PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันอังคารที่ 6 มกราคม พ.ศ. 2558

“ไพศาล” เร่งรัฐบาลรับการลงทุนทั้งในและต่างประเทศให้พร้อม เชื่อการลงทุนไหลเข้าทะลักแน่

“ไพศาล” เร่งรัฐบาลรับการลงทุนทั้งในและต่างประเทศให้พร้อม เชื่อการลงทุนไหลเข้าทะลักแน่
นายไพศาล พืชมงคล อดีตสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ เร่งรัดรัฐบาล รีบเตรียมการรองรับการลงทุนทั้งจากในและต่างประเทศให้พร้อม ขณะนี้การลงทุนกำลังไหลเข้าประเทศ จนหน่วยงานต่าง ๆ ได้สัมผัสชัดเจนแล้ว เชื่อว่าการลงทุนกำลังไหลทะลักเข้าประเทศ อุปมาเหมือนเครื่องบินกำลังแห่กันมาลงในประเทศไทย รัฐบาลจึงต้องเตรียมสนามบินให้พร้อมที่จะรองรับ โดยเฉพาะต้องเร่งจัดตั้งเขตเศรษฐกิจพิเศษโดยเร็ว
นายไพศาล พืชมงคล กล่าวว่าในไตรมาสที่ 3 ที่ 4 ของปีที่แล้วมีการวิเคราะห์กันว่าเศรษฐกิจของประเทศไทยจะย่ำแย่และการลงทุนจะหายไป ซึ่งตนได้ทักท้วงแล้วว่าเป็นการวิเคราะห์ส่งเดช เอาแว่นตาดำตะวันตกมาใส่จึงทำให้มองประเทศไทยมืดบอด ทั้งที่สถานการณ์เปลี่ยนแปลงไปแล้ว สถานการณ์เอื้อต่อประเทศไทยมากมาย ที่สำคัญคือ ตะวันตกกำลังร่วงโรย ตะวันออกกำลังรุ่งเรือง ดุลกำลังอำนาจทางเศรษฐกิจของโลกย้ายมาอยู่ตะวันออก อาเซียน 650 ล้านคน กำลังเป็นรุ่งอรุณทางเศรษฐกิจของโลก โดยมีจีน อินเดีย ญี่ปุ่น และเกาหลีเป็นพันธมิตร จึงทำให้ไทยซึ่งเป็นศูนย์กลางของอาเซียนได้รับผลประโยชน์อย่างเต็มที่ ปัจจัยภายนอกเอื้อประโยชน์เต็มที่ ส่วนปัจจัยภายในรัฐบาลดำเนินยุทธศาสตร์โครงสร้างพื้นฐานเชื่อมโยงเส้นทางสายไหมของภูมิภาคมารวมศูนย์อยู่ที่ประเทศไทย เดินหนทางเกษตรอุตสาหกรรมและอุตสาหกรรมบริการของรัชกาลที่ 5 ประกาศนโยบายจัดตั้งเขตเศรษฐกิจพิเศษ 7 เขต จึงจุดพลุการลงทุนเข้าประเทศไทยอย่างขนานใหญ่ ล่าสุดเมื่อย่างเข้าปีใหม่สำนักวิเคราะห์ต่าง ๆ รวมทั้งสื่อมวลชนเห็นพ้องต้องกันแล้วว่าเงินทุนกำลังไหลเข้าประเทศอย่างคึกคัก รัฐบาลจึงต้องเตรียมพร้อมที่จะรับการลงทุนนั้นให้ทันท่วงที และต้องกวดขันเรื่องนี้ จะปล่อยให้ใครเข้าเกียร์ว่างไม่ได้เด็ดขาด สถานการณ์ตอนนี้จึงเทียบได้กับเครื่องบินแห่งการลงทุนมากมายมหาศาลกำลังหลั่งไหลมาประเทศไทย รัฐบาลจึงต้องสร้างสนามบินรองรับให้เพียงพอ ซึ่งเชื่อว่าเขตเศรษฐกิจพิเศษทั้ง 7 เขตจะรองรับการลงทุนได้ถึง 3 ล้านล้านบาท แต่ขณะนี้ยังเดินหน้าช้ามาก คือสภาพัฒน์ฯ ว่าไปทางหนึ่ง ให้มีการจัดตั้งคณะกรรมการแต่ไม่มีองค์กรและอำนาจ คณะทำงานชุดหนึ่งก็ไปดูพื้นที่ ซึ่งคงหาข้อยุติที่จะปฏิบัติเขตเศรษฐกิจพิเศษไม่ได้ คณะทำงานอีกชุดหนึ่งก็ไปดูสภาพต่าง ๆ และคงหาข้อยุติในทางปฏิบัติไม่ได้เช่นเดียวกัน รัฐบาลจึงควรเป็นผู้นำจัดการเรื่องนี้เสียเองและควรจัดตั้งเขตเศรษฐกิจพิเศษให้ได้ก่อนสิ้นไตรมาสแรกของปีนี้ ก็จะทำให้สามไตรมาสที่เหลือคึกคักขึ้นและเกิดความเชื่อมั่น มิฉะนั้นจะกลายเป็นเรื่องฝันลม ๆ แล้ง ๆ ซึ่งเป็นอันตรายต่อประเทศอย่างใหญ่หลวง.


ไม่มีความคิดเห็น: