PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันพุธที่ 20 พฤษภาคม พ.ศ. 2558

ผบ.ทบ.บอกประเทศไหนเห็นใจก็ควรรับ"โรฮีนจา"ไปดูแล

"บิ๊กโด่ง"ผบทบ.พูดตรง ประเทศไหนเห็นใจ"โรฮีนจา"จริงก็น่าจะรับไปดูแล -ร่วมมือกันช่วยแก้ปัญหา ยัน ไทยไม่เคยขับไล่หรือละเมิดสิทธิมนุษยชน โรฮีนจา ตามที่ถูกบางประเทศจับจ้อง ยันยังไม่ถึงขั้นต้องจัดพื้นที่ดูแลเพิ่มเติม ตม. ยังรองรับได้ ยันหากมีทหารเข้าไปเกี่ยวข้องขบวนการค้ามนุษย์ จะถูกลงโทษขั้นเด็ดขาด ไฟเขียวตำรวจ จับได้เลย
พลเอก อุดมเดช สีตบุตร รมช.กลาโหมและผู้บัญชาการทหารบก กล่าวถึงความคืบหน้าการแก้ปัญหาโรฮีนจา ว่า จากการประเมินจนขณะนี้ยังไม่ถึงขั้นต้องจัดพื้นที่ดูแลชาวโรฮิงญาเพิ่มเติม เพราะพื้นที่ของตำรวจตรวจคนเข้าเมือง(ตม.) ยังสามารถรองรับได้

ผบทบ.เน้นย้ำว่า การดูแลชาวโรฮีนจา ไม่เหมือนผู้หนีภัยจากการสู้รบ ซึ่งไทยเรามีศูนย์พักพิงฯตามแนวชายแดน9 แห่งอยู่แล้ว เพราะคนละกรณีกันเนื่องจากชาวโรฮีนจส เข้าเมืองโดยไม่ถูกต้อง จึงต้องดำเนินการตามกฎหมาย

"ที่ผ่านมาไทยไม่เคยขับไล่ชาวโรฮีนจา และ ไม่มีการละเมิดสิทธิมนุษยชนใดๆ ตามที่ถูกบางประเทศจับจ้อง แต่แก้ปัญหาชาวโรฮีนจา ตามขั้นตอนและไทยเป็นเพียงประเทศกลางทาง ซึ่งไม่ใช่ประเทศปลายทางที่ชาวโรฮีนจาต้องการจะเดินทางเข้ามา
"หากประเทศใดที่มีความพร้อมและเห็นใจชาวโรฮิงญาจริงก็น่าจะรับไปดูแล เพื่อร่วมมือกันช่วยแก้ปัญหาชาวโรฮีนจา"

พลเอก อุดมเดช กล่าวว่า การจัดประชุม15 ชาติ ในวันที่29พฤษภาคมนี้ ที่ประเทศไทยน่าจะมีแนวทางแก้ปัญหาชาวโรฮีนจา ที่ชัดเจนขึ้น

พลเอกอุดมเดช ยืนยันว่า หากมีกำลังพลของกองทัพบกเข้าไปเกี่ยวข้องกับขบวนการค้ามนุษย์โรฮีนจา จะถูกลงโทษขั้นเด็ดขาดโดยได้ประสานกับทางตำรวจไว้แล้วให้เข้าจับกุมได้ทันทีตามขั้นตอนทางกฎหมาย

“ผบ.ทบ.” สะกิด องค์กรต่างชาติและประเทศต่างๆ ที่กดดันให้ไทยรับดูแล "โรฮีนจา" ควร จะเอาไปดูแลบ้างก็ยินดี ยันไทยไม่ได้ผลักไสชาวโรฮีนจาออกกลางทะเล ระบุเราเป็นแค่ทางผ่าน ผู้อพยพต้องการไปประเทศที่ 3 บอกพร้อมดูแลตามหลักมนุษยธรรม หากจะเข้ามาต้องดำเนินการไปตามกฎหมายที่มีอยู่ คุย ผบ.ตร. แล้วว่าไม่ต้องเกรงใจใดๆ ทั้งสิ้น หากพบทหารเกี่ยวข้องกับการทำผิดกฎหมาย

พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รมช.กลาโหม และ ผบ.ทบ. กล่าวถึงความคืบหน้าในการช่วยเหลือชาวโรฮีนจา หากมีการเปิดสถานที่พักพิงชั่วคราวว่า สถานที่พักพิงชั่วคราวจะต่างจากศูนย์พักพิงที่เรามีอยู่ 9 ศูนย์ซึ่งตอนนี้ก็เป็นภาระ เพราะเมื่อก่อนนี้ศูนย์พักพิงดังกล่าวอยู่ตามแนวชายแดนไทย-พม่า โดยประชาชนที่มาอาศัยจะหลบหนีภัยการสู้รบ เพราะในพม่าก็มีชนกลุ่มน้อยที่มีความขัดแย้ง และหาทางยุติไม่ได้ จึงทำมีผู้หลบหนีเข้าที่ไทยหลายแสนคน แต่ตอนนี้ก็ลดระดับลงจากการที่เราได้ดำเนินการร่วมกัน อีกทั้งทางพม่าก็จะรับประชาชนของเขากลับไป นั่นเป็นเรื่องของผู้หนีภัยการสู้รบ

สำหรับกรณีชาวโรฮีนจาเป็นคนละกรณีกัน เพราะเป็นการหลบหนีเข้าเมืองที่ไม่ถูกต้อง และสถานที่ต่างๆ เป็นสถานที่ควบคุมคนหลบหนีเข้าเมือง ซึ่งเป็นของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ส่วนเด็กและสตรี จะเป็นการดูแลของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) เป็นผู้รับผิดชอบ โดยทั้งหมดดำเนินการตามกฎหมายที่เรามีอยู่ แต่ในส่วนของทางทหารเราไม่มีหน้าที่ตามกฎหมายในการควบคุมตัว แต่เราจะดูแลด้านความมั่นคง และถ้าเราพบเห็นคนหลบหนีเข้าเมืองก็จะควบคุมตัว ส่งเจ้าหน้าที่ตำรวจในการดำเนินการตามกฎหมาย

ในขณะเดียวกันถ้ามีคนหลบหนีเข้ามามาก และสถานที่ควบคุมไม่เพียงพอ ทาง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กับ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหมก็ให้นโยบายในการจัดเตรียมพื้นที่เอาไว้ โดยให้เจ้าหน้าที่สามารถควบคุมดูแลได้โดยตรง อย่างไรก็ตามตอนนี้ทราบว่าเจ้าหน้าที่ยังสามารถดูแลได้อยู่

พล.อ.อุดมเดชกล่าวว่า สำหรับมาตรการปฏิบัติต่อชาวโรฮีนจานั้น ตนขอเน้นย้ำว่า พล.อ.ประวิตร พร้อมด้วย พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) และ พล.ร.อ.ไกรสร จันทร์สุวานิชย์ ผู้บัญชาการทหารเรือ (ผบ.ทร.) ก็ได้ลงพื้นที่ จ.ภูเก็ต โดยได้ชี้แจงแนวทางปฏิบัติงานด้วย ทั้งหมดจะร่วมกันดำเนินการตามหลักสิทธิมนุษยชน และขอย้ำว่าไม่มีการผลักดันหรือผลักไสไล่ส่งใดๆ ทั้งสิ้น เพราะเราเป็นประเทศกลางทางที่ไม่ใช่จุดหมายปลายทางของชาวโรฮีนจา หากแต่พวกเขาต้องการไปยังประเทศที่ 3 แต่เมื่อมีคนเคลื่อนย้ายมาทางทะเลนั้น ทางเจ้าหน้าที่เราก็มีการตรวจสอบและเข้าไปดูแลว่ามีปัญหาอะไร มีอาการเจ็บป่วยหรือไม่ ถ้าพบว่าเจ็บป่วยก็จะนำเข้ามารักษาพยาบาล ถ้าหายจากการเจ็บป่วยแล้วและต้องการเดินทางไปประเทศที่ 3 ทางเราก็ไม่สามารถขัดวัตถุประสงค์พวกเขาได้ แต่ถ้าพวกเขาไม่ต้องการเดินทางต่อไปประเทศที่ 3 เราก็จะนำตัวเข้ามาสู่ระบบการควบคุมตัว ในลักษณะคนหลบหนีเข้าเมืองที่ผิดกฎหมาย โดยการปฏิบัติดังกล่าวเป็นไปตามกฎหมายที่ไม่ละเมิดสิทธิมนุษยชน

“ผมขอเรียนว่าประเทศเรายังถูกจับตามองจากองค์กรต่างๆ บางประเทศ ที่อาจไม่เข้าใจ ผมก็ขอชี้แจงให้เข้าใจตามนี้ และถ้าเป็นไปได้ประเทศที่พยายามดูแลด้านสิทธิมนุษยชนของบุคคลเหล่านี้ ถ้าหากช่วยประเทศไทยได้บ้างก็ดี ก็ขอให้เห็นใจประเทศเราบ้าง เพราะเราแบกรับภาระเยอะมาก ดังนั้นถ้าองค์กรต่างๆ เห็นว่าเราควรจะทำอย่างไรให้ถูกต้องตามหลักสิทธิมนุษยชน หากท่านเห็นใจคนหลบหนีเข้าเมืองมา และถ้าประเทศท่านมีความพร้อม ท่านก็สามารถรับไปดูแลได้” ผบทบ.กล่าว

ผู้สื่อข่าวถามว่า การเปิดศูนย์พักพิงชั่วคราวเป็นปัญหาที่สหประชาชาติผลักดันมาให้ไทยรับผิดชอบ จะเป็นไปได้หรือไม่ที่เราจะผลักดันให้องค์กรเหล่านี้รับผิดชอบเอง พล.อ.อุดมเดชกล่าวว่า ตนทราบว่าได้มีการประชุมของกระทรวงการต่างประเทศของไทย ไปประชุมกันที่ประเทศมาเลเซีย ในกรอบนี้ด้วยว่าจะมีการแก้ไขปัญหากันอย่างไร และในวันที่ 29 พฤษภาคม ก็จะมีการจัดประชุมกับประเทศต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง โดยข้อมูลที่ผู้สื่อข่าวสอบถามก็จะหารือให้ชัดเจน และก็จะเสนอกลับไปยังองค์กรเหล่านั้น

อย่างไรก็ตาม ขอชี้แจงเพิ่มเติมว่าการดำเนินการของเจ้าหน้าที่ทั้งทหาร หรือเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ดำเนินการอย่างเต็มความสามารถเพื่อให้เห็นว่าเราจริงจังต่อการแก้ไขปัญหาดังกล่าว ประกอบกับก็มีการออกคำสั่งต่างๆ ใครก็ตามที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการค้ามนุษย์ ตนจะลงโทษอย่างเด็ดขาด เพราะได้พูดคุยกับ พล.ต.อ.สมยศ แล้วว่าไม่ต้องเกรงใจใดๆ ทั้งสิ้น หากพบว่ากำลังพลของทหารเกี่ยวข้องกับการทำผิดกฎหมาย และมีส่วนเกี่ยวข้องกับค้ามนุษย์ก็สามารถดำเนินการเต็มที่ เพราะคนดีต้องถูกเชิดชูให้รางวัล ส่วนคนไม่ดีจะต้องไม่ให้มีบทบาท และต้องไม่ให้อยู่ในกองทัพต่อไป ดังนั้นถ้าตำรวจมีพยานหลักฐาน ก็ขอให้ดำเนินการได้อย่างเต็มที่


ไม่มีความคิดเห็น: