PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันพุธที่ 29 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

อินไซด์ห้องประชุมเพื่อไทย ไขรหัส "คุณหญิงหน่อย" ขึ้นเบอร์ 1

29ก.ค.2558
รายงาน
ชื่อคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ อดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย เจ้าแม่ ส.ส. "ก๊ก กทม." ถูกโยนขึ้นใน "วงลับ" และ "วงสว่าง" พร้อมๆ กันอย่างเป็นกระบวนการ ทั้งในวงลึก-ที่เกิดเหตุ "เขาใหญ่" ในเครือข่ายคอนเน็กชั่นผู้มีบารมีในรัฐบาล คสช. และวงเล็ก-ที่ห้องประชุมพรรคเพื่อไทย ทุกวันพุธ บนตึกโอเอไอถนนเพชรบุรี 

แม้ว่า "คุณหญิงหน่อย" จะออกตัวปฏิเสธอย่างนิ่มๆ ถึงวาระแห่งชาติ-หลังโรดแมปขั้นที่ 3 ถูกตั้งเป็น "วาระเพื่อพิจารณา" ที่เขาใหญ่อันมีองค์ประชุม ประกอบด้วย พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก ผู้ที่เคยเป็นแกนนำพรรคเพื่อแผ่นดิน และเป็นบุคคลที่พรรคพลังประชาชนเคยสนับสนุนเสนอชื่อเข้าชิงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี หลังจากนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ ถูกตัดสิทธิ์ทางการเมือง เพราะเหตุแห่งการ "ยุบพรรค" 

วาระในวงลับระหว่างฝ่าย "คุณหญิงหน่อย" กับ พล.ต.อ.ประชา กับฝ่ายผู้มีบารมีใน คสช.ที่ถูกอ้างถึง คือบันไดไปสู่การปรองดอง 2 ขั้ว ระหว่างฝ่าย "ชินวัตร" กับฝ่ายรัฐบาล "คสช." โดยมีคดีถอดถอนอดีต ส.ส. 248 ในเป็นเครื่องมือในการต่อรอง 


วาระดังกล่าวนี้มีข้อบันทึกแนบท้ายอย่างไม่เป็นทางการด้วยว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร "เห็นชอบ" โดยมอบหมายให้ "คุณหญิงหน่อย" ชูธงเพื่อไทยไปเจรจา ด้วยความเชื่อมั่นว่า "ผู้มีบารมีแห่งบ้านเกษะโกมล คนสำคัญใน คสช." จะช่วยร่วมเจรจากับผู้มีอำนาจอีกแรง 

ขณะที่ขั้วของฝ่าย "เจ๊แดง-เยาวภา วงศ์สวัสดิ์" ต่อสายถึงเครือข่าย แกนนำในพรรค มีท่วงทำนองว่า "มีคนมาอาสา ขอเป็นคนเจรจา" ซึ่งฝ่าย "ชินวัตร" อนุมัติเฉพาะเรื่องเจรจา "ช่วยชีวิตอดีต ส.ส.เพื่อไทย 248 คน ให้พ้นจากวาระถอดถอน" แต่ไม่เห็นชอบให้ถือธง "เบอร์ 1" ของฝ่ายเพื่อไทย

ท่ามกลางแสงสปอตไลต์ ในงานมงคลของ ดร.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ที่ฉายส่อง "คุณหญิงหน่อย" ตามคำที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พาดพิงถึง

แต่เป็นคำพาดพิงที่มีหางเสียงสะบัด และรักษาระยะห่างเป็นอย่างยิ่ง ระหว่างนักการเมืองบ้านเลขที่ 111 และ 109 ที่ปรากฏตัวในงานมงคล อาทิ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน, พินิจ จารุสมบัติ, สุวัจน์ ลิปตพัลลภ และสุรเกียรติ์ เสถียรไทย ฯลฯ 

"...ไม่รู้จะทะเลาะเอาอะไรกันนักหนา วันนี้ทุกอย่างต้องเดินหน้าไปให้ได้เพื่อพวกเราทุกคน เราทะเลาะกันไม่ได้อีกต่อไปแล้ว มันต้องมีกติกาที่ทำให้บ้านเมืองเดินไปข้างหน้า แสดงความยินดีโดยเฉพาะคุณสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ก็เป็นที่ปรึกษาเศรษฐกิจให้กับผมและคณะรัฐมนตรีโดยตรงอยู่แล้ว ช่วงที่ผ่านมาก็ทำหลายๆ อย่างช่วยให้ผมสามารถทำงานได้ ก็ร่วมมือกันโดยตลอด เพียงแต่ทุกคนมีหน้าที่เหตุผลที่แตกต่างกันออกไป" 


ถ้อยคำที่พาดพิง "คุณหญิงหน่อย" ทำให้เหล่าเซเลบริตี้ในวงธุรกิจ-การเมือง ฟังแล้วนิ่ง-อึ้ง คือ "เหตุผลทั้งหมดคนไทยเก่งทุกคน คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ก็มาเห็นแวบๆ รู้จักกันมาตั้งแต่ผมเป็นพันตรี วันนี้ทุกคนต้องรักษากติกา เดินหน้าประเทศแบบนี้ แล้วนึกถึงคนรุ่นใหม่ เราต้องเตรียมการทำประเทศให้สำหรับคนรุ่นใหม่เข้ามาสร้างความเจริญเติบโตในวันหน้า เราทำให้ทุกอย่างช้าไปไม่ได้อีกแล้ว ทำอะไรก็ตามวันนี้นึกถึงคนที่ยังไม่ได้เกิดบ้าง ประเทศไทยวันนี้ทะเลาะเฉพาะกับคนที่เกิดอยู่ก็วุ่นกันพอสมควรแล้ว วันหน้าลูกหลานต้องเกิดอีกเท่าไหร่ มีอะไรเหลือที่เป็นอนาคตให้เขาบ้าง ผมคิดอย่างนั้น"

คำกล่าวของนายกรัฐมนตรี ยังมีหางเสียง ต่อท้ายโยงฝากไปถึงคนการเมืองที่อยู่ต่างประเทศด้วย "ผมเป็นห่วงอนาคตบ้านเมือง สองคนนี้ไปเรียนเมืองนอก อย่าลืมกลับมานะ ช่วยไปตามคนเก่งๆ กลับมาเยอะๆ ด้วย แต่ไอ้พวกที่หนีไปไม่ต้องเรียกกลับมา" สิ้นเสียงนี้ มีเสียงปรบมือและเสียงเฮดังทั้งงาน 

ต่อด้วยประโยคที่ว่า "วันนี้ต้องมากกว่าเดิม ต้องจับมือกันมากกว่าเดิม ลืมความบาดหมางเสียบ้าง แล้วหาอะไรที่มันทำให้ดีขึ้น ก็คือกฎหมาย กระบวนการยุติธรรมก็ไปว่ามา ผมไม่สามารถไปยุ่งเกี่ยวได้ ขออนุญาตบอกทางคุณหญิงหน่อยไปด้วย" 

ถ้อยคำเหล่านี้จึงอาจเป็นที่มา และเป็นบันได ให้ชื่อ "คุณหญิงหน่อย" ไต่ขึ้นสูงถึง "เบอร์ 1 เพื่อไทย" 

เมื่อหันไปฟังเสียงแหล่งข่าวจากวงประชุมพรรคเพื่อไทย ก็มีเสียงก้องออกมาว่า "เรื่องการให้คุณหญิงสุดารัตน์ขึ้นมาเป็นหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ยังไม่ได้มีการพูดคุยกันภายในพรรค เพราะยังไม่ถึงเวลาการพิจารณา แต่คุณหญิงสุดารัตน์ถือเป็นบุคคลสำคัญของพรรค ทำงานให้กับพรรคตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน" 

ส่วนเรื่อง "รัฐบาลแห่งชาติ" ที่เป็นทั้งข่าวลับ-ข่าวรั่ว ก่อนหน้านี้นั้น แกนนำเพื่อไทยกรองให้ฟังว่า "มีสัญญาณจาก คสช.ที่พยายามให้จัดตั้งรัฐบาลแห่งชาติเพียงครั้งเดียว แต่ถูกปฏิเสธจากแกนนำพรรค โดยเฉพาะนายภูมิธรรม เวชยชัย เลขาธิการพรรค นายสามารถ แก้วมีชัย ไม่เห็นด้วย"

แกนนำพรรคเพื่อไทย ที่อยู่วงใน-อินไซด์วง "ชินวัตร" วิเคราะห์ด้วยว่า "การที่ คสช.พยายามเสนอทางออกทางการเมืองโดยให้มีรัฐบาลแห่งชาติ เป็นเพราะ คสช.ไม่สามารถบริหารประเทศต่อได้ เพราะระบบการเมืองไม่เอื้อให้อยู่ยาว เนื่องจากเป็นรัฐบาลทหาร จึงเห็นความพยายามปล่อยข่าวเรื่องรัฐบาลแห่งชาติมากขึ้นในช่วงนี้ ผ่านสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นคนของรัฐบาล และเครือข่าย น.พ.ประเวศ วะสี ราษฎรอาวุโส" 

ข่าวปรับคณะรัฐมนตรี ยังคลุกอยู่ในฝุ่นควันการเมืองที่แหลมคม ท่ามกลางการเคลื่อนไหวขึ้นเป็น "หัว" ของพรรคเพื่อไทย และเกมวัดใจระหว่าง "พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร" กับผู้มีบารมีใน คสช.

ที่มา : ประชาติธุรกิจ
http://www.prachachat.net/news_detail.php?newsid=1438169438

ไม่มีความคิดเห็น: