PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันศุกร์ที่ 22 พฤษภาคม พ.ศ. 2558

"พล.ต.สรรเสริญ" ซัด "พ.ต.ท.ทักษิณ" เอาแต่ผลประโยชน์เป็นที่ตั้ง โดยไม่นึกถึงความเสียกหายบ้านเมือง !!

"พล.ต.สรรเสริญ" ซัด "พ.ต.ท.ทักษิณ" เอาแต่ผลประโยชน์เป็นที่ตั้ง โดยไม่นึกถึงความเสียกหายบ้านเมือง !! - ตอก..."อดีตนายกฯ" สร้างความแตกแยกให้สังคม !! - ชี้ คสช. พูดจริงทำจริง !!
>>>>> อยู่ดีไม่ว่าดีบักแม้ว มีลมหายใจไปวันๆ รอเข้าโลงก็พอแล้ว นี่ถ้าเองเป็นคนธรรมดาซักหน่อย เค้าคงไม่ปล่อยให้นานขนาดนี้หรอก
วันนี้ (22 พ.ค.) พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนในทำนองเป็นความพยายามจากหลายฝ่าย จากการยึดอำนาจของกลุ่ม พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ว่า เป็นการพูดเรื่องเก่าๆ อ้างเหตุผลเลื่อนลอยตามความเชื่อของตัวเอง และเอาผลประโยชน์ของตนเองและเครือข่ายเป็นที่ตั้ง โดยไม่ได้ใส่ใจกับความเสียหายของบ้านเมือง ที่ทำให้ในช่วงเวลาที่ผ่านมา พ.ต.ท.ทักษิณ และเครือญาติ ขึ้นมามีอำนาจทางการเมือง
"ทุกเรื่องที่อดีตนายกฯ พูด มองตนเองเป็นเสมือนศูนย์กลางของจักรวาล เห็นคนอื่นเป็นฝ่ายตรงข้าม โดยไม่สนใจข้อเท็จจริงว่า ตลอดช่วงเวลาที่ท่านอยู่ในตำแหน่ง มีการทุจริตคอร์รัปชั่นมากเพียงใด มีการใช้อำนาจรัฐในทางมิชอบมากเพียงใด และสร้างให้เกิดความแตกแยกในสังคมอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นบนแผ่นดินไทยเพียงใด ซึ่งการกล่าวให้ร้ายบุคคลอื่น และประเทศชาติ เป็นสิ่งที่อดีตนายกฯ ต้องรับผิดชอบ และไม่ควรอาศัยโอกาสที่อยู่ต่างประเทศพูดโดยไร้ความรับผิดชอบเช่นนี้" รองโฆษกฯ กล่าว
พล.ต.สรรเสริญ กล่าวต่อว่า ประชาชนคนไทยทุกคนเข้าใจดีว่า ทำไมทหารต้องออกมารับผิดชอบบ้านเมืองในขณะนั้น ซึ่งเป็นสถานการณ์ที่ ผบ.ทบ.ในขณะนั้น ต้องตัดสินใจ และไม่มีใครสามารถมาชี้นำหรือกำหนดการปฏิบัติให้ท่านได้ เพราะท่านเป็นผู้รับผิดชอบสูงสุดต่อผลของทุกสิ่งที่ได้ตัดสินใจลงไป
"ความสงบสุขที่เกิดขึ้นในประเทศตลอดระยะเวลา 1 ปีที่ผ่านมา เป็นเครื่องพิสูจน์การกระทำของ คสช.และรัฐบาล เพราะเราเชื่อว่า ประชาชนจะเข้าใจว่าใครจะสมควรได้รับการยอมรับ โดยดูที่การกระทำเป็นหลัก มิใช่พิจารณาจากวาทกรรม ซึ่งอาจปั้นแต่งให้สวยหรูแต่อาจจะตรงข้ามกับการกระทำโดยสิ้นเชิง" พล.ต.สรรเสริญ กล่าว


ไม่มีความคิดเห็น: