PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันพุธที่ 27 พฤษภาคม พ.ศ. 2558

เปิดระเบียบ “บัวแก้ว” หมวด 7 ข้อ 21 วรรค 4 ทำไม? ถึงยึดพาสปอร์ต “ทักษิณ”

เปิดระเบียบ“บัวแก้ว”ว่าด้วยการขอพาสปอร์ต ย้ำ หมวด 7 ข้อ 21 วรรค 4 เจ้าหน้าที่ฯสามารถปฏิเสธหรือยับยั้งคำขอหนังสือเดินทางได้ หากพบว่า “จะกระทบกระเทือนต่อความมั่นคงปลอดภัย หรือชื่อเสียงและเกียรติภูมิของประเทศไทย” ด้าน กลุ่ม 40 ส.ว.จี้ “ถอดยศทักษิณต่อ” 
      
       วันนี้(27 พ.ค.) หลังจากกระทรวงการต่างประเทศ ประกาศยกเลิกหนังสือเดินทาง (พาสปอร์ต) 2 เล่ม ของพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ไปแล้ว ขณะที่ สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) จากกลุ่ม 40 ส.ว. เช่น นายสมชาย แสวงการ กล่าวว่า เห็นด้วยที่ และมองว่ากรณีที่เกิดขึ้นนั้นเป็นผลจากที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ให้สัมภาษณ์ให้ร้ายกับบุคคลและกระทบต่อความมั่นคงของชาติ และการดำเนินการนั้นเป็นไปตามระเบียบของกระทรวงการต่างประเทศ ในหมวด 7 ว่าด้วย การปฏิเสธหรือยับยั้งคำขอหนังสือเดินทาง
      
       ส่วนตัวเชื่อว่า การดำเนินการที่ถูกต้องตามกฎหมายของประเทศไทย จะไม่ก่อให้เกิดแรงกระเพื่อมหรือการเคลื่อนไหวทางการเมืองใดๆ ที่กระทบต่อความสงบของประเทศแน่นอน เพราะหากจะมีการเคลื่อนไหว คงมีเพียงการให้สัมภาษณ์เครือข่ายที่รับใช้ พ.ต.ท.ทักษิณ เท่านั้น แต่ประชาชนในต่างจังหวัดนั้น ขณะนี้มีความเข้าใจในประเด็นที่เกิดขึ้นแล้ว
      
       ส่วนกรณีที่ฝ่ายความมั่นคงใช้อำนาจสั่งการให้กระทวงการต่างประเทศดำเนินการยึดพาสปอร์ต พ.ต.ท.ทักษิณ ในช่วงเวลานี้ ไม่ถือว่าเป็นการเปิดหน้าสู้กับ พ.ต.ท.ทักษิณ มีแต่ พ.ต.ท.ทักษิณ เท่านั้นที่เดินหน้าชนเพียงฝ่ายเดียวมาโดยตลอด ดังนั้น กรณีนี้ เป็นการทำหน้าที่ตามที่กฎหมายกำหนด จึงเป็นเรื่องที่ถูกต้องแล้ว และไม่เกี่ยวกับประเด็นการเมือง
      
       นายประสาร มฤคพิทักษ์ สมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) กล่าวว่า ตนเห็นด้วยกับกระทรวงการต่างประเทศที่ได้ทำหน้าที่ดังกล่าว ทั้งนี้ตนไม่ขอวิจารณ์ว่าทำไมฝ่ายความมั่นคง หรือคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ต้องปล่อยเวลานานถึง 1 ปี ก่อนที่จะดำเนินการยึดพาสปอร์ตของ พ.ต.ท.ทักษิณ เพราะเมื่อเขาได้ทำหน้าที่แล้ว ควรได้รับคำชมเชย
      
       อย่างไรก็ตามตนขอเรียกร้องไปยังหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้องให้ติดตามตัว พ.ต.ท.ทักษิณ มาดำเนินคดีในประเทศไทย รวมถึงขอให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) ดำเนินการถอดยศของ พ.ต.ท.ทักษิณ ด้วย เพราะความผิดที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ได้ทำนั้น ถือมีความโจ่งแจ้งมาก
      
       มีรายงานว่า สำหรับ หมวด 7 การปฏิเสธหรือยับยั้งคำขอหนังสือเดินทาง ที่นายสมชาย แสวงการ กล่าวอ้าง เป็น ระเบียบกระทรวงการต่างประเทศว่าด้วยการออกหนังสือเดินทาง พ.ศ. 2548 ประกาศ ณ วันที่ 20 พฤษภาคม พ.ศ. 2548 โดย นายกันตธีร์ ศุภมงคล อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ในรัฐบาลพ.ต.ท.ทักษิณ เอง
      
       โดยเฉพาะข้อ 21 พนักงานเจ้าหน้าที่สามารถปฏิเสธหรือยับยั้งการขอ หรือแก้ไขหนังสือเดินทางในกรณี (2) เมื่อได้รับแจ้งว่าผู้ร้องเป็นผู้ซึ่งกำลังรับโทษในคดีอาญา หรืออยู่ระหว่างการปล่อยตัวชั่วคราว หรือเป็นผู้ต้องหาในคดีอาญาที่ได้มีการออกหมายจับไว้แล้ว ซึ่งศาลหรือพนักงานฝ่ายปกครอง หรือตำรวจเห็นว่าไม่ควรจะออกหนังสือเดินทางให้
      
       รวมทั้ง (4) เมื่อผู้ร้อง (ผู้ถือพาสปอร์ต)กระทำผิดกฎหมายหรือระเบียบปฏิบัติทางราชการ ซึ่งขัดต่อความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน หรือปิดบังความจริงอันเป็นสาระสำคัญ หรือแสดงเอกสารหลักฐานอันเป็นเท็จในการขอหนังสือเดินทาง หรือไม่อยู่ในฐานะที่จะเดินทางไปต่างประเทศได้ หรือหากเดินทางออกนอกราชอาณาจักร จะเป็นภัยต่อสวัสดิภาพของผู้เดินทางเอง หรือ “จะกระทบกระเทือนต่อความมั่นคงปลอดภัย หรือชื่อเสียงและเกียรติภูมิของประเทศไทย” และ ข้อ 22 พนักงานเจ้าหน้าที่สามารถปฏิเสธหรือยับยั้งการขอและออกหนังสือเดินทางให้แก่ผู้ร้อง (ผู้ถือพาสปอร์ต)ได้.

ไม่มีความคิดเห็น: