PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันจันทร์ที่ 30 มีนาคม พ.ศ. 2558

สมจิตต์ : ช่วงเวลาท้าทายระหว่าง “สื่อ” กับ “ผู้มีอำนาจ”

สมจิตต์ นวเครือสุนทร
นักข่าว · 123,364 ถูกใจ
 · 7 ชม. · 
ช่วงเวลาท้าทายระหว่าง “สื่อ” กับ “ผู้มีอำนาจ”
เมื่อวานมีโอกาสได้ไปสัมภาษณ์ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช.และนายกรัฐมนตรี หลังกลับจากสิงคโปร์ ท่าทีของนายกฯดูอ่อนล้า คงเพลียจากการเดินทาง แต่ยังเปิดโอกาสให้สื่อมวลชนถามเหมือนทุกครั้งที่กลับจากต่างประเทศ
ดิฉันเข้าใจความเครียดจากการบริหารประเทศที่หนักและเหนื่อย แต่ในขณะเดียวกันคนเป็นสื่อก็มีหน้าที่ในการเผยแพร่ข้อมูลที่เป็นจริงต่อประชาชนเช่นเดียวกัน โดยเฉพาะการตัดสินใจใด ๆ ของรัฐบาลที่จะส่งผลกระทบต่อประเทศชาติ
การสัมภาษณ์ครั้งนี้ทำให้ได้คิดว่า ช่วงเวลานี้เป็นอีกหนึ่งหน้าประวัติศาสตร์ที่ท้าทายวิชาชีพสื่อสารมวลชน และ ผู้มีอำนาจ ว่าจะทำหน้าที่ของตัวเองได้อย่างถูกต้อง เหมาะสม มีความสมดุล เพื่อประโยชน์ของประเทศชาติได้มากน้อย แค่ไหน
“ดิฉันไม่โกรธและไม่มีอคติกับพล.อ.ประยุทธ์ แต่อยากบอกตรง ๆ ว่า ตลอดการทำข่าวกว่า 20 ปี ไม่เคยเศร้าและสะเทือนใจมากเท่านี้มาก่อน เพราะเพิ่งรู้ว่าตัวเอง “ไม่ใช่คนไทย” จากการตัดสินของ “คนเป็นผู้นำประเทศ”
มีอุดมการณ์ของสื่อมวลชนชั้นครูอย่าง กุหลาบ สายประดิษฐ์ หรือ ศรีบูรพา เคยให้สติรัฐบาลเผด็จการทหารในขณะนั้นไว้ว่า
“ถ้ารัฐบาลไม่ชอบให้ใครพูดถึงรัฐบาลในสิ่งที่ไม่ดี รัฐบาลก็จะต้องไม่ทำในสิ่งนั้น รัฐบาลต้องแก้การกระทำของรัฐบาล ไม่ใช่มาเรียกร้องให้เราแก้การเขียนหนังสือของ
เราที่เขียนตามความเป็นจริง”
สำหรับ “มติชน” ก็ต้องขอบคุณที่เกาะติดความเคลื่อนไหวของดิฉันอยู่เนือง ๆ ทั้ง ๆ ที่เป็นแค่ “นักข่าว” คนหนึ่ง แต่การนำเสนอของท่านที่จงใจพาดหัวว่า “คลิป “บิ๊กตู่” ปะทะ “สมจิตต์ ช่อง 7” ผมแก้ปัญหาเศรษฐกิจดีกว่ารัฐบาลที่คุณชอบ” นั้น ผู้นำเสนอข่าวนี้ย่อมทราบถึงวัตถุประสงค์ของตัวเองเป็นอย่างดีว่าต้องการชี้นำอะไร
ดิฉันเป็นคนเชื่อเรื่อง “ความดี” ค่ะ คน อาจถูกทำลายได้แต่ไม่มีใคร “ทำลายความดี” ได้ ความดีคงอยู่เสมอแม้จะมีคนเห็นหรือไม่ก็ตาม ที่สำคัญตลอดชีวิตการเป็นสื่อสารมวลชนมั่นใจเกิน 100 % ว่าไม่เคยทำผิดต่อจรรยาวิชาชีพ
ไม่เคยรับเงินรัฐบาลใด 240 ล้าน เพื่อจัดงานอีเวนต์ประชาสัมพันธ์โครงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งและของประเทศ ภายใต้ชื่องาน “สร้างอนาคตไทย 2020” เพื่อโฆษณาชวนเชื่อให้คนไทยยินดีปรีดากับการที่รัฐบาลจะออกกฎหมายกู้เงิน 2 ล้านล้าน ให้คนไทยแบกหนี้ไป 50 ปี
ไม่เคยหลบหนีกระบวนการตรวจสอบของสมาคมวิชาชีพด้วยการลาออกจากการเป็นสมาชิก หลังถูกชี้ว่ามีพฤติกรรมที่ไม่ถูกต้อง
ไม่เคยได้รับสิทธิพิเศษจากกระทรวงมหาดไทยให้ซื้อหนังสือพิมพ์ฉบับเดียวแบบผูกขาดเพื่อไปวางในหน่วยงานปกครองที่อยู่ในสังกัดกระทรวงมหาดไทยทั่วประเทศ
ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องขอบคุณที่กรุณานำคลิปสัมภาษณ์มาเผยแพร่ แต่คงจะดีกว่านี้ถ้าไม่มีการตัดต่อเลย
คลิปสัมภาษณ์จากมติชนออนไลน์
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1427640632

ไม่มีความคิดเห็น: