PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันศุกร์ที่ 6 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

สถานการณ์ข่าว6/2/58

ระเบิด
แม่ทัพภาคที่ 1 ระบุ แถลงการณ์ปลอมกับระเบิดที่บีทีเอสสยามเชื่อมโยงกันหรือไม่ ทุกอย่างอยู่ในกระบวนการสอบสวน

พล.ท.กัมปนาท รุดดิษฐ์ แม่ทัพภาคที่ 1 ในฐานะผู้บัญชาการกองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อย กกล.รส.) กล่าวถึงการควบคุมตัวกรณี นายกฤษณ์ หรือ เน็ท บุตรดีจีน อายุ 26 ปี ผู้ที่แชร์หรือแพร่
แถลงการณ์สำนักพระราชวังปลอม ว่า การสอบสวนขึ้นอยู่กับการดำเนินการของเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพราะเป็นผู้เชี่ยวชาญส่วนทหารจะเข้าไปร่วมดำเนินการด้วยภายใต้กฎอัยการศึก สำหรับสถานการณ์
ช่วงนี้ที่แกนนำกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ออกมาเคลื่อนไหวบ่อยขึ้นนั้น ไม่อยากพูดถึงสาเหตุมาก เพราะเรื่องนี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ได้เน้นย้ำไว้ชัดเจนไม่อยากให้ขยายปมความขัดแย้ง เพราะทุกอย่างต้องดำเนินการไปตามกฎหมาย ไม่เช่นนั้นบ้านเรากฎหมายก็จะไม่สามารถบังคับใช้ได้จริง ใครทำผิดก็ต้องรับโทษตามกฎหมาย

ส่วนกรณีการปลอมแปลงแถลงการณ์สำนักพระราชวังกับเหตุการณ์ระเบิดที่สถานีรถไฟฟ้าบีทีเอสสยาม จะมีความเชื่อมโยงกันหรือไม่นั้น พล.ท.กัมปนาท กล่าวว่า ยังไม่ตอบ ไม่มีความชัดเจน ซึ่งทุกอย่างต้องว่าตามกระบวนการสอบสวน
---------------
คสช. ยัน เป็นธรรมหนุ่มปลอมแถลงการณ์ ยึดสิทธิมนุษยชน - เร่งล่าคนผิด

พ.อ.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก ในฐานะโฆษกคณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช. กล่าวถึงกรณีทนายความกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) มาขอติดตามคดี

และขอพบนายกฤษณ์ ที่ถูกควบคุมตัวไว้นั้น ว่า ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนของการสอบสวน ยังไม่อยู่ในขั้นตอนการถูกตั้งข้อกล่าวหาจึงยังไม่มีความจำเป็นต้องใช้ทนายมาช่วยแก้ต่างให้ พร้อมยืนยัน
ว่าเป็นไปตามแนวทางที่หน่วยงานด้านความมั่นคงเคยปฏิบัติมา ซึ่งทุกคนจะได้รับความเป็นธรรมได้รับการดูแลอย่างเหมาะสม แม้อยู่ในกรอบของกฎอัยการศึก และยึดถือเป็นไปตามหลักสิทธิมนุษยชน

ทั้งนี้ เป็นคดีที่ละเอียดอ่อน มีผลกระทบต่อจิตใจคนไทยจำนวนมาก เจ้าหน้าที่จึงจำเป็นต้องระมัดระวังและสืบค้นเพื่อให้ได้ตัวผู้ที่จงใจทำความผิดมาเข้าสู่กระบวนการตามกฎหมายให้ได้โดยเร็ว

อย่างไรก็ตาม ขอให้ตระหนักถึงเนื้อหาแถลงการณ์ดังกล่าวว่ามีความผิดปกติและไม่เผยแพร่ต่อ เพราะเป็นสิ่งที่กระทบต่อความรู้สึกและจิตใจคนไทย ในขณะเดียวกันต้องการให้สังคมให้เวลากับ

เจ้าหน้าที่รวบพยานหลักฐานให้ครบทุกด้าน เพื่อนำไปสู่การหาตัวผู้กระทำผิด ทั้งในเรื่องการผลิตเอกสารปลอม การเผยแพร่ และนำเข้าสู่ขั้นตอนต่อไปตามกระบวนการทางกฎหมาย
--------------------------------
โฆษก ตร. ชี้ ข้อมูลการไล่ล่ามือบึ้ม ที่พารากอน ยังเผยไม่ได้ คาด ผู้ต้องหา น่าจะหลบหนีไปต่างจังหวัดแล้ว

พล.ต.ท.ประวุฒิ ถาวรศิริ ผช.ผบ.ตร. และโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยกับสำนักข่าว ไอ.เอ็น.เอ็น. ว่า สำหรับความคืบหน้าในกรณีการติดตามจับกุมตัว 2 ผู้กระทำผิดคดีลอบวางระเบิด
ไปป์บอมบ์ ที่ทางเชื่อมบริเวณสถานี BTS สยาม และ ห้างสยามพารากอน ล่าสุด ยังไม่สามารถเปิดเผยข้อมูลในการติดตามไล่ล่า 2 คนร้ายได้ เนื่องจากคดีดังกล่าวนั้นเป็นคดีที่ต้องใช้การทำงานใน
ทางลับ โดยขอให้เป็นหน้าที่ของฝ่ายสืบสวนดำเนินการก่อน ทั้งนี้ คาดว่า ผู้กระทำน่าจะหลบหนีออกนอกพื้นที่กรุงเทพมหานครแล้ว
--------------
ผบ.ตร. สั่งเข้มให้ทุกหน่วยวางมาตรการเตรียมรับมือป้องกันเหตุป่วนเมือง ส่งกำลังทุกหน่วยลงเต็มพื้นที่เสี่ยง

พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้มีหนังสือคำสั่งราชการกำชับการปฏิบัติหลังเกิดเหตุระเบิดหน้าห้างสรรพสินค้าสยามพารากอน เมื่อวันที่ 1 ก.พ. โดยให้ทุกหน่วยเพิ่มความเข้มความถี่และมาตรการเชิงรุกด้านสายตรวจทุกประเภทโดยเพราะการจัดสายตรวจเดินเท้า การแสดงกลุ่มก้อน การตรวจรถยนต์ ว.10 ประจำจุดและให้เปิดสัญญาณไฟวาบเพื่อป้องปรามลดแรงจูงใจและตัดโอกาสในการกระทำความผิดในพื้นที่สำคัญที่มีประชาชน นักท่องเที่ยวเป็นจำนวนมาก อาจตกเป็นเป้าหมายในการก่อเหตุหรือสร้างสถานการณ์ความวุ่นวาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งห้างสรรพสินค้า สถานีขนส่งสถานีรถไฟฟ้า สวนสาธารณะสำหรับออกกำลังกายพักผ่อนหย่อนใจ และชุมทางรถโดยสารขนาดใหญ่ เช่น อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ห้าแยกลาดพร้าว ศูนย์ค้าสยาม สนามกีฬา วงเวียนใหญ่ รังสิต ฯลฯ ตลอดจนท่าเรือและสถานที่สำคัญทุกแห่งในพื้นที่รับผิดชอบ ให้ ผบช.น. ร่วมกับ ผบก.น.1-9 รับผิดชอบศึกษาวิเคราะห์และกำหนดสถานที่เสี่ยงและวางแผนจัดกำลังสายตรวจ สนับสนุนการปฏิบัติร่วมกับฝ่ายรักษาความปลอดภัยของสถานที่นั้น ๆ โดยให้ รอง ผบ.ตร.ฝ่ายมั่นคง รับผิดชอบดูแลอำนวยการปฏิบัติในภาพรวมและให้ ศปก.ตร. ร่วมกับ สำนักงานยุทธศาสตร์ ตร.ติดตามแผนและผลการปฏิบัติของทุกหน่วยโดยกำหนดแบบรายงานของหน่วยปฏิบัติในพื้นที่ ผ่าน ศปก./ บช.ภ.ให้เป็นระบบในการรายงานที่ชัดเจนให้หน่วยปฏิบัติโดยเคร่งครัด
----------------------
โฆษก ตร. ปัด จับมือบึ้มได้ พร้อมสอบชายสงสัยไม่โยง - พบ 1 มือระเบิดขากะเผลก ลั่น คดีคืบหน้าไปมาก

พลตำรวจโท ประวุฒิ ถาวรศิริ โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ปฏิเสธข่าวการควบคุมตัวคนร้ายวางระเบิดที่สถานีรถไฟฟ้าบีทีเอสสยาม เมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา โดยกล่าวว่าเป็นลักษณะของชุดสืบสวนได้เชิญตัวผู้ต้องสงสัยมาสอบปากคำ และบางคนก็ไปสอบที่บ้าน แต่ไม่มีการจับกุมตัวแต่อย่างใด ซึ่งยอมรับว่ามีกระแสข่าวการจับกุมมาตลอด แต่ตอนนี้มีความคืบหน้าเพียงว่าคนร้ายในภาพวงจรปิดมีบุคลิกในการเดินผิดปกติ คือเดินขากะเผลกหนึ่งคนคือคนที่ใส่เสื้อแขนยาวสีขาว ซึ่งภาพวงจรปิดจับบุคลิกลักษณะนี้ได้ทุกตัวที่ตำรวจได้ภาพมา ซึ่งได้เปรียบเทียบกับผู้ต้องหาตามหมายจับหรือกลุ่มผู้ต้องสงสัยกลุ่มต่าง ๆ ก็ยังไม่พบว่า ไม่ตรง

ส่วนแท็กซี่ที่รับคนร้ายมานั้นก็ได้มีการสอบปากคำแล้ว โดยให้การเป็นประโยชน์ในทางคดี แต่ขณะนี้ไม่สามารถเปิดเผยได้ว่ารับคนร้ายมาจากจุดใด แต่เป็นการเดินทางมาทอดเดียว ส่วนผู้ร่วมก่อเหตุนั้นยังเชื่อว่ามีมากกว่า 2 คน แต่อาจไม่ได้มาร่วมก่อเหตุในพื้นที่เท่านั้น

นอกจากนี้ โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติยังปฏิเสธถึงกรณีกองทัพกดดันการทำงานของตำรวจเพราะผ่านไปหลายวันแล้ว ซึ่งตำรวจได้รายงานความคืบหน้าการทำงานอยู่ตลอด ซึ่งก็มีความคืบหน้าไปมาก
----------------
โฆษก ตร. ปัดข่าวจับมือบึ้มพารากอนที่ภูเก็ต รับสอบปากคำหลายรายแต่ยังไม่ตรง ชี้ 1 ในคนร้ายขาขวาบาดเจ็บ 

พล.ต.ท.ประวุฒิ ถาวรศิริ โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เผยความคืบหน้ามือวางระเบิดห้างสยามพารากอน ว่า จากที่มีกระแสข่าวว่าผู้ต้องหาหลบหนีไปอยู่ที่ภูเก็ตนั้นไม่เป็นความจริง และยอมรับว่าได้มีการเรียกตัวพยานมาสอบปากคำจำนวนมากและทุกคนก็ให้การเป็นประโยชน์ รวมถึงได้มีการเรียกตัวคนขับแท็กซี่มาสอบปากคำ ทราบว่าได้รับทั้ง 2 คนมาลงที่สยามพารากอน แต่ยังไม่เปิดเผยว่ารับมาจากที่ใด

และจากการตรวจสอบจากกล้องวงจรปิดย้อนหลังก็พบว่า 1 ในผู้ต้องหาที่ใส่เสื้อแขนยาวอายุมากนั้นมีอาการบาดเจ็บที่ขาขวาและเดินขากะเผลกจึงทำให้การติดตามตัวนั้นอาจเป็นไปได้ง่ายยิ่งขึ้น

จากการตรวจสอบประวัติของผู้ต้องหารายเก่า ๆ นั้นไม่พบว่ามีใครที่มีอาการแบบนี้ และขณะนี้ก็ยังไม่ได้ออกหมายจับใครซึ่งหากใครพบเบาะแสคนร้ายให้โทรแจ้งที่ 191 ได้ทันที
-----------------
ผบช.น.เผยภาพกล้องวงจรปิดเห็นภาพมือบึ้มพารากอนชัดเจน มีประชาชนแจ้งเบาะแสแล้ว 1 ราย 

ความคืบหน้าคดีรอบวางระเบิดบริเวณทางเชื่อมสถานีรถไฟฟ้าบีทีเอสสยาม วันนี้มีรายงานว่าหลังจากที่ พล.ต.ท.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (ผบช.น.) ได้เผยแผร่ภาพจากกล้องวงจรปิดล่าสุดซึ่งเห็นภาพคนร้ายค่อนข้างชัดเจน  ได้มีประชาชนแจ้งเบาะแสมายังกองบังคับการสืบสวนสอบสวน กองบัญชาการตำรวจนครบาล แล้ว 1 ราย ซึ่งผู้แจ้งอยู่ต่างจังหวัดและแจ้งว่าเคยเห็นบุคคล 1 ใน2 รายที่ปรากฏในภาพจากกล้องวงจรปิดที่มีการเผยแพร่ ดังนั้นชุดสืบสวนจึงจัดกำลังลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริงในวันนี้

นอกจากนี้ คณะทำงานทั้ง 7 ชุดได้กระจายกำลังหาหลักฐานเบาะแสเพิ่มเติมในพื้นที่ต่างจังหวัดรวมทั้งชายแดนทั่วประเทศ ทั้งนี้ ในส่วนของการประชุมติดตามความคืบหน้าของคดี เพื่อรวบรวมข้อมูลเบื้องต้นจะมีการประชุมอีกครั้งในช่วงบ่ายของวันพรุ่งนี้ (วันเสาร์ที่ 7 กุมภาพันธ์)
-------------
ผบ.ตร. เผย คืบคดีระเบิด มอบหมายให้ โฆษก สตช. ดูแล ย้ำไม่เร่งรัด จนท.ในการจับกุมคนร้าย เข้ม รปภ.จุดเสี่ยง

พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผบ.ตร. เปิดเผยถึงความคืบหน้า กรณีระเบิดบริเวณห้างสรรพสินค้าสยามพารากอน ว่า ในส่วนของรายละเอียดได้มอบหมายให้ พล.ต.ท.ประวุฒิ ถาวรศิริ โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เป็นผู้ดูแล ส่วนการดำเนินคดีนั้นอยู่ระหว่างการสืบสวน โดยทางผู้บังคับบัญชา ไม่ได้มีการกดดันฝ่ายสืบสวนในการเร่งรัดการจับกุมตัวคนร้าย เนื่องจากอยากให้การทำงานเป็นไปด้วยความละเอียดรอบคอบเป็นธรรมต่อทุกฝ่าย

ส่วนมาตรการรักษาความปลอดภัยก็ยังคงเข้มงวด และไม่ได้หละหลวม แต่เพียงปรับรูปแบบในการรักษาความปลอดภัยที่จะไม่เน้นใช้กำลังเจ้าหน้าที่ในเครื่องแบบประจำจุดต่าง ๆ เพื่อไม่ให้กระทบต่อการท่องเที่ยวเท่านั้น

ส่วนกรณีการเชิญตัวบุคคลที่ต้องสงสัย หรือเข้าข่ายการกระทำผิดเข้าให้ข้อมูลนั้น ก็เป็นการดำเนินการตามปกติตามขั้นตอนเนื่องจากบุคคลดังกล่าว อาจจะมีความเกี่ยวข้อง หรือมีข้อมูลเกี่ยวกับการเกิดเหตุดังกล่าว

ส่วนกรณีการปลอมแปลงแถลงการณ์นั้น จะต้องดำเนินคดีกับผู้เกี่ยวข้องทั้งหมดที่มีส่วนเกี่ยวข้องในการเผยแพร่โดยไม่ละเว้น

อย่างไรก็ตาม พล.ต.อ.สมยศ ยังกล่าวถึงกรณีการหายตัวไปของ พล.อ.พิจิตร กุลละวณิชย์ องคมนตรี ว่า ตนก็เพิ่งทราบจากข่าวเมื่อเช้านี้ และยังไม่ได้รับรายงานว่า มีการแจ้งความร้องทุกข์กับเจ้าหน้าที่ตำรวจ แต่จากที่ติดตามข่าวคาดว่า เป็นปัญหาภายในครอบครัว
--------------
ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เผย ยังจับมือบึ้มพารากอนไม่ได้ เพียงแต่เชิญมาสอบเพื่อฝห้เบาะแสเพิ่มเติม - ยันตำรวจไม่หละหลวม 

พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กล่าวยืนยันว่าตำรวจยังไม่มีการจับกุมผู้ต้องหาหรือผู้ต้องสงสัย ลอบวางระเบิด2จุดหน้าห้างสรรพสินค้าพรากอน แต่เป็นเพียงการเชิญมาสอบ เพื่อให้ข้อมูลหรือเบาะแสเพิ่มเติมโดยไม่ขอเปิดเผยว่าเชิญกลุ่มไหนมาบ้าง โดยในการเชิญมาสอบทหารและตำรวจทำงานร่วมกันตลอด เพราะบางครั้งต้องใช้อำนาจตามกฎหมายพิเศษของทหารในการเชิญตัวมาสอบ โดยอยู่บนพื้นฐานของความถูกต้อง เป็นธรรมไม่กลั่นแกล้งใคร และไม่เคยกดดันผู้ใต้บังคับบัญชาว่าจะต้องจับได้ภายใน 3 วัน 5 วัน
 
อย่างไรก็ตาม ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า ขณะนี้มีมาตรการในการเฝ้าระวังดูแลความปลอดภัยอย่างเข้มข้น  และทำมาอย่างต่อเนื่อง ยืนยันว่าเหตุที่เกิดขึ้นไม่ใช่ความหละหลวม เพียงแต่ที่ผ่านมามีการผ่อนกำลังเจ้าหน้าที่ในเครื่องแบบเพื่อไม่ให้กระทบบรรยกาศการท่องเที่ยวเท่านั้น โดยหลังจากนี้ได้กำชับให้ตำรวจสันติบาลเกาะติดการข่าวร่วมกับฝ่ายมั่นคงต่างๆทั้งในประเทศและต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง ซึ่งขณะนี้ยังไม่พบสัญญานที่น่ากังวลแต่อย่างใด
//////////////
แถลงการณ์ปลอม

รรท.ผบก.ป. ชี้อยู่ระหว่างการสืบสวน กรณีแถลงการณ์ปลอม ลั่นคดีคืบหน้าไปมาก ยันขณะนี้ผู้ต้องหามีเพียงรายเดียว

พันตำรวจเอก อัคราเดช พิมลศรี รรท.ผบก.ป. เปิดเผยถึงความคืบหน้ากรณีมีการเผยแพร่ปลอมแปลงแถลงการณ์ของสำนักพระราชวัง ว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างการสืบสวนของ ปอท. ซึ่งเบื้องต้นได้มีการจับกุม นายกฤษณ์ บุดดีจีน ไปแล้ว จำนวน 1 คน และอยู่ระหว่างสืบสวนหาตัวผู้ร่วมกระทำผิด และตรวจสอบว่า นายกฤษณ์ เป็นเพียงผู้ส่งต่อหรือมีส่วนเกี่ยวข้องกับผลิตหรือไม่ทั้งนี้ ตนยังได้รับรายงานจาก พลตำรวจตรี ศิริพงษ์ ติมุลา ผบก.ปอท. ว่า การดำเนินการมีความคืบหน้าไปมาก และเบื้องต้นพบว่าอาจจะมีผู้ต้องสงสัยอีกหนึ่งคนที่เกี่ยวข้องกับแถลงการณ์ปลอมดังกล่าว แต่จะต้องทำการตรวจสอบหาพยานหลักฐานให้แน่ชัดอีกครั้ง

อย่างไรก็ตาม ยังยืนยันว่า ขณะนี้ยังมีผู้ต้องหาเพียงรายเดียวเท่านั้น

ด้าน พลตำรวจตรี ศิริพงษ์ ติมุลา ผบก.ปอท. กล่าวว่า จากการติดตามข้อมูลในระบบพบว่า ขณะนี้แหล่งต้นตอการผลิตน่าจะอยู่ในประเทศไทย แต่ยังไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้ เนื่องจากอยู่ระหว่างแกะรอยสืบสวนรวบรวมพยานหลักฐาน แต่ยืนยันว่าการสืบสวนมีความคืบหน้าไปมากและ ปอท. ไม่ได้นิ่งนอนใจอยู่ระหว่างเร่งดำเนินการ ซึ่งจะต้องขอเวลาในการทำงานอีกสักระยะหนึ่งด้วย
--------------------------
โฆษก นปช. บุกยื่นหนังสือ ผบ.ตร. จี้เอาผิดคนเผยแพร่แถลงการณ์อย่างเท่าเทียม 

นายธนาวุฒิ วิชัยดิษฐ์ โฆษกกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ หรือ นปช. พร้อมด้วย นายวิญญัติ ชาติมนตรี ทนาย นปช. เดินทางเข้ายื่นหนังสือถึง พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เพื่อร้องขอความเป็นธรรมและให้ดำเนินคดีและเอาผิดกับผู้ที่เผยแพร่แถลงการณ์สำนักพระราชวังปลอมอย่างเท่าเทียม เนื่องจากเห็นว่าการเอาผิดและดำเนินกับ นายกฤษณ์ บุดดีจีน อายุ 26 ปี ชาวเพชรบูรณ์ ซึ่งต่อมามีการแถลงข่าวว่าเกี่ยวข้องกับขบวนการของ นปช. นั้น ทาง นปช. เห็นว่าเป็นการกล่าวหาที่ไม่มีความเป็นธรรมหลายประการ เพราะเป็นการกระทำของแต่ละบุคคลไม่อาจหมายรวมทั้งกลุ่ม นปช. ได้ ประกอบกับ นายกฤษณ์ ไม่ทราบว่าแถลงการณ์ดังกล่าวเป็นของปลอม การกระทำของ นายกฤษณ์ จึงไม่น่าจะมีความผิดตามกฎหมาย พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ และความผิดตามมาตรา 112 เพราะไม่ถือว่าเป็นการกระทำที่มีเจตนา พร้อมกันนี้ยังเรียกร้องให้ตำรวจดำเนินคดีกับผู้ที่เผยแพร่อย่างเท่าเทียม เนื่องจากผู้ที่เผยแพร่แถลงการณ์ดังกล่าวเช่นเดียวกับ นายกฤษณ์ มีหลายคน ทั้งนี้ เพื่อไม่ให้สังคมมองว่าตำรวจดำเนินคดีเฉพาะเจาะจงกับ นปช. จึงขอให้ดำเนินการให้เป็นมาตรฐานเดียวกัน

อย่างไรก็ตาม นายวิญญัติ กล่าวด้วยว่า เมื่อวานที่ผ่านมา ไม่สามารถเข้าเยี่ยม นายกฤษณ์ ที่กรมทหารราบที่ 11 รักษาพระองค์ได้ เนื่องจากเป็นการควบคุมตัวตามกฎอัยการศึก ไม่สามารถใช้สิทธิพิเศษใด ๆ ได้ โดยหลังจากครบ 7 วันแล้ว จะต้องมีการยื่นฟ้องจ่อศาลซึ่งตนจะเป็นทนายความต่อสู้คดีให้
--------------------------

////////////////
เคลื่อนไหวนายกฯ

โฆษกกระทรวงกลาโหม เผยจีนขอยกระดับฝึกร่วมทหารอากาศ-เรือ ย้ำสัมพันธ์แน่นแฟ้น 

พันเอก คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงการหารือระหว่าง พลเอก ฉาง ว่าน ฉวน มนตรีแห่งรัฐและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม สาธารณรัฐประชาชนจีน และ พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมว่า เป็นการส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่างทั้ง 2 ประเทศให้ดีขึ้น โดยแลกเปลี่ยนด้านยุทธศาสตร์ การเข้าออกประเทศของกำลังพลทุกระดับ เพื่อกระชับความสัมพันธ์ โดยจีนขอความร่วมมือจากไทย อยากให้มีการฝึกร่วมผสมระหว่างทหารอากาศ และการฝึกร่วมทางทะเล หรือยกพลขึ้นบกในอีก 3-5 ปี เพื่อยกระดับการฝึกร่วมผสม และความมั่นคงในภูมิภาค การเสริมสร้างการป้องกันประเทศ ซึ่งจีนพร้อมสนับสนุนเรื่องเทคโนโลยีทางทหาร ยุทโธปกรณต่าง ๆ อาทิ รถถัง เรือดำน้ำ ในราคามิตรภาพ ซึ่งจีนหวังไทยดำรงบทบาทอย่างสร้างสรรค์ โดยเฉพาะในการฝึกร่วมไทย-จีน ซึ่งถือเป็นการดำเนินการที่สร้างสรรค์ของไทยขณะที่ไทยขอให้จีนสนับสนุนเรื่องเขตเศรษฐกิจพิเศษ และการลงทุนต่าง ๆ
-------------------
'พล.อ.ประยุทธ์' ต้อนรับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม สาธารณรัฐประชาชนจีน ขณะ ผอ.สำนักงานเลขาธิการองค์การพัฒนาอุตสาหกรรมแห่งสหประชาชาติ เข้าพบ 'หม่อมอุ๋ย'

ความเคลื่อนไหวที่ทำเนียบรัฐบาล ขณะนี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) พร้อมด้วย พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร ผู้บัญชาการทหารบก และรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม ให้การต้อนรับ พล.อ.ฉาง ว่าน ฉวน (H.E. General Chang Wanquan) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม สาธารณรัฐประชาชนจีน ณ ห้องสีงาช้าง ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล ท่ามกลางการรักษาความปลอดภัยจากเจ้าหน้าที่ตำรวจอย่างเข้มงวด

ขณะที่ ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล รองนายกรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจ ให้การต้อนรับผู้อำนวยการใหญ่สำนักงานเลขาธิการองค์การพัฒนาอุตสาหกรรมแห่งสหประชาชาติ (United Nations Industrial
Development Organization - UNIDO) ในการเข้าเยี่ยมคารวะ ณ ห้องรับรอง 1 ตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบรัฐบาล
--------------------------
โฆษกกระทรวงกลาโหม เผย จีนยืนยันไม่แทรกแซงไทย พร้อมสนับสนุนด้านข่าวกรอง ข้าว และยางพารา

พันเอก คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงการหารือระหว่างรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมของไทยและจีน เนื่องในโอกาสครบรอบการสถาปนาไทย-จีน 40 ปี ว่า ทางจีน
เข้าใจสถานการณ์ของประเทศไทยที่มีการเปลี่ยนแปลงซับซ้อน ทั้งยังชื่นชมกองทัพที่เข้ามาควบคุมสถานการณ์ในประเทศให้เป็นไปตามความต้องการของประชาชนได้ และยืนยันจะไม่แทรกแซงไทย

ทั้งนี้ ไทยได้ขอความร่วมมือจากจีนในเรื่องของการแลกเปลี่ยนข่าวกรอง ความร่วมมือในการแก้ไขปัญหายาเสพติด การค้ามนุษย์ และการก่ออาชญากรรมข้ามชาติ รวมถึงขอให้จีนรับซื้อพืชผลเกษตรของไทย โดยเฉพาะข้าวและยางพารา ซึ่งจีนพร้อมให้การสนับสนุน

อย่างไรก็ตาม ในการประชุมครั้งนี้จีนยินดีที่จะสนับสนุนให้ไทยเป็นศูนย์กลางการแพทย์ทหารของภูมิภาคอาเซียนอีกด้วย
--------------------
โฆษก ทบ. ปัดอาหารสโมสรกองทัพบกแพง ย้ำสินค้ามีมาตรฐานเทียบเท่าภัตตาคารและโรงแรม 

พ.อ.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก กล่าวถึงกรณีที่มีสื่อกล่าวถึงเมนูข้าวกะเพราของสโมสรกองทัพบก ราคาไม่เหมาะสม ว่า พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร ผบ.ทบ. มีนโยบายและมีความตั้งใจที่จะช่วยลดภาระค่าครองชีพให้กำลังพลและครอบครัวตามแนวทางรัฐบาล และได้ให้หน่วยต่าง ๆ ดำเนินตามนโยบายดังกล่าวมาระยะหนึ่งแล้ว โดยเฉพาะเรื่องอาหารที่มีราคาถูกกว่าร้านค้าภายนอกเป็นส่วนใหญ่

และสำหรับสโมสรทหารบก (วิภาวดี) นั้น มีมาตรฐานเทียบเท่าภัตตาคารและโรงแรมมาตรฐาน ซึ่งอัตราค่าบริการคงเป็นไปตาม ต้นทุนสินค้าและการบริการที่ใกล้เคียงกับสถานประกอบการในลักษณะเดียวกัน ดังนั้นจากข้อท้วงติงดังกล่าว ทางหน่วยงานที่ดูแลสโมสรจะนำไปพิจารณาและได้ปรับราคาให้พิเศษกว่าที่อื่น โดยยังคงมาตรฐานที่มีคุณภาพไว้

อย่างไรก็ตาม สโมสรทหารบก (วิภาวดี) เป็นสถานที่ให้บริการกับกำลังพลและประชาชนทั่วไป ทั้งการจัดงาน  การจัดกิจกรรม สถานที่ออกกำลังกาย และการจัดพิธีสำคัญของหน่วยงานต่าง ๆ ในวัตถุประสงค์ ไม่ได้มุ่งหวังให้มีผลกำไรสูง แต่ยึดอัตราค่าบริการอย่างสมเหตุสมผล และยังมีส่วนลดสำหรับข้าราชการทหาร และหน่วยงานราชการอื่น ๆ ด้วย
--------------------------
โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เผย ไทย-จีน ยกระดับความสัมพันธ์ สนันสนุนฝึกร่วม ผลผลิตทางการเกษตร พัฒนาเส้นทางรถไฟ

ร้อยเอก นายแพทย์ยงยุทธ ไมยลาภ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยถึงการหารือระหว่าง พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กับ พลเอกฉาง ว่านฉวน มนตรีแห่งรัฐและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมสาธารณรัฐประชาชนจีน ว่า เป็นการพูดคุยกันเรื่องในโอกาสครบรอบ 40 ปี ความสัมพันธ์ไทยจีน เพื่อยกระดับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศทั้งด้านความมั่นคงที่ทั้ง 2 ฝ่ายเห็นพ้องให้ยกระดับการฝึกร่วมกันของเหล่าทัพทั้ง 2 ประเทศ โดยจีนจะสนับสนุนด้านยุทโธปกรณ์ ส่วนด้านเศรษฐกิจจะเป็นการพัฒนาเส้นทางรถไฟ ผลผลิตทางการเกษตร และการท่องเที่ยว

นอกจากนี้ไทยยังขอให้จีนสนับสนุนเรื่องของงานวิจัยและการศึกษาของเหล่าทัพอีกด้วย

อย่างไรก็ตาม ร้อยเอก นายแพทย์ยงยุทธ ยืนยันว่า การยกระดับความสัมพันธ์กับประเทศจีนไม่เกี่ยวกับข้องกับการถ่วงดุลอำนาจกับสหรัฐอเมริกา เป็นเพียงการดำเนินความสัมพันธ์ระหว่างประเทศที่มีมายาวนานเท่านั้น
-----------------------
นายกรัฐมนตรีเตรียมเยือนบรูไนมีนาคมนี้ พร้อมลงนามความร่วมมือ 6 ฉบับ

ร้อยเอก นายแพทย์ยงยุทธ มัยลาภ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวภายหลัง ดาโต๊ะปาดูกา ฮัจญี กามิส บิน ฮัจญี ตามิน (H.E. Dato Paduka Haji Kamis bin Haji Tamin) เอกอัครราชทูตบรูไนดารุสซาลามประจำประเทศไทย เข้าพบนายกรัฐมนตรีเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา ว่า เอกอัครราชทูตบรูไนฯ เข้าพบกับนายกรัฐมนตรีเพื่ออำลาตำแหน่ง พร้อมพูดคุยถึงการสนับสนุนภาษาอังกฤษระหว่างมหาวิทยาลัยบรูไนฯ ร่วมกับสหรัฐอเมริกา เพื่อพัฒนาภาษาอังกฤษในอาเซียน และนายกรัฐมนตรีของไทยยังได้ร่วมถวายพระพรกษัตริย์ของบรูไน รวมถึงชื่นชมวิสัยทัศน์ในการพัฒนาประเทศอีกด้วย

นอกจากนี้ ในช่วงปลายเดือนมีนาคม นายกรัฐมนตรีจะมีกำหนดการเยือนประเทศบรูไนดารุสซาลามอย่างเป็นทางการเพื่อลงนามความร่วมมือ หรือ เอ็มโอยู 6 ฉบับ ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการร่าง
ความตกลง
-----------------------------
รัฐบาลปัดห้ามบอลจุฬา-ธรรมศาสตร์ งดขบวนการเมือง โยน คสช.ดู ห่วงขยายผลขัดแย้ง 

พลตรี สรรเสริญ แก้วกำเนิด รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยถึงกระแสข่าวการงดจัดขบวนล้อการเมืองในงานฟุตบอลประเพณีจุฬา-ธรรมศาสตร์ ว่า เบื้องต้นยังไม่ทราบรายละเอียด แต่รัฐบาลไม่มีนโยบายแบบนี้ โดยอาจจะเกี่ยวข้องกับคณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช.

ทั้งนี้ ต้องเห็นใจว่าการจัดงานดังกล่าวมองได้หลายมุม เช่น สิทธิเสรีภาพ เป็นประเพณี ไม่มีอะไรร้ายแรง แต่จะต้องคำนึงถึงบริบทหลายประการ ว่าคนจัดงานอาจไม่คิดว่าการจัดกิจกรรมจะส่งผลร้ายต่อประเทศ แต่อาจมีอีกกลุ่มนำไปเป็นประเด็นทางการเมือง แต่ยืนยันว่าไม่ใช่นโยบายของรัฐบาล ซึ่งจะต้องสอบถามทาง คสช.
----------------------
พ.อ.วินธัย ยัน ไม่ได้ห้ามบอลจุฬาฯ-ธรรมศาสตร์ แปรอักษรล้อการเมือง เพียงประสานผู้จัดดูเเล กังวลถูกโยงการเมือง 

พ.อ.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก ในฐานะโฆษกคณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช. กล่าวถึงกรณีฟุตบอลประเพณี จุฬาฯ-ธรรมศาสตร์ ว่า ทางผู้จัดทั้งสองสถาบันได้มีการประสานกันกับทางเจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบในระดับพื้นที่ถึงรายละเอียดกิจกรรมว่าก่อนแข่งขันอาจจะมีการละเล่นเชิงหยอกล้อการเมือง จึงประสานกันว่าปีนี้จะมีการระมัดระวังในเนื้อหาให้อยู่ในกรอบของความบันเทิงทางการกีฬาตามธรรมเนียมที่พอเหมาะสม เพราะทั้งผู้จัดและเจ้าหน้าที่เห็นตรงกันว่ามีโอกาสที่อาจถูกบางบุคคลหยิบไปบิดขยายผลส่งผลให้เกิดความไม่เรียบร้อย หรือถูกนำไปอ้างเชื่อมโยงเป็นประเด็นขัดแย้งได้

ทั้งนี้ ยืนยันว่าเจ้าหน้าที่ไม่ได้ห้าม แค่เห็นตรงกันว่าเป็นเรื่องละเอียดอ่อนสำหรับสถานการณ์ในปัจจุบันที่ทางผู้จัดเข้าใจและมีแผนที่จะระมัดระวังให้อยู่แล้ว
////////////
เศรษฐกิจ

หม่อมราชวงศ์ปรีดิยาธร เผยเศรษฐกิจในประเทศมีการขยับตัวขึ้นถึง 450,000 ล้านบาท ขณะยังไม่ได้รับรายงานรถไฟความเร็วปานกลางจีนแพงกว่าญี่ปุ่น

หม่อมราชวงศ์ปรีดิยาธร เทวกุล รองนายกรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจ กล่าวภายหลังการเข้าพบผู้อำนวยการใหญ่ สำนักงานเลขาธิการองค์การพัฒนาอุตสาหกรรมแห่งสหประชาชาติ ว่า เป็นเพียงการพูดคุยและแลกเปลี่ยนข้อมูลในการพัฒนาอุตสาหกรรม ตลอดจนผลกระทบในด้านสิ่งแวดล้อม หลังการก่อสร้างอุตสาหกรรม พร้อมทั้งยังเป็นการพูดคุยถึงการสนับสนุนในการลงทุนในประเทศเพื่อนบ้าน เพื่อให้เศรษฐกิจในบริเวณประเทศเพื่อนบ้านมีการเติบโตทางเศรษฐกิจ ทั้งนี้ ยังได้มีการชื่นชมการพัฒนาอุตสาหกรรมในประเทศตลอด 50 ปีที่ผ่านมา รวมถึงการนำแนวทางการพัฒนาอุตสาหกรรมของประเทศไทยไปเผยแพร่ให้กับประเทศที่กำลังพัฒนาด้วย

นอกจากนี้ หม่อมราชวงศ์ปรีดิยาธร ยังกล่าวว่า หลังจากเดือนมิถุนายนที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบัน ทางกระทรวงอุตสาหกรรมได้อนุมัติใบอนุญาตประกอบกิจการโรงงาน หรือ แบบ ร.ง.4 ให้กับผู้ประกอบการ 4,200 แห่ง ซึ่งคาดว่าจะส่งผลให้มีการจ้างงานกว่า 99,000 คน และยังทำให้เศรษฐกิจในประเทศมีการขยับตัวขึ้นถึง 450,000 ล้านบาท นอกจากนั้น ยังพบว่ายังมีการจับจ่ายใช้สอยในประเทศเพิ่มขึ้น โดยในเดือนมกราคมนี้มีตัวเลขภาษีมูลค่าเพิ่มถึง 40,000 ล้านบาท และคาดว่าในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ถึงเดือนมีนาคมนี้จะมีตัวเลขภาษีมูลค่าเพิ่มถึง 38,000-39,000 ล้านบาท

ส่วนการลงทุนสร้างรถไฟความเร็วปานกลางร่วมกับจีน ซึ่งหลายฝ่ายมองว่าการกู้เงินมีอัตราดอกเบี้ยที่สูงกว่าการลงทุนร่วมกับญี่ปุ่นนั้น ขณะนี้ยังไม่ได้รับรายงานในเรื่องดังกล่าว เชื่อว่าไทยมีความพร้อมในการกู้เงินในประเทศ แต่อาจจะมีปัญหาในการตรวจสอบ เนื่องจากไม่มีการประมูล ส่วนการสร้างรถไฟร่วมกับญี่ปุ่นมองว่า เป็นสิ่งที่ดี เพราะไทยไม่ต้องดำเนินการศึกษาเส้นทางในการก่อสร้างด้วยตนเอง โดยเส้นทางดังกล่าวเริ่มต้นตั้งแต่ชายแดนฝั่งตะวันออกของไทยไปสิ้นสุดยังชายแดนฝั่งตะวันตก
//////////////
ปฏิรูป

เวทีสานพลังประชาชนเพื่อปฏิรูปฯ แบ่งกลุ่มย่อยระดมความคิด ขณะ 'ถวิลวดี' ระบุ คนใต้ช่างคิด เชื่อ วันนี้มีความชัดเจนในข้อเสนอแนะ

บรรยากาศวันที่สองของเวทีประชาเสวนาหาทางออก "สานพลังประชาชนเพื่อปฏิรูปประเทศไทย" ในพื้นที่ภาคใต้ตอนบน ที่โรงแรมร้อยเกาะ จังหวัดสุราษฎร์ธานี ล่าสุดในขณะนี้เป็นช่วงของการแบ่งกลุ่มย่อยเป็น 8 กลุ่ม เพื่อให้ประชาชนได้ร่วมกันแสดงความคิดเห็นในประเด็นตามที่กำหนด คือ พลเมืองที่ดีและการทีส่วนร่วมทางการเมืองที่พึงปรารถนา ผู้นำที่พึงปรารถนา การต่อต้านทุจริตที่พึงปรารถนา และการปฏิรูปเศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรมที่พึงประสงค์ ซึ่งบรรยากาศในการเสวนาเป็นไปด้วยความคึกคัก โดยประชาชนที่เข้าร่วมเสวนาในครั้งนี้ได้ให้ความร่วมมือในการแสดงความคิดเห็นเป็นอย่างดี

ด้าน นางถวิลวดี บุรีกุล กรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ และประธานอนุกรรมาธิการการมีส่วนร่วมและรับฟังความคิดเห็นของประชาชน กล่าวถึงภาพรวมของการเสวนาในวันแรกว่าเป็นที่น่าพอใจ ซึ่งประชาชนที่เข้าร่วมได้ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดีในการแสดงความคิดเห็น เนื่องจากคนใต้นั้นเป็นคนที่ช่างคิด ช่างวิเคราะห์ ช่างสังเกต รวมถึงกล้าที่จะพูดถึงความต้องการออกมาอย่างชัดเจน และเชื่อว่าในวันนี้จะมีความชัดเจนมากขึ้นสำหรับความต้องการในการปฏิรูปประเทศของประชาชนในพื้นที่ภาคใต้
----------------
กมธ.ยกร่างรัฐธรรมนูญ เริ่มประชุมแล้ว โดยพิจารณาเรื่องกระจายอำนาจและการปกครองส่วนท้องถิ่น

บรรยากาศการประชุมคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ ล่าสุด เพื่อพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญเป็นรายมาตรา ในภาค 2 ผู้นำการเมืองที่ดีและสถาบันการเมือง หมวด 7 กระจายอำนาจและการปกครองส่วนท้องถิ่น ซึ่งมีทั้งหมด 6 มาตรา ซึ่งขณะนี้ได้พิจารณาผ่านแล้ว 2 มาตรา

ทั้งนี้ ได้แขวนมาตรา 2  ซึ่งในวรรคเรื่ององค์กรบริหารท้องถิ่นต้องมีคณะผู้บริหารท้องถิ่น ผู้บริหารท้องถิ่น หรือสภาท้องถิ่นที่มาจากการเลือกตั้ง หรือความเห็นชอบจากประชาชนด้วยวิธีอื่น ซึ่งตามที่กฎหมายบัญญัติ โดยอย่างน้อยสมาชิกสภาท้องถิ่นต้องมีสัดส่วนของสตรีไม่น้อยกว่าหนึ่งในสามซึ่งในวรรคนี้ คณะกรรมาธิการได้แขวนไว้ก่อน

สำหรับอำนาจหน้าที่ขององค์กรบริหารท้องถิ่นอย่างน้อยต้องมีอำนาจในด้านการพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนในท้องถิ่น การสาธารณูปโภคและสาธารณูปการ การจัดทรัพยากรธรรมชาติ การส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อม การพัฒนาเศรษฐกิจพื้นฐาน การศึกษาอบรม และการส่งเสริมศิลปวัฒนธรรมท้องถิ่น โดยบริหารงานไปตามหลักธรรมาภิบาลและมีความเป็นอิสระในการกำหนดนโยบาย การบริหาร การจัดบริการสาธารณะ การบริหารงานบุคคลและการคลัง
--------------
กรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญประชุมอย่างต่อเนื่อง คาดพิจารณาการกระจายอำนาจและการปกครองส่วนท้องถิ่น ทั้ง 6 มาตราเสร็จวันนี้ 

บรรยากาศการประชุมคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ ล่าสุด ที่มี นายแพทย์กระแส ชนะวงศ์ รองประธานกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ ทำหน้าที่เป็นประธานการประชุม เพื่อพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญเป็นรายมาตรา ในภาค 2 ผู้นำการเมืองที่ดีและสถาบันการเมือง หมวด 7 การกระจายอำนาจและการปกครองส่วนท้องถิ่น ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาเรื่องการจัดสรรทรัพยากรส่วนท้องถิ่น ทั้งนี้ สมาชิกได้อภิปรายในแต่ละวรรคกันอย่างกว้างขวาง โดยต้องการให้มีการกระจายอำนาจไปสู่ท้องถิ่น เพื่อให้ท้องถิ่นสามารถดูแลตนเองได้โดยไม่ต้องรอการช่วยเหลือจากส่วนกลาง

อย่างไรก็ตาม ในหมวดนี้มีทั้ง 6 มาตรา โดยคณะกรรมาธิการฯ จะต้องพิจารณาให้แล้วเสร็จภายในวันนี้อย่างแน่นอน
---------------------
กกต. ยื่นจดหมายเปิดผนึกถึงผู้นำแม่น้ำ 5 สาย กรณี กมธ.เห็นชอบลดอำนาจ-ให้ กจต.จัดเลือกตั้งแทน

นางสาวสุรณี ผลทวี ผู้อำนวยการสำนักงานเลขานุการคณะกรรมการการเลือกตั้ง เข้ายื่นจดหมายเปิดผนึกของ กกต. ถึงนายกรัฐมนตรี ผ่านศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ ศูนย์บริการประชาชน สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี เพื่อเสนอข้อสังเกตของการยกร่างรัฐธรรมนูญในประเด็นอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการการเลือกตั้ง หรือ กกต. โดยเห็นว่า การให้มีคณะกรรมการดำเนินการจัดการเลือกตั้ง หรือ กจต. ทำหน้าที่จัดการเลือกตั้งแทน เห็นว่าการแยกผู้ควบคุมการเลือกตั้งและผู้จัดการเลือกตั้งออกจากกัน ไม่เป็นไปหลักสากล และอาจส่งผลให้ฝ่ายการเมืองเข้ามาแทรกแซง ขาดความเป็นอิสระ

ส่วนการให้ กกต. มีอำนาจเพียงสั่งเลือกตั้งใหม่ หรือให้ใบเหลือง เฉพาะในช่วงก่อนการประกาศผลการเลือกตั้ง โดยให้การเพิกถอนสิทธิ์เลือกตั้งผู้สมัครหรือใบแดงเป็นอำนาจของศาล มองว่า จะเป็นการเปิดช่องว่างให้ผู้กระทำผิด เข้ามามีอำนาจทางการเมืองและใช้อิทธิพลข่มขู่พยานเพื่อประโยชน์ทางคดีในการชนะการเลือกตั้ง

นอกจากนี้ การตัดอำนาจหน้าที่ของ กกต. ในการส่งเสริม สนับสนุน ประสานงานกับหน่วยราชการในการให้การศึกษาแก่ประชาชนเกี่ยวกับการปกครองระบอบประชาธิปไตย และส่งเสริมการมีส่วนร่วมทางการเมืองของประชาชน เห็นว่าไม่เหมาะสม เพราะเป็นการตัดสิทธิ์การมีส่วนร่วมและรับรู้ของประชาชน

อย่างไรก็ตาม นางสาวสุรณี ระบุว่า เมื่อกฎหมายออกมา กกต. ก็พร้อมรับและปรับปรุงองค์กรให้สอดคล้องกับรัฐธรรมนูญ

ทั้งนี้ จดหมายเปิดผนึกที่ส่งถึงนายกรัฐมนตรีได้ลงนามโดยคณะกรรมการการเลือกตั้งครบทั้ง 5 คน โดยหลังจากนี้ นางสาวสุรณี จะเดินทางไปยื่นจดหมายเปิดผนึกต่อคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่กองบัญชาการกองทัพบก สภานิติบัญญัติแห่งชาติ สภาปฏิรูปแห่งชาติ และกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ ที่รัฐสภาต่อไป
----------------------
ความเคลื่อนไหวที่รัฐสภา วันนี้ ประธานคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ นัดประชุมเพื่อพิจารณารายมาตราต่อเนื่อง ในหมวด7 การกระจายอำนาจและการบริหารท้องถิ่น ขณะเดียวกัน ตัวแทน 

กกต. ยื่นหนังสือเพื่อขอให้ทบทวนการลดอำนาจการเลือกตั้งของ กกต.

การประชุมคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ ที่มีนายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ ประธานกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ เป็นประธานการประชุม ซึ่งวันนี้เป็นการพิจารณาในภาค 2 ผู้นำการเมืองที่ดีและสถาบันการเมือง หมวด7 การกระจายอำนาจและการบริหารท้องถิ่น มาตรา2 องค์กรบริหารท้องถิ่นต้องมีคณะผู้บริหารท้องถิ่น ผู้บริหารท้องถิ่น หรือสภา

ท้องถิ่นที่มาจากการเลือกตั้ง หรือความเห็นชอบจากประชาชนด้วยวิธีอื่น ซึ่งตามที่กฏหมายบัญญัติ โดยอย่างน้อยสมาชิกสภาท้องถิ่นต้องมีสัดส่วนของสตรีไม่น้อยกว่าหนึ่งในสาม ซึ่งในวรรคนี้ สมาชิกได้มีการอภิปรายอย่างกว้างขวาง โดยบางส่วนเห็นว่าควรมีการบัญญัติให้มีสัดส่วนของสตรี เนื่องจากเป็นความก้าวหน้าของรัฐธรรมนูญในระดับสากล ขณะที่บางส่วนมองว่าจะเป็นการบังคับให้ประชาชนต้องเลือกผู้สมัครที่เป็นสตรี เพื่อให้สอดคล้องกับสัดส่วน จึงแขวนวรรคนี้ไว้

ทั้งนี้ สำหรับอำนาจหน้าที่ขององค์กรบริหารท้องถิ่นอย่างน้อยต้องมีอำนาจในด้านการพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนในท้องถิ่น การสาธารณูปโภคและสาธารณูปการ การจัดทรัพยากรธรรมชาติ การส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อม การพัฒนาเศรษฐกิจพื้นฐาน การศึกษาอบรม และการส่งเสริมศิลปวัฒนธรรมท้องถิ่น โดยบริหารงานไปตามหลักธรรมาภิบาลและมีความเป็นอิสระในการกำหนดนโยบาย การบริหาร การจัดบริการสาธารณะ การบริหารงานบุคคลและการคลัง

ขณะเดียวกันวันนี้ ตัวแทนคณะกรรมการการเลือกตั้ง หรือ กกต. ได้เดินทางมายื่นหนังสือต่อประธานคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ และประธานสภาปฏิรูปแห่งชาติ หลังจากที่ก่อนหน้านี้ได้เดินทางไปยื่นหนังสือต่อนายกรัฐมนตรีที่ทำเนียบรัฐบาล เพื่อขอให้ทบทวนการลดอำนาจจัดการเลือกตั้งของ กกต. ซึ่งเห็นว่า การจัดการเลือกตั้ง จนถึงการประกาศผลการเลือกต
---------------------------
กมธ.ยกร่างฯ ยังคงดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง ขณะสมาชิกเสนอบัญญัติให้ภาครัฐกำกับดูแลท้องถิ่นเท่าที่จำเป็น

บรรยากาศการประชุมคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ ล่าสุด ที่มี นายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ ประธานกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ ทำหน้าที่เป็นประธานการประชุม เพื่อพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญเป็นรายมาตรา หมวด 7 กระจายอำนาจและการปกครองส่วนท้องถิ่น ซึ่งขณะนี้ได้พิจารณาในมาตรา 2 เรื่องของการกำกับดูแลท้องถิ่น สมาชิกเสนอให้บัญญัติภาครัฐกำกับดูแลท้องถิ่นเท่าที่จำเป็นเท่านั้น และเสนอให้บัญญัติไว้ว่า ประชาชนต้องมีส่วนร่วมในการกำหนดนโบายการดำเนินการของท้องถิ่น และเพื่อให้เกิดประโยชน์ตามนี้อาจจัดให้มีสมัชชาพลเมือง เพื่อให้ร่วมกันดำเนินการในท้องถิ่นอย่างเป็นระบบ

ทั้งนี้ ที่ประชุมได้นำความเห็นของพรรคการเมือง สปช. สนช. และประชาชนมาพิจารณาร่วมด้วย ซึ่งสมาชิกบางส่วนเสนอให้มีการบัญญัติเพิ่มเติมในเรื่องของการแบ่งเขต และการควบรวมเขตเพื่อให้เกิดความสะดวกแก่ประชาชนและยังเสนอให้ประชาชนมีสิทธิ์ถอดถอนนักการเมืองท้องถิ่นได้

อย่างไรก็ตาม ที่ประชุมยังคงหารือและเตรียมการตั้งอนุกรรมาธิการยกร่างประมวลกฎหมายท้องถิ่น เพื่อมาทำหน้าที่รวมกฎหมายท้องถิ่น อาทิ กฎหมายเทศบาล กฎหมาย อบจ. กฎหมาย อบต. กฎหมายปกครองกรุงเทพมหานคร เพื่อควบรวมให้เป็นกฎหมายฉบับเดียวกันตามแผนการกระจายอำนาจ
---------------------------------
เวทีสานเสวนาปฏิรูปประเทศภาคใต้ตอนบนเสร็จสิ้น สรุปผลเสนอลงโทษผู้ทุจริตเด็ดขาด ไม่มีหมดอายุความ

บรรยากาศการสัมมนา เวทีประชาเสวนาหาทางออก "สานพลังประชาชนเพื่อปฏิรูปประเทศไทย" ในพื้นที่ภาคใต้ตอนบนล่าสุดได้เสร็จสิ้นลงแล้ว โดยก่อนจบกิจกรรมประชาชนที่เข้าร่วมได้มีการเสนอผลการระดมความคิดเห็นโดยมีข้อเสนอที่สำคัญ อาทิ การต่อต้านการทุจริตคอร์รัปชั่น มีการเสนอให้มีการบัญญัติบทลงโทษกับผู้ที่ทุจริตอย่างเด็ดขาด และคดีความจะต้องไม่มีการหมดอายุ รวมถึงเจ้าหน้าที่ที่ใช้กฎหมายจะต้องใช้กฎหมายอย่างจริงจังและเป็นธรรม ตลอดจนมีการเสนอให้มีการใช้มาตรการทางสังคมในการลงโทษผู้ที่ทุจริตอย่าให้มีที่ว่างที่จะยืนอยู่ในสังคม

นอกจากนี้ ยังมีการเสนอว่า หากนักการเมืองคนใดที่ทุจริตแล้วศาลได้พิพากษาว่าผิดและถึงที่สุดแล้ว จะไม่สามารถลงเล่นการเมืองอีกได้ตลอดชีวิต ส่วนผู้นำที่ดีนั้นจะต้องมีประวัติที่ดี สามารถตรวจสอบได้ มีคุณธรรม ซื่อสัตย์ เสียสละ เห็นประโยชน์ส่วนรวมมากกว่าส่วนตน พร้อมทั้งเสนอให้นักการเมืองมีวาระในการดำรงตำแหน่งได้แค่วาระเดียว และจะต้องมีการตรวจสอบทรัพย์สินก่อนและหลังเข้ารับตำแหน่งในช่วงเวลา 3-4 ปี รวมถึงต้องเปิดโอกาสให้ประชาชนสามารถดำเนินการตรวจสอบได้ตลอดเวลา
-----------------------------------------
"คำนูณ" หวัง สมัชชาพลเมืองร่วมแก้ปัญหาท้องถิ่นกำหนดนโยบาย

นายคำนูณ สิทธิสมาน โฆษกคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ กล่าวว่า การจัดตั้งสภาพลเมือง จะเป็นองค์กรที่มีส่วนร่วมในการบริหารท้องถิ่นในการกำหนดนโยบาย, ตัดสินใจแก้ปัญหา และมีส่วนร่วมในการดำเนินการต่างๆ ในท้องถิ่น ซึ่งการจัดตั้งสมัชชาพลเมือง ขึ้นอยู่กับความพร้อมและรูปแบบท้องถิ่นในแต่ละท้องที่ ทั้งนี้ ถือว่าสมัชชาพลเมืองเป็นตัวแทนของประชาชน ส่วนกรณีที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง หรือ กกต. ทักท้วงอำนาจหน้าที่ของ กกต. ในการจัดเลือกตั้งนั้น คณะกรรมาธิการยกร่างฯ จะรับเรื่องไว้พิจารณา

อย่างไรก็ตาม ในวันที่ 9 กุมภาพันธ์ นี้ คณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ จะเริ่มพิจารณา ภาค 4 การปฏิรูปและการสร้างความปรองดอง หมวด 1 การปฏิรูปเพื่อลดความเหลื่อมล้ำและสร้างความ

เป็นธรรม

ไม่มีความคิดเห็น: