PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันพุธที่ 20 พฤษภาคม พ.ศ. 2558

"บิ๊กจิ๋ว"และข่าวเซ็นคอคอดกะกับจีน



20052558 บิ๊กจิ๋ว’รับงานโจ๊ก! ไร้อำนาจแต่ดอดเซ็นจีนขุดคอคอดกระ

ไม่รู้จะพูดอย่างไร เมื่อเห็นภาพและข่าวนี้ อ่านเอาเอง เศร้าทั้งคนและสื่อ ที่ใกล้ชิดกับคนดูไบหนีคดี
ทั้งคนแก่ ตัณหาตันห้า นามเล็กยิ่งกว่าเล็ก คือ จิ๋ว
เว็บไซต์มติชนออนไลน์ เว็บไซต์ประชาไท รวมถึงสถานีโทรทัศน์วอยซ์ทีวี ซึ่งเป็นกระบอกเสียงของพรรคเพื่อไทยและกลุ่มคนเสื้อแดง ได้นำเสนอข่าวอ้างทำนองว่าประเทศไทยและจีนมีการลงนามขุดคอคอดกระ
By: newsadmin
Wednesday, May 20, 2015 - 00:06
กระบอกเสียงทักษิณเสนอข่าวมั่วอ้างไทย-จีนเซ็นเอ็มโอยูขุด "คอคอดกระ" หวังปั่นกระแสโจมตีรัฐบาล คสช. แต่ต้องถอดข่าวออกจากหน้าเว็บไซต์แทบไม่ทัน หลังโลกออนไลน์นำหลักฐานจากเว็บไซต์- หนังสือพิมพ์ของเมืองจีนออกมาแฉโพย
พบผู้ลงนามไม่ใช่ใครอื่น ที่แท้คือ "บิ๊กจิ๋ว" ไร้อำนาจแต่ดอดเซ็นร่วมมือกับนักธุรกิจจีน
ขณะที่ทางการจีน-ทูตไทยแถลงยันไม่เกี่ยวข้อง ผู้เชี่ยวชาญระหว่างประเทศแนะบัวแก้วออกแถลงการณ์เคลียร์
ช่วงเช้าวันอังคารที่ผ่านมา เว็บไซต์มติชนออนไลน์ เว็บไซต์ประชาไท รวมถึงสถานีโทรทัศน์วอยซ์ทีวี ซึ่งเป็นกระบอกเสียงของพรรคเพื่อไทยและกลุ่มคนเสื้อแดง ได้นำเสนอข่าวอ้างทำนองว่าประเทศไทยและจีนมีการลงนามขุดคอคอดกระ
รายละเอียดข่าวที่ลงในเว็บไซต์วอยซ์ทีวี 21 ระบุว่า เว็บไซต์ของหนังสือพิมพ์ Want China Time ในไต้หวัน รายงานอ้างข่าวของหนังสือพิมพ์ Oriental Daily ในฮ่องกง ระบุว่าเมื่อเร็วๆ นี้ จีนกับประเทศไทยได้ลงนามบันทึกความเข้าใจเกี่ยวกับความร่วมมือด้านการวิจัยและการลงทุนที่กว่างโจว เมืองเอกของมณฑลกวางตุ้ง ว่าด้วยโครงการคอคอดกระ อันเป็นพื้นที่ส่วนที่แคบที่สุดของคาบสมุครมลายูทางภาคใต้ของไทย การก่อสร้างอาจเริ่มขึ้นในเวลาไม่นาน
เว็บไซต์วอยซ์ทีวี 21 อ้างด้วยว่า เอ็มโอยูฉบับดังกล่าวเป็นผลจากการผลักดันของจีนตามแผนการสร้างเส้นทางสายไหมทางทะเล ควบคู่กับการผลักดันระเบียงเศรษฐกิจจีน-ปากีสถาน และโครงการรถไฟความเร็วสูง จีน-รัสเซีย
ภายหลังเว็บไซต์ดังกล่าวนำเสนอข่าวออกไป ช่วงบ่ายวันเดียวกัน ได้มีการแชร์ต่อในโซเชียลเน็ตเวิร์ก จนเกิดการตั้งคำถามและวิพากษ์วิจารณ์โจมตีรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ทำนองว่าตัดสินใจเรื่องระดับชาติโดยไม่ถามประชาชน และดูเสมือนหนึ่งรัฐบาลไทยมีการดำเนินการอย่างลับๆ
ไม่กี่ชั่วโมงต่อมา เว็บไซต์มติชนออนไลน์ เว็บไซต์ประชาไท และเว็บไซต์วอยซ์ทีวี 21 ได้มีการถอดข่าวดังกล่าวออกไป โดยระบุว่า "จากตรวจสอบพบว่าข่าวดังกล่าวไม่เป็นจริง" นำมาซึ่งความสับสนของผู้ติดตามข่าวสารดังกล่าว
อย่างไรก็ตาม ในเฟซบุ๊กส่วนตัว Noppanan Arunvongse Na Ayudhaya ของนายนพนันท์ อรุณวงศ์ ณ อยุธยา ผู้เชี่ยวชาญต่างประเทศ ซึ่งพำนักอาศัยอยู่ในกรุงปักกิ่ง ได้ตั้งข้อสังเกตต่อเรื่องนี้ว่า "หนังสือพิมพ์มติชนและสำนักข่าวประชาไทรายงานเรื่อง "สื่อแดนมังกรเสนอข่าว มีการร่วมลงนามขุด "คอคอดกระ" ในไทย ส่งผลประโยชน์ต่อการค้าจีน" โดยอ้างอิงจาก "Chinadailymail.com"
ทั้งๆ ที่ chinadailymail.com นั้นเป็นเพียงแค่ blog บน wordpress และไม่ใช่สื่อจีน เพียงแต่มีคำว่า china อยู่ในชื่อ และ chinadailymail.com นั้นอยู่ในกลุ่มเสนอข่าวต่อต้านรัฐบาลจีน"
นายนพนันท์ระบุว่า หลังจากตรวจสอบต่อไปจึงพบว่า chinadailymail.comนำข่าวมาจากกลุ่ม "จดหมายเหตุเทียนอันเหมิน" ซึ่งเป็นกลุ่มต่อต้านจีนกลุ่มใหญ่เช่นกัน โดยทั้งสองแหล่งข่าวนั้นไม่มีรายละเอียดใดๆ นัก แต่เพื่อความแน่ชัด จึงได้ตรวจสอบเพิ่มเติมต่อไปยังสื่อทางการของจีนในประเทศจีนอีกชั้น และทำให้พบกับรายงานข่าวที่ตกตะลึง ซึ่งข่าวดังกล่าวนี้ไม่ปรากฏบนสื่อไทย
"แต่ปรากฏทั่วประเทศจีนตั้งแต่กลางดึกของเมื่อคืนนี้ (19 พฤษภาคม 2558) พร้อมภาพถ่ายหลักฐานโดยรายงานนั้นสรุปเนื้อหาใจความได้ดังนี้ "วันที่ 10 เมษายน 2558 ณ นครกวางเจา พลเอกชวลิต ยงใจยุทธ อดีตนายกรัฐมนตรีและอดีตผู้บัญชาการกองทัพไทย ในฐานะประธาน Asia Union Group พร้อมด้วยอดีตรัฐมนตรีกลาโหมไทย ลงนามในบันทึกช่วยจำเรื่อง "ความร่วมมือขุดคอคอดกระ" กับนายกั้วอี้ ประธานรัฐวิสาหกิจ China-Thailand Kra Infrastructure Investment & Development โดยมีสักขีพยานเป็นข้าราชการระดับสูงของไทยทั้งทหาร ตำรวจ สำนักราชเลขาธิการ และกรมราชองครักษ์"
ตอนท้ายของโพสต์นี้ นายนพนันท์ได้เสนอ "ให้กระทรวงการต่างประเทศ ควรรีบออกแถลงการณ์ชี้แจงเกี่ยวกับเรื่องนี้โดยเร็ว"
สำหรับข่าวนี้ มีการเผยแพร่จำนวนมากอยู่ตามเว็บไซต์และหนังสือพิมพ์ของจีน โดยนอกจากเนื้อหาข่าวเกี่ยวกับความร่วมมือในการขุดคอคอดกระแล้ว ยังมีรูปภาพขณะลงนามร่วมมือระหว่าง พล.อ.ชวลิตและนักธุรกิจของเมืองจีนด้วย
ขณะที่โฆษกกระทรวงการต่างประเทศจีนแถลงข่าวอย่างเป็นทางการหลังทราบเรื่อง โดยปฏิเสธรายงานข่าวก่อนหน้านี้ ที่ว่ารัฐบาลจีนลงนามไม่เป็นความจริง และรัฐบาลจีนไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ กับการลงนามใน MOU ดังกล่าวแต่อย่างใด เช่นเดียวกับเอกอัครราชทูตไทยประจำกรุงปักกิ่งและอัครราชทูตที่ปรึกษาพาณิชย์ ก็ได้ให้สัมภาษณ์ปฏิเสธว่า รัฐบาลไทยไม่มีความเกี่ยวข้องกับการลงนามใน MOU ดังกล่าวเช่นกัน
แหล่งข่าววิเคราะห์ว่า การปรากฏข่าวของ พล.อ.ชวลิตกรณีคอคอดกระ ตรงกับวันที่ 19 พฤษภาคม ซึ่งเป็นวันเดียวกับ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ต้องขึ้นศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง และท่ามกลางกระแสข่าวจากพรรคเพื่อไทยว่า พล.อ.ชวลิตเป็นหนึ่งในตัวเลือกที่ถูกวางตัวให้เป็นนอมินีของ พ.ต.ท.ทักษิณ หลัง น.ส.ยิ่งลักษณ์ถูกตัดสิทธิ์การเมือง 5 ปี จึงน่าจับตาบทบาทของ พล.อ.ชวลิตเป็นอย่างยิ่ง
ด้านนายไพศาล พืชมงคล ที่ปรึกษา พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะอุปนายกและเลขาธิการสมาคมวัฒนธรรมและเศรษฐกิจไทย-จีน เปิดเผยว่า ตามรายงานข่าวทั้งในประเทศจีนและในประเทศไทย ขณะนี้ว่ามีการลงนามให้มีการศึกษาโครงการคลองกระที่กว่างโจว เมื่อวันที่ 15 พฤษภาคม 2558 และเกิดการสอบถามเรื่องนี้กันอย่างกว้างขวางนั้น ได้ตรวจสอบแล้ว ไม่ใช่เป็นเรื่องของรัฐบาลไทย-จีน เพราะรัฐบาลไทย-จีนยังไม่ได้มีการหารือในเรื่องนี้กันแต่ประการใดเลย
"จากการตรวจสอบทั้งฝ่ายจีนและฝ่ายไทย พบว่าผู้ลงนามฝ่ายไทยคืออดีตนักการเมืองอาวุโสคนดังคนหนึ่ง ซึ่งไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับรัฐบาลกับฝ่ายจีนซึ่งเป็นนักธุรกิจจีนคนหนึ่ง และไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับรัฐบาลจีน มีการลงนามกันที่กรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 10 พฤษภาคม 2558 และนำข่าวไปเผยแพร่ที่กว่างโจวว่ามีการลงนามในวันที่ 15 พฤษภาคม 2558 หลังจากนั้นก็กระจายข่าวออกไป ทำให้เกิดการสอบถามกัน จึงเป็นที่น่าสงสัยว่าผู้ลงนามฝ่ายไทยก็ไม่ได้มีอำนาจในการอนุมัติหรืออนุญาตให้ศึกษา เรื่องโครงการคลองกระ ในขณะที่ผู้ลงนามฝ่ายจีนก็เป็นเอกชนที่ไม่ปรากฏฐานะชัดเจนว่าเป็นใคร เพียงแต่อ้างว่ามีเส้นสายในปักกิ่ง ซึ่งอ้างกันมากมายในขณะนี้ จึงเป็นเรื่องที่รัฐบาลจีนและรัฐบาลไทยจะต้องจับตามอง"
นายไพศาลระบุต่อว่า เพราะเรื่องคลองกระเป็นเรื่องผลประโยชน์แห่งชาติที่สำคัญมาก เป็นเรื่องยุทธศาสตร์สำคัญทั้งทางเศรษฐกิจและความมั่นคง มีผลต่อสันติภาพและความรุ่งเรืองเป็นอย่างมาก ซึ่งถ้าทำให้ถูกต้อง ทำให้ดี ก็จะบังเกิดประโยชน์ต่อประเทศชาติและภูมิภาคนี้อย่างใหญ่หลวง ซึ่งต้องระวังไม่ให้ผู้ไม่หวังดีนำไปหาประโยชน์ส่วนบุคคล ซึ่งจะทำให้เกิดความเสียหายแก่ประเทศชาติ
"ขณะนี้มีขบวนการนายหน้าเกิดขึ้นเป็นจำนวนมาก ทำธุรกิจบังหน้าหาประโยชน์ เช่น อ้างว่านำคณะนักลงทุนจีนมาลงทุนในประเทศไทย โดยเก็บเงินนักธุรกิจจีนเหล่านั้นในอัตราที่สูง แล้วอ้างว่าสามารถนำไปพบปะกับผู้นำในรัฐบาลหรือบุคคลสำคัญได้ แท้จริงแล้วเป็นเรื่องมาท่องเที่ยว กินข้าว ถ่ายรูป แล้วเอาไปลงหนังสือพิมพ์ หรือเอาไปอวดอ้างกัน ซึ่งมีลักษณะกลายพันธุ์ มาจากทัวร์ศูนย์เหรียญนั่นเอง จนเกิดความรำคาญแก่วงงานในรัฐบาล จึงได้มีการป้องกันความวุ่นวายนี้ด้วยมาตรการบางอย่าง ทำให้ขบวนการนายหน้าหน้าแตกไปหลายรายแล้ว"
ที่ปรึกษารองนายกฯ ระบุด้วยว่า ดังนั้นแม้ความจริงรัฐบาลจีนและนักธุรกิจจีนสนใจมาลงทุนในประเทศไทยซึ่งเป็นเรื่องที่ดี ก็ต้องไม่เห่อเหิมจนกลายเป็นช่องว่างให้พวกทุจริตหาประโยชน์ได้ ทั้งนี้ สมาคมวัฒนธรรมและเศรษฐกิจไทย-จีน ยินดีที่จะให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ และยินดีที่จะให้ความร่วมมือ พร้อมทั้งส่งเสริมสนับสนุนให้นักธุรกิจไทย-จีนได้ร่วมมือทางเศรษฐกิจ การค้า การลงทุน และการท่องเที่ยวอย่างเต็มที่ด้วย
ขณะที่ นายปณิธาน วัฒนายากร ที่ปรึกษารองนายกรัฐมนตรีด้านความมั่นคง กล่าวว่า ตามหลักการการลงนามความร่วมมือต่างๆ ในนามรัฐบาลจะต้องผ่านความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรี (ครม.) ทุกฉบับเสียก่อน โดยจะมอบหมายให้ใครเป็นผู้ลงนาม และกระทรวงการต่างประเทศเองจะต้องรับรู้ เพราะรับผิดชอบเรื่องนี้ ซึ่งเรื่องใหญ่ระดับนี้เป็นไปยากที่ผ่านความเห็นชอบจาก ครม.โดยที่สื่อจะไม่รู้
นายปณิธานกล่าวต่อว่า อย่างไรก็ตาม เรื่องการศึกษาคลองกระ รัฐบาลในอดีตที่ผ่านๆ มามักมีความสนใจที่จะศึกษา ก็จะมีการตั้งคณะกรรมการขึ้นมาศึกษา โดยไม่มีวาระ แต่โดยปกติเมื่อเปลี่ยนรัฐบาลกรรมการที่ถูกแต่งตั้งเข้าไปก็จะลาออกไปเอง เมื่อมีรัฐบาลใหม่ก็จะมีการแต่งตั้งกรรมการขึ้นมา ไม่แน่ใจว่าพล.อ.ชวลิตเป็นกรรมการต่างๆ ที่มีการตั้งขึ้นมาหรือไม่ หรืออีกกรณีคือในรูปแบบของมูลนิธิอะไรหรือไม่ ที่สำคัญต้องดูก่อนว่าข่าวดังกล่าวเป็นการลงนามเกี่ยวกับเรื่องนี้จริงหรือไม่.

ไม่มีความคิดเห็น: