแนวทางในการปรับลดต้นทุนในการผลิตเพื่อให้เหมาะสมและสามารถแข่งขันกับประเทศอื่น ๆ ได้ นอกจากนี้ในส่วนที่ประชุมยังมีการอนุมัติแนวทาง 9 กฎหมายในการผลักดัน
จัดตั้งกระทรวงดิจิตอลแทนกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศ หรือ ICT ซึ่งคาดว่าจะจัดทำให้แล้วเสร็จภายในปีนี้ พร้อมยกระดับการทำงานของรัฐวิสาหกิจ ทั้ง TOT รวมไปถึง CAT Telecom
เพื่อเพิ่มรายได้เข้ารัฐให้มากขึ้น หลังจากต้องมีการนำเงินและงบประมาณมาผลักดันเศรษฐกิจพื่อไม่ให้ซบเซา
-----------------
กกร. ห่วงส่งออกปี 58 ขยายตัวน้อย หลังถูกตัดสิทธิ GSP คาดทั้งปีโต 3.5-4% แนะเอกชนบุกตลาดอาเซียน
นายอิสระ ว่องกุศลกิจ ประธานสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ในฐานะประธานการประชุมคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) เปิดเผยว่า ที่ประชุมได้หารือด้านการส่งออกในปี 2558
โดยมีความเป็นห่วงว่าตัวเลขอาจไม่สูงมาก เนื่องจากไทยได้รับผลกระทบจากการถูกตัดสิทธิประโยชน์ทางภาษี หรือ GSP จากยุโรป ดังนั้น กกร. จึงจัดตั้งคณะทำงานขึ้นมาศึกษาผลกระทบเป็น
รายสินค้า เพื่อนำเสนอรัฐบาลภายในเดือน ม.ค.นี้ พร้อมหาแนวทางในการเยียวยาชั่วคราวก่อนที่ไทยจะสามารถเปิดเสรีการค้า หรือ FTA ไทย-ยุโรป ได้ภายใน 1-3 ปีนี้ เบื้องต้น คาดว่าผู้ส่งออกจะได้
รับความเสียหายจากการถูกตัดสิทธิ GSP ไม่เกิน 6,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
ทั้งนี้ ที่ประชุม กกร. ประเมินว่า การส่งออกของไทยปีนี้จะขยายตัวได้ร้อยละ 3.5-4 โดยจากนี้เอกชนจะต้องเร่งบุกตลาดใหม่ร่วมกับกระทรวงพาณิชย์ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะตลาดอา
เซียน ประเทศเพื่อนบ้านที่มีเศรษฐกิจขนาดใหญ่ อาทิ อินโดนีเซีย เวียดนาม ฟิลิปปินส์ รวมถึงตลาดกลุ่ม BRICS
----------------------
ครม. อนุมัติร่าง พ.ร.บ.แก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งเกี่ยวกับการบังคับคดี พร้อมรับฟังรายงานกรอบนโยบายการเงิน
พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลการประชุมคณะรัฐมนตรี ในวันนี้ว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี มีมติอนุมัติร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวล
กฎหมาย วิธีพิจารณาความแพ่ง เกี่ยวกับการบังคับคดีและการบังคับคดีตามคำพิพากษาหรือคำสั่งศาล เนื่องจากที่ผ่านมา มีปัญหาในส่วนของทรัพย์สินต่างๆ ที่ติดขัดในคดีแพ่ง คิดเป็นมูลค่าวงเงิน
62,000 ล้านบาท ซึ่งกฎหมายดังกล่าวจะครอบคลุมทรัพย์สินที่มีมูลค่า แต่ไม่มีรูปร่าง รวมถึงอาคารชุดที่เป็นปัญหาในส่วนของค่าส่วนกลาง ซึ่งกฎหมายดังกล่าวนั้นจะสามารถช่วยผลักดัน
ทรัพย์สินที่ตกค้างอยู่ในระบบกระบวนการยุติธรรม ให้สามารถออกสู่ตลาดได้ง่ายขึ้นและรวดเร็วมากขึ้น นอกจากนี้ ที่ประชุมยังรับรายงานจากกระทรวงการคลัง เกี่ยวกับการรายงานเป้าหมาย
นโยบายทางการเงินประจำปี 2558 โดยมีการปรับปรุงมาใช้ในส่วนของเงินเฟ้อทั่วไปในอัตราร้อยละ 2.5 บวกลบไม่เกิน ร้อยละ 1.5 จากเดิมที่เคยใช้เป็นรายกรอบ รายไตรมาส ซึ่งจะทำให้มีความ
ท้าทายในการปรับอัตราและดูแลนโยบายการเงินได้ง่ายขึ้น
---------------------
กกร. ตั้งคณะทำงานดูแลศึกษาผลกระทบสินค้ารายอุตสาหกรรม หลังถูกตัด จีเอสพี ก่อนชงรัฐบาล ภายใน ม.ค.นี้
นายพจน์ อร่ามวัฒนานนท์ กรรมการรองเลขาธิการสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะกรรมการ
ร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) ว่า ที่ประชุม กกร. ได้ตั้งคณะทำงานศึกษาผลกระทบสินค้ารายอุตสาหกรรมที่ถูกตัดสิทธิพิเศษ
ทางภาษีศุลกากร (จีเอสพี) เนื่องจากมีความเป็นห่วงข้อมูลที่นำเสนอให้กับรัฐบาลในขณะนี้ ยังไม่เป็นแนวทางเดียวกัน โดยจะเชิญ
ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาร่วมหารือ หลังจากนั้นจะนำเสนอรัฐบาลภายในเดือน ม.ค.นี้ เพื่อหาแนวทางช่วยเหลือจนกว่า
-----------------------
กกร. มองเศรษฐกิจไทยปี 58 โต 3.5-4% ขณะการบริโภคภายในประเทศจะฟื้นจากรัฐเบิกจ่ายงบ
นายอิสระ ว่องกุศลกิจ ประธานสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ในฐานะประธานการประชุมคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) เปิดเผยภายหลังการประชุมว่า ที่ประชุมมีความเป็นห่วง
ถึงภาวะเศรษฐกิจไทย หลังจากที่เดือนพฤศจิกายน 2557 พบว่า เศรษฐกิจยังฟื้นตัวช้าในทุกภาคส่วน ทั้งการบริโภคการลงทุน และการใช้จ่ายภาครัฐต่ำกว่าเป้า ขณะที่การฟื้นตัวของภาค
อุตสาหกรรมยังไม่กลับสู่ภาวะปกติ รวมถึงผลกระทบหลายด้านทั้งจากราคาน้ำมันที่มีความผันผวน ทำให้ภาพรวมเศรษฐกิจในไตรมาสสุดท้ายปี 2557 จะมีแรงส่งไปยังปี 2558 ไม่มาก โดยการขยาย
ตัวของเศรษฐกิจไทยปีนี้จะไม่เป็นอัตราเร่ง ซึ่งจะเติบโตไม่สูงมากนักที่ประมาณร้อยละ 3.5-4 สูงขึ้นจากปี 2557 ที่ร้อยละ 0.6-0.8 อย่างไรก็ตาม มองว่าการบริโภคภายในประเทศจะฟื้นขึ้นจากการ
เบิกจากและการลงทุนภาครัฐ โดยเฉพาะการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานวงเงิน 6.8 ล้านบาท
การจัดทำเขตการค้าเสรี (เอฟทีเอ) ไทย-อียู จะแล้วเสร็จ โดยสินค้าที่จะได้รับผลกระทบจากการถูกตัดสิทธิมากที่สุด กลุ่มผลิตภัณฑ์อาหารแช่เยือกแข็ง และกลุ่มสิ่งทอ
-----------------
กกร. มองเศรษฐกิจไทยปี 58 โต 3.5-4% ขณะการบริโภคภายในประเทศจะฟื้นจากรัฐเบิกจ่ายงบ
นายอิสระ ว่องกุศลกิจ ประธานสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ในฐานะประธานการประชุมคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) เปิดเผยภายหลังการประชุมว่า ที่ประชุมมีความเป็นห่วง
ถึงภาวะเศรษฐกิจไทย หลังจากที่เดือนพฤศจิกายน 2557 พบว่า เศรษฐกิจยังฟื้นตัวช้าในทุกภาคส่วน ทั้งการบริโภคการลงทุน และการใช้จ่ายภาครัฐต่ำกว่าเป้า ขณะที่การฟื้นตัวของภาค
อุตสาหกรรมยังไม่กลับสู่ภาวะปกติ รวมถึงผลกระทบหลายด้านทั้งจากราคาน้ำมันที่มีความผันผวน ทำให้ภาพรวมเศรษฐกิจในไตรมาสสุดท้ายปี 2557 จะมีแรงส่งไปยังปี 2558 ไม่มาก โดยการขยาย
ตัวของเศรษฐกิจไทยปีนี้จะไม่เป็นอัตราเร่ง ซึ่งจะเติบโตไม่สูงมากนักที่ประมาณร้อยละ 3.5-4 สูงขึ้นจากปี 2557 ที่ร้อยละ 0.6-0.8 อย่างไรก็ตาม มองว่าการบริโภคภายในประเทศจะฟื้นขึ้นจากการ
เบิกจากและการลงทุนภาครัฐ โดยเฉพาะการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานวงเงิน 6.8 ล้านบาท
---------------------
กกร. ชี้ ทิศทางราคาสินค้ายังไม่สามารถปรับลดลงมากแม้น้ำมันลด หลังผู้ประกอบการแบกรับต้นทุนสูง ห่วง เฟด ขึ้น ดบ. กระทบค่าใช้จ่าย
นายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยหลังการประชุมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) ว่า ทิศทางราคาสินค้าในปีนี้ ภาพรวมผู้ประกอบการยังไม่สามารถปรับ
ลดราคาลงได้มากนัก แม้ต้นทุนราคาน้ำมันจะถูกลง แต่ค่าไฟฟ้าที่ใช้ในกระบวนการผลิตยังไม่ปรับลดลง รวมถึงผู้ประกอบการยังคงแบกรับต้นทุนด้านอื่นๆ ของการผลิตที่สูงขึ้น โดยเฉพาะค่าแรง
งาน วัตถุดิบบางส่วน แต่เชื่อว่าคงจะไม่เห็นการปรับขึ้นราคาสินค้าได้ เพราะแรงซื้อคนไทยชะลอตัว ทำให้ภาคการผลิตส่วนใหญ่ ต้องแข่งขันด้านราคาเพื่อรักษาส่วนแบ่งทางการตลาดเอาไว้
นอกจากนี้ ที่ประชุม กกร. มีความกังวลถึงการพิจารณาปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจส่งผลต่อค่าใช้จ่ายและต้นทุนของไทยที่ปรับสูงขึ้น
///////////////////////
ไพบูลย์รู้ตัวคนปล่อยข่าว3นายพลลาออก
พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รมว.ยุติธรรม เผยรู้ตัวคนปล่อยข่าว 3 นายพล ใน ครม.จะลาออกก่อนเกษียณอายุราชการ เเต่ยังไม่มั่นใจ ขอตรวจสอบให้ชัดพล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รมว.ยุติธรรม ระบุกรณี
นสพ.หลายฉบับเสนอข่าว สามนายพลใน ครม.จะลาออกก่อนเกษียณอายุราชการ เพื่อเปิดทางให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีเเละหัวหน้า คสช.จัดทัพในกองทัพ เพื่อวางตัวผู้นำเหล่า
ทัพก่อนกำหนดว่าไม่ทราบ ตนอ่านจาก นสพ.เรื่องนี้ ไม่ได้ยินเรื่องนี้จากนายกฯ รมว.กลาโหมเเละ ผบ.สส.เลย จึงไม่รู้จะให้ข่าวอย่างไร เรื้องนี้คือข่าวลือ ตนไม่มีข้อมูลจึงไม่รู้จะชี้เเจงกับสื่ออย่างไร
พล.อ.ไพบูลย์ ระบุไม่อยากสร้างปัญหาให้นายกฯ ในเรื่องนี้ เเม้ตนประเมินข่าวนี้ว่าน่าจะมาจากไหน เเต่ไม่ขอตอบ ตอนนี้ไม่ประเมินว่าข่าวนี้จะกระทบ คสช.หรือไม่ หากข่าวนี้ไม่จริงก็ไม่มี
ประโยชน์ หากเป็นจริงก็ต้องดูว่ามีผลลบหรือบวกเมื่อถามว่า คนปล่อยข่าวนี้คือฝ่ายตรงข้าม พล.อ.ไพบูลย์ ตอบว่าต้องถามว่าตรงข้ามใคร ส่วนคนปล่อยข่าวนั้นจะเป็นพวกเดียวกับตนหรือไม่นั้น
ไม่ทราบ ต้องถามสื่อเพราะสื่อมวลชนเขียนเอง มันจึงต้องปะเมินว่าข่าวนี้มาจากใคร จึงประเมินได้ เเต่ตนยังไม่มั่นใจเเละเดาได้ว่าใครพูด เเม้จะพอรู้บ้าง เเต่ขอตรวจสอบให้ชัด จึงไม่ขอพูดตอนนี้
เเต่ผู้คับบัญชาสามคนของตนไม่ได้พูดเรื่องนี้ ตนจึงไม่รู้จะพูดอะไรเมื่อถามว่า คนให้ข่าวนี้ยังให้ข่าวว่า คสช.จะทำงานเลยโรดเเมปจึงต้องจัดทัพล่วงหน้า พล.อ.ไพบูลย์ ตอบว่า ควรถามนายกฯ เอง
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น